แค้นรักสามีตัวร้าย - บทที่ 1309 คุณมีวิธีใช่ไหม
“ทำไมเหรอ? คุณยังมีอะไรให้กังวลอีกเหรอ?”
มิลินสบตานรมนทีหนึ่ง พอเห็นว่าไม่ว่ายังไงเธอก็ยังมีความลังเลอยู่เล็กน้อย จึงอดไม่ได้ที่จะถามขึ้นมาประโยคหนึ่ง
“คงจะไม่ใช่เพราะว่านงลักษณ์พูดว่าไปไม่ได้ คุณก็ยอมแพ้ไปจริง ๆ แล้วนะ?”
คำพูดของมิลินทำให้ใจของนรมนหล่นตุ๊บทีหนึ่งทันที
“ไม่เกี่ยวกับคุณป้าใหญ่ เรื่องของอารองตระกูลทวีทรัพย์ธาดาพักไว้ก่อนเถอะ ที่นี่มีเรื่องเยอะเกินไปแล้ว และอีกอย่างบุณพจน์ยังต้องดูแลพรวลัยที่โรงพยาบาลอยู่ คนของเราต่างก็ถูกแยกย้ายกันไป ถ้าหากต้องไปตามหาอารองอีก แล้วทั้งหมู่บ้านจะให้ใครมาดูล่ะ?”
หลังจากที่นรมนครุ่นคิดดูแล้ว ก็ตัดสินใจว่ารอให้บุริศร์ตื่นมาก่อนค่อยว่ากัน
พอมิลินได้ยินนรมนพูดแบบนี้แล้ว ก็ไม่ได้เปิดปากพูดอะไรอีก และยังกลับห้องไปเลย สำหรับใจเธอคิดอะไรอยู่นั้น นรมรเองก็ไม่รู้ และก็ไม่มีเวลาถามด้วย
ตอนนี้เธอไม่เชื่อใครทั้งนั้น นอกจากบุริศร์
นรมนไม่กล้ากลับไปที่ห้อง เพราะกลัวว่าจะโดนคนสังเกตเป็นพิเศษ ถึงแม้ว่าจะใจร้อนอย่างกับเปลวไฟ
เวลาผ่านไปทุกนาที ทุกวินาที นรมนยังคงเดินตรวจตราไปตามกฎระเบียบ และรอบข้างก็ไม่มีเรื่องพิเศษอะไรเกิดขึ้น
จนมาถึงตอนค่ำ ทุกคนมานั่งกินอาหารค่ำด้วยกันมื้อหนึ่ง และเพราะว่าพวกบุณพจน์และพรวลัยยังอยู่ที่โรงพยาบาล บุริศร์เองก็ออกมาไม่ได้ ส่วนนงลักษณ์ก็สืบค้นเรื่องของพิรุณอยู่ในห้อง คนที่มานั่งอยู่บนโต๊ะจริง ๆ ก็มีแค่ไม่กี่คนเท่านั้น
มิลินเงียบสงบอยู่ตลอด แล้วก็ไม่พูดเรื่องที่จะไปตามหาอารองตระกูลทวีทรัพย์ธาดาอีก กิจจาเองก็เหมือนกับมีเรื่องอยู่ในใจ ตลอดทั้งคืนก็ไม่พูดอะไร อาหารมื้อหนึ่งต่างก็กินกันอย่างไม่รู้รสชาติ
หลังจากที่กินข้าวเสร็จแล้วนรมนก็เร่งรีบจะกลับห้อง บอกว่าตัวเองรู้สึกเหนื่อยแล้ว ถ้าหากไม่มีเรื่องอะไรก็ไม่ต้องมาหาเธออีก
มิลินจ้องมองฝีเท้าที่เดินจากไปของนรมนอย่างครุ่นคิด
“กิจจา หม่ามี้ของหนูมีเรื่องอะไรปิดบังพวกเราอยู่ใช่หรือเปล่า?”
