แค้นรักสามีตัวร้าย - บทที่ 1356 ฉันก็เป็นน้องสาวของคุณเหมือนกัน
นี่เป็นครั้งแรกที่บุริศร์เห็นหน้าตาของกล้าณรงค์ซึ่ง ๆ หน้า รู้สึกจะไม่ค่อยเหมือนกับในรูปถ่ายซะเท่าไหร่ ตัวจริงค่อนข้างที่จะโหดเหี้ยมมากกว่า
กล้าณรงค์ให้คนมาเก็บกวาดคนพวกนี้ไป จากนั้นก็พูดเสียงต่ำขึ้นว่า “ช่วงนี้จับตาดูทางราเชนให้ฉันดี ๆ ไม่ว่าจะมีความเคลื่อนไหวอะไรก็อย่าปล่อยให้เล็ดลอดไปได้เด็ดขาด”
“ครับ”
หลังจากที่คนของกล้าณรงค์จากไปแล้ว บุริศร์เองก็ลงมาเลย เขาตามคนของกล้าณรงค์ไปแล้วก็หาที่อยู่ของราเชนเจออย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ซ่อนตัวไว้
ทางด้านหงส์ได้ยินข่าวคราวมาว่า บุริศร์ไปที่ตำหนักราเชน ก็อดไม่ได้ที่จะโล่งอกไปเปลาะหนึ่ง
“ดูท่าเฮียบุริศร์กับพี่รองจะมีความเกี่ยวข้องกันจริง ๆ พี่รองเป็นอะไรกับเฮียบุริศร์นะ?”
หงส์รู้สึกคิดไม่ตกเล็กน้อย ทำไมบุริศร์จะต้องช่วยราเชนด้วย แต่ว่าในเมื่อนี่เป็นเจตจำนงของบุริศร์ หงส์เองก็เข้าใจแล้ว
“บอกกับคนของเรา ข้อมูลที่ค้นหามาได้อย่างลับ ๆ เอาส่งไปให้พี่รองให้หมด”
เฉียงอึ้งไปเล็กน้อย
“หัวหน้าหน่วย พวกเราจะไม่เข้าร่วมการแย่งชิงอำนาจไม่ใช่เหรอครับ?”
“ถ้าเฮียบุริศร์สนับสนุนพี่รองละก็ พวกเราก็สนับสนุนพี่รองด้วย สำหรับฉันแล้วใครจะนั่งตำแหน่งพระราชาของประเทศFต่างก็ไม่มีความหมาย ขอแค่เป็นสิ่งที่เฮียบุริศร์ต้องการ ฉันก็จะช่วยเขาทำให้สำเร็จ”
ดวงตาของหงส์มีความดื้อดึงพาดผ่านเสี้ยวหนึ่ง
เฉียงพูดเสียงต่ำขึ้นว่า “หัวหน้าหน่วย คุณเสียสละเพื่อเฮียบุริศร์เยอะเกินไปแล้ว เฮียบุริศร์เขาทำกับคุณอย่างนี้ ช่างทำให้คุณลำบากมากจริง ๆ”
“ห้ามพูดอย่างนี้ ไม่ว่าเฮียบุริศร์จะทำเรื่องอะไรล้วนถูกต้องทั้งนั้น จำคำพูดประโยคนี้ไว้”
“ครับ”
ยังไงหงส์ก็ยังไม่ค่อยวางใจบุริศร์ ก็เลยหาข้ออ้างอย่างหนึ่งแล้วก็ไปที่ตำหนักราเชน ส่วนทางด้านดารัณเองก็ได้รับข่าวแล้วเช่นกัน
“องค์หญิงหก องค์หญิงห้าไปที่ตำหนักองค์ชายรอง ได้ยินมาว่าเมื่อสองสามวันก่อนองค์ชายรองได้ส่งยาไปให้กับองค์หญิงห้า ไม่รู้ว่าทั้งสองคนนี้ไปสนิทสนมกันขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่”
คำพูดของมัทยาทำให้ดารัณขมวดคิ้วขึ้นมาเล็กน้อย
“พี่ห้า ไม่ชอบเรื่องแย่งชิงอำนาจอะไรแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไรแล้วไม่ใช่เหรอ? ทำไมตอนนี้อยู่ ๆ ก็ไปสนิทสนมกับพี่รองขนาดนี้ได้ล่ะ?”
