แค้นรักสามีตัวร้าย - บทที่ 1360 หล่อนไปเอาหน้ามาจากไหนกัน?
ตั้งแต่ที่มาถึงประเทศF บุริศร์ก็เหมือนกับว่าจะไม่เคยให้สีหน้าที่ดีกับหงส์มาก่อน หงส์จึงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกน้อยใจเล็กน้อยขึ้นมา
เธอเองก็ไม่ได้ทำอะไรลงไปสักหน่อย ก็แค่ปล่อยมือออกก่อนก็เท่านั้น ถ้าหากว่านรมนไม่ต่อสู้กับตัวเองละก็ แล้วจะมาเป็นแบบนี้ได้ยังไง?
ว่าแล้วเชียวว่าต้องเป็นผู้หญิงเจ้าเล่ห์คนหนึ่ง!
หงส์จ้องนรมนทีหนึ่งอย่างรู้สึกโกรธเกลียด
แน่นอนว่านรมนจะต้องรู้ความในใจของหงส์แน่ เธอดึงแขนเสื้อของบุริศร์ทีหนึ่ง ยิ้มแล้วก็พูดขึ้นว่า “ฉันหิวแล้วก็หิวไปซิ คุณจะจ้องไปน้องหงส์ทำไม? หรือว่ายังอยากจะให้น้องหงส์ทำกับข้าวให้ฉันกินอีกเหรอ?”
คำพูดนี้ฟังไปแล้วเหมือนพูดล้อเล่น แต่ว่าพอได้ยินอยู่ในหูของหงส์กลับทำให้เธอรู้สึกทนไม่ไหวขึ้นมาเล็กน้อยแล้ว
ผู้หญิงที่เจ้าเล่ห์คนนี้กลับยังอยากจะให้เธอทำอาหารให้หล่อนกินอีก?
หล่อนไปเอาหน้ามาจากไหนกัน?
แต่บุริศร์กลับนึกว่านรมนอยากจะกินอาหารที่หงส์ทำขึ้นมาแล้ว จึงอดไม่ได้ที่จุพูดเสียงนุ่มนวลขึ้นมาว่า “หงส์ทำกับข้าวได้อร่อยมากเหมือนกัน ผมเองก็ไม่ได้กินมาหลายปีแล้ว ไม่รู้ว่าจะโชคดีได้กินอีกสักครั้งไหม?”
หงส์รู้สึกอารมณ์แปรปรวนขึ้นมาทันที คละคลุ้งไปด้วยหลากหลายรสชาติ
เมื่อก่อนเธอเคยไปฝึกทำอาหารเพื่อบุริศร์จริง ๆ และก็ยินดีที่จะทำอาหารให้บุริศร์มากด้วย แต่ว่าสถานการณ์ในตอนนี้เห็นได้ชัดเลยว่าบุริศร์นั้นทำเพื่อต้องการช่วยนรมนระบายความโกรธ ในใจของหงส์นั้นรู้สึกไม่ดีเอามาก ๆ แต่ว่าจะไม่ทำก็ไม่ได้เพราะว่าขึ้นหลังเสือแล้วลงลำบาก
“เฮียบุริศร์นี่พูดตลกแล้ว ทำอาหารให้คุณมันก็สมควรอยู่แล้วนี่คะ”
“พี่สะใภ้ของเธอเป็นคนอยากกิน”
บุริศร์ตั้งใจพูดเน้นคำว่าพี่สะใภ้ให้หนักมาก
ตั้งแต่เข้าประตูมาจนถึงตอนนี้ หงส์ยังไม่เคยเรียกนรมนว่าพี่สะใภ้สักคำหนึ่งเลย หนำซ้ำแม้แต่คำสรรพนามสักคำก็ไม่เรียกเลย นี่คือการไม่ยอมรับต่อตัวนรมน
เขารู้ว่าบีบบังคับหงส์แบบนี้มันเกินไปหน่อย แต่ว่าแล้วนรมนไม่ลำบากใจเหรอ?
เธอไม่รู้อะไรสักอย่าง ไม่ได้ทำอะไรผิดซะหน่อย แล้วทำไมจะต้องมาเช็กบิลกับเรื่องหนี้บุญคุณของตัวเองด้วย?
