แค้นรักสามีตัวร้าย - บทที่ 1397 พี่ชายที่ดีคนหนึ่งจริง ๆ
“พ่อ กลับไปคุยกันที่บ้านดีกว่า”
จณัตว์รีบห้ามคำพูดของเอกฉัทเอาไว้ก่อน แล้วก็ส่งสายตาให้เนกษ์ทีหนึ่ง แล้วก็พยุงเอกฉัทออกไปจากวังซ้ายคนหนึ่งขวาคนหนึ่งพร้อมกับเขาไป
“พระราชา พวกเขาจากไปแล้วค่ะ”
สาวใช้เข้ามารายงานกับสมชัย
สมชัยปัดทีหนึ่งจนของที่อยู่ตรงหน้าตกลงไปบนพื้นจนหมด แล้วก็พูดขึ้นด้วยดวงตาเยือกเย็นทั้งคู่ว่า “เจ้าจณัตว์คนนี้นี่ช่างอวดดีเกินไปแล้วจริง ๆ”
“พระราชา จะให้ฉันส่งคนไปสั่งสอนพวกเขาสักหน่อยไหมครับ?”
มีทหารองครักษ์เดินออกมาจากที่ลับ
ทำไมสมชัยจะไม่อยากจัดการกับจณัตว์สักหน่อยล่ะ แต่ว่าการวิจัยในตอนนี้ยังต้องการเขาอยู่ พอคิดมาถึงตรงนี้ เขาก็พูดขึ้นอย่างหัวฟัดหัวเหวี่ยงว่า “รอไปช่วงหนึ่งก่อน ให้มันอวดดีไปก่อนสักช่วงหนึ่งค่อยว่ากัน ศพของกล้าณรงค์เอากลับมาหรือยัง? พบเห็นอะไรบ้างไหม?”
“เอากลับมาแล้วครับ หน่วยชันสูตรได้ชันสูตรศพดูแล้ว บอกว่าโดนซุ่มยิง และดูจากตำแหน่งในที่เกิดเหตุนั้น น่าจะมีมือซุ่มยิงอยู่สองคน แต่ว่าตำแหน่งไม่ได้ดีมากนัก ศพของคุณชายกล้าณรงค์พวกเราได้เอาไปไว้ที่ห้องดับจิตแล้ว และก็ได้ส่งคนไปบอกกับสมเด็จฉัตรพลแล้ว คาดว่าอีกไม่นานสมเด็จฉัตรพลก็คงจะกลับมาแล้วครับ”
พอได้ยินทหารองครักษ์รายงานขึ้นแบบนี้ สมชัยก็ขมวดคิ้วขึ้นมาเล็กน้อย
“ใครให้เขากลับมากัน? ในเวลาแบบนี้พวกนรมนกับบุริศร์ก็ยังหาตัวไม่เจอ ในวังนี้ก็ไม่รู้ว่ายังมีคนของพวกเขาอยู่อีกหรือเปล่า แล้วฉัตรพลกลับมาในตอนนี้ไม่เท่ากับมารนหาที่ตายเหรอ? ไปบอกเขาว่าอย่ากลับมา ฉันจะฝังกล้าณรงค์อย่างกับเป็นลูกชายแท้ ๆ ให้เอง ให้เขารีบไประดมเงินมาให้เร็วที่สุด การวิจัยในช่วงนี้ต้องใช้เงินเป็นอย่างมาก เรี่ยวแรงของประเทศเราใกล้จะแบกรับไม่ไหวแล้ว”
“ครับ”
ทหารองครักษ์รับคำสั่งแล้วก็ถอยออกไปเลย
หรือว่าบางทีหลายปีมานี้ฉัตรพลทำงานไปอย่างไม่เสียใจอะไร จึงทำให้สมชัยรู้สึกว่าเขาทำอะไรก็คือสิ่งที่สมควรแล้ว มาวันนี้ถึงแม้ว่ากล้าณรงค์จะตายไปแล้ว และถึงแม้ว่ากล้าณรงค์จะเป็นลูกชายคนเดียวของฉัตรพลก็ตาม แต่ว่าสิ่งที่เขาคิดก็ยังคือการระดมทุน ยังคือการให้ฉัตรพลทำตามคำสั่งอีก
