แค้นรักสามีตัวร้าย - บทที่ 1294 ผมไม่มีความสามารถจริงๆ
ตอนที่บุริศร์ออกไป นรมนมองเขาแวบหนึ่ง แต่ไม่ได้ตามไป เธอปลอบใจพรวลัยต่อไป ในเมื่อตอนนี้อารมณ์ของพรวลัยไม่ค่อยมั่นคง และเธอยังท้องด้วย
นรมนรู้ดี บุริศร์ไม่มีทางไม่สนใจบุณพจน์ แม้ว่าเรื่องนี้จะอันตรายไปบ้าง แต่กับพิรุณแล้ว พวกเขาต้องเผชิญหน้าอยู่ดี
หลังจากบุริศร์เดินออกไป ก็ตรงไปหาคริชณะ
“ที่นี่มีสัญญาณมั้ยครับ”
ปกติแล้ว ในค่ายกลจะปิดกั้นสัญญาณ ไม่น่าจะใช้มือถือได้
คริชณะถามเสียงแผ่วเบา “นายจะติดต่อกับข้างนอกหรือ”
“ครับ มีธุระนิดหน่อย ผมต้องพาบุณพจน์ออกมา”
บุริศร์ไม่ปิดบังคริชณะ ในเมื่ออยากจะปิดบังเรื่องนี้ก็ทำไม่ได้อยู่ดี
คริชณะก้มหน้าครุ่นคิด ก่อนเอ่ยขึ้น “ฉันรู้สึกว่าให้เขาอยู่กับพิรุณที่นั่นประสานงานกับเราข้างนอกจะดีกว่า”
“พี่ให้ลูกชายสู้กับพ่อตัวเอง เดิมทีก็โหดร้ายอยู่แล้ว อีกอย่างบุณพจน์ไม่ใช่ทหารของพวกเรา ในใจเขาศรัทธาพี่หรือเปล่าผมไม่รู้ พี่เชื่อได้อย่างไรความเป็นญาติกับผมจะทำลายความผูกพันพ่อลูกหลายสิบปีกับพิรุณได้ และพี่คิดว่าอยู่กับพวกเรา บุณพจน์จะยอมให้พวกเราบงการหรือครับ บุณพจน์ไม่ใช่คนประเภทที่จะยอมถูกควบคุม ดังนั้นพี่คริชณะ ช่วยเขาออกมาถึงจะถูกต้อง ให้เขาอยู่กับพิรุณ เรายิ่งไม่มีโอกาสชนะ”
คำพูดของบุริศร์ทำให้คริชณะขมวดคิ้วแน่น
เขาไม่ได้พูดอะไร คล้ายกับกำลังครุ่นคิดบางอย่าง
บุริศร์รู้ดี ตอนนี้คริชณะไม่ได้ครุ่นคิดถึงความสัมพันธ์ส่วนตัว ตอนนี้เขาเป็นหัวหน้า ต้องคิดเผื่อทุกคนที่อยู่ข้างหลัง และต้องเริ่มจากสถานการณ์โดยรวม
นี่คือจุดที่บุริศร์เทียบกับคริชณะไม่ได้
คริชณะมาถึงจุดนี้ได้ เพราะเขาเป็นทายาทรุ่นที่สามของครอบครัวทหาร ในใจของเขามีความศรัทธาและการตัดสินใจเด็ดเดี่ยวที่ไม่อาจลบล้างได้ การมองสถานการณ์โดยรวมของเขาไม่มีทางปล่อยให้ความสัมพันธ์พ่อลูกมากระทบกระเทือนสถานการณ์โดยรวม กระทั่งความชอบธรรมเหนือกว่าครอบครัว แต่บุริศร์ทำไม่ได้
ถ้าหากตอนนี้พิรุณต้องการจับนรมน บุริศร์รู้ว่าตัวเองไม่มีทางสงบจิตใจได้แน่ แม้ว่าเขาก็มีความศรัทธา แม้ว่าเขาจะต้องเลือก แต่ไม่มีทางทิ้งนรมนเด็ดขาด
นี่คือสาเหตุที่ตอนนี้คริชณะเป็นพลโท ส่วนเขาเป็นแค่พลตรี
บุริศร์ไม่ได้เร่งให้คริชณะตัดสินใจ เพียงแต่รอคอยเงียบๆ
เวลาผ่านไปเรื่อยๆ คริชณะยังคงขมวดคิ้วแน่น
หลังจากบุริศร์สูบบุหรี่มวนที่สามแล้ว ในที่สุดคริชณะก็พูดขึ้น
