แค้นรักสามีตัวร้าย - บทที่ 1392 พวกเขาเคยรู้จักกันมาก่อนเหรอ?
“คุณชายจณัตว์!”
ธีรตาแทบขาอ่อน
แม้ว่าผู้ชายคนนี้จะดูเป็นคนสุภาพเรียบร้อย แต่ธีรตากลับรู้สึกกลัวแปลกๆ ตัวเขาเหมือนมีรังสีบางอย่างที่ทำให้คนยอมก้มหัวให้ น่ากลัวว่าหงส์เสียอีก
“ไสหัวออกไป!”
เสียงของจวัตณ์เย็นเยือก ธีรตาหวาดกลัวจนหัวหด แต่ก็ยังหันไปมองหงส์
“ไป!”
การกระทำนี้กระตุ้นต่อมโมโหของจวัตณ์ได้เป็นอย่างดี มือใหญ่ของเขายื่นออกไป กระชากคอเสื้อของธีรตาแล้วจับเธอโยนออกไป ตามมาด้วยเสียงปิดประตูดัง “ตึง”
ไฟโทสะของหงส์พลันลุกโชน
“จวัตณ์ มันจะมากเกินไปแล้วนะ!”
“มากเกินไป? แล้วเมื่อกี้พวกคุณกำลังปรึกษากันเรื่องอะไรเหรอ? คิดจะหนี?”
จวัตณ์เดินเข้าไปข้างหน้าหนึ่งก้าว ไอเยือกเย็นที่เจือปนได้กลิ่นอายของน้ำยาฆ่าเชื้อจู่โจมเข้ามาในจมูกของหงส์ทันที
เธอขมวดคิ้วมุ่นอย่างรู้สึกไว ซ้ำยังก้าวถอยหลังโดยอัตโนมัติ แต่คิดไม่ถึงเลยว่าการกระทำนี้กลับทำให้โทสะของจวัตณ์เพิ่มขึ้นสูงมากกว่าเดิม
เธอไม่อยากเห็นหน้าเขาขนาดนี้เลยเหรอ?
แต่กับบุริศร์ หงส์กลับไม่ได้มีท่าทางแบบนี้
แค่เห็นว่าเป็นบุริศร์ หงส์ก็รีบแสดงท่าทีเอาอกเอาใจ โทสะของจวัตณ์จึงลุกโชนอย่างรุนแรง
ถึงยังไงหงส์ก็เป็นถึงองค์หญิง พอมาถูกจวัตณ์เค้นถามอย่างนี้ก็เริ่มเดือดขึ้นมาแล้วเหมือนกัน
“ฉันจะหนี? ฉันจำเป็นต้องหนีด้วยเหรอ? ถ้าจะหนีฉันจะเดินออกไปอย่างผ่าเผยเองโอเคไหม? คุณคิดว่าคุณเป็นใคร? คิดว่าตัวเองมองขาดเรื่องการแพทย์แล้วจะกดข่มฉันยังไงก็ได้เหรอ? จวัตณ์ฉันจะบอกอะไรให้นะ ต่อให้คนอื่นมองว่าคุณคือเศรษฐีใหม่ แต่ในสายตาของฉัน คุณไม่ใช่อะไรทั้งนั้น แล้วก็อย่าคิดเอาศาสน์ของสมชัยมาขู่ฉันล่ะ ถ้าเขาควบคุมฉันได้ ป่านนี้ฉันคงแต่งงานออกไปนานแล้ว ไม่มีทางมีอิสระอยู่ที่นี่หรอก อีกอย่างญาณินคนนี้ไม่ใช่คนที่ใครจะมาบีบบังคับได้ตามสบายหรอกนะ ทางที่ดีคุณควรสำนึกได้และปล่อยฉันไป ไม่อย่างนั้น……”
หงส์ยังพูดขู่ออกมาไม่ทันจบ จวัตณ์ก็เดินเข้าไปประชิดตัวของหงส์อย่างรวดเร็ว
คำพูดต่อจากนี้ของหงส์ถูกกลืนลงไป ไฟโกรธลุกโชนจนเผาไหม้ความรู้สึกนึกคิดของเธอทั้งหมด
“จวัตณ์ นี่คุณกล้าเหรอ! คุณมัน….อื้อ…..”
