แค้นรักสามีตัวร้าย - บทที่ 1332 ทำให้ความปรารถนาของฉันเป็นจริงได้มั้ย
“รอยเข็มนี่มันเป็นมายังไงกันคะ”
น้ำเสียงของนงลักษณ์ร้อนใจ มือสั่นเทา
บุญทิวาชะงักนิดหนึ่ง แต่ยังคงไม่พูดอะไร
“คุณพูดอะไรหน่อยสิ บุญทิวา คุณทำกับฉันเหมือนเมื่อก่อนไม่ได้หรือคะ ตอนนี้ไม่คิดแม้แต่จะอยากพูดกับฉันแล้วหรือคะ”
เสียงนงลักษณ์สูงขึ้น ถ้านรมนอยู่ที่นี่ คงจะตกใจมาก เพราะคนที่อยู่ในความทรงจำ นงลักษณ์เป็นคนที่มีกิริยามารยาท แม้ว่าจะถูกไล่ฆ่าก็ไม่ขมวดคิ้ว แต่ตอนนี้อยู่ต่อหน้าบุญทิวา เธอเหมือนคนที่หงุดหงิดโมโหง่าย พร้อมที่จะระเบิดตลอดเวลา
บุญทิวารู้จักนงลักษณ์ นงลักษณ์ที่เคยอ่อนโยนเหมือนน้ำ แม้ว่าจะเป็นเรื่องร้อนใจแค่ไหนเธอก็แก้ไขปัญหาได้โดยไม่ร้อนรน แต่นงลักษณ์ตอนนี้กลับแสดงออกที่ทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองไม่คู่ควร
เขาเองที่บีบนงลักษณ์ให้เป็นอย่างนี้ แต่เขาจะบอกนงลักษณ์อย่างไรดี
บอกว่ารอยเข็มบนคอเขาถูกคนของพระราชาแทงอย่างนั้นหรือ บอกเธอในตัวเขามียาเสพติดมากมายทรมานตัวเขา ไม่รู้ว่าจะตายเฉียบพลันเมื่อไหร่ และยังบอกเธอหลายปีนี้เขาใช้ชีวิตตายทั้งเป็นอย่างไรบ้างหรือ
ทั้งหมดนี้พูดไปมีแต่ทำให้นงลักษณ์ยิ่งเสียใจและรู้สึกโทษตัวเอง ถึงกับร้องไห้ทุกข์ใจ อย่างนี้แล้ว เขายังจะพูดอะไรได้อีก เขาไม่อยากเห็นนงลักษณ์เสียใจยิ่งกว่าใคร
เมื่อเห็นบุญทิวายังคงเงียบงัน นงลักษณ์ก็โยนปัตตาเลี่ยนในมือทิ้ง นั่งลงตรงหน้าบุญทิวา สองมือจับใบหน้าบุญทิวาแน่น บังคับให้เขาต้องมองตาเธอตรงๆ
“บุญทิวา ตอนนี้อยากจะหลบอยู่ในกระดองของตัวเองตลอดไปหรือไง คุณกำลังตำหนิฉันใช่มั้ย ตำหนิฉันไม่รอคอยคุณ ตำหนิฉันที่ยอมต่อโชคชะตาใช่มั้ยคะ”
“ผมเปล่า”
บุญทิวาไม่อยากจะพูด แต่เมื่อเห็นใบหน้างามของนงลักษณ์น้ำตาไหลพราก ก็อดพูดขึ้นมาไม่ได้
“ถ้าไม่ใช่อย่างนั้น ทำไมคุณทำกับฉันอย่างนี้ ถ้าไม่ใช่ทำไมคุณไม่สนใจฉัน คุณรู้สึกใช่มั้ยฉันยืนอยู่หน้าคุณตอนนี้ทำให้คุณอับอาย คุณรำคาญใช่มั้ย แค่คุณพูดมาคำเดียว ฉันจะหายไปจากตรงนี้ทันที ทั้งชีวิตนี้ไม่มาให้คุณเห็นหน้าอีก”
นงลักษณ์แทบทนไม่ไหวแล้ว
คนเดียวที่เธอรักตลอดชีวิตนี้ และยังคงรักมีแต่เขาบุญทิวา เขาจะไม่รู้ได้อย่างไร
บุญทิวามองเห็นความเด็ดเดี่ยวในสายตาของนงลักษณ์ ในที่สุดเขาก็ถอนหายใจ พูดเสียงแผ่วเบา “คุณก็รู้ ผมไม่ได้หมายความอย่างนั้น”
“แล้วคุณหมายความว่าอย่างไรคะ”
นงลักษณ์ไม่ใช่ผู้หญิงที่เป็นผู้ใหญ่อีกต่อไป แต่กลับเหมือนเด็กผู้หญิงไร้เหตุผล แต่สายตาของบุญทิวายังคงมีความรักใคร่
