แค้นรักสามีตัวร้าย - บทที่ 1359 ต่างก็เป็นคนครอบครัวเดียวกัน
ในตอนที่นรมนกำลังลังเลอยู่นั้น ก็ได้ยินบุริศร์พูดขึ้นว่า “องค์หญิงหกคนนี้มีความเกี่ยวข้องอะไรกับราเชนเหรอ?”
นรมนที่กะว่าจะร้องไห้ในตอนแรก พอได้ยินแบบนี้ก็นิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็ส่ายหัวแล้วพูดขึ้นว่า “พวกเขาสองคนเพิ่งจะร่วมมือกันหรือจะพูดให้ถูกต้องคือร่วมมือกันเพราะว่าฉัน เมื่อเอามาเปรียบเทียบกันแล้ว ฉันกลับรู้สึกว่าที่หงส์ดูปลอดภัยมากกว่า อย่างน้อยเธอก็จะไม่ทำอะไรคุณแน่”
คำพูดนี้ทำให้ใจของบุริศร์รู้สึกเป็นทุกข์อย่างมาก
“ไปที่นั่นคุณจะลำบากใจได้”
“ใครลำบากใจยังไม่แน่เลย”
นรมนยิ้มอ่อน ๆ ขึ้น ประกายในดวงตาทำให้บุริศร์สั่นไหวเล็กน้อย จากนั้นก็ยิ้มและพูดขึ้นว่า “ได้ แต่ว่าถ้าเธอรังแกคุณละก็ คุณจะต้องบอกกับผมเลยนะ”
“นั่นมันแน่นอนอยู่แล้ว ก็คุณเป็นยันต์คุ้มกายของฉันอยู่แล้ว”
นรมนกอดแขนของบุริศร์ไว้อย่างออดอ้อน ร่างกายที่อ่อนนุ่มถูไถไป บุริศร์รู้สึกว่าไฟร้อนระอุที่อยู่ทั่วตัวโดนดึงดูดออกมาหมดแล้ว
“คุณอยากจะทำอะไร?”
นำเสียงของเขาแหบแห้ง แต่ว่านรมนกลับมองเห็นคลื่นลมแรงที่เกิดขึ้นในดวงตาของเขา แล้วก็รีบออกห่างอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ยิ้มแหะแหะแล้วพูดขึ้นว่า “ความเคยชินน่ะ”
“ตอนกลางคืนผมไม่รังเกียจที่คุณจะเคยชินแบบนี้หรอกนะ”
ถ้าไม่ใช่เพราะว่าโอกาสไม่เหมาะสม บุริศร์จะยอมปล่อยเธอไปได้ยังไง ตอนนี้ก็ได้แต่ทอดถอนใจเท่านั้น
นรมนยิ้มอย่างยิ้มทื่อ ๆ อยู่อย่างงั้น แต่กลับไม่ตอบอะไร
“ใช่แล้ว ถ้าหากว่าเราจะไปก็เร็ว ๆ หน่อย ฉันกลัวว่าองค์หญิงหกจะพึ่งพาไม่ได้ ฉันไปหาคุณน้าชัญญาก่อนนะคะ”
บุริศร์ยังไม่ทันได้พูดอะไร นรมนก็วิ่งออกไปเลย อย่างกับว่าเขาเป็นอันตรายใหญ่หลวงยังไงอย่างงั้น
เขายิ้มขึ้นมาแล้วก็ส่ายหน้าเล็กน้อย แต่ว่าสีหน้ากลับเคร่งขรึมขึ้นมา
ในตอนที่ออกมาจากตำหนักของหงส์นั้นเขาได้พูดอย่างแตกร้าวขนาดนั้นไว้ แล้วตอนนี้พานรมนกลับไปด้วย หงส์จะเกลียดแค้นนรมนหรือเปล่านะ?
