แค้นรักสามีตัวร้าย - บทที่ 1249 เขาจะนอนตรงนี้ไม่ได้
นรมนก็ได้รับอิทธิพลจากบรรยากาศอย่างนี้ไปด้วย ในใจทนไม่ไหวจริงๆ
“เกวลิน การเสียสละของพี่สาวเธอเป็นจุดจบที่ไม่มีใครอยากเห็น แต่พวกเราจนปัญญาที่จะรับรองระดับเกลียดชังของผู้ก่อการร้ายใช่ไหมล่ะ? พี่สาวของเธอตายอย่างมีเกียรติ ส่วนวินเซนต์ก็แก้แค้นแทนพี่สาวเธอ ดังนั้นเธออย่าเสียใจไปเลยนะ ตอนนี้สิ่งที่เธอต้องคิดก็คือ พ่อแม่ของเธอยังแข็งแรงดี แต่พวกเขาไม่รู้ว่าเธอมีตัวตน สิบแปดปีก่อนพวกเขาก็คิดว่าเธอเสียชีวิตไปแล้ว ช่วงเวลานั้นแม่ของเธอเจ็บปวดจนไม่อยากมีชีวิตอยู่ หลายครั้งที่อยากฆ่าตัวตายแต่กลับโดนขวางเอาไว้ สิบปีให้หลังพี่เธอก็สละชีวิตตัวเองไปอีก พูดตามความจริงสภาพจิตใจของแม่เธอในหลายปีมานี้แย่มากๆ เธอ คิดจะกลับบ้านไหม?”
คำถามที่นรมนถามออกมา เกวลินก็ตะลึงงันไปทันที
บ้าน?
ไม่นึกว่าเธอจะเป็นเด็กที่มีบ้านงั้นเหรอ?
เธอคิดว่าตนเองเป็นเด็กกำพร้ามาโดยตลอด คิดว่าตนเองเป็นเด็กผู้หญิงถึงโดนครอบครัวทอดทิ้ง อาจจะบอกได้ว่าตนเองเป็นลูกสาวนอกสมรสอะไรพวกนั้น โดนคนอื่นๆรังเกียจจึงถูกทอดทิ้ง เพียงแค่คิดไม่ถึงว่าเธอจะโดนพวกค้ามนุษย์ซื้อตัวไป
ส่วนพ่อแม่ของเธอสูญเสียมากเกินไป แบกรับมามากเกินไป
เดิมทีเธอก็มีครอบครัวที่สมบูรณ์แบบ
ตอนนี้พี่สาวของเธอคือวีรสตรีที่สละชีพเพื่อชาติ เป็นฮีโร่ แล้วเธอล่ะ?
เธอทำอะไรไปบ้าง?
เธอเป็นนักฆ่า แล้วครั้งแรกที่ลอบฆ่าก็คือพี่เขยของเธอ!
และเธอกับพี่เขยของเธอยังเคยมีอะไรกันอีก
แม้จะไม่ใช่ความสมัครใจของเธอ แต่สุดท้ายมันก็คือเรื่องจริง
ในใจของเกวลินหลากหลายความรู้สึก ไม่รู้จะรับมือยังไงเลย
จู่ๆเธอก็นึกถึงอะไร เงยหน้าขึ้นถามอย่างกะทันหัน “บุณพจน์ล่ะคะ? พวกคุณจับบุณพจน์ได้ไหม?”
