แค้นรักสามีตัวร้าย - บทที่ 1317 ปลุกคุณไม่ตื่น ทำอะไรไม่ได้
แท้จริงแล้วคืออะไรนะ?
เหมือนกับมีบางสิ่งแวบขึ้นมาในสมองของนรมน กลับรวดเร็วจนเธอคว้าเอาไว้ไม่ทัน
ท่าทางขมวดคิ้วแน่นของเธอบุริศร์เห็นแล้วสงสารจับใจ
“เอาล่ะ ไม่ต้องไปคิดเรื่องเหล่านี้ อย่ากังวลไปล่วงหน้าเลย พวกเราจะรู้ทุกอย่างเอง”
“แต่ฉัตรพลหนีไปแล้ว ถึงแม้พรวลัยจะมีวิธีแก้แค้นเป็นของตนเอง แต่ฉันคิดว่ายังสามารถหาช่องโหว่จากฉัตรพลได้มากมาย ดังนั้นถ้าเป็นไปได้ ฉันหวังว่าจะสามารถหาฉัตรพลเจอ แต่ไม่รู้ว่าพรวลัยจะให้ความร่วมมือหรือเปล่า”
นรมนถอนหายใจ
บุริศร์กล่าวเสียงเบา “พรุ่งนี้เช้าผมจะพูดกับพี่ใหญ่”
“ค่ะ”
นรมนพยักหน้า ถึงจะพบว่าไม่รู้เมื่อไหร่ที่บุริศร์เริ่มเรียกบุณพจน์ว่าพี่ใหญ่ บางทีเขาอาจจะยอมรับตัวตนของบุณพจน์นานแล้ว
ท้องฟ้ามืดสนิท บุริศร์กอดนรมนเข้านอน เพราะเรื่องคืนนี้ถาโถม ทั้งสองจึงหลับไปอย่างรวดเร็ว
เมื่อแสงแดดของเช้าวันใหม่สาดส่องที่หน้าต่าง บุริศร์มองขนตายาวของเธอแล้วรู้สึกจั๊กจี้หัวใจ
บุริศร์จูบนรมนเบาๆ
นรมนจั๊กจี้เล็กน้อย ปัดมือไปมา พลิกตัวนอนต่อ
ท่าทางเหมือนเด็กโมโหเช่นนี้ ทำให้มุมปากของบุริศร์ยกขึ้นเล็กน้อย
เขาคิดว่าเรื่องที่มีความสุขที่สุดในเวลานี้คือทุกวันตื่นมาได้เห็นนรมนในท่าทางเงียบสงบเช่นนี้ ความรู้สึกสงบสุขเช่นนี้ ต่อให้เขาต้องแบกรับความรับผิดชอบอันใหญ่หลวงเขาก็เต็มใจ
บุริศร์เลิกผ้าห่มลงจากเตียง ดึงผ้าห่มห่มตัวนรมน และออกจากห้องไป
ข่าวที่เขากลับมายังคงเป็นความลับชั่วคราว ดังนั้นอาศัยโอกาสที่คนยังไม่ค่อยตื่นกัน เขารีบไปห้องครัว ทำอาหารเล็กน้อยและกลับมาห้องนอน
“อรุณสวัสดิ์ครับแด๊ดดี้”
กิจจากลับเรียกเขาไว้ทันทีที่เขากลับมาในห้อง
เขาอ้าปากหาว ท่าทางเหมือนเพิ่งตื่นนอน สายตาที่มองบุริศร์ก็พร่ามัว แค่ทักทายออกไปตามจิตใต้สำนึก
บุริศร์ลูบศีรษะของเขา กล่าวเสียงเบา “เข้ามากินข้าว”
“โอ้”
กิจจาแปลกใจ ถึงจะพบว่าในมือของบุริศร์มือกับข้าวอยู่ อดรู้สึกหิวไม่ได้
คนตัวเล็กและคนตัวใหญ่เข้ามาในห้องนอน บุริศร์วางกับข้าวไว้บนโต๊ะ พูดกับกิจจา “ล้างหน้าแปรงฟันหรือยัง?”