เขาลูบผมยาวของนงลักษณ์ กระซิบ “ผมแค่ไม่รู้ควรจะพูดกับคุณอย่างไร”
“ฉันอยากรู้ทุกอย่างค่ะ ตั้งหลายปีขนาดนี้ ฉันตามหาคุณมาตลอด ฉันอยากรู้คุณเจออะไรมาบ้างกันแน่ พระราชาทำอะไรคุณ คุณใช้ชีวิตหลายปีนี้อย่างไร”
“มีความหมายหรือครับ รู้แล้วยังไงหรือ เวลาไม่อาจย้อนกลับได้ พวกเราต่อต้านพระราชาก็ไม่ได้ ทั้งหมดนี้อะไรที่ต้องเกิดก็เกิดไปแล้ว รู้แล้วรังแต่จะทำให้ทุกข์ใจ คุณทุกข์ ผมก็ทุกข์ ให้ผมเผชิญกับความลำบากที่ต้องเจออีกครั้ง นี่คือที่คุณต้องการจริงๆ หรือ”
เสียงของบุญทิวาเนิบๆ แต่ทำให้นงลักษณ์พูดไม่ออก
ให้บุญทิวาทุกข์ทรมานอีกครั้ง เธอไม่เคยคิดมาก่อน และไม่อยากให้เป็นอย่างนี้ แต่ถ้าเขาไม่พูด เธอจะรู้ได้อย่างไร
พระราชาไม่ใช่คนมีเมตตา เธอจินตนาการออกว่าพระราชาโหดเหี้ยมกับบุญทิวาอย่างไร เธอจึงอยากจะยืนยันให้แน่ชัดขึ้น แต่ตอนนี้ได้ฟังบุญทิวาพูดเช่นนี้ นงลักษณ์ก็เงียบขรึมไป
ในที่สุดทั้งสองไม่อาจกลับไปเหมือนเดิมได้อีก ไม่เหมือนตอนนั้นที่พูดสิ่งที่อยากพูดกับอีกฝ่าย ระหว่างพวกเขาต่างมีรอยแผล กลัวว่าเปิดบาดแผลแล้วจะเลือดท่วม กลัวว่าอีกฝ่ายจะเจ็บปวดเหลือทน
นงลักษณ์กัดริมฝีปากล่าง ความคิดฟุ้งซ่านในใจ สุดท้ายแล้วก็พ่ายแพ้ให้บุญทิวา
เธอลุกขึ้นช้าๆ หยิบปัตตาเลี่ยนขึ้นมาอีกครั้งตัดผมให้บุญทิวาเงียบๆ
บุญทิวาไม่ขัดขืน ให้ความร่วมมืออย่างดี ไม่ว่านงลักษณ์จะตัดผมให้เขาอย่างไร ก็ดูเหมือนว่าเขาจะไม่สนใจ ที่จริงใจของบุญทิวาสงบเป็นสุขเช่นนี้เป็นครั้งแรกตลอดหลายปีมานี้
ในที่สุดพวกเขาก็เหมือนตอนที่รักกันใหม่ ยืนด้วยกันเงียบๆ อย่างนี้ แม้ว่าจะไม่มีใครพูดอะไร ความใกล้ชิดของจิตวิญญาณทำให้หัวใจอบอุ่นจริงๆ
นงลักษณ์ตัดผมให้บุญทิวา เห็นรูปลักษณ์ของบุญทิวาคล้ายกับเมื่อก่อน ขอบตาของนงลักษณ์ก็แดงขึ้นอีกครั้ง
ใบหน้าซีดเผือดของเขาช่างน่าสงสาร
“คืนนี้คุณนอนที่นี่เถอะ”
นงลักษณ์ทั้งที่รู้ว่าไม่สมเหตุสมผล แต่แล้วยังไงล่ะ
เธอรอคอยผู้ชายคนนี้มาทั้งชีวิต ตามหามาทั้งชีวิต ในที่สุดก็ได้เจอเขาแล้ว และยังรู้ว่าหลายปีนี้เขาอยู่เหมือนตายทั้งเป็น เธอจะปล่อยเขาไปได้ยังไง
บุญทิวาอยากจะออกไป เขารู้ว่าสถานะของนงลักษณ์ตอนนี้อยู่กับตัวเองไม่เหมาะสม แต่เมื่อเห็นสายตาคาดหวังของนงลักษณ์ ในที่สุดก็ไม่ได้ปฏิเสธออกไป
นงลักษณ์จัดแจงสถานที่ บุญทิวานอนบนเตียงของนงลักษณ์
บนเตียงมีกลิ่นอายของนงลักษณ์ บุญทิวาจิตใจฟุ้งซ่าน
ยังจำได้ตอนที่พวกเขาลิ้มรสผลไม้ต้องห้ามครั้งแรก ทั้งคู่ต่างแปลกใจและตื่นเต้น ถึงกับอารมณ์พลุ่งพล่าน แต่ตอนนี้…
