แค้นรักสามีตัวร้าย - บทที่ 1405 ความรู้สึกแบบนี้มันย่ำแย่มาก
“ใครน่ะ?”
หงส์ตะโกนเสียงเข้มออกไปคำหนึ่ง แล้วอีกฝ่ายก็กระโดดออกไปนอกหน้าต่างแล้วก็ไม่เห็นตัวอีกเลย
พอบุริศร์กับนรมนได้ยินเสียงก็รีบวิ่งออกมาทันที
“เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”
“เมื่อกี้มีคนคนหนึ่งอยู่หน้าประตูห้องของพวกคุณไม่รู้ว่าจะทำอะไร”
ปฏิกิริยาของหงส์นั้นเคร่งขรึมเป็นอย่างมาก
นรมนขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย
“พวกเราเพิ่งมาถึงบ้านตระกูลแหลมวิไลไม่นาน แต่กลับเกิดเรื่องขึ้นมาติด ๆ กัน และเป้าหมายก็ชัดเจนมาก เหมือนกับว่าจะเป็นพวกเรา จะเป็นใครกันนะที่สังเกตเห็นถึงความเคลื่อนไหวของพวกเราแล้ว?”
นรมนรู้สึกเป็นกังวลขึ้นมาเล็กน้อย ถ้าหากว่าเป็นคนของสมชัย งั้นจณัตว์และคนทั้งตระกูลแหลมวิไลก็ตกอยู่ในอันตรายแล้ว
ดวงตาของบุริศร์เองก็ขรึมลงหลายส่วน
“ยังไงเรื่องนี้ก็ต้องบอกกับจณัตว์”
“ได้ เดี๋ยวฉันไปบอกพี่ชายฉันเอง”
นรมนอาสาเป็นคนไปเอง
ที่หงส์มาก็จะต้องมีเรื่องที่จะพูดอยู่แล้ว แต่ว่าดูจากท่าทางน่าจะไม่ได้มาหาตัวเอง ตั้งแต่ที่รู้ว่าหงส์ยอมตัดใจจากบุริศร์แล้ว นรมนก็ไม่คิดอะไรมากอีก แน่นอนว่าก็ต้องให้เวลาส่วนตัวกับพวกเขาสักหน่อย
ยังไงเธอก็ยังเชื่อใจบุริศร์อยู่แล้ว
“ระวังตัวหน่อยนะ”
บุริศร์เองก็รู้ว่าหงส์จะต้องไม่มาหาเขาโดยไม่มีเหตุผลแน่ และจะต้องมีเรื่องอะไรจะถามแน่ ๆ ยิ่งไปกว่านั้นตัวเองเคยบอกกับเธอแล้วว่าจณัตว์เคยช่วยชีวิตเธอมาก่อน แล้วดูจากเวลาแล้ว ทั้งสองคนน่าจะได้เจอกันมาแล้ว และก็คงจะพูดอะไรกันมาแล้วมั้ง และหงส์ก็คงจะเกิดความสงสัยขึ้นมาอีก
ตอนนี้นรมนกับบุริศร์นั้นรู้ใจกันเป็นอย่างมาก มีเรื่องบางอย่างไม่ต้องพูดก็สามารถเข้าใจความหมายของอีกฝ่ายได้ เพราะฉะนั้นตอนที่นรมนบอกว่าจะไปหาจณัตว์นั้น บุริศร์ก็ไม่ได้ขัดขวาง เพียงแต่ว่าที่นี่เหมือนกับว่าจะไม่ค่อยสงบสุข ยังไงเขาก็หวังว่าเธอจะระวังตัวหน่อย
“รู้แล้ว ถึงอีกฝ่ายจะหยิ่งผยองแค่ไหนก็คงไม่กล้าลงมือกับพวกเราอย่างเปิดเผยในบ้านใหญ่ตระกูลแหลมวิไลหรอก วางใจเถอะ ที่นี่มีบอดี้การ์ดที่ลาดตระเวนอยู่ไม่น้อย ถ้าไม่ได้ยังไงฉันก็หาทางที่มีคนเยอะ ๆ เดินก็ได้”
นรมนยิ้มให้กับหงส์เล็กน้อยแล้วก็จะเดินไป แต่ก็ได้ยินบุริศร์พูดขึ้นว่า “อีกครู่หนึ่งผมไปหาคุณ คุณรออยู่ตรงที่จณัตว์เลยนะ”
“ได้ค่ะ”
ในช่วงเวลาที่พิเศษนั้นนรมนก็ยังเชื่อฟังอยู่
พอเห็นนรมนเป็นแบบนี้ หงส์กลับรู้สึกเขินอายขึ้นมาเล็กน้อยแล้ว
“พี่สะใภ้ ฉันแค่มาถามเฮียบุริศร์ไม่กี่ประโยคเท่านั้น เดี๋ยวถามเสร็จฉันก็ไปแล้ว”