“ยังครับ”
ในตอนนี้กิจจาแจ่มใสแล้ว เมื่อได้ยินบุริศร์ถามเช่นนี้จึงรีบพูด “ผมจะกลับห้องไปล้างหน้าแปรงฟัน แล้วจะรีบกลับมา”
“ไปเถอะ”
บุริศร์พูดเสียงค่อย น้ำเสียงมีความอ่อนโยน
กิจจารีบวิ่งออกไป
บุริศร์ส่ายหน้า จากนั้นปลุกนรมนเบาๆ
“นรมน ตื่นได้แล้ว”
“ขอฉันนอนต่ออีกสักหน่อย”
นรมนพึมพำ ม้วนผ้าห่มพลิกตัวไป เอาต้นขาก่ายผ้าห่ม เหมือนลูกแมวน้อยถูหมอนไปมา
ชุดนอนถูกเธอพลิกกลับไปกลับมาเช่นนี้ เลิกไปถึงโคนต้นขาทันที ขาเรียวยาวเปล่งประกายขาวผ่องภายใต้แสงไฟสาดส่อง บุริศร์เห็นแล้วกลืนน้ำลาย
“กินข้าวเถอะ”
เสียงของบุริศร์แหบแห้ง แต่นรมนกลับรู้สึกว่าเป็นเสียงรบกวน โบกมือไปมาและพูดว่า “โธ่เอ๋ย ไม่กิน ฉันจะนอน”
เสียงของนรมนขึ้นจมูกสุดๆ และยังเหมือนกับออดอ้อน ทำให้นัยน์ตาของบุริศร์มืดมนไปหลายส่วนทันที
ผู้หญิงคนนี้!
บุริศร์ก็ขี้เกียจเรียกเธอ สองมือกอบใบหน้าจูบลงไปทันที
จูบอันร้อนแรงด้วยสัมผัสแห่งความรักยามเช้า ทำให้นรมนตาสว่างอย่างรวดเร็ว
เธอลืมตาขึ้นเห็นใบหน้าที่ขยายใหญ่ของบุริศร์ อดกลุ้มใจไม่ได้ จมไปกับคลื่นแห่งความเร่าร้อนทันที
นรมนตอบรับอย่างร้อนแรง เกิดอารมณ์ขึ้นในบัดดล บุริศร์รีบถอยกลับ
“ทำอะไร?”
นรมนมองบุริศร์อย่างไม่พอใจ ร้อนรุ่มไปทั่วทั้งร่างกาย
บุริศร์แทบจะถูกดวงตาเล็กๆ คู่นี้ตำหนิจนต่อต้านความทรมานไม่ได้ แต่ยังพูดด้วยน้ำเสียงนิ่มนวล “เดี๋ยวกิจจาจะกลับมากินข้าว คุณคิดจะต่อแน่เหรอ?”
กิจจาสองคำนี้ทำให้นรมนได้สติทันที
เธอผลักบุริศร์ออกไป ถามอย่างตำหนิ “กิจจาจะมาคุณยังทำกับฉันแบบนี้เหรอ?”
“ปลุกคุณไม่ตื่น ทำอะไรไม่ได้”
บุริศร์ยิ้มบางๆ ราวกับนัยน์ตาที่มีดวงดาวกะพริบพรายมหาศาลสวยสดงดงาม กะพริบใส่ตาของนรมนทันที เขย่าหัวใจของเธอ
รู้มาตลอดว่าบุริศร์หน้าตาดี ตอนแรกก็ตกหลุมรักตั้งแต่แรกเห็น แต่จากบททดสอบอันยิ่งใหญ่ของกาลเวลา บุริศร์มีรสชาติยิ่งกว่าเดิม ตอนนี้ถึงแม้จะเป็นแค่รอยยิ้มก็แพร่เสน่ห์น่าหลงใหล ทำให้นรมนต่อต้านไม่ไหว
“หื่นให้มันน้อยๆ หน่อย ฉันจะไปอาบน้ำ”
นรมนเข้าห้องน้ำเหมือนหลบหนี
หื่น?
บุริศร์ไตร่ตรองคำนี้ ไม่คิดว่ามีอะไรไม่ดี ระหว่างสามีภรรยาถ้าแม้แต่คำนี้ยังทำไม่ได้ งั้นจะมีความหมายอะไร?
เขามองความรักที่ทรงพลัง อดถอนหายใจออกมาไม่ได้ อยากจะไปห้องน้ำนรมนก็อยู่ เพื่อไม่ให้ตนเองสูญเสียการควบคุม เขาจึงทำได้เพียงเริ่มจัดระเบียบห้อง
รอเมื่อนรมนออกมาจากห้องน้ำ บุริศร์ก็จัดห้องเสร็จแล้ว ทำให้คนรู้สึกสดชื่นทันที
“ว๊าว เดี๋ยวนี้ประธานบุริศร์นับวันยิ่งเก่งจริงๆ ทำงานคนใช้เป็นด้วย คุณวางแผนว่าต่อจากนี้จะเวียนไปอยู่ในตำแหน่งคนรับใช้เหรอ?”
