แค้นรักสามีตัวร้าย - บทที่ 1240 ทั้งหมดนี้เพราะนรมน
“ว่าไงคะ”
นรมนเห็นสีหน้าบุริศร์ไม่ค่อยดี ก็กังวลทันที
“ธิดาวีร์อยู่บนเขา”
เสียงบุริศร์ไม่ดังนัก แต่ดังพอที่นรมนจะได้ยินชัด
เธอใจเต้นแรง
“เด็กๆ…”
“ผมจะไปทันที”
บุริศร์มีความคิดจะฆ่าธิดาวีร์เป็นครั้งแรก
เขาอยากจะไว้ชีวิตน้องสาวคนนี้อย่างจริงใจ ในเมื่อโลกใบนี้คนที่มีสายเลือดเดียวกับเขามีไม่มากนัก ต่อให้ธิดาวีร์ทรยศเขาครั้งแล้วครั้งเล่า เขารู้สึกเสมอว่าการไว้ชีวิตเธอก็คือความอดทนต่อญาติทางสายเลือด แต่ตอนนี้ผู้หญิงคนนี้เสียสติไปแล้ว
ถ้าหากเธอกล้าทำเรื่องอะไรกับลูกๆ ที่ไม่อาจให้อภัยละก็ บุริศร์ไม่มีทางให้อภัยตัวเองที่เคยใจอ่อน กระทั่งรู้สึกเกลียดตัวเองด้วยซ้ำ
ในที่สุดเขาก็ใจดีกับธิดาวีร์มากเกินไป
แววตาของบุริศร์ฉายความโมโหและเจตนาสังหาร
นรมนรีบจับมือบุริศร์ “ฉันไปด้วยค่ะ”
“ไม่ได้ ธิดาวีร์บ้าไปแล้ว แม้แต่นาวินยังทำร้ายได้ กระทั่งไม่สนใจความรักที่มีมาหลายปีเกือบฆ่านาวินแล้ว คุณคิดว่ายังมีสถานะอะไรในใจของธิดาวีร์”
บุริศร์จะเสี่ยงไม่ได้
ความโกรธแค้นคับอก ความโกรธแค้นนี้เหมือนสัมผัสเปลวเพลิงลาวา แผดเผาเขาจนยากจะทนรับไหว
เขาแทบรอไม่ไหวที่จะฆ่าธิดาวีร์
ขอแค่เธอตาย เด็กๆ ก็ไม่เป็นอันตราย
นรมนจะมองอารมณ์ตอนนี้ของบุริศร์ไม่ออกได้อย่างไร
ตอนนี้บุริศร์เสี่ยงเกินไป เหมือนคนที่ถูกทาสไฟเข้าแทรก ถึงกับไม่รู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไรด้วยซ้ำ
เมื่อก่อนบุริศร์ยังมีขอบเขต ต่อให้รู้ว่าคนพวกนั้นสมควรตาย แต่เขาก็ยังจัดการเรื่องโดยเคารพกฎหมายของสังคม แต่บุริศร์ในตอนนี้ไม่มีกฎเกณฑ์แล้ว ขอแค่เขาอยากทำ ก็ไม่คำนึงผลที่จะตามมา
นรมนรู้ดี เรื่องนี้เกี่ยวกับพิษทองคำ แต่เธอไม่คิดว่าบุริศร์จะเสียใจในภายหลัง อีกอย่างต่อให้ต้องการกำจัดธิดาวีร์ ก็ไม่ควรจะให้บุริศร์ลงมือเอง
มือของเขาไม่ควรเปื้อนเลือดญาติของตัวเอง
นรมนคิดอย่างนี้ แววตาครุ่นคิด
“คุณจะไปก็ได้ แต่ข้างนอกหนาวมาก คุณดื่มน้ำอุ่นๆ ก่อนค่อยไป ไม่อย่างนั้นฉันไม่ยอมให้คุณไปค่ะ”
เพราะนรมนยืนกราน อารมณ์แปรปรวนของบุริศร์ค่อยสงบลงบ้าง
“ขอแค่น้ำอุ่นก็พอ ชาไม่ต้องหรอก”
เขารู้ดีนรมนเป็นห่วงเขา แต่ชงชาต้องใช้เวลา ยิ่งเวลายืดเยื้อไป ลูกๆ ก็เป็นอันตรายมากขึ้น ตอนนี้ธิดาวีร์ไม่รู้ว่ายังมีขอบเขตการกระทำของตัวเองหรือไม่ ผู้หญิงที่ฆ่าได้แม้แต่นาวินน่ากลัวเหลือเกิน แต่ถ้าเขาไม่ดื่มละก็ นรมนก็จะเป็นห่วงเขา บุริศร์จึงต้องใช้วิธีประนีประนอม