มิลินจ้องมองกิจจาทีหนึ่ง แล้วก็ถามขึ้นอย่างกับไม่ได้ตั้งใจ
กิจจาส่ายหน้าเล็กน้อย แล้วพูดขึ้นด้วยสีหน้าเบื่อหน่ายว่า “หม่ามี้จะมีเรื่องอะไรปิดบังเราได้ละครับ?”
“เมื่อกี้หนูกำลังคิดอะไรอยู่เหรอ?”
“ผมกำลังคิดว่าหนอนพิษทองคำในร่างกายคุณลุงใหญ่ เหมือนกับจะไม่ค่อยเหมือนกับของแด๊ดดี้เลย อาจารย์ครับ หนอนพิษทองคำในตัวแด๊ดดี้เมื่อตอนนั้นก็คุณเป็นคนให้นี่ครับ แต่ว่าทำไมถึงรู้สึกไม่เหมือนกับของคุณลุงใหญ่เลยละครับ?”
คำพูดของกิจจาทำให้มิลินอึ้งไปครู่หนึ่ง ดวงตามีแววสั่นระริกเล็กน้อย แล้วก็รีบก้มหน้ากินข้าวต่อไป
“ไม่แน่ใจเหมือนกัน บางทีหนอนพิษทองคำตัวที่โอให้พิรุณในตอนนั้นอาจจะดีมากกว่ามั้ง ในเมื่อเป็นรักครั้งแรกของตัวเอง”
“แต่ว่าของอาจารย์ไม่ใช่ตัวที่ผู้ใหญ่บ้านคนก่อนทิ้งไว้ให้เหรอครับ? ตัวที่ดีที่สุดก็น่าจะเป็นตัวของแด๊ดดี้ถึงจะถูก ตอนนั้นที่แด๊ดดี้โดนหนอนพิษ และอาจารย์ก็ใช้หนอนพิษทองคำช่วยแก้พิษให้แด๊ดดี้ผม ทำไมถึงไม่เกิดอาการหมดสติแบบคุณลุงใหญ่ละครับ? หรือจะบอกว่าร่างกายของคนทุกคนไม่เหมือนกัน อาการที่แสดงออกมาถึงได้ไม่เหมือนกันเหรอครับ?”
กิจจาจ้องมองมิลินอยู่อย่างอ่อนน้อมถ่อมตน จนทำให้มิลินรู้สึกว่าไม่รู้จะตอบยังไงขึ้นมาทันที
“เรื่องนี้มันก็แปลกมากจริง ๆ เดี๋ยวฉันกลับไปค้นหาหนังสือโบราณดี ๆ สักหน่อยดีกว่า”
“อ่อ ครับ”
กิจจาไม่ได้พูดอะไรอีก แล้วก็ก้มหน้ากินข้าวต่อไป แต่ว่าในดวงตากลับมีความเคร่งขรึมพาดผ่านเสี้ยวหนึ่ง
หลังจากที่นรมนกลับมาถึงห้องนอนแล้ว พอรู้สึกว่าไม่มีคนแล้วก็เข้าไปในห้องลับอย่างรวดเร็ว โดยที่ไม่ได้สังเกตเห็นเลยว่ามีเงาดำอันหนึ่งตามเข้ามาด้วย
“ใคร?”
รอจนตอนที่นรมนรู้สึกตัวนั้น เงาดำที่อยู่ข้างหลังก็ได้เข้าไปในห้องลับแล้ว
“เขาเป็นอะไรไปเหรอ?”
บุณพจน์เดินมาถึงข้างการบุริศร์อย่างรีบร้อน
พอนรมนเห็นว่าเป็นบุณพจน์ ยังไงก็วางใจไปบ้าง ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร เธอสามารถระแวงคนทั้งหมด รวมทั้งมิลินด้วย แต่กลับวางใจบุณพจน์เป็นอย่างมาก
บางทีอาจจะรู้สึกว่าเขาเป็นญาติเพียงคนเดียวของบุริศร์แล้ว
นรมนพูดอย่างทุกข์ใจเล็กน้อยว่า “วันนี้เขาโดนส่งตัวกลับมา จากช่องทางลับ แต่ว่าเขาทิ้งกระดาษโน้ตไว้ในฝ่ามือแผ่นหนึ่ง” นรมนเอากระดาษโน้ตให้บุณพจน์ดู
ดวงตาของบุณพจน์เคร่งขรึมขึ้นเล็กน้อย
“คุณก็เลยปล่อยให้เขานอนไปอย่างนี้เหรอ?”
