แค้นรักสามีตัวร้าย - บทที่ 1400 มีคนมาดึงขาฉัน
บนคอของหงส์กลับสวมสร้อยของเขาอยู่!
สร้อยเส้นนั้นที่เขานึกว่าคงจะโดนโยนทิ้งไปถึงไหนต่อไหนแล้ว แต่ตอนนี้กลับอยู่บนคอของหงส์
จณัตว์ไม่รู้ว่าในใจตอนนี้นั้นมันคือความรู้สึกอะไร
ไหนบอกว่าลืมเขาไปแล้วไม่ใช่เหรอ?
ไหนบอกว่าความทรงจำขาดหายไปจำไม่ได้แล้วใช่เหรอ?
งั้นทำไมถึงได้ใส่สร้อยเส้นนี้ไว้อีกล่ะ?
ไม่ได้เห็นสร้อยเส้นนี้มานานหลายปี จณัตว์จึงตั้งใจมองอย่างละเอียดทีหนึ่ง แล้วพบว่าเป็นของตัวเองจริง ๆ อยู่ ๆ ดวงตาก็เปียกชื้นขึ้นมาเล็กน้อยทันที
เขาสะกดกลั้นอารมณ์ของตัวเองเอาไว้ แล้วก็เปลี่ยนเสื้อผ้าให้หงส์อย่างรวดเร็ว เสร็จแล้วถึงได้เดินออกไป
ธีรตารู้ว่าหงส์หมดสติล้มลง และอยากจะเข้ากลับแต่กลับโดนลูกน้องที่เฝ้าหน้าประตูอยู่ขวางเอาไว้ พอตอนนี้เห็นจณัตว์เดินออกมา ถึงแม้ว่าจะกลัวนายน้อยคนนี้ แต่ว่าเธอก็ยังเดินเข้าไปถามอยู่ดี “นายน้อยจณัตว์ องค์หญิงของเราเป็นยังไงบ้างแล้วคะ?”
“แค่หมดสติไปเท่านั้น ตอนนี้ไม่เป็นอะไรแล้ว”
จณัตว์จ้องมองธีรตา แล้วอยู่ ๆ ก็ถามขึ้นว่า “สร้อยคอที่อยู่บนคอเธอนั้นซื้อมาจากไหน?”
“คะ?”
ธีรตารู้สึกแปลกใจเล็กน้อย น่าจะเป็นเพราะว่าคิดไม่ถึงว่าจณัตว์จะถามคำถามนี้ออกมาได้ จึงอดไม่ได้ที่จะอึ้งไปเล็กน้อย จากนั้นก็ได้รับสายตาที่เย็นเฉียบและแหลมคมของจณัตว์มา แล้วก็สะดุ้งจนตัวสั่นขึ้นทีหนึ่งทันที แล้วก็รีบพูดขึ้นว่า “นั่นเป็นสร้อยที่องค์หญิงใส่ติดตัวมาตลอด ฉันไม่รู้ว่าซื้อมาจากไหนค่ะ เหมือนกับว่าตั้งแต่ที่ฉันดูแลรับใช้องค์หญิงมาเธอก็ไม่เคยเปลี่ยนสร้อยเส้นนี้เลยค่ะ”
“อ๋อเหรอ? เธอเคยพูดหรือเปล่าว่าสร้อยเส้นนี้มีความหมายอะไรพิเศษไหม?”
