แค้นรักสามีตัวร้าย - บทที่ 1280 ต่อไปก็ห้ามเล่น
“แด๊ดดี้ เป็นอะไรไปคะ?”
แม้กมลจะรู้สึกได้ถึงความผิดปกติเล็กน้อย แต่สุดท้ายยังคงขาดทักษะอยู่บ้าง
นรมนรีบดึงกิจจาเข้ามาในอ้อมอก พูดเบาๆ “มีคนซุ่มโจมตี”
แม้ร่างกายจะค่อนข้างอ่อนแอ แต่สัญชาตญาณการป้องกันตัวกับระดับการตอบสนองขั้นพื้นฐานยังมีอยู่
บุริศร์มองนรมนด้วยความเป็นห่วง พูดเบาๆ “คุณยังไม่ต้องเข้าไป อยู่กับกิจจาข้างนอก ผมจะเข้าไปดูหน่อย”
“แด๊ดดี้ แล้วหนูล่ะ?”
จริงๆกมลอยากจะคอยคุ้มกันให้บุริศร์ ความถนัดของเธอคือการซุ่มยิง แค่หาที่สูงอำพรางตนเองเอาไว้ ก็สามารถแบ่งเบาภาระให้บุริศร์ได้มากแล้ว
บุริศร์มองความคิดของเธอออก ยิ้มแล้วลูบหัวของเธอพูดขึ้น “ภารกิจของลูกคืออยู่เป็นเพื่อนหม่ามี้ อีกเดี๋ยวเตรียมตัวกินอาหารอร่อยๆ”
“แด๊ดดี้ หนู……”
“เด็กดี เชื่อฟังนะ”
บุริศร์ตัดบทคำพูดของกมล แล้วพาบอดี้การ์ดไม่กี่คนลงจากรถไปด้วย
ตอนนี้นรมนรู้สึกว่ารถคันนี้ก็เป็นเป้าโจมตีที่เคลื่อนไหวได้ ถ้าอีกฝ่ายดักซุ่มอยู่จริงๆ ก็ถือว่าพวกเขาโดนล้อมเอาไว้แล้ว
“กิจจา กมล พวกเราต้องลงจากรถ”
นรมนไม่สามารถนั่งรอความตายอยู่ที่นี่ได้
กมลรีบพูดขึ้น “หนูมีแฟลชบอมบ์กับแก๊สน้ำตา ตอนจะออกเดินทางขอมาจากปีวราสองอันเผื่อเกิดเรื่องที่ไม่คาดคิดขึ้น”
ได้ยินกมลพูดอย่างนี้ กิจจาก็ชะงักงัน แล้วพูดขึ้น “เอาแฟลชบอมบ์กับแก๊สน้ำตามาให้พี่”
“พี่กิจจา หนูจัดการได้”
“เอามาให้พี่!”
กิจจาเคร่งขรึมอย่างถึงที่สุด
เขาจะยอมให้กมลทำเรื่องที่อันตรายขนาดนี้ได้ยังไง?