“ถ้าหากนายต้องการทำอย่างนี้จริงๆ ฉันจะให้คนกับนายสิบคน ไม่ปิดบังนาย บุริศร์ ครั้งนี้ฉันพาคนมาไม่มาก ทุกคนเป็นทหารชั้นยอด ฉันจะปล่อยให้พวกเขาบาดเจ็บไม่ได้ นายก็รู้ คนเก่งต้องใช้ตอนที่สำคัญที่สุด ตอนนี้บุณพจน์ไม่ใช่คนที่สำคัญมากจนขาดไม่ได้”
“ผมเข้าใจครับ สิบคนนั้นไม่ต้อง เพียงแต่พี่เปิดสัญญาณให้ผมก็พอ หรือไม่ก็ให้มือถือผมเครื่องหนึ่งที่ติดต่อกับข้างนอกได้”
คริชณะชะงักเมื่อได้ยินบุริศร์พูดเช่นนั้น
“นายจะไปช่วยเขาคนเดียวหรือไง”
“ก็ไม่ใช่ครับ ผมมีคนของผม”
บุริศร์ยิ้มบางๆ มุมปากมีความมั่นใจ
คริชณะไม่ค่อยสบอารมณ์ แต่ก็พยักหน้า “โอเค”
พูดจบก็ส่งมือถือให้บุริศร์
“มือถือนี่ติดต่อกับโลกภายนอกได้ แต่นายต้องไปยืนโทรตรงโน้น เพราะเป็นที่ไม่บังสัญญาณ สัญญาณทะลุไปได้”
“ขอบคุณครับ”
บุริศร์ถือมือถือไป จากนั้นก็โทรหามิลิน
มิลินนึกไม่ถึงจะได้รับสายจากบุริศร์ ชะงักไปนิดหนึ่ง แต่ก็รับสายอย่างรวดเร็ว
“ผู้ใหญ่บ้าน ฉันมาถึงใกล้หมู่บ้านดารายนแล้วค่ะ กิจจาโทรมาหาฉันแล้ว”
“ช่วยไปใกล้ๆ หมู่บ้านดารายนสร้างความเคลื่อนไหวหน่อย ให้พิรุณคิดว่าคุณได้ข่าวอะไรถึงกลับมา จะต้องล่อเขาออกมาให้ได้”
บุริศร์พูดเรียบๆ
มิลินขมวดคิ้วนิดหนึ่ง
“ผู้ใหญ่บ้าน ฉันทำคนเดียวหรือคะ มีแบ็คอัพมั้ย”
“ไม่มี แบ็คอัพคุณหาเอง มิลิน ผมรู้ว่าคุณมีวิธี”
บุริศร์พูดจบก็วางสาย
มิลินได้ยินเสียงสายไม่ว่าง ก็ทำปากจู๋ ในใจรู้สึกสับสน
ไม่มีแบ็คอัพล่อพิรุณออกมา ไม่ต้องสงสัยว่ารนหาที่ตาย
พิรุณต้องการหมู่บ้านดารายนมาก มิลินไม่รู้พิรุณวางแผนอะไรก็จริง แต่เธอก็ไม่โง่ หลายปีนี้สืบหาเบาะแสได้บ้าง เกรงว่าการทำลายล้างหมู่บ้านดารายนจะเกี่ยวข้องโดยตรงกับพิรุณ
ตอนนี้บุริศร์พูดอย่างนี้ ยิ่งยืนยันการคาดเดาของมิลิน
เธอถอนหายใจ ในที่สุดก็หยิบมือถือโทรไปหานงลักษณ์
“คุณนาย เราเจอกันหน่อยได้ไหมคะ ฉันต้องการความช่วยเหลือ”
นงลักษณ์ได้รับโทรศัพท์จากมิลินก็แปลกใจมาก
“เธอสร้างหลุมพรางอะไรให้ฉันกระโดดลงไปอีก”
“ไม่มีหลุมพราง ฉันแค่อยากร่วมมือกับคุณ ฉันรู้ว่าคุณอาบุญทิวาอยู่ที่ไหน”
คำพูดของมิลินทำให้นงลักษณ์ตื่นเต้นดีใจ
“เธอพูดจริงๆ นะ ไม่หลอกฉันใช่มั้ย”