“ฉันจะส่งคนไปสืบเดี๋ยวนี้เลยค่ะ”
มัทยาพูดจบแล้วก็ถอยออกไปเลย
นรมนมาได้ยินพวกเขาสนทนากันโดยไม่ได้ตั้งใจพอดี หัวคิ้วก็ขมวดกันขึ้น แล้วก็กลับไปที่ที่พักของตัวเองอย่างไร้สุ้มเสียง
ชัญญาไม่มีเรื่องอะไรก็อยู่ในห้องของเธอ พอเห็นหัวคิ้วของนรมนขมวดกันแน่น ก็พูดเสียงต่ำขึ้นว่า “ได้ยินข่าวไม่ดีอะไรมาเหรอ?”
“หงส์ไปที่ตำหนักพี่ชายฉัน ฉันกลัวว่าเธอจะลงมือกับพี่ชายฉัน”
นี่เป็นสิ่งที่นรมนเป็นกังวล
ความไม่เป็นมิตรที่หงส์มีต่อเธอนั้นนรมนรู้ดี ในเมื่อเป็นผู้หญิงที่ยังไม่เคยได้เจอหน้ากันก็อยากจะฆ่าเธอซะแล้ว แล้วจะมาออมมือต่อญาติของเธอได้ยังไงกันล่ะ?
แล้วอีกอย่างดารัณเองก็พูดแล้วว่า ปกติแล้วหงส์จะไม่เข้าร่วมการแย่งชิงของพวกเขา แล้วอยู่ ๆ ก็ไปหาราเชนหรือเป็นเพราะว่าบุริศร์พบว่าตัวเธอหายไปแล้ว จากนั้นก็กดดันเธอเหรอ?
ถ้างั้นหงส์จะทำอะไรกับราเชนได้ล่ะ?
ในใจของนรมนนั้นวุ่นวายเป็นอย่างมาก
เธออยู่ที่นี่เหมือนโดนมัดมือมัดเท้าอยู่ ไม่มีทางที่จะปลีกตัวไปได้เลย
ชัญญาเห็นท่าทางที่หดหู่ของนรมน แล้วก็พูดเสียงต่ำขึ้นว่า “ไม่ว่าหงส์จะทำอะไร ตอนนี้บุริศร์ก็อยู่ข้างกายหล่อน หล่อนไม่กล้าทำอะไรเปิดเผยหรอก เธอสามารถส่งข้อความไปให้ราเชนได้ บอกให้เขาระวังหงส์คนนั้นไว้ก็พอแล้ว”
“ไม่ได้ ตอนนี้เป็นช่วงเวลาที่พี่ชายต้องการคนเหลือ ถ้าตอนนี้ผิดใจกับหงส์ไป ไม่แน่อาจจะมีอันตรายถึงชีวิตมาได้”
นรมนนั้นกลับคิดอย่างยาวไกล
ชัญญาพูดเสียงต่ำขึ้นว่า “ตอนนี้เธอเอาตัวเองยังไม่รอดเลย เธอยังจะคิดถึงอนาคตของคนอื่นอีกทำไม?”