กมลมองนรมนด้วยความน้อยใจ เพราะนรมนพยักหน้า เธอจึงส่งไปให้กิจจาอย่างไม่เต็มใจ บ่นพึมพำ “หนูคิดจะเอามาเล่นเฉยๆ หนูยังไม่เคยเล่นอันนี้เลยอะ”
“ต่อไปก็ไม่อนุญาตให้เล่น”
กิจจากำชับอย่างจริงจัง หลังจากเห็นว่านรมนกับกมลเตรียมตัวพร้อมแล้ว จึงดึงสลักแล้วโยนออกไป
แสงเจิดจ้าทำให้คนลืมตาไม่ขึ้นอย่างฉับพลัน
นรมนใช้โอกาสนี้ จับเด็กสองคนไว้คนละข้างวิ่งลงไปจากรถ ทั้งยังกลิ้งตัวพาเด็กๆไปซ่อนไว้ที่ด้านหลังป้ายหมู่บ้านหมู่บ้านน้ำใสอีกด้วย
ในเวลาเดียวกันกิจจาก็โยนแก๊สน้ำตาออกไป
เสียงไอจากรอบๆด้านดังขึ้นอยู่พักหนึ่ง
นรมนหยิบปืนพกออกมาจากที่เอว อาศัยการฟังยิงไปตามตำแหน่งที่ได้ยินเสียงไอ
กิจจาไม่ได้พกอาวุธมาด้วย จึงหยิบหนังสติ๊กอันหนึ่งออกมาจากในกระเป๋า หยิบหินก้อนเล็กๆบนพื้นแล้วยิงออกไปโดยใช้การฟังเสียงเพื่อหาตำแหน่ง
กมลเห็นพวกเขายิงได้ยอดเยี่ยม ตนเองก็คันๆมือ น่าเสียดายที่ปืนซุ่มยิงของเธออยู่บนรถ อีกอย่างที่นี่ก็ไม่เหมาะสมกับการซุ่มยิง
เธอจึงทำได้เพียงแสดงบทบาทเป็นคุณหนูอ่อนแอที่จำเป็นต้องได้รับการปกป้องเท่านั้น
“กมล ตามติดพี่ไว้นะ อย่าวิ่งมั่วซั่วเข้าใจไหม?”
กิจจาหันมามองกมล ก็พบว่าร่างของเธอเกือบจะออกไปจากป้ายหมู่บ้านแล้ว จึงรีบดึงเธอกลับเข้ามา
เดิมทีกมลอยากถือโอกาสที่แสงของระเบิดยังไม่จางหายไป ตนเองจะไปตามหาปืนสักกระบอก คิดไม่ถึงว่ากิจจาจะเห็นเข้า จึงทำได้เพียงติดตามอยู่ข้างๆกิจจาอย่างเชื่อฟัง
นรมนเห็นกิจจาดูแลกมลได้เป็นอย่างดี ก็ไม่มีอะไรต้องกังวลแล้ว
การปะทะกันอย่างรุนแรงสิบกว่านาทีได้สิ้นสุดลง
ตอนที่บุริศร์พาคนออกมาจากด้านใน ด้านนอกก็ไม่มีเสียงแล้ว
พวกบอดี้การ์ดเก็บกวาดสนามรบแล้วถึงพบว่าคนพวกนั้นเป็นทหารรับจ้างกลุ่มหนึ่ง เครื่องแบบเหมือนกับคนที่โจมตีพวกเขาที่หมู่บ้านดารายนคราวก่อนเลย
สีหน้าของบุริศร์ค่อนข้างแย่
บุณพจน์!
ไอ้คนสารเลว!
เขาบอกว่าเขาเป็นพี่คนโตไม่ใช่เหรอ?
ครั้งก่อนที่หมู่บ้านดารายนลอบฆ่าไม่สำเร็จ ครั้งนี้จึงเปลี่ยนมาที่หมู่บ้านน้ำใสงั้นเหรอ?
เป็นเขาที่มีความเมตตาให้เขามากเกินไปสินะ
แววตาของบุริศร์ปรากฏความเย็นชาออกมาเล็กน้อย
นรมนเห็นสงครามจบลงแล้ว จึงพาเด็กๆเดินออกมา
“เป็นไงบ้าง? คนด้านในหมู่บ้านน้ำใสไม่เป็นไรใช่ไหม?”
“ไม่เป็นไร แต่ว่าบ้านของปีวราโดนโจมตี”
คำพูดของบุริศร์ทำให้นรมนตกใจ รีบถามขึ้น “แล้วคนล่ะ? เป็นอะไรไหม?”
“ตอนนี้ไม่เจอใครเลย ไม่รู้ว่าโดนพาตัวไปหรือเปล่า”
บุริศร์ก็โมโหมาก
เหมือนพวกเขาช้าไปก้าวหนึ่งอีกแล้ว
นรมนกลัวว่าการฆ่าคนอย่างโหดร้ายที่หมู่บ้านดารายนจะเกิดขึ้นอีกครั้ง จึงรีบพูด “คนอื่นๆที่หมู่บ้านน้ำใสไม่ได้รับบาดเจ็บใช่ไหม?”