สายตาของบุญทิวามีร่องรอยความเจ็บปวด
เขาสูญเสียคุณสมบัติของความเป็นผู้ชายไปแล้ว
นึกถึงทุกอย่างที่พระราชาทำกับเขา แววตาของบุญทิวามีทั้งโหดเหี้ยมและโกรธแค้น แต่ก็หายไปอย่างรวดเร็ว
เขาพลิกตัว หันหลังให้นงลักษณ์
เขาจะบอกอะไรนงลักษณ์ดีล่ะ
บอกเธอตอนนี้แม้แต่ความรู้สึกพื้นฐานของผู้ชายยังเป็นปัญหาอย่างนั้นหรือ
เช่นอายุนงลักษณ์ตอนนี้ เธอจะทนยอมรับตัวเองที่เหมือนขันทีได้อย่างไร
แม้จะเคยรักกันลึกซึ้งเพียงใด ผ่านมาหลายปีขนาดนี้ และเขาก็ร่างกายพิการจะเรียกอะไรกลับมาได้ล่ะ
บุญทิวาไม่เคยทุกข์ทรมานขนาดนี้มาก่อน ถึงกับอยากจะหายตัวไปจากตรงนี้ แต่เขากลับทำไม่ได้ ไปไม่ได้ ได้แต่นอนอยู่ตรงนั้น นอนทื่อไม่ต่างอะไรจากศพ
นงลักษณ์มองผู้ชายที่ตัวเองเฝ้าปรารถนาทุกลมหายใจ เธอขึ้นไปบนเตียง กอดบุญทิวาจากข้างหลัง
ความอบอุ่นของร่างกายและกลิ่นอายที่คุ้นเคยเตะจมูกของบุญทิวา ก้นบึ้งหัวใจของเขาเจ็บปวดรวดร้าว พูดเสียงแผ่วเบา “อย่าทำอย่างนี้ นงลักษณ์”
“ไม่ ฉันต้องการคุณ ฉันอยากมอบตัวให้คุณ บุญทิวา เราสิถึงเป็นคู่กัน ฉันรู้ว่าคุณคิดว่าฉันเป็นผู้หญิงใจง่าย แต่ฉันไม่แคร์อะไรทั้งนั้น ฉันต้องการแค่คุณ หลายปีมานี้ มีแต่ได้อยู่กับคุณอีกครั้งฉันถึงจะสัมผัสได้ถึงความรู้สึกของผู้หญิงที่มีความสุข คุณรู้มั้ยคะ”
นงลักษณ์กอดบุญทิวาแน่น
บุญทิวาเหมือนถูกมีดคมกริบแทงเจ็บปวดทั้งตัว เจ็บจนเขาจะหายใจไม่ออก
เขาจะไม่รู้จักความรู้สึกนั้นได้อย่างไร
ทั้งชีวิตนี้นงลักษณ์เป็นผู้หญิงคนเดียวของเขา รสชาติที่ยังฝังลึกชาตินี้เขาไม่มีวันลืมเลือน น่าเสียดาย…
บุญทิวาหลับตาลง เอ่ยเสียงแหบพร่า “ผมเหนื่อยแล้ว อยากนอน ถ้าคุณทำอย่างนี้อีก ผมจะไปนอนที่อื่น”
คำพูดนี้ไร้น้ำใจ แต่ความจนใจและเจ็บปวดในความไร้น้ำใจนั้นคนอื่นไม่อาจเข้าใจได้
นงลักษณ์ตัวเกร็ง น้ำตาไหลพรากอีกครั้ง
ถึงอย่างไรแล้วเขาก็รังเกียจตัวเองใช่มั้ย
นงลักษณ์กลั้นน้ำตา เอ่ยเสียงแผ่วเบา “ฉันไม่ทำอะไรคุณแล้ว ขอแค่ให้ฉันกอดคุณได้มั้ย หลายปีมานี้ ฉันอยากกอดคุณอย่างนี้มาตลอด ไม่อย่างนั้นฉันนอนไม่ได้ทั้งคืน ถือว่าสงสารฉันได้มั้ยคะ ทำให้ความปรารถนาของฉันเป็นจริงได้มั้ย ให้ฉันกอดคุณ กอดคุณเบาๆ อย่างนี้ก็พอ”
เมื่อเจอกับนงลักษณ์ที่พูดจาต่ำต้อยอย่างนี้ บุญทิวายังจะพูดอะไรได้อีก
เขาถอนหายใจ หลับตาลง
นงลักษณ์ปิดไฟ ในห้องเงียบกริบได้ยินเพียงเสียงลมหายใจและใจเต้นของอีกฝ่าย เสียงทั้งสองสลับกัน แต่ทำให้ทั้งสองรู้สึกผ่อนคลายเป็นพิเศษ
