แค้นรักสามีตัวร้าย - บทที่ 1268 เธอยังรังเกียจฉัน
กมลรีบปิดหูวิ่งออกไป
ทางฝั่งบุริศร์เพิ่งจะทำอาหารเสร็จ นรมนก็ได้รับข้อความโฆษณา
“ต้องการซื้อบ้านหรือเปล่า? ตอนนี้ราคาบ้านถูกมาก ถ้าต้องการกรุณาติดต่อมาที่เบอร์ 86745932”
นรมนโยนมือถือลงบนโต๊ะอย่างกลุ้มใจ กล่าวเสียงเบา “ตอนนี้ซื้อบ้านกับรีโนเวทก็ไม่รู้ไปเอาเบอร์พวกเรามาจากไหน แทรกซึมไปได้ทุกที่จริงๆ ”
“มีอะไรเหรอ?”
บุริศร์นำอาหารมาเสิร์ฟ เอ่ยถามทันที
นรมนชี้ไปที่มือถือ “นั่นไม่ใช่โฆษณาหรือไง พูดแปลกๆ หมู่บ้านดารายนมีบ้านขายซะที่ไหน แถมยังทิ้งเบอร์ไว้อีก น่าขำจริงๆ และที่น่าขำที่สุดคือเบอร์มือถือมีแปดตัว หมู่บ้านดารายนไม่ใช่เมืองขึ้นตรงต่อส่วนกลาง เบอร์ต้องมีเจ็ดตัว จะมีแปดตัวได้ที่ไหนกันเชียว”
นรมนพูดอย่างไม่คิดอะไร บุริศร์กลับนิ่งไป
“ข้อความเหรอ? ขอผมดูหน่อยสิ”
เห็นสีหน้าของบุริศร์เปลี่ยนไปกะทันหัน นรมนก็ชะงักงัน ส่งมือถือให้เขา
“ไม่ใช่ข้อความโฆษณาเหรอ? เป็นอะไรไป?”
หลังจากบุริศร์อ่านดู ก็คิ้วขมวด เขามองซ้ายมองขวา ถึงจะกระซิบตอบ “นี่คือข้อความรหัสมอร์สที่พี่สะใภ้ส่งให้พวกเรา”
“นี่มันอะไรกัน?”
นรมนอึ้งไป
ล้อเล่นอะไรเนี่ย
นี่แสดงละครอีกหรือเปล่า?
ข้อความโฆษณหนึ่งจะกลายเป็นรหัสมอร์ส?
บุริศร์มองเห็นนรมนแปลกใจ อดก้มลงไปจูบเธอไม่ได้ จนเธอแกล้งถลึงตาใส่เขา
เขายิ้ม “นี่คือวิธีการติดต่อที่ผมกับพี่ใหญ่และป้องสร้างขึ้นตอนทำการปฏิบัติการ ภายใต้สถานการณ์ที่ไม่สามารถใช้มือถือได้จะใช้วิธีการส่งข้อความแบบนี้ โฆษณาทางโทรศัพท์นี้เป็นการสุ่มตามโอกาส โดยใช้โปรแกรมนำหมายเลขโทรศัพท์ของข้อความโฆษณามาให้พวกเราใช้งาน แต่สามารถส่งได้เพียงข้อความเดียว ดังนั้นจึงมักมีรหัสมอร์สอยู่ด้วย หมายเลขโทรศัพท์นี้คือรหัสมอร์ส เกรงว่าตอนนี้พี่สะใภ้จะไม่สะดวกติดต่อผม จึงติดต่อคุณแทน”
ในขณะที่บุริศร์พูด ก็คัดลอกหมายเลขโทรศัพท์ จากนั้นหยิบสมุดเล่มเล็กออกมาจากกระเป๋า ตรวจสอบหมายเลขโทรศัพท์ตามตัวเลข สุดท้ายจึงพบกับกลุ่มเบอร์โทรศัพท์
เขาไม่รู้ว่าเป็นเบอร์ของใคร แต่รีบกดโทรออกทันที
ทางฝั่งนั้นรับสายอย่างรวดเร็ว
“นั่นใคร?”