หงส์กัดฟันขาวราวกับเงินไว้แน่น แล้วก็ยิ้มขึ้นแบบฝืนเล็กน้อย
“ค่ะ พี่สะใภ้อยากจะกิน ฉันก็จะไปทำให้เดี๋ยวนี้เลยค่ะ”
พูดจบหงส์ก็หมุนตัวจากไป
ธีรตารู้สึกตกใจเล็กน้อย อยู่ในวังนี้ ไม่เคยมีใครกล้าปฏิบัติต่อองค์หญิงแบบนี้มาก่อน และอีกอย่างองค์หญิงก็ไม่มีทางก้มหัวให้ใครด้วย แต่ว่าผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าคนนี้กลับทำให้หงส์ยอมให้ตัวเองลำบากใจแต่ก็ยังต้องต้อนรับด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม จึงทำให้ธีรตาอดไม่ได้ที่จะต้องจ้องมองบุริศร์มากขึ้นไปอีกหลายที แต่แล้วก็ยังวิ่งตามหงส์ไปอย่างรวดเร็ว
“องค์หญิง เดี๋ยวฉันทำเองดีกว่าค่ะ คุณเป็นองค์หญิงผู้สูงส่ง จะเคยมาเข้าห้องครัวเมื่อไหร่กัน?”
“ไม่ต้องหรอก เธอไม่ได้ยินเหรอ? เฮียบุริศร์อยากกินอาหารที่ฉันทำ เธอเป็นลูกมือให้ฉันเถอะ”
หงส์ปรับสภาพจิตใจเสร็จเรียบร้อยแล้ว แถมยังมีความรู้สึกดีใจอยู่เสี้ยวหนึ่งด้วย
ขอแค่เป็นเรื่องที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับบุริศร์ เธอก็ยินดีที่จะไปทำทั้งนั้น อย่างมากสุดก็แค่มองข้ามผู้หญิงคนนั้นไปก็เท่านั้น
นรมนจ้องมองสถานการณ์ดำเนินไปแบบนี้อย่างรู้สึกหดหู่เล็กน้อย แล้วถอนหายใจขึ้นทีหนึ่ง แล้วพูดกับบุริศร์ขึ้นว่า “นี่คุณตั้งใจใช่ไหม? คุณรู้ทั้งรู้ว่าฉันไม่ได้หมายความแบบนั้นสักหน่อย”
“เธอควรจะมีปฏิบัติกับคุณแบบนี้ คุณเป็นพี่สะใภ้ นี่คือความจริงที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้”
บุริศร์เองก็ไม่ได้ปฏิเสธ กับนรมนนั้น เขาไม่อยากจะมีความลับ
ชัญญากลับคิดไม่ถึงว่าบุริศร์จะทำถึงขั้นนี้ เรื่องระหว่างเขากับหงส์นั้นนรมนเคยเล่าให้เธอฟังแล้ว ตอนแรกนึกว่าชายหนุ่มจะต้องเห็นแก่บุญคุณแล้วทำให้ภรรยาตัวเองลำบากใจไป ในเมื่อภรรยาเป็นคนใน แต่ผู้มีพระคุณคือคนนอก แต่ว่าบุริศร์กลับไม่ได้สนใจเรื่องพวกนี้ แต่กลับปกป้องนรมนไว้อย่างแน่นหนา แถมยังไม่ยอมให้เธอมีความลำบากใจเลยสักนิด
ความรักแบบนี้ชัญญารู้สึกอิจฉาเล็กน้อย
เธออดไม่ได้ที่จะนึกบุญทิวาขึ้นมาอีกครั้ง
เมื่อก่อนบุญทิวาก็เคยมีสุภาพเรียบร้อย และสง่างามเช่นนี้ ยังจำได้ตอนครั้งแรกที่ตัวเองและเขาไปร่วมปีนเขากับงานโรงเรียนนั้น เธอเกิดข้อเท้าแพลงขึ้นมา และบุญทิวาก็เป็นคนแบกเธอลงจากเขา