พอคิดมาถึงตรงนี้ ยังไงบุริศร์ก็รู้สึกหดหู่เล็กน้อยแล้ว
แล้วในเวลานี้พอดีสายของหงส์ก็โทรเข้ามาพอดี
“เฮียบุริศร์ คุณอยู่ไหนคะ? ท่านพ่อของฉันไปที่ตำหนักของพี่รองแล้ว ฉันจะรีบตามไปเดี๋ยวนี้ คุณรีบฉวยโอกาสหลบซ่อนตัวเข้ามาที่ทหารองครักษ์ของฉัน แล้วฉันจะพาคุณออกมานะ”
น้ำเสียงของหงส์ร้อนรนเป็นอย่างมาก
สำหรับบุริศร์แล้ว หงส์นั้นทนเห็นเขาบาดเจ็บไม่ได้แม้แต่นิดเดียวเลย พอสมชัยไปที่ตำหนักของราเชน ก็ทำให้หงส์ตกใจเป็นอย่างมาก ถึงแม้ในใจจะรู้สึกไปพอใจต่อความแตกร้าวที่บุริศร์มีต่อตัวเอง แต่ว่าตอนนี้ก็สนใจมากไม่ได้แล้ว
พอฟังมาถึงตรงนี้ บุริศร์ก็พูดเสียงต่ำขึ้นว่า “ไม่ต้องไปหรอก ฉันไม่ได้อยู่ที่ตำหนักราเชน อีกเดี๋ยวฉันจะพานรมนกลับไปนะ ถ้าหากเธอรู้สึกว่ายอมรับไม่ได้ละก็ เราก็จะสถานที่อื่นพักชั่วคราวก่อน”
ความหมายที่แอบแฝงของคำพูดนี้ก็คือ เธอสามารถยอมรับนรมนได้ฉันก็ไป ถ้าไม่ได้ก็ช่างเถอะ
หงส์อึ้งไปเล็กน้อย แต่ว่าจากนั้นก็ยิ่งอิจฉามากยิ่งขึ้นเลย
เพื่อผู้หญิงอย่างนรมนแล้ว เฮียบุริศร์กลับพูดจาแรง ๆ ใส่เธอครั้งแล้วครั้งเล่า แล้วตอนนี้ก็หวาดระแวงกับตัวเองขึ้นมาอีกด้วย นี่คือสิ่งที่หงส์คาดคิดไม่ถึง
ดูท่านรมนคนนั้นคงจะมีน้ำหนักอยู่ในใจบุริศร์มากจริง ๆ
ถ้าหากหงส์จะใช้ไม้แข็งกับนรมนให้ได้จริง ๆ ละก็ คิดว่าบุริศร์คงจะห่างตัวเองไปยิ่งอยู่ก็ยิ่งไกลแน่ หนำซ้ำความผูกพันที่ก่อเกิดขึ้นมาในตอนที่พวกเราร่วมกันสู้รบมาด้วยกันนั้นก็อาจจะหายไปจนหมดสิ้นด้วย นี่คือข้อได้เปรียบของหงส์ เธอจะต้องไม่มีทางให้นรมนมาเอาข้อได้เปรียบอันน้อยนิดของเธอนี้ไปแน่
พอคิดมาถึงตรงนี้ หงส์ก็รีบพูดขึ้นว่า “เฮียบุริศร์คุณพูดอะไรไปนะ ในเมื่อเป็นพี่สะใภ้ ฉันก็จะต้องต้อนรับด้วยใจอยู่แล้ว เดี๋ยวฉันส่งคนไปรับพวกคุณเองดีกว่า”
“ได้”
คำว่าพี่สะใภ้คำนี้ทำให้ใจของบุริศร์สงบนิ่งลงมาครู่หนึ่ง แต่ว่าก็ไม่ได้ปล่อยวางความระแวงไป
เขานั้นจำได้ดีว่าการต่อสู้ของผู้หญิงนั้นเป็นการต่อสู้อย่างไร้สุ้มเสียง ในเวลาแบบนี้เขาจะต้องอยู่ข้างกายภรรยาอย่างหนักแน่น
ในตอนที่นรมนพาชัญญาออกมานั้น บุริศร์เองก็จบการคุยโทรศัพท์แล้วเช่นกัน
“ไปได้หรือยังคะ?”