“ค่ะ”
นรมนก็ไม่โต้แย้ง ลุงขึ้นไปห้องเครื่องดื่ม
เธอหยิบห่อยาออกมา แล้วเทเบาๆ ลงไปในน้ำอุ่นของบุริศร์ ท่าทางแน่วแน่
บุริศร์เห็นเธอกลับมาแล้ว ดื่มน้ำอย่างไม่สงสัยอะไร แล้วพูดเสียงเบา “เป็นเด็กดีรอผมที่นี่ ถ้าหากธิดาวีร์ฉวยโอกาสตอนที่ผมไม่อยู่มาที่นี่ คุณจะต้องให้พวกพี่น้องอยู่กับคุณ จริงสิ คุณไปห้องเกวลินก็ได้ แม้ว่าเธอจะทำเรื่องนั้นกับวินเซนต์ แต่ก็มีฝีมืออยู่บ้าง ตอนที่จำเป็นจริงๆ เธออาจจะช่วยคุณรับมีดได้”
ตอนที่บุริศร์พูดอย่างนี้ไม่ได้คิดถึงความรู้สึกของเกวลินสักนิด สำหรับเขาแล้ว นอกจากนรมนกับลูกๆ คนอื่นที่ไม่สำคัญมากต่างเสียสละทิ้งได้หมด
ตอนนี้นิสัยของบุริศร์เปลี่ยนไปไม่น้อย
นรมนหลุบตา พยักหน้ารับ
“ฉันจะไปส่งคุณค่ะ”
“ไม่ต้องหรอก ข้างนอกหนาวมาก คุณอยู่ในบ้านรอผมละกัน”
“ฉันอยากไปค่ะ”
แม้ว่านรมนจะดูแล้วอ่อนแอ แต่ถ้าหากยืนหยัดเรื่องอะไรแล้ว คนอื่นก็ทำอะไรไม่ได้ เหมือนกับเรื่องที่รักบุริศร์
บุริศร์ยิ้มอย่างจนใจ จากนั้นก็จับมือนรมนเดินออกไปด้วยกัน
“รอจัดการธิดาวีร์แล้ว พวกเราไปหาหมอเก่งๆ ปลุกวินเซนต์ให้ตื่น แล้วพาเด็กๆ ไปเที่ยวต่อกัน”
บุริศร์พูดความคิดของตัวเอง ภาพนั้นสวยงามมาก
“ได้”
นรมนไม่คัดค้าน
รถรอที่หน้าประตูแล้ว
นรมนเปิดประตูให้บุริศร์
ขณะที่บุริศร์จะเข้าไปในรถ ทันใดนั้นก็รู้สึกเวียนหัว จากนั้นก็ยืนไม่ติด
“บุริศร์ คุณไม่เป็นอะไรนะคะ”
แววตาของนรมนเป็นกังวลปรากฏตรงหน้าเขา แต่ทันใดนั้นความมืดก็จู่โจม บุริศร์เป็นลมในอ้อมกอดของนรมน
เห็นบุริศร์สลบไป ลมหายใจนิ่งสงบ นรมนก็ค่อยวางใจ
“ดูแลเขาให้ดี ก่อนฉันกลับมา ห้ามแตะต้องเขา และห้ามใครเข้าไปในห้อง ล็อกประตูห้องด้วย ไม่ว่าเขาจะทำอะไรก็ไม่ต้องสน ต่อให้พังห้องก็เถอะ”
ตอนที่นรมนพูดสายตาจ้องมองบุริศร์ตลอด ความอ่อนโยนในดวงตาทำให้รู้สึกสงสาร
“บุริศร์ บางเรื่องคุณไปทำเองไม่ได้ บางคนคุณจะฆ่าเองไม่ได้ ไม่ว่าอย่างไร ธิดาวีร์ก็เป็นน้องสาวของคุณ คุณจับเธอ ด่าเธอได้ แต่ห้ามฆ่าเธอเด็ดขาด ถ้าหากมีบางเรื่องที่ต้องการคนไปทำ งั้นให้ฉันไปนะคะ ฉันรู้คุณอาจจะตำหนิฉัน แต่มันไม่มีทางเลือก ฉันต้องทำอย่างนี้ ตอนนี้สุขภาพคุณมีปัญหา เมื่อดีขึ้นแล้ว ฉันกลัวคุณจะเสียใจค่ะ”