“ผมคือบุริศร์ งามสุดาพี่สะใภ้ของผมให้ติดต่อคุณ”
บุริศร์พูดออกไปโดยตรง
อีกฝ่ายชะงักไป จากนั้นกล่าวเสียงเบา “ประธานบุริศร์ ภรรยาของหัวหน้าให้คุณมาหาผมน่าจะเป็นเรื่องนี้ คือให้ผมบอกคุณว่า ปีวราเป็นคนของพวกเราครับ”
“อะไรนะ?”
บุริศร์อึ้งไปทันที
ปีวราเป็นคนของคริชณะ
หลังจากบุริศร์วางสาย รีบโทรหาบอดี้การ์ด
“ไม่ต้องฟาดแล้ว หาหมอมาทำแผลให้เธอ”
“ครับ”
ถึงแม้บอดี้การ์ดจะไม่เข้าใจว่าทำไมบุริศร์ถึงสั่งแบบนี้ แต่ยังคงปฏิบัติตาม
ในขณะนี้ปีวราเลือดอาบไปทั่งตัว หมดสติไปเรียบร้อย
บุริศร์ไม่ค่อยเข้าใจ จึงโทรกลับไปเบอร์เมื่อสักครู่อีก
“ฉันต้องการข้อมูลของปีวรา”
“ปีวราเป็นคนในท้องที่ นับว่าเป็นคนหมู่บ้านดารายนครึ่งหนึ่ง แม่ของเธอคือคนหมู่บ้านดารายน แต่พ่อไม่ใช่ ก่อนหน้านี้เพราะแม่ของเธอรักกับคนต่างกลุ่ม ถึงถูกขับไล่ออกไป ดังนั้นกรณีที่หมู่บ้านดารายนถูกฆ่ายกตระกูล แม่ของเธอจึงโชคดีรอดพ้นไปได้ หลังจากนั้นปีวราเป็นทหาร หัวหน้าคริชณะเรียกระดมด้วยตนเอง หลังจากการฝึกลับก็ส่งกลับสู่พื้นที่ ให้ทำงานอย่างลับๆ คุณนายรู้สถานการณ์ของคุณและนรมน พวกคุณต้องการออกไปข้างนอก ต้องไปหมู่บ้านดารายนแน่นอน ดังนั้นก่อนที่จะเกิดเรื่องขึ้นกับหัวหน้าคริชณะ ผมจึงให้เธอรอพวกคุณอยู่ในละแวกหมู่บ้านดารายน”
นรมนกับบุริศร์เข้าใจคำพูดของอีกฝ่าย อีกฝ่ายก็วางสายไป
นรมนกล่าวเสียงเบา “นี่หมายความว่าพี่ใหญ่สามารถทำนายอนาคตล่วงหน้าได้? หรือไม่ได้พิจารณาอย่างรอบคอบล่วงหน้า?”
“พี่ใหญ่น่าจะสังเกตเห็นอะไรก่อนหน้านี้ จึงวางแผนล่วงหน้า ผมแค่คิดไม่ถึงว่าปีวราจะเป็นคนของพี่ใหญ่”
บุริศร์ส่ายหน้า วางกับข้าวลงตรงหน้านรมน
“กินข้าวก่อนเถอะ อย่าเพิ่งไปสนใจ”
นรมนก็หิวแล้ว พยักหน้าปล่อยให้บุริศร์ป้อนตนเอง เรี่ยวแรงของร่างกายฟื้นฟูกลับมาเล็กน้อย
“บุริศร์ คุณว่าปีวราจะโกรธพวกเราไหม?”