นรมนรีบพูดขึ้นว่า “เปล่าค่ะ กิจจาลองตรวจดูแล้ว และบอกว่าร่างกายของเขาไม่มีปัญหาอะไร เพียงแต่แค่นอนหลับไปเท่านั้น ตอนนี้พวกเราก็เลยรอให้บุริศร์ตื่นขึ้นมาอยู่”
“เขาไม่ได้นอนหลับไป แต่คือการโดนหนอนพิษย้อนกลับมากลืนกิน”
คำพูดของบุณพจน์ทำให้นรมนจิตใจลนลานขึ้นมาทันทีเลย
“หนอนพิษเหรอคะ? ในตัวของเขานอกจากหนอนพิษทองคำตัวหนึ่งแล้ว ก็ไม่มีหนอนพิษอย่างอื่นแล้วนี่คะ”
ดวงตาของบุณพจน์หรี่ลงมาทีหนึ่งทันที
“หนอนพิษทองคำเหรอ? หนอนพิษทองคำจากที่ไหน?”
“มิลินเป็นคนให้มาค่ะ”
นรมนเล่าเรื่องของบุริศร์ให้บุณพจน์ฟังไปรอบหนึ่ง
บุณพจน์รีบเปิดเปลือกตาบุริศร์ออกดู ในหนังตาของเขามีเส้นสีเหลืองทองเล็ก ๆ มากมาย เหมือนอย่างกับเป็นหนอนตัวเล็ก ๆ ยังไงอย่างงั้น ดูแล้วทำให้คนตกใจมาก
พอนรมนมองเห็นสิ่งนี้ ก็สูดลมหายใจลึก ๆ เข้าทีหนึ่งเลย
“เขาเคยอารมณ์ร้อนมาก และอยากจะต่อยตีมาก นั่นเป็นท่าทีของตอนที่กินหนอนพิษทองคำเข้าไปใหม่ ๆ มีบางครั้งจะตื่นเต้นจนดวงตาเป็นสีเหลืองทองคำแบบนี้เลย แต่ว่าทำไมในหนังตาถึงได้เต็มไปด้วยหนอนเส้นด้ายสีเหลืองทองล่ะ?”
สีหน้าของบุณพจน์ดูไม่ดีขึ้นมาเล็กน้อย
“นี่ไม่ใช่หนอนพิษทองคำ หรือจะพูดว่าเป็นหนอนพิษทองคำที่โดนดัดแปลงมาแล้ว หนอนพิษที่อยู่ในตัวเขาตอนนี้ได้ใช้เลือดเนื้อของเขาในการขยายพันธุ์ออกมาแล้ว ถ้าหากไม่รู้ละก็ แล้วปล่อยให้เขานอนหลับต่อไป รออีกสักอาทิตย์หนึ่ง แล้วไข่หนอนพิษเริ่มเจริญเติบโต เขาก็จะกลายเป็นอาหารของหนอนพิษพวกนี้ แล้วก็จะโดนพวกมันกินจนทะลุปรุโปร่งจากข้างในออกมาข้างนอก”
คำพูดของบุณพจน์ทำให้สีหน้าของนรมนขาวซีดไปเลย
“ทำไมถึงเป็นแบบนี้? ตอนนั้นตัวของเขามีหนอนพิษอยู่ ทั้ง ๆ ที่มิลินบอกว่าเป็นหนอนพิษทองคำ สามารถกลืนกินหนอนพิษทุกอย่างได้นี่”
“มันเหมือนหนอนพิษทองคำมากจริง ๆ แต่ว่าน่าจะมีคนเพิ่มสารอาหารหนอนพิษบางอย่างลงไปในหนอนพิษทองคำ ทำให้หนอนพิษทองคำเกิดความเปลี่ยนแปลงไป”
หลายปีมานี้บุณพจน์มักจะศึกษาเรื่องของหนอนพิษมาตลอด ยิ่งเองตัวเองมาเป็นตัวทดลองหนอนพิษ เพราะฉะนั้นนรมนก็เลยไม่สงสัยคำพูดของเขาเลยสักนิด
“ตอนนี้จะทำยังไงดี?”