เสียงของเธอขาดหายไป เนื่องจากถูกจวัตณ์จูบปิดปากเอาไว้
ญาณินนิ่งอึ้ง
จูบแรกของเธอ!
ทำไมถึงได้ถูกคนใจทรามคนนี้ขโมยไป?
เธอทั้งดิ้นทั้งผลัก แต่จวัตณ์กลับเป็นเหมือนภูเขาลูกใหญ่ที่กดทับร่างกายของเธอเอาไว้ จนเธอไม่
สามารถขยับไปไหนได้
เป็นครั้งแรกที่ญาณินขุ่นเคือง แต่ทำอะไรไม่ได้ ทำได้แค่กัดลิ้นของจวัตณ์อย่างกรุ่นโกรธและไร้ซึ่งความปรานี
ผู้ชายคนนี้กล้าทำแบบนี้กับเธอ เธอยังต้องปล่อยให้เขามีชีวิตอยู่อีกเหรอ?
ถ้าไม่แก้แค้นก็ไม่ใช่นิสัยเธอแล้ว ตอนนี้เธอแทบอยากจะฆ่าจวัตณ์ทิ้ง
กลิ่นสนิมคละคลุ้งอยู่ในช่องปาก แต่เหมือนจวัตณ์ไม่รับรู้ถึงความเจ็บปวดอย่างไรอย่างนั้น เขายังคงไม่สนใจสิ่งใด และเริ่มฉีกกระชากเสื้อผ้าของหงส์ออก ท่าทางแบบนั้นดูเหมือนว่ายังไงวันนี้ก็ต้องทำอะไรแบบนั้นกับเธอให้ได้
ตลอดหลายปีที่ผ่านมาหงส์ไม่เคยเกรงกลัวใคร ความรู้สึกที่มีต่อบุริศร์ก็มีแค่ความเคารพและความรัก แต่ว่าพอมาเจอท่าทางของจวัตณ์ในวินาทีนี้ เธอก็เริ่มกลัวขึ้นมาเล็กน้อย
ผู้พิทักษ์ที่เธอชุบเลี้ยงยังไม่ปรากฏตัวออกมา มีความเป็นไปได้เดียวเท่านั้น ก็คือถูกคนของจวัตณ์คุมตัวเอาไว้แล้ว
ตอนนี้ธีรตาก็ถูกขังอยู่ข้างนอก เธอไม่มีโอกาสที่จะชนะจวัตณ์ได้เลย ถ้าหากหมอนี้คิดจะทำอะไรเธอจริงๆ เธอก็คงไม่สามารถขัดขืนได้แน่ๆ
ชั่วขณะหงส์ก็รู้สึกกลัดกลุ้ม มากไปกว่านั้นคือรู้สึกโกรธและไม่เป็นธรรม
ในเมื่อดิ้นยังไงก็ไม่หลุด เธอจึงหยุดดิ้น ยอมนอนนิ่งๆเหมือนปลายตาย ปล่อยให้จวัตณ์ได้ทำตามใจ
เธอจะคิดซะว่าถูกหมากัดปากก็แล้วกัน แต่เรื่องหลังจากนี้เธอจะให้จวัตณ์ชดใช้แน่นอน
นัยน์ตาของหงส์แฝงไปด้วยหยาดน้ำตา ขณะที่กำลังครุ่นคิดอย่างกรุ่นโกรธ
เมื่อจวัตณ์เห็นว่าเธอหยุดดิ้น อันที่จริงก็รู้อยู่แล้วว่าเธอกำลังคิดอะไร เพียงแต่ว่าเขากลับไม่ได้หยุดการกระทำ ถอดเสื้อผ้าของเธอออกจนเหลือแค่ชั้นใน จากนั้นก็ดึงผ้าห่มมาคลุมร่างทั้งสองคนเอาไว้ จากนั้นก็ผละจากตัวของเธอ เปลี่ยนแขนกอดเอวของเธอเอาไว้ แล้วเอนตัวลงนอนข้างๆเธอ
หงส์ชะงักไปเล็กน้อย งุนงงกับการกระทำของเขา
“คุณ……”
“เงียบ! หนวกหูจะตายแล้ว! ผมอยากนอน ถ้าคุณยังพูดอยู่อีก ผมก็จะจูบคุณอีก จูบจนกว่าคุณจะหยุดพูด”
จวัตณ์เค้นเสียงแหบแห้ง เอ่ยพูดอย่างโมโห
หงส์เดือดดาลจนแทบลุกขึ้นนั่ง
ทำไมมีผู้ชายหน้าด้านขนาดนี้อยู่บนโลก?