ใจของจณัตว์ตื่นเต้นขึ้นมาทันที
ธีรตาส่ายหน้าเล็กน้อยแล้วก็พูดขึ้นว่า “ไม่เคยพูดค่ะ แต่ว่าองค์หญิงรักสร้อยเส้นนี้มาก มีอยู่ครั้งหนึ่งสร้อยเส้นนี้ขาด แล้วหล่นหายไป องค์หญิงก็อารมณ์เสียหนักมาก หาไปทั้งคืนถึงจะหาเจอ ต่อมาก็ให้ช่างทำเครื่องประดับมาซ่อมจนเสร็จเรียบร้อย แล้วก็ไม่ให้ใครแตะต้องอีกเลยค่ะ”
อารมณ์ของจณัตว์เปลี่ยนเป็นดีขึ้นมากมาย
ไม่ว่าเธอจะจำเขาได้หรือเปล่า แต่แค่เพียงเรื่องนี้ก็มากพอที่จะทำให้เขาดีใจได้แล้ว ถึงแม้ว่าเธอจะไม่รู้เรื่องอะไรเลยก็ตาม
“เข้าไปดูแลเธอเถอะ คิดว่านอนครั้งนี้น่าจะนอนนานหน่อย บอกให้ห้องครัวทำอะไรให้เธอกินหน่อยนะ รอให้เธอตื่นแล้วจะได้ให้เธอกินเลย”
“ค่ะ”
ธีรตาพบว่าตอนที่จณัตว์พูดถึงหงส์นั้น อุณหภูมิของดวงตาดูอบอุ่นมาก จึงอดไม่ได้ที่จะโล่งอกไปเปลาะหนึ่ง
แล้วจณัตว์ก็ก้าวเดินไปทางห้องรับรองแขก
ตอนนี้หงส์นอนอยู่เต็มเตียงคิดว่าก็คงจะไม่มีทางนอนได้แล้ว ยังไงเขาก็ไปนอนที่ห้องรับรองแขกสักหน่อยดีกว่า
พอเอกฉัทและเนกษ์พ่อลูกได้มาเจอกันแล้วก็พูดคุยเรื่องราวของหลายปีมานี้กันนิดหน่อย เอกฉัทนั้นรู้สึกขอบใจจณัตว์มากจริง ๆ
“เนกษ์ ฉันรู้ว่าแกเป็นผู้ช่วยแบบนี้ทำให้แกต้องลำบาก แต่ว่าสถานะของจณัตว์นั้นไม่เหมือนกัน แม่ของเขามีบุญคุณต่อแก และเขาก็มีบุญคุณที่มาช่วยประคับประคองตระกูลแหลมวิไลของเราเอาไว้ เพราะฉะนั้น……”
“พ่อ ผมรู้ครับ พวกเราสองคนเติบโตด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก และก็ได้กลายเป็นพี่น้องกันไปตั้งนานแล้ว ใครจะได้เป็นนายน้อยของตระกูลแหลมวิไลก็ไม่เป็นไร ผมจะต้องปกป้องเขาแน่นอนครับ”
ทำไมเนกษ์ถึงจะไม่รู้ความหมายของเอกฉัทล่ะ
ความสัมพันธ์ของเขากับจณัตว์นั้นคนอื่นอาจจะไม่รู้ แต่ว่าเขานั้นรู้ดีที่สุด
พอได้ยินลูกชายพูดมาแบบนี้ เอกฉัทก็ถือได้ว่าสบายใจขึ้นเยอะแล้ว
“อ๋อใช่แล้วครับพ่อ ผมยังมีอีกเรื่องหนึ่งต้องบอกกับพ่อด้วย”
เนกษ์เอาเรื่องของหงส์และจณัตว์พูดออกไปรอบหนึ่ง และยังบอกว่ามีต้นฉบับของสมชัยอยู่ ตอนนี้หงส์ก็เลยอยู่ที่บ้านนี้
เอกฉัทอึ้งไปทั้งตัวเลย
“นี่เขาชอบลูกสาวของสมชัยเข้าเหรอ?”
เอกฉัทรู้สึกว่านี่มันเหลือเชื่อมาก
เนกษ์กลับยิ้มแล้วพูดขึ้นว่า “พ่อครับ คุณชายมีความคิดของตัวเอง และที่สำคัญองค์หญิงห้าก็ไม่เหมือนคนอื่นด้วย”
“มีอะไรที่ไม่เหมือนกัน? ถ้ามีวันหนึ่งจณัตว์ฆ่าพ่อของเธอไป ฉันไม่เชื่อหรอกว่าเธอจะไม่โกรธแค้นจณัตว์ เนกษ์ เรื่องนี้ทำไมแกไม่ขัดขวางไว้หน่อย?”
