แค้นรักสามีตัวร้าย - บทที่ 1237 คุณฝันไปเถอะ
“มีข่าวแล้วหรือคะ”
นรมนซาบซึ้งใจ
เรื่องนี้รบกวนจิตใจคุณท่านตนุวรมาทั้งชีวิต ถ้าหากตอนนี้ยังหาตัวผู้ร้ายไม่ได้ เขาคงไม่รู้ว่าจะมีหน้าไปพบเมียได้อย่างไร
ป้องพยักหน้า “ครับ มีข่าวแล้ว ได้ยินว่าเป็นคนพเนจร แต่คนพเนจรจะเป็นผู้ก่อการร้ายหรือไม่ ยังต้องยืนยันอีกที”
นรมนขมวดคิ้วแน่น
คนพเนจรหรือ
คนพเนจรไม่มีความแค้นกับคุณท่านตนุวร จะเข้ามาเกี่ยวข้องได้อย่างไร กลัวว่าจะเป็นวิธีการอำพราง แต่ในเมื่อมีเบาะแสแล้ว ความจริงที่พวกเขาต้องการอยู่ไม่ไกลแล้วหรือเปล่า
นรมนไม่อาจปิดบังความซาบซึ้งได้
ป้องก็ดีใจเช่นกัน
ในตอนนั้นเรื่องนี้สั่นสะเทือนมาก อีกทั้งคุณท่านตนุวรเป็นคนที่เขาเคารพมากที่สุด ย่อมหวังว่าเขาจะช่วยอะไรได้บ้าง
หากวีรบุรุษที่ภักดีต่อชาติไม่ได้รับการปลอบใจจากครอบครัว นั่นทำให้ใจของคนตั้งเท่าไหร่รู้สึกหนาวเหน็บ
“เรื่องนี้ผมจะเร่งสืบ วางใจเถอะ หวังว่าพี่สะใภ้รองจะช่วยดูแลพี่รองมากๆ”
“แน่นอนค่ะ เขาเป็นสามีของฉัน”
นรมนยิ้มบางๆ ออกมา
ป้องถึงรู้สึกว่าตัวเองเคยอคติกับนรมน
เขามองเรื่องราวจากมุมของบุริศร์ ตอนนี้ย้อนคิดกลับไป นรมนต้องเสียอะไรบ้างเพื่อบุริศร์
เกรงว่าจะเสียสละมากกว่าบุริศร์เสียอีก
“พี่สะใภ้รอง ขอโทษครับ”
ป้องขอโทษจากใจจริง แต่ทำให้นรมนไม่เข้าใจ
“ทำไมจู่ๆ ก็ขอโทษล่ะคะ”
ป้องแค่ยิ้ม แต่รอยยิ้มนั้นปล่อยวางและเข้าใจ
“ไม่มีอะไรครับ คิดว่าสมองผมเพี้ยนๆ ไปละกัน”
พูดจบป้องก็เดินเข้าไปในห้องพักของวินเซนต์
นรมนไม่เข้าใจความหมายในคำพูดของป้อง แต่ก็รับรู้ได้ถึงเจตนาดีของป้อง ก็อดยิ้มออกมาไม่ได้ จากนั้นก็กลับไปที่สหภาพQT
นรมนออกไปแล้วบุริศร์ก็สงบจิตใจพักหนึ่ง ตอนที่ออกมาอีกครั้งก็ไม่เห็นนรมน เขารู้สึกกังวลทันที
เมื่อครู่เขาทำอะไรไม่ดีหรือเปล่า ทำให้นรมนโกรธหรือเปล่า
เธอไปไหนกัน
ไปจากเขาแล้วหรือเปล่า
บุริศร์รีบเดินตามหา
“เห็นพี่สะใภ้พวกนายมั้ย”
บุริศร์ดวงตาแดงก่ำ ความรุนแรงที่แผ่จากตัวทำให้รู้สึกหนาว
“พี่สะใภ้น่าจะไปโรงพยาบาลเยี่ยมพี่วินเซนต์ครับ”
ลูกน้องคนหนึ่งพูดตัวสั่น
บุริศร์ขมวดคิ้วแน่น กำลังจะออกไป ก็เห็นนรมนลงมาจากรถเดินเข้ามาแล้ว
“คุณไปไหนมาครับ”