“คุณก็ปล่อยฉันสิ!”
“ถ้ายังดิ้นอีกผมไม่รับประกันว่าจะไม่ทำเรื่องเมื่อกี้กับคุณต่อจนเสร็จ”
คำพูดนี้ของจวัตณ์ทำให้หงส์หยุดการกระทำลงในพริบตา
ถ้ารักษาความบริสุทธิ์ไว้ได้ ใครจะอยากเสียไปกันล่ะ?
เมื่อเห็นหงส์ยอมอยู่นิ่งๆ ถึงแม้จะยังมีท่าทางอยากฆ่าเขาให้ตายอยู่ก็ตาม แต่จวัตณ์ก็ไม่สน เอ่ยพูดออกมาอย่างเหนื่อยล้าว่า “ผมผ่าตัดมาทั้งคืน อย่าเสียงดัง ผมขอนอนสักพัก”
“งั้นคุณก็กลับไปนอนห้องคุณสิ”
หงส์รังเกียจเป็นที่สุด โดยเฉพาะเพราะกลิ่นยาฆ่าเชื้อแสบจมูกบนตัวของเขา อีกอย่างผู้ชายคนนี้ยังกอดเธอในสภาพที่เกือบเปลือยเอาไว้ มันอึดอัดสุดๆเลยไม่รู้หรือไง?
“นี่ห้องผม”
จวัตณ์มองมาที่เธอราวกับกำลังมองคนโง่ จากนั้นก็หลับตาลง
หงส์พูดอะไรไม่ออก
“งั้นคุณหาห้องรับแขกให้ฉันสิ”
“ห้องเต็มหมดแล้ว ไม่มีเหลือให้คุณหรอก คุณอยู่ที่นี่แหละ แล้วก็หุบปากได้แล้ว ผมปวดหัว ถ้ายังเสียงดังอีกผมจะทำอะไรแบบนั้นกับคุณจริงๆด้วย”
น้ำเสียงของจวัตณ์ไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก
หงส์เกือบจะตบบ้องหูของเขาเข้าให้
คฤหาสน์ตระกูลแหลมวิไลกินพื้นที่เกือบร้อยไร่ ยังมีหน้ามาบอกว่าห้องรับแขกเต็มอีกเหรอ เขาคิดว่าหงส์โง่หรือไง?
แต่ตอนที่หงส์กำลังจะทำอะไรบางอย่างกับเขาถึงได้พบว่าเขาผล็อยหลับไปแล้ว
เสียงหายใจสม่ำเสมอดังขึ้นมา ทำให้หงส์นิ่งไปเล็กน้อย
เธอหันไปมองหน้าของจวัตณ์
จริงๆแล้วเขาเป็นผู้ชายที่หล่อเหลามากๆ ถ้าไม่อย่างนั้นเธอคงไม่ไปโปรยเสน่ห์ใส่เขาในตอนที่ยังไม่รู้ว่าเขาเป็นใครหรอก
ทว่าใบหน้านี้ออกแนวหวานเล็กน้อย
คิดได้ดังนี้ หงส์ก็เริ่มรู้สึกคุ้นๆ
ในอดีตเธอเคยเจอผู้ชายคนนี้ที่ไหนมาก่อนหรือเปล่า?
สมองของหงส์หวนนึกอย่างรวดเร็ว แต่กลับจำไม่ค่อยได้เท่าไหร่ เพียงแต่ว่าพอสูดดมกลิ่นน้ำยาฆ่าเชื้อมากๆ เธอก็เหมือนได้กลิ่นคุ้นเคยบางอย่าง
แม้ว่าผู้ชายคนนี้จะน่าชิงชัง แต่กลับให้ความรู้สึกที่คุ้นเคยกับเธอแปลกๆ โดยเฉพาะท่าทางตอนที่โอบกอดเธอจนหลับไปในตอนนี้ เหมือนว่าเมื่อก่อนก็เคยมีคนทำกับเธอแบบนี้
หงส์ปวดหัวเล็กน้อย
เธอถอนหายใจออกมา กำลังจะจับมือของจวัตณ์ออก จวัตณ์ก็ตื่นขึ้นมาเสียก่อน นัยน์ตาคมปลาบเหมือนดาบคู่นั้น ทำเอาหงส์สะดุ้งตกใจจนตัวกระตุก
“ฉันอยากไปเข้าห้องน้ำ”
หงส์รู้สึกฮึดฮัด มากไปกว่านั้นคือความโกรธ
เธอเคยเกรงกลัวใครที่ไหน?