นรมนรู้ดีอยู่แก่ใจ ถึงแม้ว่าในใจจะรู้สึกรังเกียจอยู่ แต่ก็ไม่ได้แสดงออกมา และยังดูใจกว้างเล็กน้อยจนทำให้บุริศร์รู้สึกไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่
แต่ว่าสถานการณ์ในตอนนี้ก็ทำให้บุริศร์เข้าใจดีว่า ถ้าอยากจะปกป้องชีวิตของนรมนและชัญญาเอาไว้ ยังไงก็มีเพียงแต่ตำหนักของหงส์จะปลอดภัยมากกว่าจริง ๆ
ชัญญาจ้องมองนรมนเล็กน้อย แล้วก็หันไปมองบุริศร์ แล้วพูดเสียงต่ำว่า “ถ้าหากไม่มีเรื่องอะไรแล้ว พวกเราก็ไปกันดีกว่า อยู่ที่นี่เป็นเวลานานไปเกรงว่าคงจะไม่ดีเท่าไหร่”
“ได้”
นรมนเป็นฝ่ายเข้าไปคล้องแขนบุริศร์ก่อน แล้วทั้งสามคนก็เดินออกไปเลย
ในตอนที่ดารัณเห็นพวกเขาเดินออกมานั้นก็ไม่ได้แปลกเลยสักนิด แถมยังยิ้มอ่อนหวานแล้วก็พูดขึ้นว่า “นี่พวกคุณปรึกษากันดีแล้ว ว่าจะจากไปแล้วใช่ไหมคะ?”
ใจของนรมนหล่นตุ๊บทีหนึ่ง
เธอมักจะรู้สึกว่าดารัณคนนี้เหมือนจะรู้เรื่องอะไรอยู่ ฉะนั้นก็เลยมักจะไม่สบายใจเป็นอย่างมาก อีกฝ่ายรู้เรื่องครอบครัวเธอจนหมดเปลือกแล้ว แต่เธอกลับไม่รู้อะไรเกี่ยวกับคนอื่นเขาเลย การนึกคิดแบบนี้มันทำให้คนรู้สึกไม่สบายใจเลย
บุริศร์หรี่ตามองดูดารัณไปครู่หนึ่ง จากใบหน้าของเธอนั้นดูอะไรไม่ออก ผู้หญิงคนนี้ไม่ก็เก็บซ่อนได้ดีมาก ไม่ก็ใสซื่อบริสุทธิ์มากจริง ๆ แต่ว่าบุริศร์รู้สึกว่าความเป็นไปได้อย่างที่สองนั้น ตัวเองยังไม่เชื่อเลย เห็นได้ชัดเลยว่าผู้หญิงที่อยู่ในวังนั้นล้วนเป็นผู้หญิงที่เก่งมาก
“ใช่ พวกเราจะไปแล้ว ช่วงเวลาที่ผ่านมานี้ต้องขอบคุณที่คุณดูแลภรรยาผม บุญคุณนี้ต่อไปผมค่อยชดใช้คืนให้นะครับ”
บุริศร์พูดจาอย่างเป็นทางการมาก ขอแค่อีกฝ่ายยังมีประโยชน์ร่วมกัน เขาก็รู้สึกว่ายังสามารถสานสัมพันธ์ต่อไปได้
ดารัณกลับยิ้มแล้วพูดขึ้นว่า “ได้ค่ะ คำพูดนี้ฉันจะจำไว้ แต่ว่าตอนนี้ฉันยังไม่มีอะไรที่จะต้องการให้พวกคุณช่วย รออีกหน่อยเถอะ ไม่แน่อาจจะต้องลำบากคุณจริง ๆ ก็ได้ค่ะ”
คำพูดนี้พูดออกมาแล้วทำให้นรมนรู้สึกลังเลอยู่บ้าง แต่ว่าสถานการณ์ในตอนนี้ก็ทำให้เธอทำอะไรไม่ได้อยู่ดี
“ทางด้านพี่ชายฉันคงจะไม่มีอะไรหรอกมั้ง?”