“พวกเรามาทันพอดี พวกเขาไม่ได้รับบาดเจ็บ เพียงแค่โดนขังเอาไว้ ตอนนี้บอดี้การ์ดกำลังจัดการ พวกเราเข้าไปก่อนเถอะ”
“อื้ม”
บุริศร์กับนรมนพาเด็กๆเข้าไปในหมู่บ้านน้ำใส
หมู่บ้านน้ำใสเป็นหมู่บ้านที่สวยงามมาก ด้านหลังเป็นภูเขาอยู่ติดแม่น้ำ ทัศนียภาพน่าดึงดูด
นรมนเห็นแววตาที่หวาดผวาของคนในหมู่บ้าน ได้ยินเสียงเด็กร้องไห้คร่ำครวญ จึงรู้สึกละอายใจไปโดยปริยาย
ถ้าไม่ใช่เพราะพวกเขามา คนธรรมดาพวกนี้คงไม่ต้องเจอกับความโชคร้าย
กมลเงียบผิดปกติ กิจจากลับถือกล่องยาไปตรวจดูว่ามีคนบาดเจ็บหรือเปล่าอย่างรวดเร็ว เริ่มต้นทำหน้าที่หมอแล้ว
ปีวราพาคนกลับมาอย่างรวดเร็ว ตอนที่เธอเห็นสนามรบด้านนอก หน้าก็ซีดเผือดไปหมด
“แม่ฉันล่ะ?”
ปีวรารีบวิ่งเข้ามาทันที
กมลมองปีวรา ครั้งนี้ไม่มีการเยาะเย้ย แต่พูดขึ้นอย่างรู้สึกผิด “ขอโทษนะ ตอนที่พวกเรามาถึงก็ไม่เจอหม่ามี้กับแด๊ดดี้ของเธอแล้ว แต่บ้านของพวกเธอโดนโจมตี ไม่มีของอะไรเหลืออยู่เลย”
แต่ปีวราไม่สนใจเรื่องที่บ้านโดนทำลาย กลับคว้าชาวบ้านที่อยู่ข้างๆ ถามขึ้นด้วยความร้อนใจ “พ่อแม่ฉันล่ะ?”
“เมื่อวานพวกเขาขึ้นเขาไปแล้ว ตอนนี้ยังไม่กลับมา น่าจะรอดพ้นจากการจู่โจม”
ชาวบ้านค่อนข้างเคารพปีวรา
ประเด็นนี้ทำให้กมลประหลาดใจ
“แด๊ดดี้หม่ามี้เธอขึ้นเขาไปทำอะไร?”
“มากับฉันกลุ่มหนึ่ง!”
ปีวรารีบเรียกกองกำลังเล็กๆกลุ่มหนึ่งเข้ามา ตอนที่เห็นบุริศร์กับนรมนก็ชะงักเล็กน้อย แล้วพูดขึ้น “พวกคุณก็ตามฉันมาด้วยเถอะค่ะ ฉันได้รับข่าวจากพ่อของฉัน บอกว่ามีตำแหน่งที่อยู่ของหัวหน้าคริชณะแล้ว ตอนนี้พวกเขายังไม่กลับมา ถ้าไม่เจอหัวหน้าคริชณะแล้ว ก็คงประสบความลำบากอยู่ ไม่ว่าจะเป็นข้อไหน ประธานบุริศร์ก็ตามฉันไปเถอะค่ะ”
“ได้”
บุริศร์พยักหน้า
“นรมน คุณอยู่ที่นี่คอยดูแลกมลกับกิจจาดีกว่า ผมกลัวว่าคนพวกนั้นจะหันกลับมาโจมตีโดยไม่ทันตั้งตัวอีก”
“อื้ม”
การจัดการของบุริศร์ นรมนเห็นด้วยทั้งหมด
เธอก็อยากจะหาคริชณะให้พบเร็วหน่อย แต่ทว่าเด็กๆกับคนในหมู่บ้านสำคัญกว่า
บุริศร์ทิ้งกำลังคนกลุ่มหนึ่งไว้ให้เธอ แล้วตามปีวราขึ้นเขาไป