แต่จวัตณ์คนนี้กลับสามารถทำให้เธอกลัวได้
ตอนแรกที่เธอตื่นขึ้นมาก็เพราะว่าอยากเข้าห้องน้ำ ใครจะไปรู้ว่าจะถูกจวัตณ์ทรมานอยู่นาน ตอนนี้เธอปวดฉี่มากๆ ใกล้จะอั้นเอาไว้ไม่อยู่แล้ว
จวัตณ์นิ่งไปนิด เหมือนเพิ่งรู้ตัวว่าสถานการณ์ตอนนี้คืออะไร มือที่พันธการหงส์เอาไว้จึงหดกลับไป เสียงทุ้มแหบดังขึ้นมาว่า “ห้ามออกไปนอกคฤหาสน์ อย่างอื่นคุณมีอิสระเต็มที่ แล้วก็หลีกเลี่ยงการพูดคุยกับบุริศร์ด้วย”
“มีสิทธิ์อะไรมาสั่ง? นั่นมันเฮียบุริศร์ของฉันนะ!”
“ในใจคุณเห็นเขาเป็นแค่เฮียบุริศร์ก็ดีไปสิ”
จวัตณ์พูดจบก็ปล่อยเธอออก ทั้งยังหันหลังให้เพื่อนอนต่อ
หงส์มองคนประหลาดตรงหน้า ก็อดที่จะกำหมัดขึ้นมาไม่ได้ อยากทุบเขาให้ตายชะมัด
แต่ว่าเมื่อกี้เขาพูดว่าอะไรนะ?
ขอแค่ไม่ออกไปนอกคฤหาสน์ เธอก็มีอิสระเต็มที่ใช่ไหม?
ถึงมันจะไม่ต่างอะไรกับกักบริเวณ แต่ก็ยังถือดีว่าถูกกักบริเวณอยู่แค่ในห้องล่ะนะ
หงส์ยิ้มออกมาอย่างขมขื่น จากนั้นก็โดดลงจากเตียงแล้ววิ่งเข้าไปในห้องน้ำด้วยความรวดเร็ว
จวัตณ์ลืมตาขึ้นมามองท่าทีรีบๆของเธอ มุมปากกระตุกขึ้นเป็นรอยยิ้มอย่างช่วยไม่ได้
ยัยนี้ยังคงโผงผางเหมือนเดิมเลย
ต่อมาเขาก็หลับตาลงพักผ่อนอีกครั้ง
การผ่าตัดในครั้งนี้กินพลังงานเขาไปเยอะมาก ถ้าไม่หลับพักผ่อนก็คงเติมเต็มกลับมาไม่ได้
ในตอนที่หงส์เดินออกมา จวัตณ์ก็หลับไปอย่างสมบูรณ์แบบ
ตอนหลับเขาดูไม่มีพิษมีภัยอะไรเลย
หงส์มองเขา ยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกคุ้น แต่ก็คิดไม่ออกว่าเคยเจอเขาที่ไหน ความสนใจที่จวัตณ์มีต่อเธอไม่ได้ทำให้เธอคิดว่าตัวเองมีเสน่ห์ถึงขั้นทำให้ใครหลงรักตั้งแต่แรกพบได้
เพราะงั้นพวกเขาเคยรู้จักกันมาก่อนเหรอ?
ทำไมในหัวของเธอถึงไม่มีภาพเหล่านี้เลยล่ะ?