บุริศร์กลับพูดอย่างไม่แยแส “โกรธหรือเปล่ามันเกี่ยวอะไรกับพวกเรา ผู้บังคับบัญชาของเธอคือพี่ใหญ่ของผม ไม่ใช่พวกเรา พูดอีกอย่าง เธอไม่ยอมเปิดเผยตัวตนตั้งแต่แรก แถมยังวางยาคุณอีก ผมไม่ฆ่าเธอก็บุญแล้ว เธอควรดีใจที่บังเอิญเป็นคนของพี่ใหญ่ ไม่อย่างนั้นคงได้เจอยมทูตไปนานแล้ว”
สำหรับคำพูดของบุริศร์ นรมนไม่พูดอะไรสักคำ
ทั้งสองรับประทานอาหาร ฟื้นฟูพละกำลังของร่างกาย แต่สีหน้าของนรมนยังคงไม่สู้ดีนัก
บุริศร์พูดอย่างอ่อนโยน “คุณพักผ่อนก่อนเถอะ ผมจะไปดูปีวรา และถือโอกาสถามเรื่องพี่ใหญ่ว่าเธอรู้แค่ไหน มีการเตรียมการอย่างไร ถ้าสามารถช่วยพี่ใหญ่ของผมได้ พวกเราจะได้ช่วยกันคนละไม้คนละมือ”
“ได้ คุณไปเถอะ ไม่ต้องห่วงฉัน ที่นี่ข้างนอกข้างในมีแต่คนของพวกเรา ฉันเองก็ไม่ใช่คนอ่อนแอ ไม่มีปัญหา”
นรมนยิ้มบางๆ ใบหน้าซีดเซียว
บุริศร์กอบใบหน้าเธอด้วยความสงสารจับใจ “ถึงแม้จะมาที่นี่เพราะเรื่องนี้ แต่ผมยังหวังให้คุณสามารถทำจิตใจให้ผ่อนคลายได้นะ”
“ฉันรู้ค่ะ ฉันไม่เป็นไรจริงๆ แค่เหนื่อยนิดหน่อย นั่งเครื่องบินนานแบบนั้น ร่างกายรับไม่ค่อยไหว คุณเองก็ต้องพักบ้าง ในเมื่อวันเวลายังอีกยาวไกล”
“อืม คุณภรรยาของผมรู้จักสงสารผมด้วย”
บุริศร์กอบใบหน้าของนรมนเข้ามาจูบ ทำให้นรมนหน้าแดงสุดๆ
“รีบไปเลย อย่ารบกวนเวลาพักผ่อนของฉัน”
บุริศร์รักท่าทางหน้าแดงของนรมนจริงๆ แต่รู้ว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาพะเน้าพะนอ เขาลุกขึ้นเดินออกไปจากห้อง
ปีวราตื่นขึ้นด้วยความเจ็บปวด
เธอคิดว่าตนเองอยู่ในถ้ำ แต่ฝ้าเพดานและเตียงนุ่มสบายตรงหน้าทำให้เธอรู้ว่า ตนเองรอดตายหวุดหวิด
กมลนั่งอยู่ข้างเตียงโยกขาสั้นๆ สองข้างไปมาอย่างน่าเบื่อ เมื่อเห็นปีวราตื่นขึ้น จึงยิ้มพูด “คุณน้า ฟื้นแล้วเหรอคะ?”
มุมปากของปีวรากระตุก
ก่อนหน้านี้อยู่ในถ้ำยังเรียกเธอว่าพี่สาว ตอนนี้กลายเป็นคุณน้าแล้ว?
เด็กคนนี้ทำไมถึงทำตัวไม่น่ารักแบบนี้นะ?