ในเมื่อดารัณได้สืบค้นครอบครัวของเธอมาจนหมดเปลือกแล้ว ตัวเองจะมาปิดบังอีกก็ไม่มีความหมายแล้ว นรมนก็เลยพูดจาให้กระจ่างไปเลย
“ไม่เป็นไรหรอก ท่านพ่อจะไม่ทำอะไรพี่รองหรอก วางใจเถอะ ที่สำคัญพี่รองก็ได้รับปากว่าจะร่วมมือกับลูกพี่ลูกน้องของฉันแล้ว ท่านพ่อของฉันคงจะเห็นแก่หน้าลูกพี่ลูกน้องของฉันและไม่ทำให้พี่รองลำบากหรอก”
ในตอนที่ดารัณพูดถึงลูกพี่ลูกน้องจณัตว์นั้นก็ดีใจเป็นอย่างมาก แถมยังมีความภาคภูมิใจอยู่ด้วยนิดหนึ่ง
นรมนแอบจดจำชื่อนี้ไว้อย่างเงียบ ๆ และกะว่าจะให้คนไปสืบค้นสักหน่อยว่าตกลงผู้ชายคนนี้มีความเป็นมายังไงกันแน่
“พวกคุณจะไปยังไงคะ? จะไปเอง? หรือจะให้ฉันส่งคนพาพวกคุณไปส่ง?”
ดารัณนั้นกลับดูใจกว้างเป็นอย่างมาก
“พวกเราไปกันเองเถอะ คงจะไม่รบกวนคุณแล้ว”
พูดคำพูดออกมาอย่างนี้ แต่ว่านรมนรู้ว่า ตัวเองก็แค่ไม่อยากจะให้ดารัณรู้ว่าตัวเองจะไปที่ไหนก็เท่านั้น แต่ว่าอยู่ในวังแห่งนี้ หน่อยข่าวกรองของดารัณนั้นสุดยอดมากจริง ๆ
“พวกคุณคงจะไปที่ตำหนักพี่ห้าใช่ไหมคะ? ถ้าอย่างนี้พวกคุณก็ไม่ต้องไปใช้เส้นทางปากทางขาวดำแล้ว มันมีอยู่เส้นทางหนึ่งที่สามารถทะลุไปได้เลย”
และก็ไม่รู้ว่าดารัณนั้นตั้งใจหรือว่าไม่ได้ตั้งใจ ที่ชี้ทางอีกเส้นทางหนึ่งให้พวกนรมน
เส้นทางนี้ไม่มีกลุ่มทหารยามเดินตรวจ ไม่มีทหารคอยเฝ้า และก็ค่อนข้างใกล้กับตำหนักของหงส์ด้วย แค่ดูก็รู้แล้วว่าตอนที่หงส์ให้พวกเขาไปใช้เส้นทางปากทางขาวดำนั้นมีเจตนาที่คิดไม่ซื่อมากแค่ไหน แต่ว่าตอนนี้นรมนก็แสร้งทำเป็นว่าไม่รู้เรื่องอะไรทั้งนั้น ยิ้มแล้วก็พูดกับดารัณขึ้นว่า “ขอบใจคุณมาก”
“ไม่ต้องเกรงใจหรอกค่ะ ล้วนเป็นคนครอบครัวเดียวกันทั้งนั้น”
สุดท้ายดารัณก็ยังให้คนส่งพวกนรมนออกไปจากตำหนัก แล้วพอไปถึงทางเล็กแล้วถึงได้แยกตัวจากไป
ตั้งแต่ที่บุริศร์รู้ว่าไม่ต้องใช้เส้นทางปากทางปากทางขาวดำเป็นต้นมา ใบหน้าก็เอาแต่เคร่งขรึม
ดูท่าตัวเองไม่ได้เข้าใจหงส์ผิดจริง ๆ เธออยากจะทำอะไรกับนรมนจริง ๆ ด้วย
พอคิดมาถึงตรงนี้ บุริศร์ก็ดึงนรมนไว้ทีหนึ่ง แล้วก็พูดเสียงต่ำขึ้นว่า “อีกเดี๋ยวผมจะติดต่อวินเซนต์ ให้เขามารับคุณกับคุณน้าชัญญาไปด้วยตัวเอง”
“ฉันไม่ไป”
นรมนรู้ว่าบุริศร์เป็นห่วงตัวเธอ แต่ว่าเวลาแบบนี้ถ้าจะให้วินเซนต์เข้ามานั้นเป็นการเสี่ยงอันตรายมากเกินไปอย่างไม่ต้องสงสัย
ลำพังพวกเขาสามคนยังไม่รู้เลยว่าจะสามารถออกไปได้หรือเปล่า แล้วทำไมยังจะต้องดึงคนอีกคนหนึ่งเข้ามาด้วยล่ะ?