ในเวลาแบบนี้ นรมนรู้สึกว่า มิลินมีความน่าสงสัยเป็นอย่างมาก แต่ว่าถึงแม้จะจับมิลินมาแล้วจะยังไงล่ะ?
เสียเวลาไม่ว่า ยังอาจจะสามารถทำให้จิตใจคนไม่มั่นคงด้วย สถานการณ์อย่างตอนนี้ ถ้าใจคนเกิดความเปลี่ยนแปลงละก็ ก็อาจจะสามารถเกิดผลที่ตามมาอย่างคาดคิดไม่ถึงได้
ตอนนี้นรมนได้แต่ฝากความหวังไว้ที่ตัวบุณพจน์แล้ว
“พี่ใหญ่ คุณมีวิธีอยู่ใช่ไหมคะ?”
“ผมจะลองดูละกัน เลือดของผมน่าจะพอมีประโยชน์อยู่บ้าง ตอนนี้ได้แต่ทำให้บุริศร์ตื่นขึ้นมาก่อนเท่านั้น ขอแค่เขาตื่นขึ้นมาแล้ว เรื่องอื่นก็พูดง่ายแล้ว”
บุณพจน์ใช้มีดสั้นกรีดนิ้วตัวเองจนเป็นแผล แล้วก็บีบเลือดของตัวเองออกมา
นรมนหาแก้วใบหนึ่งมารับไว้
แล้วทั้งสองคนก็เอามาป้อนให้กับบุริศร์ จากนั้นก็ได้แค่รอต่อไป
นรมนพยายามให้ตัวเองแสดงออกอย่างสงบนิ่งนิดหนึ่ง
เธอกับบุริศร์ผ่านพ้นคลื่นลมมากันมากขนาดนี้ และครั้งนี้ก็จะต้องฝ่าฟันไปได้เหมือนกัน
เธอกุมมือของบุริศร์ไว้ และไม่พูดอะไรทั้งนั้น แต่ว่าเธอรู้ว่า บุริศร์น่าจะสามารถรับรู้ได้ถึงความรู้สึกและความกังวลของตัวเองได้
เขาจะตื่นขึ้นมาแน่
บุณพจน์จ้องมองท่าทีแบบนี้ของเธอ แล้วก็อดไม่ได้ที่จะคิดถึงผู้หญิงที่ดื้อดึงคนนั้นที่โรงพยาบาล
หลังจากที่เขาออกมาพรวลัยก็ตื่นขึ้นมาแล้ว
แต่บุณพจน์นั้นเป็นคนรอบคอบ และไม่อยากจะให้ผู้หญิงที่ตัวเองรักต้องเปิดเผยต่อคนภายนอก หลังจากที่นรมนและมิลินจากมาแล้ว บุณพจน์ก็ส่งคนมารับพรวลัยไปเลย แล้วก็ส่งไปอยู่ในที่ที่ปลอดภัยแล้ว
เขาจ้องมองนรมน แล้วพูดเสียงต่ำขึ้นว่า “มิลินคนนั้นเป็นคนของหมู่บ้านดารายนเหรอ?”