เหมือนกับกมลจะไม่เห็นท่าทางไม่พอใจของปีวรา ยังคงหัวเราะ “คุณน้าอ่อนจังเลย โดนแส้เฆี่ยนไม่กี่ครั้งก็สลบไปแล้ว อ่อนแบบนี้ทำไมถึงเป็นคนที่พี่ดนัยให้ฉันมาตามหา? เฮ้อ น่าผิดหวัง”
ในขณะพูด กมลยังส่ายหน้าไปมา ท่าทางแบบนั้นปีวราโมโหจนเจ็บปวดใจจริงๆ
“เฆี่ยนไม่กี่ที? ทำไมเธอไม่พูดถึงเรื่องที่แส้ของบ้านเธอมีหนามด้วยล่ะ? แม่งเอ๊ย ฉันสามารถอดทนจนเหลือลมหายใจเอาไว้ก็ไม่ง่ายแล้ว? เธอยังกล้ามารังเกียจฉัน ?เธอรู้ทั้งรู้ว่าฉันได้รับบาดเจ็บ เธอยังกดบาดแผลฉันอีก เด็กเกเร จิตใจของเธอมันแย่มาก”
“ข้อร้องล่ะ ทั้งร่างกายของคุณน้าไม่มีตรงส่วนไหนสามารถวางสิ่งของได้เลย มีแค่บาดแผลของน้าถึงจะเป็นที่ซ่อนที่ดีที่สุด ดูจากไอคิวของน้าแล้ว หนูสงสัยว่าน้าปฏิบัติหน้าที่ได้ยังไง”
ปีวราถูกกมลดูถูกอีกครั้ง
“เธอออกไปได้ไหม ฉันข้อร้องเธอล่ะ เธอออกไปเถอะ”
ปีวราเอามือทาบหน้าอก รู้สึกหายใจยากลำบาก
ทุกคนในตระกูลโตเล็กรับมือยาก
เธอสาบานว่าจะไม่ติดต่อกับคนตระกูลโตเล็กอีก น่ากลัวเกินไปจริงๆ จัดการไม่ดีอาจถึงตายได้
กมลกลับยิ้มแฉ่ง “หนูไม่ออกไปหรอก อีกสักพักแด๊ดดี้ของหนูจะมาแล้ว หนูจะรอแด๊ดดี้ จริงสิ ลืมบอกน้าไป แด๊ดดี้ของหนูเป็นคนที่เกลียดการพูดโกหกที่สุด คุณน้าทำตัวตามสบายนะ”
ปีวราอยากตายจริงๆ
ทำไมนายน้อยถึงได้ส่งปีศาจชั่วร้ายแบบนี้มาติดต่อเธอ
ทำไมนะ?
นายน้อยต้องถูกภายนอกที่ดูเหมือนนางฟ้าของเธอหลอกเอาแน่ๆ
เดี๋ยวเธอจะต้องบอกนายน้อยว่ากมลคนนี้มีโฉมหน้าที่แท้จริงอย่างไร
ปีวราครุ่นคิด
กมลกลับยิ้มแฉ่งขยับใบหน้าเข้ามาใกล้ทันที
“คุณน้ากำลังคิดเรื่องชั่วร้ายอะไรอยู่ใช่ไหม?หนูจะบอกให้นะ ถ้าน้ากล้าบอกพี่ดนัยว่าหนูส่งของให้น้ายังไง รับรองว่าวันเวลาต่อจากนี้น้าจะน่าเวทนามาก”
“เธอขู่ฉันเหรอ?”
“ใช่ นี่น้าดูไม่ออกเหรอ?”
กมลตรงไปตรงมา
ปีวรายิ่งเจ็บหน้าอก
“ฉันเป็นคนป่วย ฉันต้องการพักผ่อน”
“คุณน้าสัญญาว่าจะเลี้ยงข้าวหนู”
กมลกลับมานั่งบนเก้าอี้ แกว่งขาสั้นๆ ของตนเองไปมาต่อ พูดอย่างผ่อนคลาย
“นั่นเป็นการเชื่อมต่อรหัสลับ อย่าบอกว่าเธอไม่รู้ !จะกินอะไรเล่า? พวกเธอตระกูลโตเล็กร่ำรวยขนาดนี้ มีอะไรที่เธอกินไม่ได้อีก?”