แค่คิดถึงว่าจณัตว์ขลุกอยู่กับลูกสาวของสมชัยทั้งวัน ใจของเอกฉัทก็เป็นกังวลขึ้นมาไม่หยุด เพื่อความปลอดภัยของบุริศร์ เนกษ์ก็ไม่ได้บอกสถานะที่หงส์เป็นคนของบุริศร์กับเอกฉัท และถึงจะบอกไปแล้ว คิดว่าเอกฉัทก็เชื่อเรื่องความสัมพันธ์ทางสายเลือดแต่ไม่เชื่อว่าหงส์จะไม่สนใจความเป็นความตายของสมชัยหรอก
“เอาล่ะครับ พ่อ เรื่องนี้พ่ออย่ายุ่งเลยนะ คุณชายบอกว่าให้พ่อไปพักผ่อนสักหน่อย จากนั้นก็จะให้คนของเราส่งพ่อไปที่บ้านพักเล็ก”
ทางบ้านใหญ่ของตระกูลแหลมวิไลนี้ ตอนนี้ได้กลายเป็นฐานยุทธศาสตร์ของจณัตว์ไปแล้ว และเขาก็ไม่อยากจะดึงเอกฉัทและคนของตระกูลแหลมวิไลเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย และเรื่องบางอย่างก็ต้องเก็บเป็นความลับ ยังไงก็ต้องส่งเอกฉัทไปอยู่ดี
แน่นอนว่าเอกฉัทรู้ว่าจณัตว์อาจจะกำลังทำงานใหญ่อะไรอยู่ ตัวเองอยู่ต่อก็จะกลายเป็นอุปสรรค แล้วก็ไม่ได้ไม่เห็นด้วยกับการจากไป
ตั้งแต่ที่จณัตว์รับช่วงดูแลตระกูลแหลมวิไลต่อนั้น เขาก็ได้ให้คนส่งคนของตระกูลแหลมวิไลไปอยู่ที่บ้านพักเล็กหมดแล้ว ตอนนั้นคุณหญิงฑิตยาไม่พอใจเป็นอย่างมาก แถมยังอาละวาดอยู่ช่วงหนึ่ง จนกระทั่งจณัตว์ได้ระงับบัตรเครดิตของเธอไปทั้งหมด แถมยังไม่อนุญาตให้คนในตระกูลแหลมวิไลคนไหนช่วยเหลือคุณหญิงฑิตยาด้วย ตอนนั้นคุณหญิงฑิตยาถึงรู้ว่ายุครุ่งเรืองของตัวเองได้ผ่านไปแล้ว และถึงยินยอมไปที่บ้านพักเล็กแต่โดยดี
มาวันนี้เอกฉัทรู้สึกขอบคุณมากที่จณัตว์จัดแจงมาแบบนี้ ไม่งั้นละก็ถ้าผู้หญิงคนนั้นรู้ว่าเนกษ์ต่างหากที่เป็นลูกชายแท้ ๆ ของตัวเอง คิดว่าคงจะลงมือกับเนกษ์ไปตั้งนานแล้ว
“ได้ ตอนแรกฉันยังอยากจะพูดว่าถ้าแกว่าง ๆ ก็ไปเยี่ยมฉันที่บ้านพักเล็กบ้าง แต่พอคิดถึงผู้หญิงคนนั้นแล้วก็ช่างมันเถอะ ความปลอดภัยของแกต้องสำคัญที่สุด”
ดวงตาของเนกษ์หรี่ลงมาครู่หนึ่ง ในดวงตามีแววเยือกเย็นพาดผ่านไปเสี้ยวหนึ่ง