ตอนนั้นบุญทิวายังไม่รู้สถานะที่แท้จริงของเธอ และปฏิบัติต่อเธออย่างอ่อนโยน จึงทำให้ใจทั้งดวงของเธอตกไปอยู่กับผู้ชายคนนี้ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา และถึงแม้ว่าต่อมาบุญทิวาจะรู้สถานะที่แท้จริงของตัวเองแล้ว แต่ก็ยังปฏิบัติต่อเธอเหมือนเก่า ซึ่งไม่เหมือนกับผู้ชายคนอื่นที่แทบจะคุกเข่าหมอบคลานกับเธอ เธอก็เลยยิ่งอยากรักษาความเป็นเพื่อนระหว่างพวกเธอเอาไว้
แต่ทำยังไงได้ในเมื่อฝ่ายหนึ่งมีความรู้สึกแต่อีกฝ่ายหนึ่งกลับไม่มีความรู้สึก
สุดท้ายแล้วคนที่ผู้ชายเพียบพร้อมอย่างบุญทิวาตกหลุมรักกลับไม่ใช่เธอ
ถ้าหากคนที่เขารักคือเธอละก็ งั้นตัวเองก็คงจะสามารถมีความสุขได้อย่างนรมนแล้วใช่ไหม?
ชัญญาไม่รู้ เพียงแต่รู้สึกว่าที่หัวใจนั้นเจ็บปวดมาก แถมยังอยากจะร้องไห้สักหน่อยด้วย ดูท่าตัวเองน่าจะอายุเยอะแล้ว จะมาเห็นการกระตุ้นจากความรักที่หวานแหววแบบนี้ไม่ได้แล้ว
“ฉันกลับไปพักผ่อนที่ห้องก่อนนะ ตอนกินข้าวค่อยมาเรียกฉันเถอะ”
ชัญญากระแอมไอคำหนึ่ง จากนั้นก็ให้สาวใช้พาตัวเองจากไป
นรมนไม่ได้มองข้ามความเศร้าหมองที่พาดผ่านไปในดวงตาของชัญญา จึงอดไม่ได้ที่จะถามขึ้นว่า “นี่คุณน้าชัญญาเป็นอะไรไปคะ?”
“ไม่มีอะไรหรอก อาจจะเหนื่อยน่ะ”
บุริศร์จ้องมองเธอทีหนึ่ง จากนั้นก็ยิ้มจาง ๆ ในใจกลับเข้าใจอะไรอยู่บ้าง แต่ว่าเรื่องความรู้สึกนั้นใครจะไปว่าใครได้ล่ะ?
ชัญญาและบุญทิวานั้นไร้วาสนาต่อกัน และนี่ก็เป็นเรื่องที่พูดอะไรไม่ได้ ถึงแม้จะผ่านมานานหลายปีขนาดนี้ บุญทิวาก็ยังคงมีความรักที่มั่นคงต่อนงลักษณ์อยู่ ถึงแม้ว่าตัวเองจะสูญเสียความสามารถอะไรบางอย่างไป แต่เขาก็ยังคงหวังว่านงลักษณ์จะมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี
ความรักระหว่างพวกเขาได้ผ่านการชะล้างและทดสอบจากกาลเวลามาแล้ว ถ้าหากว่าเป็นไปได้ละก็ บุริศร์เองก็หวังว่าพวกเขาจะสามารถอยู่ด้วยกันไปจนแก่จนเฒ่าได้
นรมนเห็นว่าบุริศร์เหม่อลอยขึ้นมาเล็กน้อย ก็เลยหยิกที่เอวของเขาทีหนึ่ง จนบุริศร์เจ็บจนหัวคิ้วขมวดเข้าด้วยกัน
“ที่รัก นี่คุณกำลังใช้ความรุนแรงในครอบครัวอยู่นะ”
“งั้นคุณก็ไปฟ้องฉันเลยซิ!”
นรมนมองค้อนมาที่เขาทีหนึ่ง ความรักที่พรั่งพรูออกมานั้นมีมากมาย แล้วบุริศร์จะไปทำลงคอได้ยังไง?