นรมนหยอกล้อบุริศร์ด้วยรอยยิ้ม
บุริศร์ก้าวขึ้นมาโอบเอวบางของเธอ ลมหายใจอุ่นรดข้างหูกล่าวว่า “ถ้าบริการคุณแค่คนเดียว เป็นคนรับใช้ก็ไม่เลวนะ”
นรมนรู้สึกเพียงกระแสไฟฟ้าสั่นสะเทือนไปทั่วร่างกาย ขาแทบอ่อนปวกเปียก
ทักษะอ่อยคนของบุริศร์คนนี้ นับวันยิ่งเหนือชั้น
“หยุดเลย”
ความรักที่เธอเพิ่งจะระงับลงไปพรั่งพรูออกมาอีกครั้ง
บุริศร์เองก็รู้ หากตนเองยั่วเย้าต่อไป คนที่จะทรมานก็คือตัวเขาเอง
เขาปล่อยนรมนออก กล่าวด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล “กินข้าวไปก่อนนะ ผมจะไปอาบน้ำ”
“อย่าอาบน้ำเย็นนะ เดี๋ยวจะเป็นหวัดง่ายๆ ”
นรมนมองเขา อุณหภูมิร่างกายที่ร้อนแผดเผาจึงรับรู้ความรุ่มร้อนของบุริศร์ อดเตือนด้วยความเป็นห่วงไม่ได้
“อืม”
บุริศร์ไปห้องน้ำ นรมนอุ่นนมสามแก้ว กิจจาก็กลับมา
“อรุณสวัสดิ์ครับหม่ามี้”
กิจจาจัดการตนเองอย่างเหมาะสม หน้าตาเท่ๆ ทำให้คนรักอย่างสุดหัวใจจริงๆ
“อรุณสวัสดิ์จ้ะกิจจา มา นั่งลงกินอาหารเช้า”
นรมนเรียกให้กิจจานั่งลง แต่กิจจากลับไม่จับตะเกียบ
“เป็นอะไรไป?”
นรมนงุนงงเล็กน้อย
กิจจารีบตอบ “แด๊ดดี้ยังไม่ออกมา ผมรอแด๊ดดี้ออกมากินข้าวพร้อมกับหม่ามี้”
นรมนเข้าใจทันที เกรงว่านี้จะเป็นมารยาทบนโต๊ะอาหารที่ลูกตระกูลโตเล็กได้รับการสั่งสอน
แต่ก่อนไม่รู้สึก แต่วินาทีนี้นรมนเพิ่งตระหนักได้ว่า ห้าปีนี้ที่ตนเองไม่อยู่ บุริศร์สั่งสอนลูกได้ดีมาก
“เด็กดี”
นรมนลูบศีรษะกิจจา ยิ้มอย่างอ่อนโยน
เมื่อบุริศร์ออกมาเห็นนรมนกับกิจจายังไม่กินข้าว จึงอดแปลกใจไม่ได้
“เป็นอะไรกัน?ไม่อร่อยเหรอ?”
“รอคุณอยู่ เร็วเข้า”
นรมนเห็นหยดน้ำบนศีรษะของบุริศร์ยังไม่ได้เช็ด จึงดึงผ้าขนหนูด้านข้างและเดินเข้าไปอย่างอดไม่ได้
“นั่งลง”
เธอกดบุริศร์นั่งบนเก้าอี้ จากนั้นใช้ผ้าขนหนูเช็ดเส้นผมให้แก่เขา พละกำลังอันนุ่มนวลแฝงไว้ด้วยกลิ่นหอมจางๆ ที่คุ้นเคย บุริศร์มีความสุขขึ้นมาทันที
กิจจารีบส่งตะเกียบให้บุริศร์
“นั่งลงกินข้าวเถอะ
บุริศร์ดึงมือนรมนให้เธอนั่งลง กิจจาก็ส่งตะเกียบให้เธอ
“แด๊ดดี้ หม่ามี้ กินข้าวกันครับ”
“ได้ กินข้าวกัน”
บุริศร์ยิ้มบางๆ กิจจาถึงจะเริ่มกินข้าว
มารยาทบนโต๊ะอาหารของกิจจาดีมากมาตลอด รับประทานอย่างสง่างามเป็นพิเศษ นรมนเห็นเขาแล้วอดนึกถึงท่าทางการรับประทานของกมลไม่ได้ สาวน้อยคนนั้นเกรงว่าจะกินจุกลับชาติมาเกิด ขอเพียงอร่อย จะมีมารยาทบนโต๊ะอาหารที่ไหนกัน
นึกถึงสี่คนออกมาด้วยกัน ตอนนี้กลับมีแค่สามคนอยู่ตรงนี้ “นรมนอดถามไม่ได้ กมลอยู่กับพี่คริชณะคงจะไม่เกิดเรื่องอะไรใช่ไหม”