“ยังไม่ได้ มีเรื่องเกี่ยวกับบุณพจน์ที่พวกเรายังสืบได้ไม่ชัดเจน”
ปัญหานี้นรมนก็ค่อนข้างกลุ้มใจ
บุณพจน์ปกป้องตนเองดีเกินไปแล้ว ไม่นึกว่าจะทำให้สหายในสหภาพเริ่มต้นไม่ถูก
สีหน้าของเกวลินหม่นหมอง
เธอส่ายหัวพูดขึ้น “เรื่องที่ฉันเป็นน้องสาวของทรรศยาไม่รู้ว่าบุณพจน์รู้มากแค่ไหน ตอนนั้นถึงเขาจะพาฉันกลับมาทันที และตอนนี้ยังส่งฉันมาอยู่ต่อหน้าของวินเซนต์อีก ไม่แน่ว่าอาจจะรู้ตัวตนที่แท้จริงของฉัน ในเมื่อพวกคุณยังสืบหาเรื่องนี้ออกมาได้ เป็นไปได้ว่าเขาอาจจะสืบหาออกมาได้ตั้งนานแล้ว ตอนนี้ที่ฉันกลัวก็คือพ่อแม่ของฉันจะโดนจับเป็นตัวประกัน”
“เรื่องนี้เธอวางใจเถอะ คนของเราคุ้มครองพ่อแม่ของเธออย่างดี ไม่ว่าใครหน้าไหน ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะแตะต้องพ่อแม่เธอ”
ได้ยินนรมนพูดอย่างนี้ เกวลินจึงถามขึ้นด้วยความสงสัย “พวกคุณแข็งแกร่งขนาดนั้นเลยใช่ไหม? อย่าคิดว่าฉันฝีมือไม่ดีก็จะเพิกเฉยต่อลูกน้องของบุณพจน์นะคะ ลูกน้องของเขามีคนที่มีฝีมือเพิ่มขึ้นมาตลอด ที่ฉันแปลกใจ แต่ก่อนฉันยังคิดว่าเป็นเพราะบุณพจน์มีความรู้สึกกับฉันถึงได้อดทนต่อความโง่เขลาของฉัน ตอนนี้ฉันจึงได้รู้ว่าเพราะบุณพจน์ต้องการใช้ประโยชน์จากใบหน้านี้ของฉันถึงได้อดทนกับฉันมากมาย”
เกวลินฝืนยิ้ม แววตาเจ็บปวดรวดร้าว
การโดนผู้ชายที่ตนเองรักที่สุดหลอกลวงหลอกใช้ มันช่างเป็นความรู้สึกที่แย่มากจริงๆ
นรมนตบๆบ่าของเธอพูดขึ้น “ไม่ใช่ว่าพวกเราแข็งแกร่งหรอก แต่พวกเราบอกเรื่องนี้ให้รัฐบาลท้องถิ่นทราบ แล้วก็รายงานเขตทหาร พี่สาวเธอเป็นวีรสตรีที่สละชีพเพื่อชาติ เบื้องบนมีหน้าที่ต้องคุ้มครองความปลอดภัยของพ่อแม่เธออยู่แล้ว เธอวางใจเถอะ ไม่ว่าใครก็ไม่กล้าแตะต้องพ่อแม่ของเธอภายใต้สายตาของคนในเขตทหารหรอก ที่ฉันอยากถามก็คือ เธอคิดจะกลับบ้านไหม? ถ้าคิด ฉันจะใช้เส้นสายบอกพ่อแม่ของเธอเรื่องที่เธอยังอยู่บนโลกใบนี้ ให้เธอได้กลับไปอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากับพวกเขา แน่นอนว่าเรื่องนี้ต้องหลังจากที่เธอจัดการเรื่องที่เธอแทงวินเซนต์ที่นี่ให้เรียบร้อยก่อน”
เกวลินชะงักเล็กน้อย ฝืนยิ้มพูดขึ้น “ฉันรู้ค่ะ ฉันทำร้ายพี่เขย พวกเขาต้องอยากให้ฉันตายอยู่แล้ว”
“ก็ไม่แน่หรอก เพียงแค่วินเซนต์รอดชีวิต ก็อาศัยที่เธอเป็นน้องสาวแท้ๆของทรรศยา วินเซนต์คงไม่ให้ใครแตะต้องเธอแม้แต่เส้นขนแน่ๆ เธออาจจะไม่รู้ วินเซนต์เป็นคนที่ปกป้องอย่างถึงที่สุด ปีนั้นเพื่อแก้แค้นให้พี่สาวเธอ เขาถอดชุดทหาร เข้าไปในรังของผู้ก่อการร้ายเพียงคนเดียว เข้าไปยุแหย่ค่ายของพวกเขาคนเดียว ตนเองเกือบจะตายอยู่ในนั้น แต่เขายังยืนหยัดแทงศัตรูจนตาย