เขารู้สึกมาตลอดว่าการที่ปฏิบัติต่อกล้าณรงค์ราวกับเป็นลูกแท้ ๆ นั้นคือพระคุณที่มีต่อฉัตรพลแล้ว แต่ว่าเขากลับลืมไป ถ้าหากไม่มีการเสียสละของฉัตรพล ฉัตรพลเองก็สามารถเป็นพระอนุชาที่สุขสบายอยู่ที่นี่ได้ และสามารถมีชีวิตที่เหนือผู้คนได้ ส่วนกล้าณรงค์เองก็ต้องมีเกียรติยศที่สมควรเป็นของตัวเองอยู่แล้ว
ในตอนที่ฉัตรพลได้รับข่าวนี้นั้น ทั้งคนก็มีสีหน้าเคร่งขรึมไป และไม่พูดอะไรสักคำ แต่ว่าดวงตาคู่นั้นกลับมีความโกรธเคืองกะพริบอยู่เสี้ยวหนึ่ง
ลูกชายเพียงคนเดียวของเขาตายแล้ว แต่ว่าสมชัยกลับไม่ให้เขากลับไป
ภรรยาของเขา ลูกชายของเขาต่างก็สละชีพเพื่อประเทศแล้ว ส่วนเขาที่เป็นสามี ที่เป็นพ่อ ตอนนี้กลับแม้แต่สถานะที่แท้จริงก็ยังมีไม่ได้
นี่คือครั้งแรกในหลายปีมานี้ที่ฉัตรพลมีความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจเกิดขึ้นมา
ตอนที่แพรวาตายนั้นเขาไม่ได้รู้สึกอะไรมาก ในเมื่อก็เป็นแค่ผู้หญิงคนหนึ่งเท่านั้น และตอนนั้นที่แต่งงานกับเธอก็เป็นเพราะว่าต้องการขจัดอารมณ์เกลียดชังที่สมชัยมีต่อตัวเอง ตอนนี้เขาอยู่ข้างนอกมานานหลายปีแบบนี้ ผู้หญิงที่มีเข้ามาก็นับแทบไปถ้วน และแพรวาหน้าตาเป็นยังไงนั้นเขาก็แทบจำไม่ได้แล้ว แต่ว่าผู้หญิงคนนั้นกลับมีลูกชายให้กับเขาคนหนึ่ง ซึ่งทำให้เขามีผู้สืบทอดสกุลต่อไป เพราะฉะนั้นเขาก็เลยให้ตำแหน่งชายาให้แก่เธอ ถึงแม้ว่าจะสละชีพเพื่อประเทศแล้ว เธอก็ยังได้ฝังอยู่ในสุสานหลวงอยู่
แต่ว่ากล้าณรงค์นั้นไม่เหมือนกัน
นั่นเป็นลูกชายของเขานะ! ลูกชายเพียงคนเดียว! เขายังไม่เคยได้พูดคุยกับกล้าณรงค์ดี ๆ สักหน่อยเลย หนำซ้ำยังไม่เคยได้เจอหน้ากันจะจะสักครั้ง แล้วเขาก็ยิ่งไม่รู้ว่าหลายปีมานี้กล้าณรงค์มีความเป็นอยู่ดีหรือเปล่า
กล้าณรงค์เป็นสิ่งเดียวที่เขาห่วงใยและคิดถึง มาวันนี้กล้าณรงค์ตายไปแล้ว แต่สมชัยกลับแม้แต่งานศพก็ยังไม่ให้เขาไปเข้าร่วม
คนเราเมื่อหลบซ่อนเป็นเวลานานแล้ว เสียสละไปมากแล้วก็จะกลายเป็นความเคยชินอย่างหนึ่งใช่ไหม? ตอนนี้สมชัยชินที่จะเอาเขามาเป็นหมากใช้งาน เห็นเขาเป็นเพียงเงาแล้วใช่ไหม?
แต่น่าเสียดายเขาเป็นคนนะ!
เขาเป็นพระอนุชาของพระราชาของประเทศFนะ!