ลักษณะภูมิประเทศของที่นี่มีภูเขาแม่น้ำค่อนข้างเยอะ แล้วยังสูงกว่าระดับน้ำทะเลค่อนข้างมากด้วย
ตอนที่นรมนมาถึงหมู่บ้านน้ำใสก็รู้สึกหายใจไม่ค่อยสะดวก
คนของหมู่บ้านน้ำใสถือของกินออกมาต้อนรับพวกเขา ปฏิบัติต่อพวกเขาอย่างอบอุ่น
บุริศร์ตามปีวราขึ้นเขา ด้วยการนำทางของปีวรา พวกเขาทะลุผ่านทางเดินบนเขาเส้นหนึ่งมาถึงปากถ้ำ
ปีวราสมกับที่เติบโตที่นี่ เข้าใจธรรมชาติของป่าโดยไม่มีความเกรงกลัวเลย บุริศร์เห็นวิธีการซ่อนร่องรอยของเธอมาตลอดทาง ต้องชื่นชมผู้หญิงคนนี้จริงๆ
และตอนที่มาถึงปากถ้ำ ปีวราก็ดึงวัชพืชที่อยู่ด้านหน้าขึ้นมาทันที จุดไฟเพื่อรมควันหอมๆ ไม่นานด้านในก็มีเสียงของผู้ชายลอยออกมา
“ปีวรา?”
“พ่อ หนูเอง หนูเข้าไปได้ไหม?”
ปีวราตื่นเต้นมาก
“เข้ามาสิ”
พ่อปีวราพยักหน้า
ปีวราพาพวกบุริศร์เดินเข้าไป
ถ้ำใหญ่มาก ด้านในก็กว้างขวางมาก ถึงขั้นที่อากาศค่อนข้างแห้งด้วย
ตอนที่บุริศร์เดินเข้ามามองๆดู แววตาแสดงความรู้สึกที่ไม่ชัดเจน
พวกเขาเดินมาถึงด้านในถ้ำ ก็เห็นผู้ชายอายุสี่สิบกว่าๆคนหนึ่งกำลังหาอะไรอยู่บนพื้น ส่วนผู้หญิงวัยกลางคนกำลังนอนอยู่บนเตียงหินด้านข้างหน้าของเธอแดงจนผิดปกติ
“แม่!”
ปีวราวิ่งเข้าไป แต่กลับโดนพ่อปีวราห้ามเอาไว้
“แกจัดการใบหน้าหน่อย แม่แกจะได้ไม่ตกใจ”
“หนูลืมไปเลย”
ปีวราแลบลิ้น แล้วหยิบสำลีเช็ดเครื่องสำอางในกระเป๋าที่พกติดตัวออกมา รีบลบเครื่องสำอางทิ้งไป
บุริศร์เห็นหญิงสาววัยรุ่นตรงหน้าที่ค่อนข้างแปลกตาไป จึงอดไม่ได้ที่จะตกตะลึง
ปีวราไม่ใช่ผู้หญิงวัยกลางคนที่อายุสามสิบกว่าเหรอ? ทำไมจู่ๆถึงเปลี่ยนเป็นหญิงสาววัยรุ่นแล้วล่ะ?
เหมือนรู้สึกได้ถึงความประหลาดใจของบุริศร์ ปีวราจึงยิ้มพูดขึ้น “เพื่อความสะดวกในการทำงาน ปกติฉันออกไปก็เปลี่ยนหน้าตาทุกครั้งน่ะค่ะ”
เรื่องนี้บุริศร์กลับชื่นชม ไม่นึกว่าเขาจะมองไม่ออกเลย
พ่อปีวรามองบุริศร์ ขมวดคิ้วถามขึ้น “คุณเป็นใคร?”
“เป็นพี่น้องร่วมสาบานของหัวหน้าคริชณะบุริศร์ครับ”
ตอนที่พ่อปีวราได้ยินบุริศร์ก็ชะงักงันเล็กน้อย ถามขึ้นโดยไม่รู้ตัว “คุณมาช่วยหัวหน้าคริชณะ?”