นี่แหละเขา หลายปีนี้แม้พ่อแม่เธอจะไม่ยินยอมให้เขาเซ่นไหว้พี่สาวเธอ แต่วินเซนต์ยังใช้อำนาจและเล่ห์เหลี่ยมทั้งหมด แสดงความกตัญญูต่อพ่อแม่ของเธอมาโดยตลอด เขาฝากฝังให้คนซื้อประกันชีวิตก้อนใหญ่ไว้ให้พ่อแม่เธอ ถึงกับติดสินบนเพื่อนบ้านของพ่อแม่เธอ ให้พวกเขาดีกับพ่อแม่เธอ ตอนที่พ่อแม่เธอต้องการความช่วยเหลือใดๆ วินเซนต์ก็รีบมาทันที แม้เขาจะไม่ออกหน้าแต่ยังคงจัดการปัญหาได้ดีมาก เขากำลังใช้วิธีการของตนเองเป็นลูกกตัญญูแทนทรรศยา หลายปีนี้วินเซนต์หาเงินได้ไม่น้อยเลย แต่เขาก็ให้ตระกูลตรีนิกรของพวกเธอไปหมด”
นรมนเองก็เพิ่งรู้เรื่องทั้งหมดที่วินเซนต์ทำให้ตระกูลตรีนิกรไม่กี่วันนี้เอง
พูดตามจริง ในฐานะที่เป็นผู้หญิง มีผู้ชายอย่างวินเซนต์มาหลงรักก็เป็นความสุขอย่างหนึ่งแล้ว น่าเสียดายที่ชีวิตของทรรศยาสั้นเกินไป ไม่ได้เจอกับความโชคดีนี้
แต่กลับลำบากวินเซนต์แล้ว
เกวลินฟังอยู่เงียบๆ
ยิ่งฟังก็ยิ่งรู้สึกว่าตนเองสารเลว
ไม่นึกว่าเธอจะแทงพี่เขยของเธอจนบาดเจ็บ พี่เขยที่ดีขนาดนั้น
“ขอโทษนะคะ ฉันไม่รู้ ฉันไม่รู้อะไรเลยจริงๆ ฉันต้องทำยังไงเขาถึงจะฟื้นขึ้นมา? แค่เขาฟื้น จะให้ฉันทำอะไรก็ได้ทั้งนั้น เรื่องพ่อแม่ฉันอย่าเพิ่งบอกเขาเลยค่ะ ฉันกลัวพวกเขาจะดีใจเก้ออีก”
เกวลินเป็นเด็กที่ขาดความรัก มิเช่นนั้นคงไม่มอบหัวใจให้บุณพจน์ตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้เจอหรอก
หลายปีนี้เพื่อเป้าหมายนี้จึงไม่หยุดพยายาม รู้ๆอยู่ว่าตนเองไม่ชอบกลิ่นคาวเลือด แต่เธอยังคงโดนฝึกฝนอยู่ทุกวัน ถึงขั้นที่เพื่อเป็นเจ้าสาวของเขา เธอจึงพุ่งเข้าไปฆ่าคน
ตอนนี้มาคิดๆดู เกวลินเป็นผู้หญิงโง่ๆที่โง่ไปมากกว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว
แต่วินเซนต์กลับทำทั้งหมดอยู่เงียบๆ
เกวลินหลบหนีออกจากขอบเขตความรู้สึกเหล่านั้นมาดูเรื่องนี้อีกครั้ง รู้สึกว่าวินเซนต์ไม่ได้ทำอะไรผิดเลย กลับเป็นเธอเองที่หาเรื่องใส่ตัว
เธอก็เป็นผู้หญิงคนหนึ่ง แล้วยังเป็นผู้หญิงที่รักแต่ไม่ได้ครอบครอง
ตอนนี้เห็นวินเซนต์ปฏิบัติต่อพี่สาวของตนเองอย่างลึกซึ้งเช่นนี้ ในใจของเกวลินนอกจากอิจฉาแล้วยังรู้สึกละอายใจอีกด้วย
ถ้าพี่ยังมีชีวิตอยู่ แล้วรู้ว่าตนเองทำร้ายวินเซนต์ คงจะเสียใจเจ็บปวดแย่เลยสินะ
ตอนนี้เกวลินก็หวังว่าวินเซนต์จะฟื้นขึ้นมาได้ ต่อให้เธอต้องชดใช้ด้วยชีวิตก็ยินดี
นรมนเห็นเกวลินอย่างนี้ ก็ค่อนข้างสบายใจ
ท้ายที่สุดเนื้อแท้ของเกวลินยังคงเป็นผู้หญิงที่จิตใจดี
“วางใจเถอะ ไม่ให้เธอทำจนเกินไปหรอก แค่ให้เธอพูดอยู่ข้างๆวินเซนต์ตามบทละครที่พวกเราให้เธอเท่านั้น”
คำพูดของนรมนทำให้เกวลินตกใจเล็กน้อย
“แค่พูดเหรอคะ?”
