แค้นรักสามีตัวร้าย - บทที่ 1303 แอบอ้างสถานะของผู้อื่น
นรมนอยู่ข้างนอกไปอีกพักหนึ่ง พอข้างในไม่มีเสียงลอยมาแล้วเธอถึงจากไป
เธอไม่รู้ว่าพอบุณพจน์รู้ว่าพรวลัยกินยาพิษเข้าไปแล้วจะมีสภาพจิตใจยังไง ถ้าหากเป็นบุริศร์ละก็ คาดว่าน่าจะทุกข์ใจมากละมั้ง
แต่ว่าเรื่องความรู้สึกนั้น เธอช่วยอะไรไม่ได้จริง ๆ
หลังจากที่นรมนจากมาแล้วก็กลับมาถึงหมู่บ้านดารายน
ด้านนงลักษณ์ยังคงยุ่งมาอยู่ อาจจะกำลังตรวจสอบปัญหาเรื่องตัวตนของพิรุณอยู่ แต่พอมิลินเห็นนรมนนั้น ก็รีบพาตัวเธอมาอีกข้างหนึ่ง แล้วพูดเสียงต่ำขึ้นว่า “ผู้ใหญ่บ้านติดต่อฉันแล้วค่ะ”
“อะไรนะ?”
นรมนรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย
ทำไมบุริศร์ถึงไม่ติดต่อกับเธอ? แต่กลับติดต่อไปหามิลินล่ะ?
เหมือนกับว่าจะรู้ว่านรมนกำลังคิดอะไรอยู่ มิลินก็รีบพูดขึ้นว่า “สัญญาณของทางผู้ใหญ่บ้านโดนดักฟัง ไม่มีวิธีที่จะโทรศัพท์ได้ เพราะฉะนั้นเขาก็เลยใช้วิธีติดต่อที่มีแต่หมู่บ้านดารายนเราเท่านั้นติดต่อฉันมา”
“หนอนพิษเหรอ?”
วิธีติดต่อที่นรมนสามารถนึกออกได้ก็มีแต่วิธีนี้เท่านั้น
มิลินพยักหน้าเล็กน้อย
“ผู้ใหญ่บ้านนั้นมีพรสวรรค์มากเลย ถึงกับใช้หนอนพิษติดต่อฉันเป็นด้วย เขาบอกว่าพวกเขาไม่เป็นอะไร ให้พวกเราไม่ต้องเป็นห่วง ปกป้องทางเข้าหมู่บ้านราดายนไว้ให้ดี แล้วรอข่าวจากเขา”
มิลินดูไปแล้วตื่นเต้นมาก ในเมื่อมีข่าวของบุริศร์แล้ว ขอเพียงผู้ใหญ่บ้านยังอยู่ เธอก็จะมีที่พึ่ง แต่ว่านรมนกลับไม่ได้มองโลกในแง่ดีแบบนั้นเหมือนกับเธอ
“บุริศร์ใช้หนอนพิษไม่เป็น”
หลังจากที่พูดประโยคนี้จบ นรมนก็ยกเท้าแล้วเดินจากไปเลย เหลือมิลินให้ยืนเหม่ออยู่ที่เดิมคนเดียว
ใช้หนอนพิษไม่เป็นงั้นเหรอ?
จะเป็นไปได้ยังไง?
“คุณนายคะ ฉันไม่ได้โกหกนะ ผู้ใหญ่บ้านติดต่อฉันมาจริง ๆ นะ หนอนพิษตัวนั้นฉันยังเก็บไว้อยู่ เป็นหนอนที่ใช้ส่งข่าวสารโดยเฉพาะเลยนะคะ”
มิลินรีบร้อนอธิบาย แต่ในสมองของนรมนกลับปรากฏภาพของคนคนหนึ่งออกมา
ปีวรา!