บุริศร์รีบเข้าไปหา ดวงตาแดงมีความน้อยใจ ทำให้นรมนอึ้งไป
“คุณเป็นอะไรไปคะ”
“ต่อไปอย่าทิ้งผมไว้แอบออกไปคนเดียวนะ”
บุริศร์ขมวดคิ้วพลางพูด กอดนรมนแน่น ไม่สนใจมีหลายคนยืนข้างๆ มองดูอยู่ เขารู้สึกแค่วินาทีที่กอดนรมน อารมณ์หงุดหงิดรุนแรงทั้งตัวก็สงบลงในพริบตา ความรู้สึกไม่สงบร้อนใจก็ค่อยๆ หายไป
นรมนตบหลังบุริศร์เบาๆ
นับแต่ได้รับพิษทองคำดูเหมือนเขาจะรู้สึกไม่มั่นคงปลอดภัยมากเป็นพิเศษ โกรธหงุดหงิดง่าย เธอไม่รู้ว่าแบบนี้ดีหรือไม่ รู้แต่ว่า บุริศร์ตัวติดกับเธอมากขึ้นทุกที
“ฉันแค่ไปดูวินเซนต์ที่โรงพยาบาล ตอนนี้ก็กลับมาแล้วไม่ใช่หรือคะ”
“อึม”
บุริศร์รับคำเบาๆ และดมกลิ่นหอมของเธอ กระซิบ “ผมหิวแล้ว คุณไม่อยู่ใครจะเป็นเพื่อนผมกินข้าวล่ะ”
นรมนอยากจะหัวเราะ
ข้ออ้างนี้ไม่เข้าท่าเลย
“ค่ะ ฉันก็หิวแล้ว คุณไปกินข้าวกับฉันเถอะ”
“เยี่ยมเลย”
บุริศร์พูดเหมือนฝืนนิดๆ แต่ยิ้มที่มุมปาก
เขาเหลือบมองนรมน เห็นเธอยิ้มแย้ม เหมือนไม่ได้โกรธอะไร ก็ถามขึ้น “ทำไมไปนานจังครับ”
“ฉันนึกว่าคุณต้องใช้เวลาสงบสติอารมณ์นานค่ะ”
นรมนเลิกคิ้ว
บุริศร์รีบพูดขึ้น “ผมไม่ได้ตั้งใจจะไม่สนใจคุณ ผมแค่จู่ๆ ก็…”
“ฉันเข้าใจค่ะ ไม่ว่าพิรุณเป็นใคร บุณพจน์บางทีอาจเป็นคนที่คุณไม่อยากเกี่ยวข้องมากที่สุด แต่ตอนนี้คนนี้ไม่ใช่แค่ทำร้ายพี่น้องของคุณ แต่ถึงกับยังอาจจะทำร้ายคุณด้วย คุณจะไม่เผชิญหน้าได้อย่างไร”
นรมนรู้ดีที่จริงแล้วในใจบุริศร์ไม่อยากเกี่ยวข้องกับคนที่มีสายเลือดเดียวกับเขา ในเมื่อคนพวกนี้ไม่เคยสร้างความทรงจำที่ดีให้เขา ถึงกับต้องการอะไรบางอย่างจากเขา ตอนที่เขาได้ยินว่าบุณพจน์อาจเป็นลูกชายของพิรุณจึงมีปฏิกิริยามากขนาดนั้น
บุริศร์ขมวดคิ้ว สายตาเย็นชา
“คนที่เกี่ยวข้องทางสายเลือดพวกนั้นไม่เคยคิดดีกับผม ทำไมผมต้องดีกับเขาด้วย ถ้าหากบุณพจน์เป็นลูกชายของพิรุณจริง อยากได้อะไรจากผม ผมจะไม่มีทางอดทน ผมให้คนไปสืบเรื่องวินเซนต์แล้ว อีกไม่นานคงจะได้ข่าว คุณหิวแล้วไม่ใช่หรือ เรากินข้าวกันเถอะ”
น้ำเสียงสุดท้ายของบุริศร์สบายใจ
สำหรับเขาแล้ว ขอแค่นรมนกลับมา ขอแค่นรมนอยู่กับเขา คนอื่นเกี่ยวอะไรด้วย
คนที่สมควรตายเขาช่วยไม่ได้ คนที่ติดค้างเขาไม่มีทางปล่อยไป ส่วนเกี่ยวข้องอะไรกันทางสายเลือด ไปถามลุงของเขาสิ!