“อื้ม แค่พูด”
นรมนเพิ่งพูดจบ เสียงเคาะประตูก็ลอยเข้ามา
“พี่สะใภ้ครับ เฮียให้เราเอาชุดนี้มาให้ครับ”
“เข้ามาสิ”
นรมนพูดนิ่งๆ
ลูกน้องถือชุดเดรสสีขาวชุดหนึ่งเดินเข้ามา
“พี่สะใภ้ เฮียบอกว่าให้เกวลินใส่ครับ”
“มีอะไรก็ไปทำเถอะ”
นรมนรับมาแล้ว ส่งไปให้เกวลิน
“ใส่ชุดนี้ นี่เป็นเดรสที่พี่สาวเธอชอบที่สุด เธอชอบสีขาว ตอนนี้เธอก็แค่ต้องแกล้งเป็นพี่สาวเธอเพื่อคุยกับวินเซนต์ บางทีอาจจะมีประโยชน์”
วิธีของบุริศร์นรมนไม่คิดว่าจะได้ผลสักเท่าไหร่ แต่ว่าก็ลองดู
ตอนนี้วินเซนต์ไม่มีความปรารถนาที่จะเอาตัวรอดอยู่เลย ทำได้เพียงลองให้ทรรศยามีชีวิตอยู่จะสามารถกระตุ้นความรู้สึกของเขาขึ้นมาได้ไหม
เกวลินพยักหน้า ไปเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วทำผมตามที่ทรรศยาชอบ
มองตนเองที่ทั้งคุ้นเคยทั้งแปลกหน้าในกระจก ตอนนี้เกวลินแยกได้ไม่ค่อยชัดเจน แต่ความรู้สึกในใจคืออะไรกันแน่ก็ไม่ใส่ใจแล้ว แค่ทำให้วินเซนต์ฟื้นขึ้นมาได้เธอก็สบายใจ
ทั้งสองคนไปที่โรงพยาบาล
บุริศร์ไปถึงก่อนแล้ว
นรมนถามขึ้นเบาๆ “ก่อนคุณจะไปก็ไม่เรียกฉัน?”