นรมนไม่รู้ว่าบุริศร์จะได้ยินที่เธอพูดหรือไม่ เธอเพียงแต่กระซิบ แล้วให้คนพาบุริศร์เข้าไปข้างใน
มองเห็นทางเบื้องหน้ามีหมอกลงหนาทึบ สายตานรมนเย็นเยียบ
“ขับรถ ขึ้นเขา”
เธอไม่กลัวอะไรทั้งนั้น
ยังไม่ต้องพูดเรื่องที่ธิดาวีร์เป็นหญิงท้องโต ต่อให้ธิดาวีร์ปกติ ฝีมือของเธอกับธิดาวีร์พอๆ กัน อีกทั้งเบื้องหลังเธอยังมีบุริศร์ ยังมีตระกูลทวีทรัพย์ธาดา และยังมีพวกของเจตต์
ไม่รู้ว่าตอนนี้เจตต์เป็นอย่างไรบ้าง
นรมนนั่งในรถ ในหัวคิดถึงหลายเรื่องราว
ตลอดเส้นทางนี้เต็มไปด้วยอุปสรรคขวากหนาม แต่ก็มีความรักของคนรักและญาติมิตรเคียงข้าง
เธอไม่โดดเดี่ยวอ้างว้าง
มุมปากของนรมนปรากฏรอยยิ้ม
ตอนที่รถมาถึงเชิงเขา นรมนก็พูดกับคนขับรถ “จอดที่นี่เถอะ ขับรถกลับไป ถ้าฉันต้องการรถ ฉันจะโทรไปเรียกเอง”
เธอจะปล่อยให้ธิดาวีร์มีโอกาสหนีรอดไปไม่ได้แม้แต่เล็กน้อย
ตอนนี้จิตใจของธิดาวีร์แปรปรวนมาก คงจะต้องถูกกล้าณรงค์หลอกใช้แล้ว ให้เธอฆ่าคนเหมือนหมาบ้า สู้ตอนนี้จับเธอไว้ไม่ได้
เรือนจำระหว่างประเทศเป็นสถานที่เหมาะสมที่สุดที่เธอควรจะไป
คนขับรถอยากจะพูดอะไร แต่ท่าทางของนรมนน่ากลัวทีเดียว จึงได้แต่ทำตามขับรถออกไป
นรมนขึ้นเขาอีกครั้งไม่รู้สึกตื่นเต้นแปลกใหม่อย่างครั้งแรกแล้ว เพราะในใจคิดถึงเรื่องต่างๆ ตอนที่เดินก็ค่อนข้างเร็ว
ตอนที่เดินใกล้ถึงบ้านพักของพวกเขา นรมนก็สังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย
นรมนขมวดคิ้ว ชะงักฝ่าเท้า แล้วมองไปรอบๆ อย่างละเอียด แล้วเดินไปอีกทางหนึ่งทันที
ธิดาวีร์หลบที่มุมมืดมองเห็นทุกอย่าง สายตาราวกับอาบยาพิษ
ทุกอย่างนี้เป็นเพราะนรมน!
ถ้าหากไม่มีนรมน ตอนนี้เธอยังเป็นบอดี้การ์ดของตระกูลโตเล็ก หรือเป็นคุณหนูใหญ่ของตระกูลโตเล็ก
ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับบุริศร์ไม่แน่ว่าอาจจะดีกว่านี้มาก
แต่ในเมื่อพี่ชายส่งเธอไปเรือนจำระหว่างประเทศเพื่อนรมน
เรือนจำระหว่างประเทศเป็นที่อย่างไร
นั่นคือสถานที่คนหนึ่งสูญเสียอิสรภาพไม่มีสิทธิ์อะไร
เธอยังอายุน้อย จะอยู่ที่นั่นอย่างไร้ความหมายไปทั้งชีวิตได้อย่างไร
ตอนนี้เธอออกมาแล้ว เธอจะต้องให้นรมนลิ้มรสทุกสิ่งทุกอย่างที่เธอต้องแบกรับในตอนแรก
นรมนมีส่วนให้แม่ตาย ทั้งชีวิตของเธอพังแล้ว
ทั้งหมดเป็นความผิดของนรมน!