บุริศร์รู้ว่าเธอเป็นห่วงลูกสาว จึงพยักหน้ากล่าว “กมลออกมาครั้งนี้มีประสบการณ์มาก วางใจเถอะ มีปีวราปกป้องอยู่ข้างๆ ไม่มีทางเกิดอะไรขึ้นกับเธอ”
กิจจามารับประทานอาหารก็เพื่อสอบถามเรื่องของกมล วันนี้ได้ยินบุริศร์พูดแบบนี้ จึงสบายใจทันที
ทั้งสามคนรับประทานอาหารเช้ามื้อนี้อย่างอบอุ่น หลังจากรับประทานเสร็จนรมนจะไปล้างจานและตะเกียบ บุริศร์ก็ไม่ขวาง เนื่องจากฟ้าสว่างแล้ว ด้านนอกมีคนเดินไปมามากมาย เขาออกไปตอนนี้ไม่สะดวก
นรมนยกชามและตะเกียบออกไป เจอเข้ากับนงลักษณ์ทันที
นงลักษณ์อาจจะนอนหลับไม่สนิท ตาบวมเล็กน้อย เห็นนรมนถือชามเปล่าออกมา จึงอดแปลกใจไม่ได้
“นี่เธอ……”
“อ้อ ตอนเช้าตรู่หิวนิดหน่อย จึงทำอาหารกินก่อนไปแล้ว คุณป้าอยากทานอะไรคะ? ฉันจะทำให้”
นรมนรีบพูดต่อ
นงลักษณ์มองตะเกียบในมือเธอ
ตะเกียบสามคู่?
เห็นได้ชัดว่านรมนก็ตระหนักถึงปัญหาข้อนี้ ในใจชะงักงั้นเล็กน้อย ยิ้มกล่าว “กิจจาอยู่ในห้องของฉัน ฉันไม่ระวังทำตะเกียบตก จึงต้องเอามาอีกคู่”
“เธอตื่นเช้ามากเลยนะ ฉันไม่อยากอาหาร ไม่อยากกินอะไร ฉันจะออกไปเดินเล่น”
นงลักษณ์ได้ฟังคำอธิบายของนรมน รู้อยู่แก่ใจว่าเธออาจจะไม่ได้พูดความจริง แต่ก็ไม่มีความคิดที่จะไปถามคาดคั้น
ทุกคนที่มาที่นี่มีความคิดเป็นของตนเอง ตราบใดที่ไม่ขัดแย้งทางผลประโยชน์ เป้าหมายเป็นเอกฉันท์ เรื่องเล็กน้อยอย่างอื่นนงลักษณ์ไม่คิดใส่ใจ
โดยเฉพาะนรมนเป็นญาติของเธอ ตอนนี้เธอไม่อยากเป็นศัตรูกับญาติ
นรมนได้ยินนงลักษณ์พูดแบบนี้ จึงกล่าวอย่างเป็นห่วง “หาคนไปเป็นเพื่อนป้าด้วยเถอะ ที่นี่ไม่ค่อยสงบ”
“ไม่ต้องหรอก”
นงลักษณ์โบกมือแล้วเดินไป
นรมนรีบนำชามและตะเกียบมาส่งที่ห้องครัว
ในขณะนี้ด้านนอกมีคนเดินไปมาแล้ว
เมื่อพวกเขาเห็นนรมนก็กล่าวทักทาย นรมนขานรับ จากนั้นกลับมาห้องนอน
บุริศร์กำลังอ่านหนังสือ ส่วนกิจจากำลังคำนวณอะไรสักอย่างอยู่ด้านข้าง
ถ้าไม่มีการวางแผนของฉัตรพล หมู่บ้านดารายนไม่สูญสิ้นไปในปีนั้น ตอนนี้พวกเขาอาจจะยังอยู่ในเมืองชลธี มีชีวิตเงียบสงบและมีความสุขเหมือนตอนนี้
นรมนต้องการทำให้เรื่องนี้สงบลงโดยเร็วที่สุดอีกครั้ง
บุริศร์สังเกตเห็นว่านรมนเข้ามา จึงวางหนังสือในมือลง กล่าวเสียงเบา “อีกสักพักพวกเราจะออกไป”
“แต่คุณไม่สามารถให้คนอื่นรู้ได้ว่าคุณกลับมาไม่ใช่เหรอ?”
นรมนถามอย่างแปลกใจ
บุริศร์พยักหน้า ยิ้มอย่างชั่วร้าย
“ดังนั้น คุณต้องคิดหาวิธีพาผมออกไป”
สิ้นคำ นรมนกลุ้มใจทันที มองรอยยิ้มประหนึ่งสุนัขจิ้งจอกของบุริศร์อีกครั้ง เธอส่ายหน้าอย่างดูหมิ่น
ผู้ชายคนนี้ บางครั้งยังทำตัวเหมือนเด็กจริงๆ