“พ่อ เธอเป็นคนทำให้แม่ผมตายไป ผมไม่มีทางทำเป็นไม่รู้สึกอะไรต่อเธอได้ ถึงแม้ว่าตอนนั้นแม่ผมจะทำไม่ถูกต้อง แต่ว่าก็คงจะโทษไม่ถึงตายหรอกนะครับ หลายปีมานี้ถึงเธอจะไม่รู้ว่าผมเป็นลูกชายของพ่อ แต่เป็นเพราะว่าผมเป็นมือขวาของคุณชาย การลอบสังหารตั้งหลายครั้งก็ล้วนต่อต้านผม ผมสามารถมีชีวิตรอดมาได้ แถมยังมีชีวิตอยู่มาจนถึงตอนนี้ แน่นอนว่าผมไม่กลัวเธอ เพียงแต่ว่าตอนนี้เวลามันยังไม่ถึง ผมยังไม่สามารถเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงกับเธอได้เท่านั้น พ่อวางใจเถอะครับ ถ้าผมคิดถึงพ่อแล้ว ผมจะไปเยี่ยมพ่อเองครับ”
“ได้”
เอกฉัทฟังมาถึงตรงนี้ในใจก็รู้สึกไม่ดีนัก ถ้าพูดจนสุดแล้วก็คือความผิดของเขาเอง
ตอนนั้นถ้าไม่ใช่ตัวเองเลอะเลือนไป และอยากจะมีลูกอยู่ข้างนอกสักคนแล้วเอากลับมา ก็คงจะไม่ต้องทำร้ายเพ็ญนีติ์และลูกชายของตัวเองไป
ถ้าตอนนั้นตัวเองเลิกกับคนที่บ้านนี้ก่อน แล้วค่อยไปแต่งงานกับเพ็ญนีติ์ก็คงไม่มีเรื่องอะไรแล้วใช่ไหม? แต่ว่าเขากลับอยากจะยืมอำนาจของตระกูลฝ่ายครอบครัวของคุณหญิงฑิตยามาปกป้องตำแหน่งของตระกูลแหลมวิไลในลำดับตระกูลใหญ่ในประเทศFเอาไว้ ก็เลยทำให้เรื่องราวมันพัฒนามาจนเป็นอย่างทุกวันนี้
สำหรับเนกษ์นั้นเขามีความรู้สึกผิดต่อเขาอยู่ มาวันนี้เรื่องบางอย่างตัวเองคงจะทำอะไรไม่ได้แล้ว คงได้แต่ปล่อยให้มันพัฒนาไปเรื่อย ๆ แล้ว
ในตอนที่เอกฉัทโดนเนกษ์ส่งออกไปนั้น นรมนก็มาเห็นเข้าพอดี
เธอดึงแขนของบุริศร์เล็กน้อย แล้วถามเสียงเบาขึ้นว่า “คนคนนั้นคือนายใหญ่ของตระกูลแหลมวิไลเหรอ?”
“น่าจะใช่นะ”
บุริศร์มองไปเรื่อยทีหนึ่ง แล้วก็ตอบกลับไปเสียงต่ำ
“พี่จณัตว์ช่วยเขาออกมาแล้วจะส่งไปไหนอีกคะ?”
“ไม่รู้ซิ เรื่องที่คุณไม่ควรไปยุ่งก็อย่าไปยุ่ง ดูซิฝ่ามือของคุณเย็นอย่างกับน้ำแข็ง ไป กลับห้องกันเถอะ”
สิ่งที่บุริศร์เป็นห่วงในตอนนี้มีแต่ร่างกายของนรมนเท่านั้น สำหรับเรื่องอื่นนั้น ตอนนี้มีจณัตว์อยู่จึงสามารถทำให้เขาแอบขี้เกียจได้สักหน่อย
ความสามารถของจณัตว์นั้นเขาเองก็ได้ค้นหาในอินเทอร์เน็ตสักหน่อยแล้ว พอสืบค้นดูแล้วก็พบว่านี่มันจะสมบูรณ์แบบเกินไปแล้วมั้ง
ในเมื่อมีพี่เมียที่สมบูรณ์แบบขนาดนี้อยู่คนหนึ่ง ทำไมเขาจะต้องมาวุ่นวายใจด้วยล่ะ?