“ฟ้องคุณนั้นไม่มีทางเป็นไปได้ แต่ว่าผมสามารถใช้วิธีอื่นเรียกร้องคืนกลับมาได้”
ระหว่างที่พูดนั้นมือของบุริศร์ก็มาวางอยู่บนตัวนรมนและลูบไล้ไปเรื่อย แต่กลับโดนเธอตบทีหนึ่งปัดทิ้งไปเลย
“อย่างมาใช้อะไรที่ไม่มีประโยชน์พวกนี้นะ คุณยังไม่ได้พูดมาเลยว่า เมื่อกี้นั้นตั้งใจใช่หรือเปล่า?”
“คุณก็รู้คำตอบอยู่แล้วยังจะมาถามผมอีกทำไม?”
บุริศร์รู้สึกว่าตอนนี้ภรรยาดุมาก ทั้งดุทั้งน่ารัก แต่ว่ากลับทำให้คนรู้สึกหัวใจคันหยิก ๆ จนยากที่จะทนไหว
นรมนรู้สึกหมดคำพูดขึ้นมาทันทีเลย
“คุณนี่มันดึงดูดความเกลียดชังมาให้ฉันเลยนะเนี่ย ฉันกับเธอเพิ่งเจอกันครั้งแรก คุณจะให้เราอยู่กันอย่างปรองดองหน่อยไม่ได้เหรอ?”
“อยู่กันอย่างปรองดองเหรอ? ที่รัก สามีคุณยังหนุ่มยังแน่น ตาไม่ได้บอด เมื่อกี้ตอนที่เธอจับมือกันคุณนั้นมันเป็นสถานการณ์ยังไงคิดว่าผมมองไม่ออกจริง ๆ เหรอ? เธอต้องการที่จะข่มขู่คุณทีหนึ่ง ต้องการให้คุณตกที่นั่งลำบากเท่านั้น ถ้าผมไม่รู้ก็ช่างเถอะ แต่ในเมื่อมองเห็นแล้วผมยังจะทำเป็นมองไม่เห็นได้เหรอ? เป็นองค์หญิงแล้วยังไง? อยู่ในสายตาผมเธอก็เป็นแค่น้องสามีคนหนึ่งเท่านั้น ให้ดูแลรับใช้พี่สะใภ้หน่อยมันไม่สมควรเหรอ?”
คำพูดของบุริศร์นี้พูดได้อย่างมีเหตุมีผลในตัว กลับทำให้ใจของนรมนสงบนิ่งเป็นอย่างมาก
“นี่คุณไม่ต้องมาพูดคำเอาอกเอาใจใส่ฉันเลย ที่คุณเป็นฝ่ายลงมือเอง คงจะกลัวว่าฉันจะลงมือไปทำร้ายโดนน้องสาวคุณเข้าละซิ?”
“ผมไม่มีเรื่องที่ทำผิดอะไร ที่รักคุณเป็นอย่างนี้ผมก็ลำบากมากน่ะซิ”
บุริศร์ร่ำร้องอย่างโศกเศร้าเล็กน้อยขึ้นมา
นรมนเม้มริมฝีปากไว้เล็กน้อย และรู้สึกอดกลั้นรอยยิ้มที่ตรงริมฝีปากไว้ไม่ค่อยอยู่ ความรู้สึกที่โดนหงส์กลั่นแกล้งเมื่อกี้ได้สลายไปอย่างรวดเร็วเลย
พอทั้งสองคนนั่งลงไปแล้วก็มีคนเข้ามาชงชาให้พวกเขาเลย
นรมนมองไปรอบด้าน แล้วก็พูดเสียงต่ำขึ้นว่า “ฉันได้ยินมาว่าโสธรอยู่ทางนี่ ตอนนี้ตัวเขาอยู่ที่ไหนคะ? ฉันสามารถไปดูสักหน่อยได้ไหมคะ?”