“ไม่ต้องรีบร้อนหรอก ฉันก็มีธุระจะหาพี่ชายฉันพอดีเลย”
นรมนนั้นกลับใจกว้างมาก ชั่วขณะหนึ่งก็ทำให้หงส์เข้าใจขึ้นมาแล้วว่าบุริศร์ชอบอะไรในตัวเธอ
ผู้หญิงอย่างนี้ถ้าตัวเองเป็นผู้ชายก็คงจะชอบอยู่แหละมั้ง
บุริศร์จ้องมองหงส์ทีหนึ่ง แล้วก็พูดเสียงต่ำขึ้นว่า “เธอมีเวลาแค่ห้านาที”
พอไม่มีนรมนอยู่ตรงหน้า บุคลิกของบุริศร์ก็เปลี่ยนกลับไปเป็นนิ่งเฉยอย่างเย็นชาและห่างเหินจากผู้คนเป็นพันลี้อีกครั้งหนึ่ง
ในใจของหงส์รู้สึกขมขื่นเล็กน้อย ถึงแม้ว่าจะรู้ว่าตัวเองไม่มีความหวังแล้ว แต่ว่าพอมาเปรียบเทียบกันดูแล้วก็ยังเจ็บปวดมากอยู่ดี
“เฮียบุริศร์ ฉันแค่อยากจะถามสักหน่อยเท่านั้น ตอนนั้นที่ฉันร้องขอให้คุณแต่งงานกันฉันนั้นเกิดเรื่องอะไรขึ้นมาใช่หรือเปล่า? อาจจะเป็นเรื่องที่ฉันหลงลืมไป”
หงส์ถามได้อย่างจริงจังเป็นอย่างมาก
บุริศร์อึ้งไปครู่หนึ่ง ไม่ว่ายังไงก็คิดไม่ถึงว่าหงส์จะถามเรื่องนี้ แต่ก็ยังพูดอย่างมีความรับผิดชอบเป็นอย่างมากว่า “ตอนนั้นที่เธอบอกให้ฉันแต่งงานกับเธอ มีคนอยู่เยอะขนาดนั้นฉันจะหักหน้าเธอก็ไม่ดี เพราะฉะนั้นจึงไม่ได้เปิดปากพูดปฏิเสธไป แต่ว่าฉันมาคิดดูดี ๆ แล้ว ความรู้สึกที่ฉันมีต่อเธอมันไม่ใช่ความรักแบบหนุ่มสาว ถ้าแต่งงานกับเธอไป ทั้งต่อเธอและต่อฉันต่างก็ไม่ยุติธรรม เพราะฉะนั้นฉันก็เลยไปหาเธอแล้วก็บอกความคิดของฉันออกไป แถมยังกลัวว่าเธอจะอึดอัด คืนนั้นฉันก็เลยจากไปเลย น่าจะถือได้ว่าเป็นการจากไปโดยไม่ล่ำลามั้ง”
พอคำพูดนี้พูดออกมาหงส์ก็เข้าใจแล้ว
ในความทรงจำของเธอนั้นเป็นตอนที่เธอช่วยบุริศร์เสร็จแล้วและจะให้บุริศร์แต่งงานกับเธอมาตลอด จากนั้นก็ไม่มีเนื้อหาต่ออีกเลย เพราะฉะนั้นเธอก็เลยคิดว่านี่คือคำสัญญาที่บุริศร์มีต่ออย่างอัตโนมัติ เพียงแต่ว่าไม่กล้าพูดออกมาเท่านั้น ต่อมาบุริศร์ก็มักจะหลบหน้าเธอตลอด และวินเซนต์ก็เอาแต่บอกกับเธอว่าบุริศร์ไม่อยากทำตามสัญญาแล้ว หงส์ถึงได้ออกจากสหภาพQTมาอย่างผิดหวัง แล้วกลับมาที่ประเทศF
มาตอนนี้เรื่องมันเป็นอย่างนี้เองเหรอ?
บุริศร์ได้ปฏิเสธเธอไปตั้งแต่ตอนนั้นแล้วเหรอ?
และเพราะว่าการปฏิเสธของบุริศร์ เพราะฉะนั้นเธอถึงได้ไปหาจณัตว์เหรอ?
พอคิดได้แบบนี้ก็เหมาะสมกับนิสัยของเธอแล้ว
เพราะฉะนั้นระหว่างเธอกับจณัตว์เคยนอนด้วยกันมาก่อนจริง ๆ เหรอ?
สีหน้าของหงส์ขาวซีดราวกับกระดาษขึ้นมาทันที จนทำบุริศร์ตกใจจนรู้สึกเป็นกังวลขึ้นมาเล็กน้อย
“เธอไม่เป็นไรใช่ไหม? จณัตว์บอกอะไรกับเธอมาใช่ไหม?”
“ไม่มีอะไรค่ะ?
หงส์ส่ายหัวเล็กน้อย
เรื่องนี้จะบอกกับบุริศร์ยังไงล่ะ?