“เขาเป็นลูกพี่ลูกน้องของฉันนะ”
คำพูดของนรมนนั้นหนักแน่นเป็นอย่างมาก
สำหรับญาติพี่น้องแล้ว เธอจะไม่ทิ้งขว้างหรอก
ชัญญาเหมือนกับว่าจะเห็นเงาของธเนศพลจากตัวนรมน เด็กที่ดื้อดึงคนนั้น ก็ไม่รู้ว่าตอนนี้จะเติบโตขึ้นจนเป็นยังไงบ้างแล้ว
ไม่เจอกันมานานหลายปีขนาดนี้ ยังดีที่เขายังจดจำตัวเองได้
สำหรับราชสกุลมาพูดแล้ว เธอที่เป็นองค์หญิงตกอับไม่ได้รับความโปรดปรานคนหนึ่งจะเป็นหรือตายก็ไม่มีความสำคัญอะไรจริง ๆ ซึ่งแม้แต่พี่ชายแท้ ๆ ของตัวเองก็ยังไม่เสาะหาเบาะแสของเธอเลย มีเพียงแต่เด็กธเนศพลคนนั้นเท่านั้นที่ยังเป็นห่วงตัวเองอยู่
บางครั้งญาติก็เป็นสิ่งที่ทำให้คนรู้สึกอบอุ่นที่สุดในโลกจริง ๆ
ชัญญาไม่พูดอะไรแล้ว ซึ่งก็เท่ากับว่าเห็นด้วยกับทางเลือกของนรมนแล้ว
นรมนเอาโทรศัพท์ขึ้นมา แล้วอยากจะส่งข้อความอะไรให้ราเชนสักหน่อย แต่ว่าคิดอยู่ตั้งนานก็รู้สึกว่าไม่ควรจะเอ่ยชื่อของหงส์ออกมา
เธอก็เลยส่งไปประโยคหนึ่งว่า
“ระวังคนข้างกาย ไม่ว่าจะเป็นใครก็อย่าเชื่อมั่นมากเกินไป”
ตอนที่ราเชนได้รับข้อความนี้นั้นก็อึ้งไปเล็กน้อย และก็ไม่เข้าใจว่านรมนหมายความว่ายังไง ก็ได้ยินไรยาพูดเสียงต่ำขึ้นมาเลยว่า“องค์ชายรอง องค์หญิงห้ามาค่ะ”
“น้องห้า?”
ราเชนรู้สึกสงสัยขึ้นมาเล็กน้อย
ในเวลาแบบนี้ญาณิน จะมาที่นี่ทำไมกัน?
แต่ว่าใจของราเชนกลับหล่นตุ๊บลงทีหนึ่ง
หรือว่าคำเตือนของนรมนจะหมายถึงน้องห้าเหรอ?
ราเชนเก็บโทรศัพท์ให้เรียบร้อย แล้วก็รีบลุกขึ้นเดินออกไป
“ร่างกายของน้องห้ายังไม่หายดีเลย ทำไมถึงมาหาฉันที่นี่ได้ล่ะ? มีเรื่องอะไรก็โทรศัพท์มาสายหนึ่งให้พี่รองไปหาก็พอแล้ว”
หงส์ยิ้มอ่อน ๆ ขึ้น สายตามองไปทั่ว ๆ แต่กลับไม่พบเห็นบุริศร์
ก็ใช่
สำหรับคนประเทศFอย่างพวกเขาแล้วบุริศร์ก็คือคนนอกคนหนึ่ง แน่นอนว่าราเชนจะต้องไม่มีทางให้เขามาเปิดเผยตัวต่อหน้าตัวเองแน่
หงส์จ้องมองดูราเชน แล้วยิ้มและพูดขึ้นว่า “พี่รองเป็นห่วงฉัน แน่นอนฉันเองก็จะต้องไม่ลืมพี่รองอยู่แล้ว เมื่อกี้เพิ่งซื้อของกินจากข้างนอกมานิดหน่อย ก็เลยเอามาแบ่งปันกับพี่รองสักหน่อย”
พูดแล้ว ธีรตาก็เอาของออกมาวาง แต่ก็เป็นแค่ของกินเล่นของข้างนอกเท่านั้น
ราเชนไม่เข้าใจความต้องการของหงส์ ก็เลยพูดอย่างยิ้มแย้มขึ้นว่า “ของใจน้องห้า น้องห้ามีน้ำใจแล้ว”