ที่สำคัญจณัตว์ยังเป็นคนของตระกูลทวีทรัพย์ธาดาอีก หลายปีมานี้อาสามก็รู้ว่ามีเขาอยู่ แถมยังดึงเขากลับไปในกรมทหารด้วย นั่นแน่นอนก็สามารถวางใจได้แน่
พอคิดไปแบบนี้บุริศร์ก็รู้สึกผ่อนคลายลงเยอะเลย
เขาจูงมือนรมนไว้แล้วเข้าห้องไป แล้วก็มาปรับอุณหภูมิในห้องให้สูงขึ้นมาหลายองศา แล้วถึงยิ้มแล้วพูดขึ้นว่า “ผมได้ยินมาว่าที่สวนข้างหลังมีบ่อน้ำร้อนธรรมชาติอยู่อันหนึ่ง อีกเดี๋ยวพวกเราไปแช่สักหน่อยไหม?”
“แบบนี้จะดีเหรอคะ?”
นรมนรู้สึกหวั่นไหวขึ้นมาบ้างแล้ว
ตั้งแต่ที่มาประเทศFแล้วก็ต้องหวาดระแวงอยู่ตลอดเวลา อย่าพูดว่าบ่อน้ำร้อนเลย แค่ได้อาบน้ำดี ๆ สักครั้งก็ยังยาก พอมาตอนนี้มีโอกาสแบบนี้แล้ว แน่นอนว่าเธอต้องอยากไปแช่สักหน่อยแล้ว
บุริศร์จ้องมองดวงตาที่ระแวดระวังของเธอ แล้วมุมปากก็คลี่ยิ้มขึ้นมา
“จณัตว์เป็นพี่ชายของคุณไม่ใช่เหรอ? จะแช่บ่อน้ำร้อนของเขาสักหน่อยจะเป็นไรไป? เขาคงจะไม่ได้ขี้เหนียวขนาดนั้นหรอกมั้ง?”
“แต่ว่ายังมีเรื่องมากมายที่จะต้องทำนี่คะ”
“พี่ชายคุณก็กำลังทำอยู่ไม่ใช่เหรอ? แล้วอีกอย่าง การแตกหักระหว่างสมชัยและฉัตรพลก็ไม่ใช่เรื่องที่วันสองวันก็จะสามารถทำสำเร็จได้ แค่แช่บ่อน้ำร้อนสักหน่อยคงไม่เสียเวลามากหรอก”
อยู่ภายใต้การชักนำของบุริศร นรมนก็รู้สึกดีใจขึ้นมาทันที
“งั้นพวกเราจะไปกันเมื่อไหร่คะ?”
“ไปกันเดี๋ยวนี้เลยดีกว่า และอีกอย่างตอนนี้ใคร ๆ ก็กำลังยุ่งอยู่ ไม่มีคนมารบกวนพวกเราหรอก”
“ดีค่ะ”
นรมนพูดแล้วก็จะไปเลย แล้วก็จูงมือบุริศร์ไว้แล้วก็ออกจากประตูห้องไป และมาถึงสวนข้างหลังภายใต้การชี้ทางของบุริศร์
บ่อน้ำร้อนนั้นเป็นบ่อธรรมชาติ แต่ว่าจณัตว์ได้สั่งให้คนมาสร้างบ้านครอบเอาไว้ข้างบน และตอนนี้ก็ได้ติดเครื่องทำความอุ่นเอาไว้ พอเข้าไปแล้วแน่นอนว่าอุณหภูมินั้นดีมาก
นรมนดีใจเป็นอย่างมากยิ้มแล้วก็พูดขึ้นว่า “เป็นที่ที่ดีมากเลยค่ะ”
“อืม ยังไงร่างกายของคุณก็เหมาะที่จะแช่ในบ่อน้ำร้อนสักหน่อย อาการร่างกายขาดสมดุลนี่ก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ถึงจะสามารถรักษาหายได้ อีกเดี๋ยวให้จณัตว์ช่วยคุณดูสักหน่อย วิชาการรักษาของเขาไม่เลวเลยไม่ใช่เหรอ? คงจะไม่ใช่ว่าร่างกายของน้องสาวตัวเองก็รักษาไม่หายหรอกนะ?”