ลูกชายของเขาตายแล้ว เขาจะกลับไปดูสักครั้ง ถึงจะเป็นแค่การได้มองสักทีหนึ่งก็ยังดี
ฉัตรพลเก็บข้าวของจนเรียบร้อย แล้วก็พูดเสียงเย็นขึ้นว่า “กลับประเทศ”
ที่จริงเขาอยู่ในเส้นกั้นระหว่างชายแดนแล้ว เพียงแต่ว่าไม่มีการอนุมัติจากสมชัยเขาก็เข้าไปไม่ได้เท่านั้น แต่ว่าตอนนี้จะสนใจมากขนาดนั้นไม่ได้แล้ว เขาแค่อยากจะเจอลูกชายของเขาเท่านั้น
ทางด้านฉัตรพลเพิ่งจะเริ่มเคลื่อนไหว สมชัยก็ได้รับข่าวแล้ว แล้วก็โมโหจนดุร้ายขึ้นมาบ้างแล้ว
“เขาเป็นกบฏแล้ว ในเวลาแบบนี้แล้วกลับยังกล้าไม่ฟังคำสั่งของพระราชาอีก เขาอยากจะทำอะไรกันแน่? อยากจะก่อกบฏเหรอ?”
ก่อนหน้านี้สมชัยเพิ่งโดนจณัตว์ทิ่มแทงมารอบหนึ่ง ตอนแรกก็รู้สึกโกรธมากอยู่แล้ว มาตอนนี้แม้แต่น้องชายที่เชื่อฟังที่สุดของเขาก็จะต่อต้านตัวเองแล้ว เขาจะมาอดทนต่อความโมโหนี้ลงไปได้ยังไง?
“บอกให้เขาถอยออกไปจากเส้นกั้นระหว่างชายแดนเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นก็อย่ามาโทษว่าฉันไม่เกรงใจละกัน”
สมชัยโมโหจนปาแก้วทิ้งไปเลย
ตอนที่ฉัตรพลได้ยินข่าวนี้ทั้งตัวก็เคร่งขรึมไปเลย ทั้ง ๆ ที่กลับมาถึงบ้านแล้ว ทั้ง ๆ ที่เขาจะได้เห็นหน้าลูกชายเดี๋ยวนี้แล้ว แต่ตอนนี้สมชัยกลับมาขับไล่เขาให้ออกไป?
แล้วในตอนที่ฉัตรพลไม่รู้ว่าจะทำยังไงดีนั้น จณัตว์ก็ปรากฏตัวออกมาพอดี
“สมเด็จฉัตรพล!”
จณัตว์ใส่หน้ากากอยู่แล้วมายืนอยู่ตรงหน้าฉัตรพล หน้ากากนั่นที่คนทุกคนต่างก็รู้จักรวมทั้งตราสัญลักษณ์โดยเฉพาะของตระกูลแหลมวิไลทำให้ฉัตรพลอึ้งไปเล็กน้อย
“นายน้อยจณัตว์?”
“ใช่ผมเอง นี่สมเด็จฉัตรพลยังรู้จักผมด้วยเหรอ ดูท่าหัวใจของสมเด็จฉัตรพลยังคงอยู่ในประเทศFอยู่นะครับ ผมยังนึกว่าจะเป็นอย่างที่พระราชาว่าจริง ๆ ที่ว่าสมเด็จฉัตรพลชอบสิ่งของต่างประเทศ และได้ลืมว่าตัวเองเป็นพระอนุชาของประเทศFไปตั้งนานแล้ว”
คำพูดของจณัตว์ทำให้ฉัตรพลขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย ในใจก็รู้สึกไม่สบายใจเป็นอย่างมาก
“คำพูดของนายน้อยจณัตว์นี้หมายความว่ายังไงกันครับ?”