“นั่นไม่เหมือนกัน พวกเราตระกูลโตเล็กยากจนมาก เหลือแค่เงิน คุณน้าเองก็รู้ เงินกินไม่ได้ และหนูก็ไม่ได้ชอบขนาดนั้น ยิ่งกว่านั้นน้ายังบอกต่อหน้าบอดี้การ์ดของบ้านพวกหนูว่าจะเลี้ยงสิ่งที่บินอยู่บนฟ้า วิ่งอยู่บนพื้น และว่ายอยู่ในน้ำ ผู้ใหญ่พูดอะไรต้องมีความน่าเชื่อถือ จะมาหลอกเด็กไม่ได้นะ”
สีหน้าฟ้องร้องของกมล ปีวราแทบจะเป็นลม
ใครก็ได้ รีบมาเอาตัวบรรพบุรุษคนนี้ออกไป
บางทีเบื้องบนอาจจะได้ยินเสียงอ้อนวอนของปีวรา บุริศร์เปิดประตูเข้ามาได้ถูกเวลา
“แด๊ดดี้!”
กมลยิ้มเหมือนนางฟ้า ทำให้ปีวรารังเกียจสุดๆ ทันที
“กมล ทำไมลูกถึงมาอยู่ตรงนี้?”
บุริศร์แปลกใจ
กมลยิ้ม “คุณน้าคนนี้บอกว่าจะเลี้ยงข้าวหนูค่ะ สิ่งที่บินอยู่บนฟ้า วิ่งอยู่บนพื้น และว่ายอยู่ในน้ำ เลี้ยงอาทิตย์ละอย่าง หนูดีใจมากเกิน เลยมาหาเธอ”
มุมปากของปีวรากระตุกอีกครั้ง
เธอขอถอนคำพูดเหล่านี้ได้ไหม
ได้ไหม?
บุริศร์กลับลูบศีรษะกมลอย่างอ่อนโยน ยิ้มกล่าว “วันๆ เอาแต่กิน ไม่กลัวกลายเป็นลูกหมูเหรอ”
“ไม่กลัว”
กมลกอดแขนบุริศร์อย่างออดอ้อน ก็ได้ยินบุริศร์พูด “ออกไปหากิจจาเถอะ หม่ามี้ของลูกก็เบื่อๆ ไปอยู่เป็นเพื่อนหม่ามี้หน่อยก็ดี”
“ได้ค่ะ แล้วเจอกันนะคะแด๊ดดี้”
กมลจากไปอย่างเชื่อฟัง
ปีวราคิดว่าตัวเองตาฝาด
ไม่คิดว่าปีศาจน้อยที่เลวร้ายจะเชื่อฟังแบบนี้
บุริศร์เห็นสายตาของเธอมองตามกมลไป เขาคิ้วขมวดเบาๆ สายตาเฉียบคมทำให้ปีวราถอนสายตากลับมาทันที
“เธอคือคนของคริชณะ?”
สิ้นคำของบุริศร์ ปีวรานิ่งไป แต่ยังคงพยักหน้า
“มีหลักฐานไหม?ถ้าไม่มีหลักฐานยืนยันตัวตนของเธอ ฉันจะต้องฆ่าเธอทิ้ง เธอต้องรู้ว่า ฉันบุริศร์ไม่สามารถปล่อยอันตรายแฝงเร้นไว้ข้างกายได้”
คำพูดนี้ทำให้ปีวราแทบจะเป็นลมล้มพับไป
หลักฐาน?
เธอเป็นสายลับ งานที่ทำทุกอย่างล้วนเป็นความลับ จะมีหลักฐานที่ไหน?
เกรงว่าบุริศร์จะจงใจหาข้ออ้างฆ่าตนเองซะแล้ว?