“พี่รอง ฉันมีอะไรจะพูดกับคุณ”
หงส์จ้องมองราเชนแล้วก็เปิดปากพูดเรียบ ๆ
เธอรู้ ถ้าตัวเองอยากจะได้ความเชื่อใจจากราเชน ก็จำเป็นที่จะต้องบอกสถานะบางอย่างของตัวเองออกมา แบบนี้ถึงแม้จะอันตราย แต่ว่าถ้าราเชนเป็นคนของบุริศร์ละก็ หงส์มีความเชื่อมั่นว่าบุริศร์จะต้องไม่มีทางที่จะทนดูตัวเองไปตายอย่างเฉย ๆ อยู่แน่
ราเชนฟังความหมายที่แฝงอยู่ของหงส์ออกได้ แล้วก็ให้ไรยาพาคนออกไปหมดเลยทันที
ตอนที่ในห้องรับแขกเหลือแต่ราเชนและหงส์นั้น หงส์ก็พูดเสียงต่ำขึ้นว่า “พี่รอง พูดอย่างไม่ปิดบังนะ ฉันเป็นคนของบุริศร์”
พอคำพูดนี้พูดออกมา ก็ทำให้ราเชนอึ้งไปทันทีเลย
คนของบุริศร์เหรอ?
ญาณินเหรอ?
องค์หญิงห้าของประเทศFคนหนึ่งกลับยอมถวายชีวิตให้คนนอก?
พอนึกถึงที่ญาณินหายตัวไปตั้งหลายปี หัวคิ้วของราเชนก็ค่อย ๆ ขมวดขึ้นมา
“ตอนที่เธออยู่ต่างประเทศนั้นอยู่ด้วยกันกับบุริศร์เหรอ?”
“ใช่ ถ้าจะพูดให้ถูกคือเฮียบุริศร์ช่วยชีวิตฉันไว้ ถ้าไม่มีเฮียบุริศร์ ฉันอาจจะตายไปตั้งนานแล้ว ช่วงหลายปีนั้นฉันทำงานให้เฮียบุริศร์มาตลอด กลับประเทศมาแล้วฉันก็ไม่ได้เข้าร่วมการต่อสู้ของพวกคุณ การจัดการและสอดแนมทั้งหมดของฉัน ก็แค่เพื่อป้องกันไว้เท่านั้น ถ้าหากว่าเฮียบุริศร์มาแล้วฉันจะต้องรับประกันความปลอดภัยเต็มที่ของเขา เพราะฉะนั้นพี่รอง ตอนนี้ฉันกับคุณอยู่ด้านเดียวกัน คุณไม่มีความจำเป็นที่จะต้องมาระแวงฉัน เฮียบุริศร์น่าจะอยู่ที่คุณนี่ใช่ไหมคะ?”
หงส์พูดเรื่องของตัวเองกับบุริศร์ไปง่าย ๆ รอบหนึ่ง
หัวคิ้วของราเชนขมวดได้ยิ่งลึกมากยิ่งขึ้นแล้ว
เขารู้ว่าญาณินเป็นคนยังไง พูดให้ถูกต้องคือ เธอไม่ไถ่ถามอะไรใครและเรื่องอะไรจริง ๆ ตัวเองปลีกวิเวกไปคนเดียว มีชีวิตอยู่อย่างอิสระเป็นตัวของตัวเอง แต่ว่าพอคิดถึงว่าเรื่องทุกอย่างที่เธอทำนั้นเพื่อบุริศร์แล้ว ในใจของราเชนก็อยู่ไม่สุขมาก ๆ เลย
ความไม่สุขใจแบบนี้ไม่ใช่เพราะว่าญาณินไม่รักประเทศของตัวเอง แต่เป็นเพราะว่านรมน
ผู้หญิงคนหนึ่งสามารถเสียเวลาไปตั้งหลายปีแบบนี้เพื่อผู้ชายคนหนึ่งอย่างไม่เสียใจ แถมยังไม่ยอมแต่งงาน เรื่องแรกที่ราเชนนึกออกก็ไม่ใช่เรื่องอะไร แต่คือญาณินชอบบุริศร์ หรือจะบอกว่ารักถึงจะถูกมากกว่า
“เธอรักเขา?”