ตั้งแต่เขาเกิดจนถึงตอนนี้ คนที่เกี่ยวข้องกับเขาทางสายเลือดทำอะไรกับเขา เขาจำได้เหมือนมันเพิ่งเกิดขึ้น
นรมนไม่รู้ตอนนี้ในใจบุริศร์เกิดความเปลี่ยนแปลงมหาศาลแล้ว ตอนที่ได้ยินว่าบุณพจน์อาจจะเป็นลูกชายของพิรุณ เขาหงุดหงิดไม่ใช่เพราะรู้สึกขัดแย้งคนนั้นใช่พี่น้องตัวเองหรือไม่ แต่เป็นเพราะเจตนาสังหารทะลักขึ้นมาจากก้นบึ้งหัวใจจนเขาควบคุมตัวเองไม่ได้ เขากลัวว่าจะทำร้ายนรมนถึงได้หลบเข้าไปในห้อง
สถานการณ์แบบนี้อันตรายมาก
เขารู้ตัวเองดี
ตอนนี้เขารู้สึกไม่สบายใจมาก กลัวว่าวันใดที่เขาไม่รู้สึกตัว ควบคุมความโมโหและเจตนาสังหารไม่ได้ แล้วทำร้ายนรมนโดยไม่ตั้งใจ
แต่เขาก็ไม่อยากปล่อยนรมนไป
นรมนเป็นคนเดียวที่เขาอยากทะนุถอม แม้ให้ต้องสละชีวิตก็จะต้องดูแลเธอให้ดี เพราะเธอเขาจึงกระวนกระวายและไม่สบายใจ
บุริศร์กุมมือนรมนแน่น กระซิบ “ต่อไปอย่าทิ้งผมไปไหนนะ”
เมื่อเผชิญกับความเอาแต่ใจของเขา นรมนรู้สึกได้ถึงความกระสับกระส่ายและกังวลใจ รู้สึกปวดใจอย่างบอกไม่ถูก
“ค่ะ ต่อไปไม่ว่าไปไหน ฉันจะบอกคุณดีมั้ยคะ”
“ครับ”
บุริศร์พยักหน้า
สองคนเดินเข้าไปในห้องอาหาร มีคนทำกับข้าวเรียบร้อยแล้ว นรมนกับบุริศร์นั่งลงกินข้าว ก็ได้ยินบุริศร์พูดขึ้น “จานนี้อร่อย ลองชิมหน่อย”
“จานนี้ก็อร่อย คุณต้องชอบแน่ๆ”
“ดูสิ ของอร่อยของที่นี่ หากินที่อื่นไม่ได้นะ”
บุริศร์พูดพลางตักอาหารใส่จานของนรมน ไม่เท่าไหร่จานของนรมนก็เต็มล้นจนเหมือนภูเขาเล็กๆ
นรมนพูดไม่ออก
นี่เขาบอกว่าหิวหรือ
“ฉันจะกินไม่หมดแล้วค่ะ”
เสียงนรมนแฝงด้วยความระอาใจ
บุริศร์กลับยิ้ม “ไม่เป็นไร คุณกินไม่หมดผมกินเอง”
ใบหน้านรมนรู้สึกร้อนผ่าว
ผู้ชายคนนี้นี่นะ
เธอส่ายหัว ก้มหน้าต่อสู้กับอาหารตรงหน้า
บุริศร์มือเท้าคางข้างหนึ่ง เอียงหน้ามองท่าทางนรมนกินข้าว อดที่จะยิ้มมุมปากไม่ได้
ผู้หญิงของเขาสวยจัง แม้แต่กินข้าวยังสวยมาก
ในใจบุริศร์พูดขึ้น
เวลานี้ ไม่มีใครกล้าเข้าไปรบกวนเวลาที่บุริศร์อยู่กับนรมน
เมื่อครู่ตอนที่นรมนหายไป ทุกคนยังจำความคลุ้มคลั่งและเจตนาสังหารในสายตาบุริศร์ได้ดี ตอนนี้ทุกคนต่างรู้ดี คนที่ควบคุมอารมณ์ที่น่าสะพรึงของบุริศร์มีแต่พี่สะใภ้คนนี้เท่านั้น พวกเขาย่อมเอาอกเอาใจ
นรมนพยายามเต็มที่แต่ก็กินไม่หมด เธอมองจานตัวเองอย่างกลุ้มใจ วินาทีต่อมาก็มีมือเรียวยาวมาหยิบไป