“หมายความว่ายังไงนั้นผมไม่สามารถบอกคุณได้หรอก แต่ในเมื่อสมเด็จฉัตรพลได้กลับมาถึงแล้ว ยังไงก็ไปดูคุณชายบ้านคุณหน่อยดีกว่า พูดแล้วคุณชายกล้าณรงค์นี่ก็ช่างไม่รู้จักอะไรควรอะไรไม่ควรเลย ถึงกับกล้าคิดที่จะชิงสิทธิ์ในการเป็นผู้สืบทอดกับลูกชายของพระราชา นี่มันช่างเป็นการกระทำที่ร้ายแรงหน่อยแล้ว”
คำพูดของจณัตว์ทำให้สีหน้าของฉัตรพลเปลี่ยนไปทันที
“นายน้อยจณัตว์กำลังพูดอะไรอยู่ครับ? ทำไมผมถึงฟังไม่รู้เรื่อง”
“สมเด็จฉัตรพลฟังไม่เข้าใจก็ไม่เป็นไร ในเมื่อไม่เข้าใจดีกว่าเข้าใจเยอะ”
พูดจบจณัตว์ก็หมุนตัวแล้วจากไปเลย แต่กลับโดนฉัตรพลเรียกเอาไว้ซะก่อน
“นายน้อยจณัตว์ ทิ้งช่องทางการติดต่อไว้สักอันหนึ่งซิ”
“ได้ซิ”
จณัตว์ไม่ได้ปฏิเสธ แล้วก็เอาWechatของตัวเองให้ฉัตรพลไปเลย จากนั้นก็หมุนตัวเดินจากไป
“ไป ไปสืบหาสาเหตุการตายของคุณชายว่าตกลงมันเป็นยังไงกันแน่มาให้ฉันหน่อย?”
ก่อนหน้านี้ฉัตรพลไม่ได้คิดอะไรมาก และคิดว่าถ้านรมนกับบุริศร์มาแล้วละก็ ถ้าจะมาหาเรื่องกับกล้าณรงค์ก็พอพูดกันไปได้ แต่ตอนนี้ได้ยินจณัตว์พูดแบบนี้แล้ว เหมือนกับว่าการตายของกล้าณรงค์จะมีความเกี่ยวข้องกับลูกชายของสมชัย
ใครกันนะ?
ใครกันที่ฆ่าลูกชายของเขา?
พรินทร์หรือว่าราเชน?
พอนึกถึงว่าราเชนเป็นลูกพี่ลูกน้องของนรมน แถมยังเป็นคนฆ่าแพรวาอีก ความแค้นที่มีกับกล้าณรงค์ก็ไม่ต้องพูดว่าลึกซึ้งแค่ไหน เพราะฉะนั้นฉัตรพลจึงพูดขึ้นอีกประโยคว่า
“ที่สำคัญสืบค้นราเชนสักหน่อย ถ้าหากว่าเขาเป็นคนทำ ฉันจะต้องให้มันฝังเป็นเพื่อนกล้าณรงค์แน่”
“ครับ”
แล้วลูกน้องก็ไปสืบค้นอย่างรวดเร็วเลยแล้ว
คนของจณัตว์เฝ้ารอไว้นานแล้ว แน่นอนว่าข่าวที่ทางฉัตรพลได้รับก็คือพรินทร์ได้แอบลอบฆ่ากล้าณรงค์ไป ส่วนสมชัยก็เพื่อต้องการจะปกป้องลูกชายตัวเอง จึงเอาเรื่องนี้ผลักไปที่ตัวบุริศร์และนรมน
ตอนนั้นพรินทร์ได้ส่งคนติดตามกล้าณรงค์ไปจริง ๆ แต่ว่าคนพวกนั้นได้โดนจณัตว์ควบคุมไว้หมดแล้ว แน่นอนว่าจะต้องไปพูดตามที่จณัตว์พูดไว้
ในตอนที่ฉัตรพลได้รับข่าวนี้นั้น ทั้งคนก็โกรธจนแทบจะระเบิดเลย
“ช่างเป็นพี่ชายที่ดีมากจริง ๆ เป็นพี่ชายที่ดีมากคนหนึ่งจริง ๆ! ไหนพูดกันไว้แล้วว่าจะช่วยฉันดูแลลูกชายฉันให้ดี แต่กลับเป็นลูกชายของเขามาฆ่ากล้าณรงค์ของฉันไป ถึงว่าทำไมถึงไม่ให้ฉันกลับมาเจอหน้ากล้าณรงค์เป็นครั้งสุดท้าย เพราะกลัวว่าฉันจะรู้ความจริงเข้าใช่ไหมล่ะ? หลายปีมานี้ เพื่อเขาแล้วฉันมีบ้านแต่กลับไม่ได้ มีชื่อแต่ใช้ไม่ได้ ต้องอยู่แทนคนตายคนหนึ่งมาตลอด ลูกเมียของฉันต้องพรากจากกัน ครอบครัวต้องแตกสาแหรกขาดนั้นเป็นอะไรกัน? ไม่ใช่เพราะว่าความคิดที่ยิ่งใหญ่ของเขาเหรอ? แต่ว่าตอนนี้แค่ลูกชายคนเดียวของฉันเขาก็ยังเก็บไว้ไม่ได้ เขาเอาฉันที่เป็นน้องชายคนนี้ไปไว้ที่ไหนกัน?”