คำพูดนี้ถึงจะเป็นประโยคคำถาม แต่ว่ากลับเชื่อมั่นเป็นอย่างมาก
หงส์นิ่งไปครู่หนึ่ง ในตอนที่สมองยังครุ่นคิดอยู่ว่าควรจะตอบว่ายังไงนั้น ก็ได้ยินเสียงเย็นของราเชนพูดขึ้นว่า “เขาเป็นสามีของน้องสาวฉัน ไม่ว่าเธอจะมีความรู้สึกยังไงต่อเขา ถ้าหากว่าเธอกล้าคิดจะทำอะไรกับน้องสาวฉันละก็ พอถึงตอนนั้นอย่ามาโทษฉันว่าไม่เห็นแก่ความเป็นพี่น้องละกัน”
คำพูดนี้พูดได้อย่างไม่เกรงใจเลยสักนิด แต่ก็ทำให้ใจของหงส์เต็มไปด้วยความโกรธ
ถึงแม้ว่าเธอจะไม่สนใจความเป็นพี่น้องเลยสักนิด แต่ว่าตามสายเลือดแล้วตัวเองกับราเชนใกล้ชิดกันมากกว่านรมนเยอะ ตอนนี้บุริศร์เคร่งขรึมต่อเธอเพื่อนรมน แล้วตอนนี้แม้แต่ราเชนก็ยังจะเป็นแบบนี้ด้วยเหรอ?
สีหน้าของหงส์เย็นชาลง
“นี่พี่รองหมายความว่ายังไงกันคะ?”
“ความหมายตามคำพูด ญาณิน ฉันสามารถร่วมมือกับเธอได้ และก็สามารถทำเรื่องอะไรเพื่อเธอก็ได้ แต่ว่าก่อนอื่นเธอจะมาทำร้ายน้องสาวของฉันไม่ได้”
“ฉันก็เป็นน้องสาวของคุณเหมือนกันนะ!”
ในที่สุดหงส์ก็สูญเสียความสงบนิ่งในเวลาปกติไป
การกระทบกระเทือนที่มาติด ๆ กันทำให้เธอรู้สึกสะกดกั้นไฟโกรธที่เกิดขึ้นในอกไม่ไหว จนแทบอยากจะแผดเผาทุกอย่างที่อยู่ตรงหน้าไปให้วอดถึงจะดี
แต่ว่าสุดท้ายแล้วเธอก็ยังเก็บสติไว้เสี้ยวหนึ่ง
ราเชนโดนเสียงตะคอกดังของเธอทำให้ตกตะลึงไปเล็กน้อย แต่ว่าก็ตั้งสติกลับมาได้อย่างรวดเร็ว
“ญาณิน ฉันหวังว่าเธอจะสามารถเป็นเพื่อนกับนรมนได้อย่างไม่มีอะไรต่อกัน เธออายุยังน้อย ต่อไปคนหนุ่มมีความสามารถในประเทศFนี้พี่รองก็จะช่วยดูไว้ให้เธอนะ”
“ฉันไม่ต้องการ”
หงส์พูดจบก็สะบัดมือจากไปเลย
ตอนแรกเธอมาที่นี่นั้นเพื่อมาตามหาบุริศร์ และก็เพื่อมาร่วมมือกับราเชนด้วย แต่ใครจะไปรู้ว่าราเชนจะไม่รู้ดีชั่วเช่นนี้ หนำซ้ำยังว่าเธอเช่นนี้เพื่อนรมนอีกด้วย
หรือว่าเขาไม่รู้เหรอว่าอยู่ในวังที่ลึกลับและอันตรายแบบนี้ ถ้าไม่มีความช่วยเหลือของเธอ ด้วยพละกำลังของราเชนในตอนนี้อย่าว่าแต่แย่งชิงตำแหน่งผู้สืบทอดเลย ถึงแม้จะสามารถรักษาชีวิตเอาไว้ได้ก็ยังมีอันตรายอยู่เลย?