“ใช่ค่ะ เพราะฉะนั้นฉันก็เลยไม่ค่อยชัดเจนว่า เธอจะมีเหตุผลอะไรที่จะมาทำร้ายบุริศร์”
หัวคิ้วของนรมนขมวดไว้แน่น
บุณพจน์พูดเสียงต่ำขึ้นว่า “คนบางคนบางทีความตั้งใจแรกของเขาอาจจะดีก็ได้ แต่ว่าชีวิตและสิ่งแวดล้อมที่เขาเผชิญมาหลายปีนี้อาจจะเปลี่ยนใจคนคนหนึ่งไปได้ ถึงแม้ผมจะไม่รู้ว่ามิลินคนนี้มันเรื่องอะไรกัน แต่ว่าในเรื่องนี้นั้นเธอมีความน่าสงสัยเป็นอย่างมาก ข้างกายบุริศร์นั้นไม่ใช่ว่าคนทั่วไปจะสามารถเข้าใกล้ได้ง่าย ๆ แล้วอีกอย่างการขยายพันธุ์ของหนอนพิษนั้นมีฤทธิ์แรงมาก แต่ว่าดูจากเวลาตามที่คุณพูดมา บุริศร์ก็ไม่ควรจะเกิดอาการแบบนี้ในตอนนี้ ถ้าหากว่ามิลินเป็นคนวางหนอนพิษจริง ๆ ตอนนี้บุริศร์ก็น่าจะตายไปตั้งนานแล้ว”
นรมนรู้สึกสงสัยขึ้นมาบ้างแล้ว
“งั้นจะบอกว่าไม่ใช่มิลินเหรอ?”
“ยังไม่ตัดเธอออก แต่ว่าก็อาจจะไม่ใช่เธอเหมือนกัน ถ้าไม่ใช่มิลินละก็ ยังจะมีใครสามารถวางหนอนพิษใส่บุริศร์ได้อย่างไม่มีสุ้มเสียงแบบนี้ได้อีก? น่าแปลกจริง ๆ”
หัวคิ้วของบุณพจน์ขมวดเข้าด้วยกันแน่น
เขาจ้องมองบุริศร์ที่กำลังนอนสลบอยู่ ในใจก็เป็นห่วงไม่หยุด
“ผมเริ่มให้คนของผมเข้าควบคุมการเงินและธุรกิจบางอย่างของพิรุณแล้ว ถึงแม้ว่าจะสืบค้นสถานะของพิรุณไม่เจอ แต่ขอแค่ผมควบคุมธุรกิจของเขาไว้ได้ ยังไงก็จะต้องมาคนมาหาผมถึงหน้าประตูแน่ เพราะฉะนั้นเวลาจากนี้ไป ผมอาจจะไม่ร่วมทางไปกับพวกคุณด้วย ถ้าหากมีข่าวคราวอะไรมาผมจะต้องบอกพวกคุณแน่ พวกเราคอยติดต่อกันทางโทรศัพท์นะ”
วันนี้ที่บุณพจน์มาก็เพื่อเรื่องนี้โดยเฉพาะ แต่คิดไม่ถึงว่าจะมาเจอเรื่องบุริศร์เข้า
“ตอนแรกกะว่ามาครู่เดียวแล้วก็จะไปเลย แต่ว่าตอนนี้เป็นไปไม่ได้แล้ว นอกเสียจากว่าจะหาหนอนบ่อนไส้ที่อยู่ข้างในพวกคุณออกมาได้ ไม่งั้นละก็ผมออกไปแทนที่พิรุณก็เท่ากับไปรนหาที่ตาย ถึงผมจะไม่กลัวตาย แต่ว่าก็ไม่อยากตายอย่างไม่ชัดเจนหรอก”
ดวงตาของบุณพจน์มีแววเย็นชาพาดผ่านไปเสี้ยวหนึ่ง
นรมนเองก็คิดไม่ถึงว่าข้างกายตัวเองจะมีหนอนบ่อนไส้ได้
เธอพูดเสียงต่ำขึ้นว่า “ครั้งนี้ถึงแม้จะต้องกระดูกแตกหัก ฉันก็จะต้องหาตัวหนอนบ่อนไส้ออกมาให้ได้”