“ฉันไม่ได้หลอก ฉันรู้จริงๆ คุณอาบุญทิวาอยู่ที่ไหน แต่ฉันอยากขอยืมคนของคุณ ฉันรู้คุณไม่ได้มอบอำนาจที่แท้จริงในองค์กรให้ฉัน คิดอยากจะใช้อำนาจช่วยคุณอาบุญทิวาใช่มั้ยคะ คนพวกนั้นของคุณเป็นคนที่ภักดี เพื่อคุณแม้แต่ชีวิตก็ยอมสละได้ และกล้าหาญเป็นที่สุด ตลอดหลายปีมานี้ คุณใช้เงินจำนวนมากเพื่อฝึกฝนพวกเขา น่าเสียดายฉันติดตามคุณนานขนาดนี้ ยังไม่รู้คนกลุ่มนี้อยู่ที่ไหน ตอนนี้ฉันต้องการให้พวกเขาช่วยฉัน ขอแค่คุณ
มิลินทำให้นงลักษณ์เงียบไป
เธออยู่ประเทศFมานานขนาดนี้ ไม่มีทางที่จะไม่มีไพ่ใบสุดท้าย แต่เหลือเชื่อที่มิลินรู้ว่าเธอมีไพ่ใบสุดท้าย แม้ว่ามิลินจะไม่รู้ว่าคนกลุ่มนี้อยู่ที่ไหน แต่ก็เพียงพอที่จะทำให้นงลักษณ์หวาดหวั่น
“ฉันต้องได้เจอเขาก่อน”
“ไม่ได้ ไม่มีเวลาแล้ว ผู้ใหญ่บ้านให้ฉันทำงานด่วนมาก ตอนนี้ฉันต้องไปทำงานให้เสร็จก่อน พองานเสร็จแล้วฉันถึงจะพาคุณไปหาเขาได้ รักษาชีวิตฉันได้ คุณก็จะมีโอกาสไปหาคุณอาบุญทิวา ไม่อย่างนั้นชาตินี้คุณก็จะหาเขาไม่เจอ”
นงลักษณ์ขมวดคิ้วแน่นเมื่อได้ยินมิลินพูด
“เธอข่มขู่ฉันหรือ ฉันจะรู้ได้ยังไงเธอพูดความจริง”
“คุณไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว”
มิลินพนัน พนันความรู้สึกที่นงลักษณ์มีต่อคุณอาบุญทิวา พนันนงลักษณ์จะตอบตกลง
ขณะที่รอคำตอบ หน้าผากมิลินก็มีเหงื่อผุดซึมตลอด
ในที่สุด นงลักษณ์ก็ตอบตกลง
“ก็ได้ ฉันจะให้เธอยืมคนของฉัน แต่มิลิน ถ้าหากสำเร็จแล้วเธอไม่พาฉันไปหาเขา เตรียมตัวตายได้เลย”
น้ำเสียงของนงลักษณ์เย็นชาไร้หัวใจ
มิลินเหยียดยิ้มขมขื่น
พวกเธอเคยเป็นคู่หูที่ดีที่สุด เคยสละชีวิตให้กันได้ แต่ตอนนี้นงลักษณ์กลับต้องการชีวิตเธอแลกกับคุณอาบุญทิวา
ในที่สุดก็เป็นเพราะความรักลึกซึ้งเกินไป
แต่มิลินเป็นห่วง เป็นห่วงนงลักษณ์ได้เห็นคุณอาบุญทิวาตอนนี้แล้ว ไม่รู้จะใจเย็นได้หรือไม่
“ตกลง”
มิลินวางสายแล้ว รู้สึกจุกอกเหลือเกิน
ที่จริงเธออยากเป็นเพียงหมอเท่านั้น ทว่านับแต่รู้ว่าตัวเองเป็นคนของหมู่บ้านดารายน เธอก็ไม่มีทางเลือก
มิลินเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว
พิรุณรู้ว่าทายาทหมู่บ้านดารายนกลับมาแล้ว และยังมีหนังสือโบราณที่สืบทอดกันมา เขาก็ตื่นเต้นดีใจ
“หนังสือโบราณของหมู่บ้านดารายนอยู่ในมือบุริศร์ใช่มั้ย”
“เรียนนายท่านพิรุณ ได้ยินมาว่าบุริศร์อ่านไม่เข้าใจ ก็เลยให้กิจจาลูกชายของเขา และกิจจาก็เป็นศิษย์ของมิลิน จะถึงมือมิลินก็ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้ และมิลินก็เป็นทายาทหมู่บ้านดารายน คาดว่าคงจะอ่านเข้าใจหนังสือเล่มนั้นบันทึกอะไร หรืออาจจะมีบันทึกสายแร่ครับ”