แม่ของเธอเป็นลูกหลานของหมู่บ้านดารายน ถ้าจะรู้เรื่องหนอนพิษก็เป็นเรื่องปกติ ผู้ใหญ่บ้านของหมู่บ้านน้ำใสบอกว่าตั้งแต่เด็กๆ ปีวราก็ไม่เคยได้สัมผัสกับเรื่องพวกนี้มาก่อนเลย นรมนไม่เชื่อหรอก
ถ้าหากว่าปีวราเป็นคนใช้สถานะของบุริศร์มาส่งข่าวพวกนี้จริง นรมนไม่ได้รู้สึกถูกปลอบขวัญเลย แต่กลับอดไม่ได้ที่จะเป็นกังวลขึ้นมา
สถานะของปีวราในตอนนี้จะเป็นมิตรหรือเป็นศัตรูก็ไม่ชัดเจน ถึงแม้ว่าเธอจะหลอกใช้กมลจนตามหาคริชณะเจอ ก็ไม่สามารถพูดได้ชัดว่าปีวราจะเป็นคนของพิรุณ
และอย่างเช่นพรวลัย
เธอเองก็ปล่อยตัวพิรุณไปไม่ใช่เหรอ?
แต่ว่าปฏิกิริยาที่เธอมีต่อพิรุณกลับทำให้คนต้องครุ่นคิดอย่างหนัก
หัวสมองของนรมนรู้สึกเจ็บปวดขึ้นมาเล็กน้อย มีเรื่องราวที่คิดไม่ตกมากมายล้อมรอบตัวเธออยู่ ความรู้สึกเหนื่อยล้าระลอกแล้วระลอกเล่าทำให้ร่างกายเธอรู้สึกไม่ค่อยไหว
ไม่รู้ว่ากิจจาปรากฏตัวมาตั้งแต่เมื่อไหร่ และถือซุปพุทราจีนไว้ถ้วยหนึ่ง แล้วพูดเสียงต่ำขึ้นว่า “หม่ามี้ หม่ามี้กินอะไรหน่อยนะครับ ผมให้ในครัวทำมาให้ครับ”
“ขอบใจจ้ะกิจจา”
นรมนจ้องมองดูลูกชายที่รู้เรื่องมากขนาดนี้ แล้วก็อดไม่ได้ที่จะคิดถึงกานต์ขึ้นมา
ถ้าหากว่าเวลานี้มีกานต์อยู่ด้วยละก็ ก็ไม่รู้ว่าจะมีสถานการณ์เป็นแบบไหนไปจริง ๆ
กิจจาเห็นนรมนดื่มซุปพุทราจีนจนหมดแล้ว ก็ถือถ้วยไว้แล้วก็เดินออกไปเลย
นรมนคิดถึงกานต์ขึ้นมาเลย
เธอเอาโทรศัพท์ออกมาแล้วโทรวิดีโอคอลหากานต์สายหนึ่ง
ในตอนที่สายวิดีโอคอลโทรติดนั้น กานต์กำลังกินยาอยู่ ใบหน้าที่ย่นแบบนั้นนรมนเห็นแล้วมุมปากก็ค่อย ๆ คลี่ขึ้นมา
“หม่ามี้ไม่รู้เลยนะเนี่ยว่าลูกชายตัวเองจะกินยาได้อย่างยากลำบากขนาดนี้?”
กานต์รีบโยนเข้าไปในปาก แล้วก็ดื่มน้ำตามลงไปคำหนึ่ง แต่ก็ยังคงข่มรสชาติขมนั่นไม่อยู่ จึงรีบกินส้มลูกหนึ่งขึ้นมา แล้วถึงพูดเสียงต่ำขึ้นมาว่า “หม่ามี้ หม่ามี้ไม่รู้หรอก วันหนึ่งต้องกินสามมื้อติดต่อกัน จะกินจนเกิดโรคขึ้นมาแล้วจริง ๆ”
“นั่นก็เป็นเพราะคำนึงถึงร่างกายของหนู เป็นยังไงบ้าง? รู้สึกดีขึ้นบ้างหรือยัง?”
พอนรมนได้เห็นหน้าลูกชายอารมณ์ก็ดีขึ้นมากแล้ว
กานต์ยิ้มแล้วพูดขึ้นว่า “ดีขึ้นเยอะแล้วครับ หม่ามี้ ทางหม่ามี้เป็นยังไงบ้างคะ? มีอะไรคืบหน้าบ้างหรือเปล่าครับ?”