“รอให้กินข้าวเสร็จผมค่อยไปดูพร้อมคุณเถอะ ตอนนี้โสธรเป็นคนของผม คุณไปดูเขาพร้อมกับผมถึงจะปลอดภัยมากกว่า”
เพราะสาเหตุที่ข้างกายมีสาวใช้อยู่ บุริศร์จึงไม่พูดจาให้มันชัดเจนเกินไป แต่ยังไงนรมนก็ถือได้ว่าฟังเข้าใจแล้ว
“ได้ค่ะ”
ทั้งสองคนดื่มชาไป พูดคุยกันไป ก็ถือได้ว่ามีความสบายใจอยู่บ้าง
ในตอนที่หงส์รู้ถึงสถานการณ์ปัจจุบันของพวกเขานั้นก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกโกรธขึ้นมาบ้าง
นังผู้หญิงที่เจ้าเล่ห์มากคนหนึ่ง!
นี่มันกำลังโอ้อวดอยู่เหรอ
เธอก็คืออยากจะบอกกับตัวเองว่า เธอทำสำเร็จแล้ว เธอสามารถกำบุริศร์ไว้ในกำมือแน่น ๆ ได้แล้ว สามารถทำให้บุริศร์ช่วยออกตัวแทนเธอได้
ดวงตาของหงส์เยือกเย็นลงมาหลายส่วน
ธีรตาเองก็สามารถคาดเดาเรื่องราวส่วนหนึ่งได้จากการสนทนาและถกเถียงของกลุ่มคนได้บ้างแล้ว ติดตามหงส์มาหลายปีขนาดนี้ แน่นอนว่าจะต้องรู้ความในใจของหงส์อยู่แล้ว
“องค์หญิง จะใส่อะไรลงไปในอาหารนี้หน่อยไหมคะ? คุณก็รู้ มีของตั้งมากมายที่สามารถใส่เข้าไปได้อย่างไม่มีสุ้มเสียงและไม่ถูกผู้คนพบเห็นอยู่”
อยู่ในวัง เรื่องอย่างนี้ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่อะไร จะฆ่าคนคนหนึ่งให้ตายไปอย่างเงียบ ๆ นั้นช่างง่ายดายมาก
ในใจของหงส์เต็มไปด้วยแรงอาฆาต แต่ว่าพอนึกถึงความใส่และแววตาที่เฉียบขาดของบุริศร์ สติเสี้ยวสุดท้ายของเธอก็ได้ชนะความอิจฉาไป
“ไม่ได้ ผู้หญิงคนนั้นฉันจะต้องชนะหล่อนอย่างสง่าผ่าเผย แล้วให้หล่อนไสหัวออกไปจากข้างกายบุริศร์แต่โดยดี การกระทำที่ต่ำช้าแบบนี้ไม่ใช่สไตล์ของฉัน”
คำพูดของหงส์ทำให้ธีรตาอึ้งไปเล็กน้อย
อยู่ในวังนี้มีใครบ้างที่ไม่ใช้การกระทำต่ำช้าแบบนี้?
และอีกอย่างเพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมายแล้ว หงส์ก็ไม่ใช่คนที่มีเมตตามากขนาดนั้น แต่ตอนนี้กลับพูดอย่างนี้ ซึ่งมากพอที่จะเห็นถึงตำแหน่งที่บุริศร์ผู้ชายคนนี้อยู่ในใจของหงส์แล้ว
ใจของธีรตานั้นมีความคิดเห็นขึ้นมา แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรอีก แล้วก็ถอยไปอยู่อีกข้างหนึ่งและเป็นลูกมือให้หงส์ไป
เวลาที่ใช้ทำกับข้ามื้อหนึ่งนั้นไม่นานมากและไม่ได้สั้นมาก เป็นเวลาหนึ่งชั่วโมงพอดี
นรมนดื่มน้ำชาไปอย่างเชื่องช้ามาก ระหว่างนั้นยังได้พิงบุริศร์แล้วหลับไปครู่หนึ่งด้วย ในตอนที่หงส์ยกกับข้าวเข้ามานั้น นรมนก็ยังนอนหลับอยู่
“ชู่ว์!”