“เวลาก็พอสมควรแล้ว เดี๋ยวผมจะดูอาการของบุริศร์สักหน่อย”
บุณพจน์ลุกขึ้นเดินมาถึงตรงหน้าบุริศร์ แล้วเปิดเปลือกตาของเขาออกดูทีหนึ่ง พวกเส้นเล็ก ๆ สีเหลืองทองสีจางลงไปบ้างแล้ว แต่ว่าก็ยังอยู่เหมือนเดิม
เขาเอากระเป๋าใส่เข็มที่ใช้ฝังเข็มอันหนึ่งออกมาจากเอว ข้างในมีเข็มเงินอยู่มากมาย
นรมนจ้องมองความเคลื่อนไหวของเขาแล้วก็ไม่ได้พูดอะไร เส้นที่อยู่ในใจกลับดึงได้แน่นมาก
เห็นเพียงแต่บุณพจน์เอาเข็มเงินฝังเข้าไปในจุดต่าง ๆ รอบดวงตาของบุริศร์ จากนั้นก็เอาเลือดของตัวเองป้อนให้กับบุริศร์เข้าไปอีกเล็กน้อย ต่อมาสีหน้าของบุริศร์เปลี่ยนเป็นสีดำแล้วก็เป็นสีม่วง ที่เปลือกตาของเขาเหมือนกับว่าจะมีตัวอะไรกำลังขยับอยู่
พอบุณพจน์ดึงเข็มเงินออกมา ที่เข็มเงินก็ได้เป็นสีดำไปแล้ว แต่เส้นเล็ก ๆ สีเหลืองทองที่ติดอยู่บนเข็มเงินกลับกำลังขยับอยู่ เหมือนอย่างกับหนอนเป็นเส้น ๆ นรมนเห็นแล้วก็รู้สึกขนลุกขึ้นมาหมดเลย
“นี่คือไข่หนอนพิษเหรอคะ?”
“ตัวอ่อนหนอนพิษ”
บุณพจน์พูดขึ้นเสียงต่ำ แต่ดวงตากลับไม่ได้ห่างออกจากหน้าบุริศร์ แล้วเขาก็พูดขึ้นว่า “ผมอาจจะต้องการเวลาหนึ่งชั่วโมงกว่า จำเป็นจะต้องจัดการเอาตัวอ่อนหนอนพิษพวกนี้ออกให้หมดถึงจะได้”
“นอกจากที่ดวงตาแล้ว ยังมีที่อื่นอีกไหมคะ?”
นรมนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเป็นกังวลขึ้นมา
บุณพจน์พูดเสียงต่ำขึ้นว่า “ไม่รู้เหมือนกัน ปกติแล้วน่าจะแค่รวมตัวกันอยู่ที่ดวงตานะ รอให้ผมไล่จับที่ดวงตาให้หมดแล้วค่อยดูที่อื่นอีกทีว่ายังมีไหม แต่ช่วงระยะเวลานี้จะโดนคนอื่นรบกวนไม่ได้ เพราะฉะนั้นความปลอดภัยของข้างนอกจำเป็นที่จะต้องจัดการให้เรียบร้อย”
“ได้ ฉันรู้แล้ว ฉันจะออกไปปกปักรักษาด้วยตัวเองเดี๋ยวนี้ รับรองว่าจะไม่ให้ใครเข้ามารบกวนแน่”
นรมนพูดเสร็จ พอกำลังจะออกไป ก็ได้ยินที่ข้างหน้ามีเสียงเคาะประตูลอยเข้ามาระลอกหนึ่ง
“คุณนายคะ คุณอยู่หรือเปล่าคะ? ฉันมีเรื่องจะหาคุณหน่อยค่ะ”
เป็นเสียงของมิลิน
นรมนคิดอยู่ว่าจะรีบออกไป เพื่อที่จะได้ไม่ต้องหลุดอะไรออกไป แต่ว่าไม่รอให้เธอทันได้เปิดประตูห้องลับเลย ก็ได้ยินเสียงประตูดังแก๊กทีหนึ่ง โดนคนเปิดเข้ามาจากข้างนอกแล้ว