แค้นรักสามีตัวร้าย - บทที่ 1243 อยากให้ผู้หญิงคนนี้หลาบจำบ้าง
ตอนที่ราเชนได้รับรูปพวกนี้ยังโดนกักบริเวณอยู่
เนื่องจากเปิดเผยตัวตนของกล้าณรงค์ เขาจึงโดนลิดรอนอำนาจบางส่วน พระราชาให้คนกักบริเวณเขาชั่วคราว ถึงขั้นที่ตอนนี้สถานการณ์ด้านนอกเป็นยังไงเขายังไม่ชัดเจนเลย รู้เพียงแค่อำนาจของแม่ตนเองนงลักษณ์เหมือนจะโดนโจมตีแล้ว และมิลินคนที่แม่ไว้ใจที่สุดก็หายตัวไปไร้ร่องรอย
หลายปีมานี้ เขาเพิ่งจะรู้ไม่นานว่าแม่ยังมีชีวิตอยู่ แต่ทำไมถึงไม่มีวาสนาได้เจอกันอีกสักครั้ง
เขาเคยคิดว่าจะออกไปตามหานงลักษณ์โดยที่ไม่สนใจอะไรทั้งนั้น แต่นึกถึงเบี้ยและอำนาจที่อยู่ในมือ เขารู้ว่าถ้าตนเองออกไปตอนนี้คงทำได้เพียงหาที่ตายเท่านั้น
ไม่!
เขายังตายไม่ได้!
ในขณะที่ราเชนกำลังกลุ้มใจ ก็ได้รับข้อความของบุริศร์
เดิมทีสัญญาณในพระราชวังของเขาโดนปิดกั้นเอาไว้ แต่บุริศร์กลับยังมีความสามารถส่งรูปภาพเข้ามาได้ แสดงให้เห็นว่าบุริศร์ยังคงเก่งกาจ
เพียงแต่ที่ราเชนไม่รู้ก็คือ ภายในพระราชวังสำรองแห่งหนึ่งในประเทศ F หญิงสาวที่เอื่อยเฉื่อยคนหนึ่งนอนอยู่บนเก้าอี้ของสนมเอก สาวรับใช้คนหนึ่งกำลังใช้มือประคองคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กอยู่ที่ด้านหน้า ส่วนผู้หญิงคนนั้นกำลังกดแป้นพิมพ์อย่างรวดเร็ว หลังจากเธอตัดทอนสัญญาณบางส่วนที่ส่งเข้ามาไม่ได้การปิดกั้นก็หลุดออกไปแล้ว
ตอนที่เห็นรูปภาพที่บุริศร์จะส่งไปให้ราเชน ผู้หญิงคนนั้นก็ได้รับข้อความจากบุริศร์ทันที
“ส่งรูปภาพพวกนี้ไปให้ราเชน ให้เขาส่งต่อไปให้กล้าณรงค์ อย่าลืมล่ะ ต้องส่งออกไปจากมือของราเชนเท่านั้น”
หญิงสาวหน้าตาสะสวย ท่าทีเนิบนาบสง่างาม
เธอหยุดลงเล็กน้อย แล้วส่งข้อความต่อไปให้ราเชน
ราเชนไม่รู้ถึงความซับซ้อนในช่วงเวลานี้ ดูรูปภาพแล้วครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จึงลองส่งรูปภาพพวกนี้ไปให้กล้าณรงค์
ตอนที่กล้าณรงค์ได้รับรูปภาพ ก็แทบเป็นบ้าไปเลย
“ไอ้เลว! บุริศร์ แกมันไม่ใช่คน! ธิดาวีร์เป็นน้องสาวแท้ๆของแก ไม่นึกว่าแกจะกล้าลงมืออย่างโหดเหี้ยม!”