นรมนส่ายหน้าแล้วพูดขึ้นว่า “ไม่มีอะไรคืบหน้าเลย แต่ก็ไม่มีอันตรายอะไร หนูอย่าเป็นห่วงพวกเราเลย รักษาตัวเองให้ดี ๆ รีบ ๆ หายแล้วมาอยู่ข้างกายหม่ามี้เร็ว ๆ นะ หม่ามี้คิดถึงหนูแล้ว”
“หนูก็คิดถึงหม่ามี้ครับ”
กานต์พูดจบแล้วใบหน้าก็แดงขึ้นมาเล็กน้อย ดูแล้วน่ารักมากเลย
นรมนรักท่าทางเล็ก ๆ แบบนี้ของกานต์จะตายอยู่แล้ว จนแทบอยากหยิกผ่านหน้าจอไปทีหนึ่งเลย
“ลูกชายของหม่ามี้หล่อจังเลย มาจุ๊บทีหนึ่งซิ”
สำหรับการจุ๊บผ่านหน้าจอของนรมน กานต์กลับยิ่งหน้าแดงมากขึ้น และหูก็แดงขึ้นด้วย
“หม่ามี้ หม่ามี้มีเรื่องอะไรจะให้ผมไปทำใช่หรือเปล่าครับ?”
กานต์รู้สึกว่าตัวเองค่อนข้างที่จะรับหม่ามี้ที่ลุ่มร้อนอย่างนี้ไม่ไหวแล้ว
แต่นรมนกลับส่ายหน้าแล้วพูดขึ้นว่า “ไม่มีจ้ะ หม่ามี้หวังว่าหนูจะสามารถรักษาตัวเองให้ดี ๆ ก็พอแล้ว”
ในเวลานี้ นรมนรู้สึกดีใจเป็นอย่างมากที่กานต์ไม่ได้ตามมาด้วย ไม่งั้นละก็ไม่รู้ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นมาบ้าง และตอนนี้กมลจะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้ ทุกอย่างได้แต่รอต่อไปเท่านั้น
สองแม่ลูกพูดคุยกันไปอีกพักหนึ่ง แล้วกานต์ก็เสนอให้เล่นเกมกันสักรอบ แต่กลับโดนนรมนปฏิเสธไป
“หม่ามี้ เป็นเพราะว่าคุณบุริศร์ไม่อนุญาตเหรอครับ? อ๋อใช่แล้ว คุณบุริศร์ล่ะ? ทำไมถึงไม่เห็นคุณบุริศร์เลยละครับ?”
กานต์ถึงเพิ่งจะพบว่าบุริศร์ไม่อยู่ข้างกาย
ปกติแล้วในเวลาแบบนี้บุริศร์ไม่ควรจะต้องเฝ้าอยู่ข้างกายนรมนหรอกเหรอ?
นรมนยิ้มแล้วพูดขึ้นอย่างสงบนิ่งว่า “แด๊ดดี้ของหนูมาที่นี่มีเรื่องมากมายต้องทำ จะมามีเวลาอยู่กับหม่ามี้ที่ไหน? อ๋อใช่แล้ว ตามหาลุงคริชณะของหนูเจอแล้วนะ ตอนนี้คิดว่าทั้งสองคนคงจะพูดคุยกันอยู่ข้างนอกละมั้ง”
สำหรับเรื่องนี้ นรมนคิดว่าไม่มีความจำเป็นที่จะต้องปิดบังกานต์ และก็จะสามารถทำให้เขาสบายใจได้บ้างหน่อยหนึ่ง
และก็เป็นเช่นนั้น กานต์ยิ้มแล้วพูดขึ้นว่า “คุณลุงคริชณะยังสบายดีไหมคะ?”
“สบายดีจ้ะ ไม่ต้องเป็นห่วง พวกเราไม่อยู่ข้างกายหนู ตัวหนูเองต้องดูแลตัวเองให้ดีนะ เข้าใจไหม?”