รายงานของลูกน้องทำให้แววตาลึกๆ ของพิรุณตื่นเต้น
“ฉันหาทางเข้าสายแร่ไม่เจอสักที รู้แค่อยู่บนเขาด้านหลังหมู่บ้านดารายน หลายปีมานี้สำรวจลับๆ มาตลอด แต่ก็ถูกพลังลึกลับขัดขวางเสมอ ถ้าหากได้ครอบครองหนังสือโบราณนั่น ไม่แน่อาจจะหาทางเข้าได้ ขอแค่หาทางเข้าสายแร่เจอ ภูเขาทั้งลูกนี้ก็จะเป็นของฉัน! ไปพาคุณชายมา”
พิรุณออกคำสั่ง ก็มีคนไปที่ศาลบรรพบุรุษ
แต่ตอนที่พวกเขาเปิดประตูศาลบรรพบุรุษบุณพจน์นอนสีหน้าซีดเซียว ดูเหมือนไม่หายใจ
“เร็ว! แจ้งนายท่านพิรุณ คุณชายบุณพจน์ คุณชายบุณพจน์อาจจะ…”
ลูกน้องไม่กล้าพูดจาซี้ซั้ว แต่ตกใจจนตัวสั่น
พิรุณได้รู้ข่าวก็รีบไปที่ศาลบรรพบุรุษเห็นบุณพจน์นอนหายใจเฮือกสุดท้าย หายใจออกอย่างเดียว แต่ไม่หายใจเข้า
“ทำไมเป็นอย่างนี้”
พิรุณโมโหทันที
“เรียกหมอมา! เร็ว!”
หมอถูกพาเข้ามาอย่างรวดเร็ว หลังจากตรวจบุณพจน์แล้ว ก็ตกใจจนทรุดนั่งกับพื้น เสียงสั่นเครือ “นายท่านพิรุณ คุณชายบุณพจน์อาจไม่รอด”
“หมายความว่าไง”
พิรุณกระชากคอเสื้อหมอ ควักปืนที่เหน็บตรงเอวขึ้นมา จ่อหัวของหมอทันที
“รักษาเขาให้หาย ถ้าเขาตาย ฉันจะให้แกตายตามไปด้วย!”
“นายท่านพิรุณ ท่านฆ่าผมแล้ว ผมก็ไม่มีทางอยู่ดี! คุณชายบุณพจน์ถูกพิษ หนอนพิษเข้าไปในหัวใจแล้ว มัน มัน…”
หมอพอจะเข้าใจพิษบ้าง เห็นสภาพบุณพจน์ตอนนี้เหงื่อเย็นไหลซึม
พิรุณลนลาน
“เป็นไปได้ไง เขาคือลูกชายของป้าโอ! ตั้งแต่เล็กจนโตอยู่กับหนอนพิษ เขาจะถูกหนอนพิษสะท้อนกลับได้ไง ช่วยเขาเดี๋ยวนี้! ใช้หมอแผนตะวันตกก็ต้องรักษาเขา!”
หมอร้องไห้ออกมาแล้ว
“นายท่านพิรุณ ผมไม่มีความสามารถจริงๆ ตอนนี้คุณชายบุณพจน์คงจะไม่ไหวแล้ว ดูท่าทางคุณชายบุณพจน์อย่างนี้ เกรงว่าจะใช้พิษทองคำ”
“พิษทองคำ เขากินพิษทองคำหรือ”
ดวงตาของพิรุณเบิกกว้างทันที
“ลูกอกตัญญู! พิษทองคำนี่ล้ำค่าขนาดไหน แกกินมันเข้าไปได้ไง แกก็น่าจะรู้ ในโลกนี้มีพิษทองคำแค่สามแผ่น และฉันก็มีแค่แผ่นเดียว เป็นของที่ตอนนั้นได้มาจากโอ มันมีประโยชน์กับฉันมาก แกกินเข้าไปได้ไง”
พิรุณเตะตัวบุณพจน์ระบายแค้น และยังเตะหลายทีติดๆ กัน
“ไอ้ลูกเนรคุณ! ถ้ารู้อย่างนี้ ฉันบีบคอแกตายไปแต่แรกแล้ว!”
พิรุณจ้องมองโกรธบุณพจน์ที่ใกล้ตาย พูดจาเย็นชา “ในเมื่อรักษาไม่ได้ ก็ปล่อยให้มันอยู่ที่นี่ละกัน รอมันตายแล้ว ค่อยโยนมันลงในบ่อหนอนพิษ ให้มันอยู่ที่นี่เฝ้าแม่ของมันละกัน”
พูดจบพิรุณก็เดินออกจากศาลบรรพบุรุษ และให้คนล็อกประตูจากข้างนอก