หัวคิ้วของหงส์ขมวดเข้าหากันแน่น
ลมอ่อนๆโชยเข้ามาทางหน้าต่าง ทำให้เธอหนาวสั่นเล็กน้อย ตอนนี้ถึงได้รู้ตัวว่าตัวเองยังไม่ได้ใส่เสื้อผ้า เมื่อหันไปเห็นเสื้อผ้าของตัวเอง ก็พบว่าถูกจวัตณ์ฉีกกระชากจนขาดไปหมดแล้ว
ผู้ชายเลวทรามคนนี้นี่มัน!
หงส์ด่าทอเขาอย่างฮึดฮัด จากนั้นก็เปิดตู้เสื้อผ้าดู ข้างในมีแต่เสื้อผ้าของลจวัตณ์
โชคดีที่หงส์สูงร้อยเจ็ดสิบต้นๆ เธอจึงเลือกหยิบเสื้อเชิ้ตกับกางเกงยีนของจวัตณ์มาใส่ ไม่หลวมเกินไปเท่าไหร่แฮะ
จวัตณ์เป็นพวกค่อนข้างผอมโปร่ง ดังนั้นพอเสื้อผ้าของเขามาอยู่บนตัวของหงส์กลับดูพอดี เสื้อตรงช่วงไหล่ตกไปหน่อย ส่วนกางเกงส์สวมใส่ได้พอดี
หลังจากที่ใส่เสื้อผ้าเสร็จเธอก็ไปล้างหน้าล้างตาแล้วถึงได้เดินออกมา
เมื่อธีรตาเห็นหงส์เดินออกมา แถมยังใส่เสื้อผ้าของจวัตณ์ จู่ๆก็รู้สึกอยากร้องไห้
“องค์หญิง เขาทำ….”
“เงียบ!”
หงส์หัวร้อนนิดหน่อย แต่ก็กลัวว่าธีรตาจะเสียงดังจนทำให้จวัตณ์ตื่น
ผู้ชายคนนี้หลับไปเธอจะได้มีอิสระหน่อย ถ้าตื่นขึ้นมาก็ไม่รู้ว่าคิดจะทำอะไรอีก
ธีรตาเห็นหงส์โกรธแบบนี้ ก็คิดไปเองว่าตัวเองเดาถูก ยิ่งอยากร้องไห้มากกว่าเดิม
เธอเป็นสาวใช้ประจำกายขององค์หญิงห้า แต่กลับไม่สามารถปกป้องเจ้านายของตัวเองเอาไว้ได้ นี่ถ้าหงส์โกรธขึ้นมา จนเอาไปลงกับน้องชายของเธอจะทำยังไงได้?
คิดมาถึงตรงนี้ ธีรตาก็รู้สึกหวาดกลัว
หงส์เหมือนจะมองออกว่าธีรตากำลังคิดอะไรอยู่ในใจ จึงเอ่ยพูดเสียงเย็นว่า “สบายใจได้ น้องของเธอไม่เป็นอะไรหรอก ฉันไม่ได้สนใจอะไรเขา เดี๋ยวไว้ถ้ามีโอกาส ฉันจะให้คนส่งตัวเขาออกมาอยู่กับเธอ ที่วังสถานการณ์ไม่ค่อยสงบ ถ้าให้เขาอยู่ที่นั่นคงไม่ใช่เรื่องดีเท่าไหร่”
ธีรตาตระหนกจนเหงื่อไหลซก
“องค์หญิง ฉันไม่ได้คิดอย่างนั้น ฉัน…..”
“เอาล่ะ ฉันรู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ ถ้าไม่อยากติดตามฉันจริงๆ เดี๋ยวพอน้องชายเธอออกมา พวกเธอจะไปเลยก็ได้นะ”
จู่ๆหงส์ก็รู้สึกเศร้า
ธีรตาคือสาวใช้ที่ติดตามเธอมาตั้งแต่เธอที่กลับมาอยู่ที่วัง หลายปีที่ผ่านมา นอกจากความหวาดกลัวอีกฝ่ายก็ไม่ได้มีความรู้สึกอื่นกับเธอเลย พอลองมาคิดดู หงส์ก็อดที่จะเย้ยหยันตัวเองไม่ได้
เธอเพียรพยายามบริหารเครือข่ายผู้คน แต่แค่คนรับใช้ข้างกายเธอก็ยังซื้อใจอีกฝ่ายไม่ได้ แล้วเธอยังจะไปมีหน้าพูดว่าตัวเองเก่งได้ยังไง?