“เข้าใจแล้ว ในเมื่อคุณบุริศร์ไม่มีเวลาอยู่เป็นเพื่อนหม่ามี้ งั้นก็เล่นเกมกับผมสักตาเป็นไง”
นรมนยิ้มแล้วก็พูดขึ้นว่า “มิลินกลับมาแล้ว นงลักษณ์ก็มาที่นี่แล้ว หม่ามี้จำเป็นที่จะต้องอยู่สอบถามเรื่องของอารองตระกูลทวีทรัพย์ธาดากับพวกเขาสักหน่อย เพราะฉะนั้นคงจะเล่นเกมกับหนูไม่ได้แล้ว หนูเองก็รีบพักผ่อนเร็ว ๆ นะ รู้ไหม?”
“อ๋อ ได้ครับ ลาก่อนครับหม่ามี้”
“ลาก่อนจ้ะ!”
หลังจากที่วางสายวิดีโอคอลของลูกชายไปแล้ว นรมนถึงได้โล่งใจไปได้เปลาะหนึ่ง
เธอเองก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร แค่อยู่ ๆ ก็คิดถึงกานต์ขึ้นมา แล้วก็เป็นห่วงเล็กน้อย ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าอยู่ในฐานทัพใหญ่ของสหภาพQTกานต์น่าจะปลอดภัยได้ แต่ว่าตั้งแต่เกิดเรื่องของกมลแล้ว ก็เหมือนกับว่าไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรเธอก็จะไม่เชื่อเลย
นรมนหมุนตัวแล้วเดินออกไปนอกประตู ก็เห็นนงลักษณ์ยืนอยู่ที่หน้าประตู ไม่รู้ว่ามานานเท่าไหร่แล้ว
“คุณป้าใหญ่? ทำไมไม่เข้ามานั่งละคะ?”
นรมนเปิดประตูออก จนทำให้นงลักษณ์ตกใจจนสะดุ้งทีหนึ่ง
เธอส่ายหน้าเล็กน้อยแล้วพูดขึ้นว่า “ไม่เข้าไปแล้ว ฉันไปสืบค้นเรื่องตัวตนของพิรุณมา เธอพูดไว้ไม่ผิดเลย เขาอาจจะไม่ได้เป็นเพียงนักสำรวจธรณีวิทยาธรรมดาคนหนึ่งจริง ๆ ด้วย”
“หมายความว่าไงคะ? สืบค้นอะไรเจอเหรอคะ?”
นรมนรู้สึกสนใจขึ้นมาทันที
นงลักษณ์กลับส่ายหน้าแล้วพูดขึ้นว่า “ยังสืบค้นตัวตนที่แท้จริงไม่เจอ เหมือนกับว่ามีคนตั้งใจลบล้างเบาะแสไป แต่ว่าสิ่งที่สามารถแน่ใจได้คือ พิรุณแอบอ้างสถานะของคนอื่นมาใช้
“แอบอ้างเหรอ?”
หัวคิ้วของนรมนขมวดกันแน่น
นงลักษณ์พยักหน้าแล้วพูดขึ้นว่า “ใช่ มีคนชื่อพิรุณจริง ๆ แล้วก็เป็นนักสำรวจธรณีวิทยาจริง ๆ แต่ว่าคนคนนั้นไม่ใช่พิรุณคนที่เราเห็นตรงหน้านี้ เธอดูอันนี้ซิ”
นงลักษณ์เอารูปที่บันทึกมาจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ยื่นให้นรมนดู
“คนคนนี้ถึงจะเป็นพิรุณตัวจริง ฉันได้ให้คนไปตรวจสอบมาแล้ว เขาเกิดอยู่ในหมู่บ้านเล็ก ๆ ในหุบเขาทางนี้ ต่อมาก็สอบติดมหาวิทยาลัย ผลการเรียนก็ดีมากมาตลอด และที่สำคัญหลังจากจบการศึกษาแล้วก็เข้าสู่การเป็นนักสำรวจธรณีวิทยาเลย แต่ว่าคนคนนี้หลังจากที่ทำงานได้ปีหนึ่งแล้ว ในระหว่างที่เข้าสำรวจธรณีวิทยาครั้งหนึ่งก็เจอเขากับดินถล่ม และได้เสียชีวิตไปแล้ว”
ฟังนงลักษณ์พูดไปแบบนี้ แล้วก็จ้องมองรูปถ่ายที่แปลกหน้าที่อยู่ในมือ ใจของนรมนก็สั่นสะเทือนเป็นอย่างมากเลย
“ความหมายของคุณคือตอนนี้พิรุณแอบอ้างใช้สถานะของคนตายอยู่เหรอคะ?”