เขาโมโหจนตัวสั่น กวาดสิ่งของข้างตัวทิ้งลงไปที่พื้นทั้งหมด
หลังจากบุริศร์จัดการเรื่องทั้งหมดนี้เสร็จ ก็ดึงมีดสั้นออกจากหน้าอกของธิดาวีร์อย่างใจเย็น พูดกับคนด้านหลังอย่างเย็นชา “หาหมอมาตรวจ ห้ามเลือดให้เธอ มอบมีดให้เธอในทุกๆวัน จำไว้นะ ฉันต้องการส่วนสำคัญ ทีละนิดๆในแต่ละวัน แต่ต้องใช้ยาที่ดีที่สุดรักษาชีวิตเธอเอาไว้ ยังไงซะในท้องของเธอยังมีเลือดเนื้อของตระกูลนาคชำนานอยู่ เดิมทีตระกูลโตเล็กของฉันก็ติดค้างนาวินมากไปแล้ว ยังไงเด็กคนนี้ก็ต้องมีชีวิตรอด”
“ครับ”
ลูกน้องต่างก็รู้ตัวตนของธิดาวีร์กันหมดแล้ว
เป็นน้องสาวแท้ๆของบุริศร์เลยนะ
แต่ผู้ชายคนนี้กลับไม่กระพริบตาสักนิดตอนที่สั่งให้เฉือนส่วนสำคัญของธิดาวีร์ในทุกๆวัน ความโหดเหี้ยมอย่างนี้ทำให้คนที่ได้ฟังตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว
ธิดาวีร์หมดเรี่ยวแรงไปในทันที
โดนเฉือนส่วนสำคัญจะเจ็บปวดขนาดไหน!
พี่ชายของเธอเสียสติไปแล้วจริงๆ!
“บุริศร์ พี่ทำอย่างนี้กับฉันไม่ได้! พี่ไม่มีสิทธิ์! ฉันเป็นน้องสาวแท้ๆของพี่ น้องสาวแท้ๆนะ!”
“รำคาญ”
บุริศร์พูดอย่างเมินเฉย ยกมือขึ้นเล็กน้อย ขากรรไกรของธิดาวีร์ก็โดนเคลื่อนออกอีกครั้ง
ตอนนี้แม้แต่ฆ่าตัวตายเธอก็ทำไม่ได้
เห็นบุริศร์หันหลังออกไปอย่างไม่สนใจสักนิด ธิดาวีร์ร้องตะโกนอือๆ แต่กลับขยับได้ไม่เท่าไหร่
ความใจดีนิดๆหน่อยๆที่บุริศร์เก็บไว้ให้ธิดาวีร์ก็โดนตัวเธอเองทำลายไปหมดแล้ว
เดิมทีเธอคิดว่าจะได้ใช้ชีวิตอย่างดี มีความสุข
มีสามีที่รักเธอ แล้วอีกไม่นานก็จะมีลูกที่น่ารัก สามคนพ่อแม่ลูกยังมีหุ้นส่วนของบริษัทอีกด้วย เพียงแค่ถ้าเธอไม่โดนกล้าณรงค์ปลุกปั่น ชีวิตของเธอคงสมบูรณ์แบบสงบสุขกว่าใครๆ
ทำไมถึงโลภมากนักนะ
อารมณ์ในแววตาของบุริศร์อ่อนลงพอสมควรแล้ว จึงเดินออกไปข้างนอก
เวลานี้ใครๆก็ไม่กล้าขวางเขาทั้งนั้น
บุริศร์เดินออกจากสหภาพQTอย่างอิสระ แล้วขับรถไปโรงพยาบาล
กานต์โดนเข็นเข้าไปรับการรักษา ส่วนนรมนไม่ว่าจะยังไงก็ไม่ยอมปล่อยมือของกานต์ สุดท้ายจึงหมดหนทาง หมอทำได้เพียงยอมให้เธอเข้าไปด้วย
สติของกานต์ค่อนข้างเลอะเลือนแล้ว แต่ทว่าเขายังรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นและความเอาใส่ใจของ นรมน จึงอดยิ้มไม่ได้ “หม่ามี้ ผมไม่เป็นไร หม่ามี้อย่าร้องไห้เลยครับ”