ธิดาวีร์จ้องมองนรมนเขม็ง ใช้สายตาบดขยี้เธอเป็นชิ้นๆ
นรมนรู้สึกได้ถึงสายตาเย็นเยียบที่เหมือนงูพิษกำลังจ้องมองเธอ เธอก็หยุดเดิน พูดขึ้นกับขุนเขา “ธิดา ฉันรู้ว่าคุณอยู่ที่นี่ คุณอยากจะทำอะไรก็ทำกับฉัน อย่าทำอะไรเด็กๆ พวกเขาถึงยังไงก็เป็นหลานของคุณ และนับถือคุณเป็นน้า”
ธิดาวีร์มองเด็กสามคนที่ถูกจับไว้ก็ยิ้มเย็นออกมา
“น้าอย่างนั้นหรือ ถ้าพวกแกเห็นฉันเป็นน้าจริงๆ ละก็ ฉันเพิ่งเข้ามาก็คงไม่เกือบถูกโจมตีหรอก น่าเสียดาย พวกแกยังเด็กเกินไป ฉันยอมรับ ถ้าอายุเท่ากัน พวกแกคืออัจฉริยะ แต่ในมือฉัน พวกแกไม่ได้เรื่อง”
ธิดาวีร์พูดจบก็ลากตัวกมลเข้ามา ท่าทางรุนแรงจนทำให้กมลเจ็บ
“โอ๊ย เจ็บ!”
กมลน้ำตาคลอเต็มตา
สายตาของกานต์เย็นชา
“เบาๆ กับน้องสาวผมหน่อย!”
เสียงและสายตาของเขาเหมือนบุริศร์มาก บุริศร์ก็เคยใช้สายตาเย็นชาอย่างนี้พูดกับตัวเอง
ชัดๆ ว่าพวกเขาเป็นญาติใกล้ชิดกันที่สุด แต่พวกเขาพูดกับเธอเช่นนี้เพราะผู้หญิงคนนั้นนรมน
ธิดาวีร์ยิ่งคิดยิ่งโกรธ พลิกมือทันที “ป้าบ” ดังขึ้นสะบัดเข้าใส่ปากของกานต์
“เด็กเมื่อวานซืน ฉันคือป้าของแกนะ แกใช้สายตาอย่างนี้พูดกับฉันได้หรือ หม่ามี้ของแกสอนแกอย่างนี้หรือ เด็กไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง!”
ท่าทางของธิดาวีร์ทำให้กมลโกรธ
“คุณกล้าตีพี่ชายหนูหรือ”
“แล้วยังไง เด็กขี้โรคอย่างแกก็คิดอยากจะตะโกนใส่ฉันหรือ”
ธิดาวีร์ดูถูกกมลแต่แรก ในเมื่อเด็กนี่นอกจากกินก็กิน ทั้งวันไม่เห็นจะทำอะไร ธิดาวีร์คิดว่าคนที่ควบคุมง่ายที่สุดก็คือกมล
กมลกลับไม่พูดอะไร ถอนหายใจทีหนึ่ง ทันใดนั้นก็เอาหัวตัวเองโขกหน้าผากธิดาวีร์
“ยัยเด็กขี้โรค อยากตายหรือไง”
ธิดาวีร์โกรธจนยกแขนจะฟาดกมล
พูดช้า ทำเร็ว กิจจาพุ่งเข้ามาชนแล้ว
เพราะกะทันหันมาก ธิดาวีร์ไม่ทันระวัง ล้มลงไปที่โต๊ะข้างหนึ่ง กระแทกที่เอว เจ็บจบต้องกัดฟัน
“เด็กบ้ากล้าทำฉันหรือ ฉันจะฆ่าแก!”
ธิดาวีร์ในตอนนี้สายตามีแววสังหารจริงๆ
เธอหยิบมีดออกมาทันที พุ่งเข้าไปหากิจจา
กิจจาเคยเรียนศิลปะป้องกันตัว ตามหลักการสามารถหลบได้ทัน แต่ธิดาวีร์เคยอยู่กับพวกเขาช่วงหนึ่ง เข้าใจจิตใจของเด็กๆ ตอนที่เธอลงมือก็จับกมลไว้กับตัว ถ้ากิจจาเข้ามา เธอก็จะโยนกมลปักหัวกับพื้น