บุญทิวาคิดว่าตัวเองเปลี่ยนที่จะนอนไม่หลับ แต่กลิ่นอายอบอุ่นจากข้างหลังที่ล้อมรอบเขา ทำให้เขาหลับไปไม่รู้ตัว
นงลักษณ์ได้ยินเสียงลมหายใจสม่ำเสมอก็อยากเปิดไฟ แต่ก็กลัวไฟจะแสบตา ทำให้บุญทิวาพักผ่อนไม่เต็มที่ ได้แต่มองเขาในความมืด นิ้วมือลูบไล้โครงหน้าของเขาเบาๆ
ตอนนี้เอง นงลักษณ์ถึงเห็นว่าบุญทิวาแก่แล้ว
ผิวพรรณของเขาหย่อนยาน ใบหน้าก็ไม่เต่งตึง แม้ว่าหน้าตายังเหมือนในความทรงจำ แต่น่าเสียดายแววตาทุกข์โศกและหนีหน้า ไม่เหมือนเด็กหนุ่มห้าวหาญอีกแล้ว
จะบอกว่าไม่แค้นคงเป็นไปไม่ได้
ตอนนี้นงลักษณ์อยากจะหั่นพระราชาเป็นชิ้นๆ เสียเหลือเกิน
แต่เธอรู้ดี ตัวเองต้องอดทนไว้ หลายปีมานี้เธออยากจะหนีการควบคุมของพระราชา น่าเสียดายที่เธอไม่เคยทำสำเร็จ แต่ตอนนี้ เธอมีความคิดที่บ้าบิ่น แม้ว่าจะต้องตัวตาย แม้ว่าจะเสียทุกอย่าง เธอก็ต้องทวงความยุติธรรมกับพระราชาเพื่อบุญทิวาให้จงได้
ในที่สุดนงลักษณ์ฝืนความง่วงไม่ไหว หลับไปในอ้อมกอดของบุญทิวา
ทั้งสองคนนอนหลับไปเช่นนั้น
เมื่อแสงรุ่งอรุณสาดส่องผ่านหน้าตาเข้ามา บุญทิวาลืมตาขึ้น
แสงอาทิตย์เจิดจ้าแต่ก็อบอุ่นทำให้เขารู้สึกเหมือนเป็นเรื่องเมื่อชาติที่แล้ว ถึงกับแวบหนึ่งไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ที่ไหน วันนี้คือวันไหน กระทั่งเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นทำให้เขาตะลึงทันที
“คุณตื่นแล้วหรือคะ”
เสียงของนงลักษณ์แฝงด้วยความเอื่อยเฉื่อยและกระสับกระส่าย ทันใดนั้นทำให้บุญทิวาตัวแข็งทื่อ แต่ก็ไม่รู้จะทำอย่างไรดี
“คุณหิวมั้ยคะ อยากกินอะไรมั้ย ฉันจะไปทำให้ค่ะ”
นงลักษณ์ดูเวลา เพิ่งจะหกโมงกว่า ในห้องครัวยังมีที่ว่างให้เธอทำอาหารเอง
แม้เธอจะเป็นพระมเหสีเจ็ดของพระราชา แต่ไม่เคยทำอาหารให้ผู้ชายคนไหน นอกจากบุญทิวาคนเดียว
บุญทิวาไม่รู้ควรจะตอบอย่างไรดี เขาอยากจะบอกนงลักษณ์ไม่ต้องทำอย่างนี้ แต่ก็ไม่รู้ว่าตัวเองพูดอย่างนี้ในตอนนี้จะเหมาะสมหรือไม่ จะทำให้นงลักษณ์เสียใจหรือไม่ จึงเงียบต่อไปอย่างนั้น
นงลักษณ์ราวกับไม่ต้องการถามความเห็นของบุญทิวาจริงๆ เธอพูดขึ้น “ฉันต้มไข่ใบชาให้ดีมั้ยคะ ฉันจำได้เมื่อก่อนคุณชอบมาก”
ไข่ใบชาหรือ
บุญทิวาราวกับไม่เคยกินมาก่อนในชีวิตนี้ ตอนนี้คิดถึงรสชาติที่คุ้นเคยในความทรงจำ ก็อดกลืนน้ำลายไม่ได้
นงลักษณ์สังเกตเห็นท่าทางของเขา ก็อดยิ้มออกมาไม่ได้
รอยยิ้มของเธอสว่างไสวอย่างนั้น สดใสอย่างนั้น ทำให้บุญทิวาบื้อใบ้ไปครู่หนึ่ง ดูเงอะงะ จำไม่ได้ว่าตัวเองควรจะรักษามารยาทอะไรแล้ว