แล้วอีกอย่างผู้หญิงอย่างหงส์คนนี้ ไม่ว่ายังไงนรมนก็จะต้องสักหน่อยให้ได้ ในส่วนนี้ไม่ว่าใครก็มาเปลี่ยนแปลงไม่ได้ ถึงจะเป็นบุริศร์ก็ไม่ได้
บุริศร์เองก็หงุดหงิดเล็กน้อย
“นรมน!”
“นายให้เธออยู่ต่อเถอะ ส่งเธอจากไปแบบนี้ ไม่แน่ในใจเธออาจจะคิดเรื่องนายกับหงส์ไปยังไงบ้างก็ไม่รู้ เทียบกับการให้เธอกลับไปคิดเรื่อยเปื่อยไปเรื่อย ยังสู้ให้เธอเจอกับหัวหน้าหน่วยหงส์ของนายหน่อยไม่ได้เลย ใจของเธอจะยังเป็นสุขซะมากกว่า”
พอชัญญาเห็นท่าทีของพวกเขาสองคนแล้ว ก็อดไม่ได้ที่จะเปิดปากพูดขึ้นมา
บุริศร์ทอดถอนใจทีหนึ่งแล้วก็พูดขึ้นว่า “ผมกับเธอไม่ได้มีอะไรกัน และก็จะไม่มีทางมีอะไรด้วย”
“งั้นคุณจะกลัวฉันอยู่ต่อทำไมคะ?”
แววตาของนรมนแฝงไว้ด้วยความโกรธเคืองเสี้ยวหนึ่ง
บุริศร์รู้สึกจากใจจริงว่าสถานการณ์อย่างนี้ทำให้เขาไม่มีทางควบคุมได้เล็กน้อย
“ผมกลัวว่าเธอจะทำร้ายคุณ ผมกลัวว่าคุณจะต้องลำบากใจ”
“ใครจะลำบากใจยังไม่แน่เลย”
ตอนนี้นรมนเป็นเหมือนนักรบที่สวมใส่ชุดเกาะไว้ พร้อมที่จะปกป้องชีวิตแต่งงานของตัวเองและผู้ชายของตัวเอง หงส์คนนั้นไม่ว่าจะเก่งกาจซะแค่ไหน ก็ปล่อยของมาได้เต็มที่เลย นรมนไม่กลัวเธอหรอก
พอเห็นว่านรมนดื้อดึงเช่นนี้ ที่สุดแล้วบุริศร์ก็ไม่ได้พูดอะไรอีก
ทั้งสามคนเดินตามเส้นทางเล็ก ๆ มาถึงตำหนักของหงส์
ในตอนที่หงส์เห็นบุริศร์และนรมนเดินตามเส้นทางเล็ก ๆ นี่เข้ามานั้น สีหน้าก็ได้เปลี่ยนไปเล็กน้อย และในเวลาเดียวกันก็มองไปที่บุริศร์อย่างรวดเร็ว แล้วก็พบว่าบุริศร์ก็มองเธออยู่ ดวงตานกฟีนิกซ์ที่สวยงามคู่นั้นมีแววผิดหวังและโกรธเคืองกะพริบอยู่เสี้ยวหนึ่ง แล้วหงส์ก็มีความรู้สึกหดหู่ขึ้นมาเล็กน้อยทันที
ตกลงใครเป็นคนบอกเส้นทางเส้นนี้ให้พวกเขารู้กัน?