“ใช่ เมื่อสามสิบกว่าปีก่อนอินเทอร์เน็ตยังไม่ครอบคลุมมากขนาดนี้ สถิติมากมายต่างก็ไม่ได้โอนย้าย ตอนนั้นตอนที่พิรุณตายไปแล้วก็โดนคนที่บ้านรับศพกลับไป ถ้าพูดตามหลักแล้วควรจะต้องทำจำหน่ายชื่อออกจากทะเบียนบ้านและทำใบมรณบัตร แต่ว่าคนในครอบครัวของเขากลับไม่ได้ทำเรื่องนี้มาตลอด สิ่งที่สำคัญคือ คนของฉันไปสืบมาแล้ว ปีที่สองหลังจากที่พิรุณตายไป ญาติสนิททั้งหมดของเขาหายไปหมดเลยภายในคืนเดียว”
พอได้ยินนงลักษณ์พูดแบบนี้ ดวงตาของนรมนก็มืดขรึมลงเล็กน้อย
“หายไปภายในคืนเดียวเหรอ? คือโดนฆ่าไปหมดเหรอ?”
“ไม่รู้ ไม่มีร่องรอยอะไรเลย และอีกอย่างพวกเพื่อนนักเรียนที่เกี่ยวข้องกับพิรุณต่างก็พูดเหมือนกันว่าจำไม่ได้แล้วว่าพิรุณหน้าตายังไง ฉันรู้สึกว่าเรื่องนี้ต้องไม่ปกติแน่ บางทีคนทั้งหมดที่รู้จักกับพิรุณอาจจะโดนซื้อตัวไปแล้ว แต่ว่าคนที่สามารถซื้อตัวคนได้เยอะขนาดนี้ในเวลาไม่นาน หนำซ้ำยังสามารถทำให้ญาติสนิทของพิรุณหายไปในคืนเดียว จะต้องไม่ธรรมดาแน่ และก็ไม่ใช่เรื่องที่คนธรรมดาคนหนึ่งจะสามารถทำได้ด้วย
นรมนพยักหน้าเล็กน้อย
สิ่งที่นงลักษณ์พูดก็เป็นสิ่งที่เธอคิดอยู่ด้วย แต่ว่าในใจของเธอก็ยังคงสั่นสะเทือนจะแย่อยู่แล้ว
พิรุณกลับไม่ใช่พิรุณเหรอ!
แม้แต่ป้าโอเมื่อสามสิบกว่าปีก่อนก็ยังไม่รู้สถานะที่แท้จริงของคนรักในรักครั้งแรกของตัวเอง เห็นได้ชัดว่าพิรุณคนนี้แอบซ่อนไว้ได้ลึกแค่ไหน
ตกลงเขาเป็นใครกันนะ?
ทำไมจะต้องใช้สถานะของพิรุณมามีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ด้วย?
“ยังตรวจสอบเจอข่าวคราวอย่างอื่นอีกไหม?”