ฉัตรพลเคยให้การสนับสนุนกับสมชัยไปมากเท่าไหร่ ตอนนี้ก็เกลียดแค้นมากเท่านั้น
จะไม่พูดก็ไม่ได้ ว่ากล้าณรงค์นั้นเป็นจุดอ่อนของเขาจริง ๆ พอมาตอนนี้จุดอ่อนนี้ไม่มีแล้ว ความน้อยเนื้อต่ำใจในหลายปีมานี้ของฉัตรพลก็ได้ปลดปล่อยออกมาแล้ว พอได้ปลดปล่อยออกมาก็ไม่มีทางเก็บเข้าไปได้อีกแล้ว
จณัตว์ไม่สนใจหรอกว่าทางฉัตรพลจะเสียอกเสียใจขนาดไหน พอเขากลับมาถึงที่รถ และก็กลับไปที่บ้านใหญ่ตระกูลแหลมวิไลกับพวกเอกฉัทอย่างรวดเร็วเลย
ตอนแรกจณัตว์กลัวว่าเรื่องของตัวเองจะเกี่ยวพันไปถึงคนในตระกูลแหลมวิไลด้วย เพราะฉะนั้นก็ตั้งแต่แรกก็ได้ใช้เหตุผลต่าง ๆ มาส่งตัวพวกเขาออกไปแล้ว เพียงแต่ไม่รู้ว่าทำไมอยู่ ๆ เอกฉัทถึงกลับมาได้ แถมยังโดนพระราชาเชิญตัวเข้าไปในวังอีก
พอตอนนี้กลับมาถึงบ้านแล้ว จณัตว์ก็รีบพาเอกฉัทมาที่ห้องหนังสือ และคนที่ตามเข้ามาด้วยก็มีเนกษ์อีกคน
หลังจากที่ประตูถูกปิดลงแล้ว จณัตว์ก็มองไปที่เนกษ์ แล้วพูดกับเขาขึ้นว่า “เนกษ์ คุกเข่าลง”
เนกษ์ไม่พูดอะไรก็คุกเข่าลงให้เอกฉัทเลย แถมยังคำนับให้อีกสามครั้ง
เอกฉัทอึ้งไปทันทีเลย
“นี่มันอะไรกัน?”
“พ่อครับ ผมมีเรื่องอย่างหนึ่งจะพูดกับพ่อครับ”
จณัตว์จ้องมองเอกฉัทแล้วก็พูดเสียงต่ำขึ้นว่า “เนกษ์ไม่ได้เป็นเด็กกำพร้า และก็ไม่ใช่องครักษ์ลับที่แม่ผมไปรับมาจากบ้านเด็กกำพร้ามาอยู่ด้วยกันจนโตกับผม เขาเป็นคนของตระกูลแหลมวิไล เป็นลูกชายของคุณเพ็ญนีติ์ และก็เป็นลูกชายของคุณพ่อด้วยครับ”
พอคำพูดนี้พูดออกไป เอกฉัทก็นิ่งอึ้งไปทั้งตัวเลย จากนั้นก็น้ำตานองหน้าใบหน้าที่แก่เฒ่าเหี่ยวย่นเลย แล้วก็มองไปที่เนกษ์อย่างไม่อยากจะเชื่อนัก
คิ้วและดวงตาของเขาช่างเหมือนกับแม่ของเขามาก
“มันเกิดเรื่องอะไรขั้น?”