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่บุริศร์เป็นห่วงอยู่ในใจมาตลอด
นรมนตอนนี้มือเท้าเย็นอยู่ตลอด ทำให้เขาเป็นห่วงมากจริง ๆ
นรมนรู้ว่าเขาเป็นห่วงร่างกายของเธออยู่ตลอด จึงรีบจับมือของเขาไว้แล้วพูดขึ้นว่า “ฉันไม่เป็นไรหรอกค่ะ ตอนนี้ไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อการดำรงชีวิต ก็แค่ขี้หนาวหน่อยก็เท่านั้น”
“ขี้หนาวยังได้อีกเหรอ? คุณรู้หรือเปล่าว่ามีโรคมากมายต่างก็เริ่มต้นจากร่างกายของผู้หญิงไม่สมดุลทั้งนั้น? และที่สำคัญร่างกายของคุณก็มักจะอ่อนเพลียด้วย นี่ไม่ใช่อาการที่ดีเท่าไหร่ ผมหวังว่าคุณจะสุขภาพแข็งแรงและอยู่กับผมไปจนแก่จนเฒ่า”
ความเป็นกังวลที่หัวคิ้วของบุริศร์ทำให้นรมนรู้สึกอบอุ่นใจ
“เอาล่ะ รู้แล้วค่ะ อีกเดี๋ยวค่อยให้พี่จณัตว์ดูให้หน่อยก็พอแล้ว พวกเราไปแช่น้ำร้อนกันก่อนดีกว่าค่ะ”
“ผมอุ้มคุณลงไปนะ”
บุริศร์เองก็ไม่สนใจว่านรมนจะลำบากใจหรือเปล่า แล้วก็อุ้มเธอลงไปในบ่อน้ำร้อนเลย
น้ำในบ่อน้ำร้อนนั้นร้อนมาก พอเข้าไปแล้วนรมนก็รู้สึกว่าสบายมาก
เธอพิงอยู่กับอกของบุริศร์ แล้วพูดเสียงต่ำขึ้นว่า “ถ้าหากบ้านเราสามารถมีบ่อน้ำร้อนแบบนี้อันหนึ่งก็ดีนะคะ”
“เดี๋ยวพอกลับไปแล้วผมจะให้คนไปหาตาบ่อน้ำร้อนสักแห่ง แล้วก็สร้างบ้านครอบไว้ข้างบน ถ้าไม่ได้พวกเราก็ย้ายไปอยู่เลย”
สำหรับความต้องการของนรมนนั้นบุริศร์ก็สนับสนุนมาตลอด
นรมนยิ้มเล็กน้อยแล้วก็ไม่ได้พูดอะไร
ทั้งสองคนพิงอยู่ด้วยกันแช่อยู่ในบ่อน้ำร้อน ใครก็ไม่เอ่ยปากพูด แต่ว่ากลับมีบรรยากาศคืนวันแสนสุขแบบหนึ่งเคลื่อนผ่านไป
นรมนค่อย ๆ ง่วงหลับไป นี่มันช่างสบายเกินไปแล้ว แถมข้างกายยังมีบุริศร์อยู่อีก หนังตานั่นก็ค่อย ๆ หนักอึ้งขึ้นมาเล็กน้อย
เห็นท่าทางเธอที่เหมือนกับลูกเจี๊ยบจิกข้าวที่หัวสัปหงกไปไม่หยุด มุมปากของบุริศร์ก็คลี่รอยยิ้มที่รักใคร่ออกมาอันหนึ่ง
“นอนหลับที่นี่มันเป็นหวัดง่ายนะ เด็กดี ถ้าหากแช่เสร็จแล้วพวกเราขึ้นกันเถอะดีไหม?”
“ค่ะ”
ลมหายใจของนรมนหนักหน่วงมาก เห็นได้ชัดว่าได้เข้าสู่อาการครึ่งหลับครึ่งตื่นแล้ว
บุริศร์ส่ายหัวเล็กน้อย ในตอนที่กะว่าจะอุ้มเธอขึ้นจากน้ำนั้น อยู่ ๆ นรมนก็ลืมตาขึ้นมา ในดวงตามีแววตกใจและตื่นตระหนกกะพริบผ่านไป
“บุริศร์คะ มีคนมาดึงขาฉันค่ะ!”