สายตาของนรมนเจ็บปวดมาก
“หม่ามี้ไม่ร้อง หม่ามี้จะอยู่ตรงนี้กับลูกนะ”
หมอฉีดยาชาให้กานต์
ด้วยการกระตุ้นของยาทำให้กานต์หลับไปอย่างรวดเร็ว
นรมนกำลังมองหมอช่วยชีวิตกานต์ ร่างเล็กๆนั้นนอนอยู่บนเตียงผ่าตัด โดดเดี่ยว ไร้เรี่ยวแรง
เธอปวดใจเหลือเกิน
หลังจากประตูห้องผ่าตัดเปิดออกอีกครั้ง บุริศร์ก็เดินเข้ามา
วินาทีนั้นที่เห็นบุริศร์นรมนสับสนเล็กน้อย แต่ตอนนี้เธอก็ไม่ควรพูดอะไร แค่อยากเข้าไปดึงมือของบุริศร์เท่านั้น แต่กลับโดนบุริศร์หลบเลี่ยง
เธอตกตะลึง
นรมนเงยหน้ามองตาของบุริศร์
ดวงตาเรียวยาวที่น่ามองคู่นั้นในตอนนี้ราวกับมีหมอกปกคลุมอยู่หนึ่งชั้น ทำให้มองไม่เห็นถึงความรู้สึกที่แท้จริง
จู่ๆนรมนก็ประหม่าขึ้นมาเล็กน้อย
“บุริศร์ ฉัน……”
“หมอ ช่วยชีวิตลูกชายผมอย่างสุดความสามารถนะครับ ถ้าลูกชายของผมเป็นอะไรไป ผมจะฝังโรงพยาบาลแห่งนี้รวมถึงหมอทุกคนไปพร้อมกันลูกชายของผมด้วย”
บุริศร์พูดเบาๆ แต่กลับเย็นยะเยือกเข้าไปถึงกระดูก
หมอกับพยาบาลอดไม่ได้ที่จะตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว ตอนที่มองไปทางบุริศร์ ก็ต้องตกใจกับสายตาที่โหดร้ายของเขา
พวกเขาพยักหน้าไปพร้อมกับร่างกายที่สั่นไหวด้วยความหวาดกลัว เริ่มลงมือผ่าตัดอย่างละเอียดรอบคอบ
“พวกนายเข้ามา พาคุณนายออกไป”
เสียงบุริศร์เย็นเฉียบ คำสั่งในตอนนี้ยิ่งทำให้นรมนใจจะขาด
“ฉันไม่ออกไป! บุริศร์ คุณโกรธฉันใช่ไหม? โกรธที่ฉันทำให้กานต์บาดเจ็บ โกรธที่ฉันทำให้คุณหมดสติแล้วทำโดยพลการใช่ไหม? แต่นั่นก็เป็นลูกชายของฉัน ฉันจะอยากให้เขาเกิดเรื่องงั้นเหรอ?”
“ออกไป!”
บุริศร์ไม่สนใจนรมน เสียงเย็นชามากขึ้น
นรมนปวดใจจะแย่แล้ว
ผู้ชายตรงหน้าคนนี้กำลังโกรธ!
เธอแน่ใจมาก!
แต่เธอไม่ได้ตั้งใจจริงๆ
เธอแค่ไม่อยากให้มือของบุริศร์เปื้อนเลือดของคนในครอบครัวตนเอง บาปกรรมทั้งหมดเธอรับไว้เองคนเดียวก็พอ เธอแค่นึกไม่ถึงว่าธิดาวีร์จะเสียสติเช่นนี้ ถึงกับทำร้ายเด็กๆได้
เธอคิดว่าต่อให้ธิดาวีร์เกลียดเธอขนาดไหน อย่างน้อยก็ต้องมีความรู้สึกให้เด็กๆ ยังไงเสียเธอก็เป็นแม่คนหนึ่งไม่ใช่เหรอ? แต่เธอกลับคิดผิดไปแล้ว
นรมนกัดฟันแน่น พูดอย่างเด็ดขาด “ฉันไม่ออกไป! ฉันจะอยู่เป็นเพื่อนกานต์ตรงนี้! ฉันรับปากลูกไว้แล้ว เมื่อเขาฟื้นขึ้นมาจะต้องเจอฉันเป็นคนแรก”
“นรมน!”