เอกฉัทสะอื้นไป
เมื่อหลายปีก่อนภรรยาของเขาเกิดอุบัติเหตุขึ้นแล้วก็สูญเสียสิทธิ์ของการเป็นแม่ไป เอกฉัทรู้ว่าตัวเองไปมีชู้ข้างนอกนั้นมันช่างไม่เคารพภรรยาเลย แต่ว่าตระกูลแหลมวิไลอยู่มาเป็นร้อยปี ถึงแม้จะตกต่ำไปบ้าง แต่ว่าจะมาขาดผู้สืบสกุลไปในรุ่นเขาไม่ได้ เพราะฉะนั้นเขาก็เลยออกไปเมามายทุกวัน แถมยังอยากจะเสียเงินหาคนมาอุ้มบุญคลอดลูกให้สักคนหนึ่งด้วย เพียงแต่คิดไม่ถึงว่าตัวเองจะชอบผู้หญิงที่เป็นนักเต้นคนหนึ่งในไนต์คลับเข้าจริง ๆ
หญิงที่เป็นนักเต้นคนนั้น ชื่อเพ็ญนีติ์ เธอเป็นคนใสซื่อดูน่ารัก มีน้ำเสียงที่ไพเราะ ตอนที่อยู่กับเธอนั้น เอกฉัทลืมเรื่องกลุ้มใจไปมากมาย พอผ่านไปไม่นานเพ็ญนีติ์ก็ตั้งท้องขึ้นมา และก็ทำให้เอกฉัทรู้สึกดีใจแทบแย่ แต่คิดไม่ถึงว่าจะทำให้ภรรยาเกิดความอิจฉาขึ้นมา เธอถึงกับว่าไปจ้างคนมาเพื่ออยากจะฆ่าเพ็ญนีติ์และลูกที่อยู่ในท้องของเธอ
และก็คือครั้งนั้น ที่นงลักษณ์ได้ช่วยเพ็ญนีติ์เอาไว้ แล้วก็คุ้มครองพวกเขาสองแม่ลูก แต่กลับคิดไม่ถึงว่าตอนที่เพ็ญนีติ์คลอดลูกนั้นจะเกิดเรื่องไม่คาดคิดขึ้นมาได้ ภรรยาเขาปล่อยผู้หญิงคนนี้ไปไม่ได้ และก็ยิ่งไม่อยากจะให้ลูกนอกสมรสคนนั้นเกิดมาด้วย เพราะฉะนั้นก็เลยว่าจ้างคนให้มาลอบฆ่าพวกเขา และเพื่อปกป้องลูกชายที่เพิ่งลืมตาดูโลก เพ็ญนีติ์ต้องโดนฟันเป็นสิบ ๆ ครั้ง และตายในกองเลือด และเด็กคนนั้นก็ไม่ได้หนีพ้นจากเคราะห์นั้นด้วย เพราะฉะนั้นตอนที่นงลักษณ์เอาจณัตว์มอบให้เขานั้น เขาก็ได้เอามาเลี้ยงดูเป็นลูกแท้ ๆ จริง ๆ
พอมาตอนนี้จณัตว์บอกกับเขาว่า เนกษ์เป็นลูกชายของเขา ที่เกิดกับเพ็ญนีติ์ นี่มันทำให้เอกฉัทแทบไม่กล้าเชื่อจริง ๆ
นี่เป็นไปได้ยังไงกัน?
ทั้ง ๆ ที่เมื่อยี่สิบกว่าปีก่อนเขาเห็นเด็กที่เลือดเนื้อเละเทะเองกับตา ตอนนั้นเขาแทบขาดใจ และเกือบจะตายตามพวกเขาสองแม่ลูกไปด้วย ถ้าหากไม่ใช่เพราะว่านงลักษณ์เอาจณัตว์มาให้เขาช่วยเลี้ยงดู เขาเองก็ไม่รู้ว่าตัวเองจะสามารถมีชีวิตอยู่ถึงทุกวันนี้ได้หรือเปล่า
แต่ว่าตอนนี้คนที่ตายไปแล้วกลับมายืนอยู่ตรงหน้าเขา แค่ดูทีเดียวก็สามารถทำให้ดูออกได้ถึงความสัมพันธ์ทางสายเลือดอย่างเนกษ์ทำให้อารมณ์ของเอกฉัทพลุกพล่านขึ้นมา แต่ก็ไม่กล้าเชื่อ