เธอเงยหน้าก็เห็นบุริศร์กินอาหารเหลือของตัวเองเหมือนไม่มีคนอยู่ด้วย ก็รีบจะแย่งจาน
“มันเป็นของเหลือ ทำไมคุณกินอาหารเหลือของฉัน รีบวางเร็ว”
บุริศร์กลับกินหมดอย่างรวดเร็ว ยิ้มออกมา “อร่อยจัง”
รอยยิ้มสดใสนั้นทำให้ดวงตาของนรมนรู้สึกร้อน
คนที่เย่อหยิ่งขนาดนี้ ถ่อมตัวอย่างนี้ต่อหน้าเธอตั้งแต่เมื่อไหร่กัน
“บุริศร์ คุณไม่คิดจะรักษาภาพลักษณ์หน่อยหรือไง”
เสียงนรมนค่อนข้างสะอื้น
บุริศร์พูดอย่างไม่แยแส “ไม่เห็นต้องใส่ใจ เรามีความสุขก็พอ”
พูดจบก็จูงมือนรมน “ไปเดินเล่นย่อยอาหารกัน”
เขาพูดอย่างนี้แล้ว นรมนยังจะพูดอะไรได้อีก
สองคนเดินไปที่สวนหลังบ้าน
ที่นี่ไม่มีดอกไม้อะไร นอกจากภูเขาจำลองกับสระน้ำที่ขุดขึ้นเท่านั้น แม้แต่ปลาก็ไม่มี
นรมนถอนหายใจ “วินเซนต์ใช้ชีวิตอย่างไรกันนะ ดูสิคะสวนดอกไม้ดีๆ ไม่มีดอกไม้ไม่พอ แม้แต่สระน้ำยังใสจนเห็นด้านล่าง เห็นได้ว่าปกติแล้วคนนี้ไม่เคยพักผ่อนหย่อนใจเลย”
“ทรรศยาตายแล้ว แม้แต่ความหวังในชีวิตของเขาก็พรากไปด้วย มีชีวิตเหมือนคนตายซากมาได้ตั้งหลายปี ก็ถือว่าทรมานเขาแล้ว ตอนนี้ยังหวังให้เขาใช้ชีวิตมีความสุขอีกหรือ ที่นี่ก็เหมือนใจของเขา ว่างเปล่าและไร้ชีวิตชีวา”
ในใจนรมนรู้สึกหนักอึ้ง
เธอกุมมือของบุริศร์ “ต่อไปไม่ว่าเกิดอะไรขึ้น คุณห้ามใช้ชีวิตแบบนี้ได้ยินมั้ยคะ”
นี่คือเรื่องที่นรมนกังวล
บุริศร์มองเธอ เห็นความกังวลในสายตาของเธอ ก็พยักหน้า “ตกลง”
ที่จริงในใจของเขาพูดว่า “โลกนี้ถ้าไม่มีคุณ ผมอยู่ไปจะมีความหมายอะไร วินเซนต์มีชีวิตเหมือนศพเดินได้เพื่อความรัก แต่บุริศร์ไม่ติดค้างใคร ถ้าหากวันใดนรมนเกิดเหตุไม่คาดฝัน เขาก็จะไม่อยู่ต่อไปแน่นอน!”
แต่คำพูดนี้ บุริศร์ไม่ได้พูดออกไป และไม่กล้าพูด เพราะกลัวว่านรมนจะร้องไห้ให้เขาเห็น
บางอย่างพูดไปก็ไม่มีประโยชน์ สู้ไม่พูดจะดีกว่า
นรมนรู้สึกว่าบุริศร์ตอบอย่างมีความสุขเหลือเกิน ปรายตามองเขา
“คุณสาบานมาก่อน ถ้าวันใดฉันเป็นอะไรไป คุณต้องมีชีวิตต่อไปอย่างมีความสุข พาชีวิตที่ฉันยังไม่ได้ใช้ไปกับคุณด้วย”
บุริศร์จู่ๆ ก็ตัวโยน หัวเราะร้ายออกมา “คุณฝันไปเถอะ คู่กันบนโลกมนุษย์ยากลำบากขนาดนี้ คุณคิดจะทิ้งให้ผมรับโทษที่นี่คนเดียว หรือ ฮึ คุณใจแข็งได้หรือ!”
บุริศร์พูดพลางยื่นมือให้นรมน