เธอนั้นจะรอดู แต่ละคนต่างก็ยอมละทิ้งเธอที่เป็นที่พึ่งและหน่วยข่าวกรองที่ใหญ่ขนาดนี้เพื่อนรมน พอถึงเวลาพวกเขาจะเสียใจหรือเปล่า จะร้องไห้ไหม
นรมนคนนั้นที่มีตำแหน่งได้เพราะปีนขึ้นเตียงจะสามารถช่วยเหลืออะไรพวกเขาได้!
หงส์โกรธจนตัวสั่นไปทั้งตัว แต่ดวงตาของราเชนกลับขรึมลงไปหลายส่วน
“ส่งคนไปตามองค์หญิงห้าไว้ คอยดูความเคลื่อนไหวของเธอ ไม่ว่าจะเรื่องเล็กหรือใหญ่ก็ต้องมารายงานฉันให้หมด”
“ค่ะ”
ไรยาถอยออกไปอย่างรวดเร็ว
ในใจของราเชนนั้นรู้สึกอัดอั้นตันใจเล็กน้อย
ที่แท้คนที่นรมนพูดว่าให้ระวังคนข้างกายหมายถึงญาณินเหรอ?
เธอรู้ว่าญาณินชอบบุริศร์แล้ว เพราะฉะนั้นที่เธอโดนทิ้งไว้ที่ปากทางขาวดำก็ไม่ใช่เรื่องบังเอิญใช่ไหม?
พอคิดมาถึงตรงนี้ หมัด หมัดหนึ่งของราเชนก็ทุบลงบนโต๊ะ
“บุริศร์ นายที่มันเป็นเจ้าชั่วที่ดึงดูดผู้หญิงอื่นมา”
บุริศร์รู้สึกเบื่อหน่ายเล็กน้อยแล้ว
เขาอยากจะแก้ตัวให้ตัวเองสักหน่อย แต่ว่าพอคิดถึงสถานการณ์ในตอนนี้ ในที่สุดแล้วก็ถอนหายใจคำหนึ่ง แล้วในตอนที่กะว่าจะเดินออกมาพูดอะไรกับราเชนสักหน่อยนั้น ไรยาก็วิ่งกลับเข้ามาอย่างรวดเร็ว
“องค์ชายรอง แย่แล้ว พระราชามาทางนี้แล้วค่ะ”
“อะไรนะ?”
ราเชนรู้สึกสงสัยขึ้นมาเล็กน้อย
สมชัยไม่ค่อยได้สนใจเขาเท่าไหร่มาตั้งนานแล้ว ถ้าหากว่าไม่ใช่ตำแหน่งคุณชายรองที่อยู่บนตัวนี้ คิดว่าตัวเขาเองก็คงจะลืมไปแล้วว่าตัวเองเป็นลูกชายของสมชัย
มาวันนี้เขาไปที่ตำหนักของแม่มาจากนั้นจู่ ๆ ก็มาทางเขานี่ เป็นเพราะว่ารู้สึกถึงอะไรแล้วเหรอ? หรือจะบอกว่าที่เขามาที่นี่นั้นมีจุดประสงค์อื่น?
และบุริศร์ที่หลบอยู่ในที่ลับนั้นก็อดไม่ได้ที่อกจะรู้สึกบิดกันขึ้นมา