“ครับ”
บุริศร์พอจะมองออกแล้ว ครอบครัวของปีวราน่าจะเป็นคริชณะที่ปักหลักเอาไว้ที่หมู่บ้านน้ำใสอย่างลับๆ
พ่อปีวรามองปีวราถามขึ้นด้วยความระมัดระวัง “ยืนยันตัวตนแล้วใช่ไหม?”
“ยืนยันแล้ว นายน้อยส่งรูปมาให้เองเลย”
ปีวราพูดจบก็มาที่ด้านหน้าของแม่ เห็นแม่หน้าแดงก่ำ จึงถามขึ้นอย่างเป็นห่วง “พ่อคะ แม่เป็นอะไรไป?”
“ตอนที่มาถึงเมื่อคืนโดนงูกัด โดนพิษเข้าแล้ว พ่อล้างพิษให้แล้วแหละ ตอนนี้คงจะเป็นไข้ ถ้าพวกแกไม่มา พ่อก็จะเรียกคนขึ้นมาหามเธอลงไปแล้ว”
ได้ยินพ่อปีวราพูดอย่างนี้ บุริศร์ก็ตะลึงเล็กน้อย
“พิษงูล้างเองได้ด้วยเหรอครับ? ตอนนี้ต้องส่งลงเขาไปให้หมอดูแล้วนะ”
“อื้ม”
พ่อปีวราเป็นห่วงภรรยามาก จึงรีบตอบตกลง
ปีวราให้คนหามแม่เดินไปอย่างระมัดระวัง พ่อปีวรากลับอยู่รั้งท้าย ส่งของชิ้นหนึ่งไปให้บุริศร์ พูดขึ้น “คุณดูสิ ผมเจอมันที่นี่ ผมเอาแต่รู้สึกว่านี่เป็นของของหัวหน้าคริชณะ ก็เลยค้นหารอบๆว่ายังมีเบาะแสอื่นอีกไหม แต่น่าเสียดายที่ที่นี่นอกจากสิ่งนี้ก็ไม่มีอย่างอื่นแล้ว”
บุริศร์เห็นมีดสั้นในมือของพ่อปีวรา มีดสั้นเล่มนั้นผลิตขึ้นที่เยอรมัน บุริศร์คุ้นตามากอยู่แล้ว นั่นเป็นรางวัลที่พวกเขาสามสหายได้รับตอนไปอบรมส่วนบุคคลที่เยอรมัน มีดสั้นแต่ละเล่มจะมี สัญลักษณ์หมายเลขอยู่ แน่นอนว่าแต่ละคนจะมีมีดสั้นคนละเล่ม
เขารีบดึงปลอกมีดออก หลังจากเห็นหมายเลขที่คุ้นเคย ดวงตาของบุริศร์ก็ชุ่มชื้น ในใจค่อนข้างตื่นเต้นขึ้นมา
“เป็นมีดสั้นของเขา! แสดงว่าพี่คริชณะเคยอยู่ที่นี่”
บุริศร์มองไปรอบๆ ที่นี่มีเตียงหินเก้าอี้หิน เหมือนสามารถเข้าอยู่ได้ แต่ก็ไม่มีร่องรอยที่คนเคยอาศัยอยู่เลย
ดังนั้นเป็นไปได้มากว่าคริชณะจะโดนคนซ่อนไว้ที่นี่ชั่วคราว แล้วภายหลังก็พาออกไป
ทำไมอีกฝ่ายต้องพาคริชณะมาที่นี่?
แล้วพวกเขาจะพาคริชณะไปที่ไหนอีก?
ทำไมที่เมืองชลธีถึงไม่ได้รับข้อมูลพวกนี้สักนิดเลยล่ะ? พวกเขาเหมือนโดนคนปิดหูปิดจมูกปิดตาเอาไว้ ทำให้มองไม่เห็นฟังไม่ได้ยินดมไม่ได้กลิ่นอะไรเลย
สรุปว่าใครกันแน่ที่มีฝีมือมากมายขนาดนี้?