“มาเตรียมการก่อนไง”
บุริศร์จูงมือของนรมนเอาไว้
เกวลินมองนรมน นรมนพยักหน้าให้เธอ เธอจึงผลักประตูเข้าไป
นี่เป็นครั้งแรกที่ได้เจอวินเซนต์หลังจากที่เกวลินแทงวินเซนต์จนบาดเจ็บ
เขาเหมือนกำลังหลับอยู่ แล้วก็เหมือนไม่มีลมหายใจแล้ว
บนใบหน้าของเขาสงบนิ่งเล็กน้อย ไม่มีความเจ้าอารมณ์และโหดร้าย ดูแล้วมีชีวิตชีวา
นาทีนี้เองเกวลินถึงพบว่าวินเซนต์หน้าตาดูดีจริงๆ
ถ้าไม่ใช่เพราะความโหดร้ายที่ล้อมรอบร่างกายอยู่ตลอดทั้งปี จริงๆเขาก็เหมือนผู้คงแก่เรียนคนหนึ่ง หน้าตาละเอียดอ่อนน่ามอง ช่วงหน้าผากดูอบอุ่น
ผู้ชายอย่างนี้อยู่ที่ไหนก็คงมีแต่คนชอบสินะ
เกวลินเดินเข้าไป ดึงมือของวินเซนต์เอาไว้ แต่กลับพบว่ามือของเขาเย็นมาก ไม่มีอุณหภูมิเลย เย็นจนทำให้หวั่นใจ
“พี่……”
เกวลินกำลังจะเรียกว่าพี่เขย จู่ๆก็นึกขึ้นได้ว่าตอนนี้ตนเองแสร้งเป็นทรรศยา อดไม่ได้ที่จะเรียกออกมา “วินเซนต์ได้ยินฉันพูดไหม? ฉันทรรศยาเองนะ”
จริงๆแล้วเสียงของเกวลินกับทรรศยาไม่เหมือนกันเลย แต่ทรรศยาสามคำนี้เป็นสิ่งที่ครอบงำอยู่ในจิตใจของวินเซนต์
ตอนที่ชื่อนี้ออกจากปากของผู้หญิงคนนี้ไปที่ข้างหูของวินเซนต์ ร่างกายของเขาก็สั่นไหวขึ้นมาอย่างควบคุมไม่ได้
เกวลินตื่นเต้นมาก พูดต่อไป “วินเซนต์ คุณลืมตามามองฉันได้ไหม? ฉันโดนคนพวกนั้นห้อมล้อมเอาไว้ พวกเขาตบฉัน ด่าฉัน บังคับให้ฉันทำเรื่องที่ฉันไม่ชอบ คุณรู้ไหมว่าฉันกำลังคิดอะไรอยู่? ฉันกำลังคิดถึงคุณ ฉันคิดถึงความกล้าหาญ ความเข้มแข็งของคุณ คิดว่าคุณต้องมาช่วยฉันใช่ไหม? วินเซนต์ ฉันรอคุณอยู่ รอคุณมาช่วยฉัน คุณจะมาจากที่ไหน? ได้ยินฉันพูดไหม?”
น้ำตาของเกวลินร่วงลงบนหลังมือของวินเซนต์ทีละหยดๆ ในทันทีอุณหภูมิอุ่นๆนั้นก็ทำให้วินเซนต์ขมวดคิ้วแน่นขึ้นมา
ทรรศยา!
ทรรศยาคุณไม่ต้องกลัว ผมจะมาช่วยคุณ ผมต้องกลับมาช่วยคุณ!
วินเซนต์ปรารถนาที่จะมีชีวิตอยู่ขึ้นมาทันที
ไม่!
เขานอนอยู่ตรงนี้ไม่ได้
ที่นี่ที่ไหน?
มืดมิดมองอะไรไม่เห็นเลย
ทรรศยาล่ะ?
ทรรศยาของเขาล่ะ?
เธอที่อ่อนโยนอย่างนั้น บอบบางอย่างนั้น คนพวกนั้นทำอย่างนั้นกับเธอได้ยังไง?
วินเซนต์กำลังหายใจเร็วขึ้น
เขาอยากจะทำลายความมืดมนนี้ แต่มองไม่เห็นว่าประตูอยู่ตรงไหน เขาทำได้เพียงดิ้นรน กำลังวิ่งวนอยู่ที่เดิม ข้างหูยังคงมีเสียงร้องไห้คร่ำครวญของเกวลินลอยมา
“วินเซนต์ คุณไม่รักฉันแล้วเหรอ? คุณไม่รักฉันแล้วใช่ไหม? คุณถึงไม่มาช่วยฉัน คุณถึงนอนหลับอยู่ตรงนี้อย่างใจเย็น คุณดูฉันสิ แขนของฉัน ขาของฉันโดนตัดหมดแล้ว คุณรู้ไหมว่ามันเจ็บขนาดไหน? วินเซนต์ คุณรู้ไหมว่าฉันเจ็บมากๆ?”
“ไม่!”
วินเซนต์ร้องออกมาเสียงดัง ค่อยๆลุกขึ้นมานั่ง ด้านหลังเต็มไปด้วยเหงื่อเย็นๆ