บุริศร์ส่งสัญญาณมือให้หงส์เงียบเสียงอย่างระมัดระวังทีหนึ่ง จากนั้นก็นั่งไม่ขยับเขยื้อนอยู่ตรงนั้น ส่วนนรมนก็พิงไหล่ของเขาอยู่ และกำลังนอนหลับสบายอยู่
ภาพที่สวยงามเช่นนี้พอมาอยู่ในสายตาของหงส์กลับระคายเคืองตาเล็กน้อย
เธอเห็นภาพนรมนสงบสุขไม่ได้ ยิ่งเห็นเธอพิงอยู่บนตัวบุริศร์ไม่ได้ ตัวบุริศร์เองถึงแม้ว่าจะไม่สบายเท่าไหร่แต่กลับรักใครและไม่ยอมขยับเขยื้อนเลยแม้แต่น้อย
นี่เคยเป็นภาพที่เธอใฝ่หาแม้แต่ในตอนฝัน พอมาวันนี้กลับโดนคนอื่นยื้อแย่งไปก่อน แล้วจะให้เธอพอใจได้ยังไง?
แต่ว่าบุริศร์เองก็ได้บอกไว้แล้ว ว่าห้ามส่งเสียง ถึงแม้ว่าหงส์จะเกลียดแทบตาย ตอนนี้ก็ได้แต่อดทนไว้เท่านั้น
แล้วก็ในตอนนี้เอง อยู่ ๆ ที่ข้างนอกก็มีเสียงประทัดดังขึ้น
นรมนสะดุ้งทีหนึ่งแล้วก็ตื่นขึ้นมาทันที
“ตกใจหรือเปล่า?”
บุริศร์รีบตบหลังนรมนเบา ๆ ท่าทางแบบนั้นเหมือนอย่างกับปฏิบัติต่อเด็กคนหนึ่งยังไงอย่างงั้น
หงส์ติดตามบุริศร์มานานขนาดนี้ เคยเห็นบุริศร์มีท่าทางอ่อนโยนขนาดนี้เมื่อไหร่กัน?
เธออดไม่ได้ที่จะมองจนนิ่งอึ้งไปเลย
นรมนกลับส่ายหน้าอย่างอัตโนมัติ แล้วถามขึ้นว่า “ทำไมกลางวันเสก ๆ อย่างนี้ถึงได้จุดประทัดกันล่ะ? วันนี้เป็นวันเทศกาลอะไรเหรอ?”
“วันนี้เป็นวันชาติของประเทศFเรา”
หงส์รู้สึกไม่พอใจต่อการที่นรมนทำเหมือนไม่มีคนอื่นอยู่เป็นอย่างมาก และน้ำเสียงก็แฝงไปด้วยความขุ่นเคืองเล็กน้อย
แล้วนรมนถึงรู้สึกตัวว่าตอนนี้พวกเขาอยู่ที่ไหน และตรงหน้านี้ก็ยังมีศัตรูความรักของตัวเองยืนอยู่ด้วย
เธออดไม่ได้ที่จะทำตัวกระปรี้กระเปร่าขึ้น แล้วนั่งตัวตรงขึ้นมา และยิ้มแล้วพูดขึ้นว่า “ขอโทษนะคะ พอดีเหนื่อยเกินไปหน่อย ฉันก็เลยนอนหลับไป คุณเป็นยังไงบ้างคะ? ไม่เป็นไรใช่ไหมคะ? ทำไมถึงไม่รู้จักปลุกฉันให้ตื่นละคะ?”
นรมนจ้องมองบุริศร์อย่างตำหนิเล็กน้อย
บุริศร์กลับยิ้มแล้วพูดขึ้นว่า “ไม่เป็นไร ผมก็แค่เอวชาไปนิดหน่อย อีกเดี๋ยวกลับห้องไปแล้วคุณช่วยทุบให้ผมหน่อยก็พอแล้ว”
คำพูดนี้พูดได้อย่างคลุมเครือเล็กน้อย จึงทำให้ใบหน้าของนรมนแดงระเรื่อขึ้นมาเล็กน้อย
แต่ว่าภาพนี้พอมองอยู่ในสายตาของหงส์นั้น แต่กลับยิ่งทำให้แน่ใจว่านรมนเป็นผู้หญิงเจ้าเล่ห์ที่ใช้มารยาร้อยเล่มเกวียนกันคนอื่น