“ไม่มี”
นงลักษณ์ส่ายหัวเล็กน้อย แล้วพูดอย่างเบื่อหน่ายขึ้นว่า “พิรุณคนนี้กับพิรุณคนที่ตายไปเวลามันช่างประจวบเหมาะกันมากเลย หนำซ้ำยังแทบจะถือได้ว่าเป็นเสื้อไร้รอยตะเข็บเลย เพราะฉะนั้นฉันสงสัยว่าตอนนั้นพิรุณตัวจริงคนนั้นอาจจะไม่ได้เกิดเรื่องขึ้นเพราะว่าดินถล่มหรอก ไม่แน่อาจจะโดนลอบทำร้ายก็ได้นะ”
นรมนนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง แล้วก็รู้สึกว่าอาจจะมีความเป็นไปได้แบบนี้
ตอนแรกเธอนึกว่ายิ่งอยู่ก็ยิ่งเข้าใกล้ความจริงมากขึ้นทุกทีแล้ว แต่กลับคิดไม่ถึงว่าพอปัดหมอกควันปริศนาที่หนาแน่นออกแล้ว เรื่องราวกลับกลายเป็นซับซ้อนซ่อนเงื่อนขนาดนี้แล้ว
พิรุณที่อยู่ตรงหน้านี้กลับแอบอ้างชื่อและสถานะคนอื่นมาใช้ตั้งสามสิบกว่าปีแล้ว นี่มันช่างน่ากลัวมากจริง ๆ เลย
“บุณพจน์รู้เรื่องนี้ไหม?”
“น่าจะไม่รู้นะ ความลับของพิรุณน่าจะแม้แต่ผู้หญิงที่อยู่ข้างกายเขาก็ไม่รู้เรื่อง”
หัวคิ้วของนงลักษณ์ขมวดเข้าด้วยกันแน่น
พิรุณคนนี้ช่างซับซ้อนมากขนาดนี้ แล้วตอนนี้โดนปล่อยตัวหนีไปแล้ว ต่อไปถ้าจะจับตัวเขาไว้อาจจะไม่ง่ายขนาดนั้นแล้ว
“มีข่าวพิรุณบ้างหรือยัง?”
นรมนส่ายหน้าเล็กน้อย
“พรวลัยกินยาพิษไปแล้ว ตอนนี้หมดสติอยู่ไม่ฟื้นขึ้นมา พวกเราไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงปล่อยตัวพิรุณไป ก่อนที่ตัวเธอจะกินยาพิษก็ไม่ยอมพูด ตอนนี้ก็ได้แต่หวังว่าเธอจะฟื้นขึ้นมาได้เร็ว ๆ จากนั้นก็พูดข่าวที่มีประโยชน์หน่อยออกมาได้”
ในจุดนี้ นรมนเองก็รู้สึกเบื่อหน่ายเป็นอย่างมากเลย
พอนงลักษณ์เห็นเธอเป็นเช่นนี้ ก็ตบบ่าของเธอเบา ๆ แล้วพูดเสียงต่ำขึ้นว่า “อย่ากังวลไปเลย อ๋อใช่แล้ว ทางบุริศร์มีข่าวคราวมาบ้างหรือยัง?”
“มิลินได้รับหนอนพิษส่งสารมาตัวหนึ่ง บอกว่าพวกเขาไม่เป็นอะไร ให้พวกเราเฝ้ารอกันอยู่เฉย ๆ แต่ว่าฉันมักจะรู้สึกว่าบุริศร์ไม่ได้เป็นคนส่งมา เพราะว่าเขาไม่รู้จักหนอนพิษส่งสารด้วยซ้ำ”
พอได้ยินนรมนพูดแบบนี้ ดวงตาของนงลักษณ์ก็หรี่ลงครู่หนึ่ง แล้วก็ถามขึ้นว่า “งั้นจะเป็นใครล่ะ?”
“ฉันสงสัยว่าจะเป็นปีวรา”
“ปีวราเหรอ?”
“ใช่ สำหรับสถานะของผู้หญิงคนนี้ฉันรู้สึกแปลกใจและสงสัยอยู่บ้าง เพราะฉะนั้นฉันจึงกะว่าจะไปหมู่บ้านน้ำใสสักเที่ยว”
คำพูดของนรมนทำให้นงลักษณ์รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาทันที
“ในเวลาแบบนี้เธอจะไปหมู่บ้านน้ำใส นั่นไม่ใช่ไปรนหาที่ตายเองเหรอ?”