บุริศร์ดึงข้อมือของนรมนอย่างฉับพลัน แล้วผลักเธอไปที่กำแพง ร่างสูงใหญ่เข้ามาประชิดทันที
ดวงตาเรียวยาวที่น่ามองคู่นั้นในตอนนี้เต็มไปด้วยความเดือดดาลและจิตใจที่ร้อนรุ่ม
“ผมไม่ควรโกรธเหรอ? คุณรู้ไหม ตอนที่ผมรู้ว่าธิดาวีร์ทำร้ายกานต์ผมเป็นห่วงขนาดไหนผมกลัวขนาดไหน!”
นรมนแววตาเศร้าสลด
“ฉันคิดไม่ถึงว่าเธอจะเสียสติเช่นนี้”
“คุณคิดไม่ถึง? เรื่องที่คุณคิดไม่ถึงมันเยอะเกินไปแล้ว! ความคิดของคุณหวังดีต่อผม ไม่อยากให้ผมเปื้อนเลือดของคนในครอบครัว แต่คุณเคยนึกถึงตัวเองไหม? ธิดาวีร์ลงมือกับหลานแท้ๆที่เป็นสายเลือดเดียวกันอย่างโหดร้าย ส่วนคุณเป็นคนที่ไม่เกี่ยวข้องกับเธอเลย โดนเธอเกลียดจนเข้ากระดูกดำคุณไม่คิดบ้างเลยเหรอว่าเธอจะทำอะไรคุณบ้าง? คุณเคยคิดไหมถ้าคุณเกิดเรื่องอะไรขึ้น ชีวิตที่เหลืออยู่ของผมจะทำยังไง? ผมจะเสียสติไหม? ธิดาวีร์สำคัญอะไร! ก็เป็นแค่คนนอกที่สายเลือดเดียวกันเท่านั้น คุณเป็นคนรักของผม เป็นทุกสิ่งทุกอย่างของผม คุณมีสิทธิอะไรถึงทำให้ตัวเองเข้าไปอยู่ในอันตรายโดยที่ไม่ผ่านการอนุญาตกับเห็นด้วยจากผมก่อน? คุณมีสิทธิอะไร?”
ดวงตาของบุริศร์แดงก่ำ มีของเหลวอุ่นๆอยู่เต็มเบ้าตาของเขา
นรมนเหม่อลอยไปแล้ว
เธอยิ่งสะเทือนใจ
เธอคิดว่าบุริศร์จะตำหนิที่เธอไม่ปกป้องกานต์ให้ดี แต่กลับคิดไม่ถึงว่าบุริศร์เป็นห่วงความปลอดภัยของเธอ
เขาโกรธ เขาโมโห เป็นเพราะเธอทำให้ตนเองเข้าไปพัวพันกับอันตราย
“ขอโทษ บุริศร์ ฉัน……”
“ถ้าคำขอโทษมีประโยชน์ จะมีคนตายเยอะอย่างนี้ไหม? นรมน ผมให้หัวใจทั้งหมดแก่คุณได้ แต่ผมขอร้องล่ะต่อไปอย่าทำอย่างนี้อีกได้ไหม? ถ้าคุณกับผมเราลงมือด้วยกัน อย่างน้อยที่สุดผมก็ยังอยู่ข้างๆคุณ ผมจะจัดการอันตรายได้ทันท่วงที ที่คุณทำเหมือนอย่างวันนี้ ถ้าคุณเกิดเรื่องอะไรขึ้นมาจริงๆ แต่ผมกำลังหลับสนิท ตอนที่รอให้ผมตื่นขึ้นมาถ้าคุณไม่อยู่แล้ว คุณจะให้ผมจัดการกับตัวเองยังไง? ผู้ชายตัวใหญ่อย่างผมยังต้องการให้ผู้หญิงคนหนึ่งสละชีวิตตัวเองเพื่อมาปกป้องผมงั้นเหรอ? คุณบอกผมมาสิ คนอย่างผมขี้ขลาดไร้ความสามารถมากเลยใช่ไหม? หรือว่าผมทำให้คุณรู้สึกว่าเมื่อเป็นคนในครอบครัวผมก็จะลังเลไม่กล้าตัดสินใจ? ทำตัวเห็นดีเห็นงามอย่างไม่มีเหตุผลงั้นเหรอ?”