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเป็นการขายเธอแล้วชัด ๆ
แต่ว่าในเวลานี้หงส์เองก็ไม่พูดอะไร แต่กลับมองไปที่นรมนตรง ๆ
ว่าแล้วเชียวว่าต้องหน้าตาเย้ายวนจริง ๆ ด้วย
หงส์ประเมินอยู่ในใจ แต่บนใบหน้ากลับไม่ได้แสดงออก
นี่มันยอดฝีมือเลย
ภาพแรกที่นรมนรู้สึกก็คือแบบนี้ เธอเคยนึกภาพหงส์ไว้มากมาย แต่กลับไม่เคยคิดว่าผู้หญิงคนนี้จะมีหน้าตาที่สวยขนาดนี้ เยือกเย็นเช่นนี้ เหมือนกับดอกเหมยที่หนาวเย็นอยู่บนยอดเขาสูง เบ่งบานต้อนรับสายลม ซึ่งทำให้คนไม่สามารถมองข้างความงามของเธอได้
ผู้หญิงแบบนี้มาแอบรักสามีของเธอ นรมนรู้สึกว่ามีความกดดันเป็นสูงมากเลย
บุริศร์เองก็สามารถรู้สึกได้ถึงส่วนประกอบของความไม่สงบสุขในอากาศ จึงกระแอมไอขึ้นมาคำหนึ่ง “นี่คือภรรยาของฉันนรมน นรมน นี่คือหงส์ น้องสาวที่ผมเคยบอกคุณ”
นรมนเป็นฝ่ายยิ้มแย้มขึ้น แล้วก็ยื่นมือออกไปทางหงส์
“สวัสดี หงส์ ช่วงระยะเวลานี้ต้องรบกวนเธอให้ดูแลหน่อยนะ”
“ได้”
หงส์จับมือนรมนไว้ แต่กลับแอบใช้แรงอย่างไม่มีสุ้มเสียง
การต่อสู้ของทั้งสองคนเริ่มตั้งแต่สบตากันมาแล้ว พอตอนนี้รู้สึกถึงการยั่วยุของหงส์ นรมนก็ยิ้มเล็กน้อยขึ้น แล้วก็เอาเรี่ยวแรงมารวมกันที่แขนและข้อมือ
พอเรี่ยวแรงปะทะกันอย่างรวดเร็ว อยู่ ๆ หงส์ก็ปล่อยมือออก ทุกอย่างดูเป็นปกติมาก แต่เรี่ยวแรงของนรมนกลับเหมือนกับว่าจะเก็บกลับมาไม่ทัน ร่างกายจึงอดไม่ได้ที่จะเซไปข้างหน้าเล็กน้อย จู่ ๆ ที่เอวก็มีมือที่มีเรี่ยวแรงคู่หนึ่งมาโอบกอดเธอไว้ได้ทันเวลา และน้ำเสียงที่อ่อนโยนก็ดังขึ้นที่ข้างหูด้วยว่า
“หิวแล้วใช่ไหม? ผมเห็นคุณยืนไม่ค่อยมั่นคงนิดหน่อยแล้ว”
ดวงตาของบุริศร์อ่อนโยนราวกับสายน้ำ แต่กลับเหมือนกับมีดสั้นที่อาบยาพิษไว้ ทิ่มแทงเข้าไปที่กลางใจหงส์อย่างลึกมาก