บุริศร์ยิ่งพูดยิ่งโกรธ ยิ่งพูดยิ่งน้อยใจ
เธอมีสิทธิอะไรมาวางยาตนเอง?
ครั้งที่แล้วใครบอกว่านั่นเป็นครั้งสุดท้ายแล้ว
ใครบอกว่าจะไม่วางยาเขาอีกแล้ว ใครบอกว่าต่อไปไม่ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นก็จะเผชิญหน้าด้วยกันแก้ปัญหาด้วยกัน
แต่วันนี้ไม่นึกเลยว่าผู้หญิงคนนี้จะทำโดยพลการอีกแล้ว ทำให้ตนเองตกอยู่ในอันตราย ทำให้เขาตกอยู่ในสภาพหมดสติ
ถ้าวันนี้คนที่ทำเรื่องนี้ไม่ใช่นรมน เขาคงทำให้สมองของคนนั้นๆบาดเจ็บไปตั้งนานแล้ว
ตอนนี้จิตใจที่ร้อนรุ่มในร่างกายของเขาแทบจะควบคุมเอาไว้ไม่ได้ เพื่อไม่ให้ทำร้ายนรมน เขาจึงดึงแขนของเธอผลักเธอออกไปจากห้องผ่าตัด
“ผมไม่อยากเห็นหน้าคุณสักพัก”
เสียง “ปัง” บุริศร์ปิดประตูห้องผ่าตัดทันที
นรมนรู้ดีว่าหลังจากที่บุริศร์ฟื้นขึ้นมาอาจจะโกรธ แต่ไม่คิดว่าจะโกรธขนาดนี้
นี่เธอทำผิดจริงๆใช่ไหม?
ถ้าเธอกับบุริศร์ขึ้นไปบนเขาด้วยกัน กานต์ก็จะไม่บาดเจ็บใช่ไหม?
นรมนไม่รู้หรอก แต่กลับทุกข์ใจมาก
เธอนั่งยองๆกอดเข่าอยู่หน้าห้องผ่าตัด ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่บุริศร์จะออกมา ไม่รู้ว่าการผ่าตัดของกานต์จะเสร็จเมื่อไหร่ เธอก็เหมือนเด็กคนหนึ่งที่โดนทอดทิ้ง เศร้าเสียใจ นั่งยองๆอยู่ตรงนั้นอย่างหมดหนทาง
บุริศร์มองท่าทางนั้นของนรมนผ่านร่องประตู เจ็บปวดใจ
นิ้วมือของเขาจิกประตูของห้องผ่าตัดเอาไว้แน่น จนเล็บหักไปแล้วแต่กลับไม่รู้ตัว รู้แค่ว่าในใจราวกับโดนฉีกจนเป็นแผล ร่างบอบบางที่อยู่ด้านนอกนั้นก็เหมือนกับกรดกำมะถัน กัดกร่อนบาดแผลของเขาอย่างรุนแรง
จู่ๆ ไหล่ของนรมนก็สั่นไหวเล็กน้อย หัวของเธอมุดลงไปในเข่าทั้งคู่ บรรยากาศของความเศร้าเข้าครอบคลุมเธอทันที
เธอ ร้องไห้เหรอ?
หัวใจของบุริศร์เจ็บปวดขึ้นมาอย่างฉับพลัน
เขาบอกตัวเองไม่ให้ใจอ่อน ต้องให้ผู้หญิงคนนี้เข็ดหลาบสักหน่อย แต่ขากับมือทั้งคู่เหมือนจะมีจิตสำนึกของตัวเองอย่างนั้น เปิดประตูห้องผ่าตัดออกไปทันที เดินเข้าไปหานรมน