ถ้าหากว่าตัวเองเป็นฝ่ายเริ่มต้นก่อนจริง ๆ จณัตว์เองก็น่าจะเป็นฝ่ายเสียหายด้วยละมั้ง ถึงว่าล่ะเขามักจะไม่ค่อยรู้สึกเป็นมิตรกับตัวเองซะเท่าไหร่
ไม่ใช่ซิ
ฝีมือของจณัตว์ดีกว่าตัวกว่าตัวเองตั้งเยอะ
หงส์รีบถามขึ้นว่า “เฮียบุริศร์ ตอนนี้ฝีมือการต่อสู้ของจณัตว์เป็นยังไงบ้าง?”
“เขาไม่ได้มีฝีมืออะไร ที่มีอยู่ก็แค่เปลือกนอกเท่านั้น ตอนนั้นเขาโดนกลุ่มผู้ก่อการร้ายจับตัวไป และเป็นเพราะพวกเรามาถึงทันเวลาก็เลยช่วยพวกเขาเหล่านั้นไว้ได้ ทำไมถึงถามเรื่องพวกนี้ขึ้นมาล่ะ?”
“ไม่ ไม่มีอะไรค่ะ”
ในใจของหงส์วุ่นวายเป็นอย่างมาก
ถ้าหากสิ่งที่บุริศร์พูดมาเป็นความจริง ถ้าอย่างงั้นด้วยนิสัยในตอนนั้นของเธออาจจะข่มขืนจณัตว์ได้จริง ๆ เหรอ? และถ้าหากว่าตัวเองดื่มจนเมาละก็
พอคิดได้แบบนี้ หงส์ก็แทบอยากจะหารูสักแห่งมุดเข้าไปเลย
นี่มันช่างน่าอายมากเลยนะรู้ไหม?
เธอทำแบบนี้ได้ยังไงกัน!
“เฮียบุริศร์ ฉันยังมีธุระอีก ขอตัวก่อนนะคะ”
หงส์พูดจบก็หมุนตัววิ่งไปเลย
เธอกลัวว่าถ้าตัวเองอยู่ต่ออาจจะเผลอพูดเรื่องนี้ออกไป เฮียบุริศร์ก็คงจะรังเกียจเธอแน่
และผู้หญิงแบบเธอนี้ถึงว่าล่ะเฮียบุริศร์ถึงได้ไม่ชอบ
หงส์รู้สึกเสียใจเล็กน้อย พอเพิ่งหมุนตัวไปแล้ววิ่งได้ก้าวเดียว ก็ได้ยินเสียงปืนดัง“ปัง”ขึ้นมาครั้งหนึ่ง แล้วก็ทำให้ทั้งเธอและบุริศร์สองคนตื่นเต้นขึ้นมาทันที
“ฟังจากเสียงน่าจะดังมาจากทางห้องของจณัตว์นะ”
“นรมน!”
บุริศร์รู้สึกถึงอะไรขึ้นมาทันที แล้วก็ก้าวเท้าแล้วพุ่งออกไปเลย
หงส์เองก็ไม่กล้าเสียเวลา และก็ตามไปอย่างรวดเร็ว
รอจนถึงตอนที่พวกเขามาถึงก็เห็นแจกันตรงหน้าประตูที่นำเข้าสู่ห้องของจณัตว์โดนยิงจนแตกไปแล้ว และกระจัดกระจายไปทั่ว และบนพื้นก็มีคราบเลือดอยู่เล็กน้อยด้วย
หัวใจของบุริศร์บิดตัวกันขึ้นมาทันที
“นรมน นรมน!”
“ฉันอยู่นี่ค่ะ”
นรมนเดินออกมาจากหลังกระถางต้นไม้ บนใบหน้าสกปรกเล็กน้อย ผมเผ้าก็ยุ่งเล็กน้อยเหมือนกัน
บุริศร์เดินไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว แล้วก็รีบตรวจดูว่าเธอได้รับบาดเจ็บหรือเปล่า
“ฉันไม่เป็นไรค่ะ คราบเลือดนั่นไม่ใช่ของฉัน ฉันโยนมีดสั้นออกไปเล่มหนึ่ง แล้วก็ทิ่มโดนคนคนนั้น แต่ว่ามือเขามีปืนอยู่ ฉันก็เลยไม่กล้าไปฝืนต่อสู้ด้วย เขาก็เลยหนีไปได้”
แน่นอนว่านรมนรู้อยู่แล้วว่าบุริศร์เป็นกังวลอะไรอยู่ จึงรีบพูดออกมา
จณัตว์ได้ยินเสียงปืนก็รีบวิ่งออกมาเหมือนกัน
“เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”
“ยังจะมาถามผมอีกว่าเรื่องอะไร? ในบ้านใหญ่ตระกูลแหลมวิไลของคุณนี่มันมีหนอนบ่อนไส้อยู่ เมื่อกี้เพิ่งลากหนอนบ่อนไส้ที่บ่อน้ำร้อนออกมาได้ แล้วนี่กลางวันแสก ๆ ก็มีหนอนบ่อนไส้ออกมาก่อการร้ายแล้ว จณัตว์ ถ้าหากที่คุณนี่ไม่ปลอดภัยก็รีบพูดมาเร็ว ๆ ผมจะได้พานรมนไปจากที่นี่”
บุริศร์รู้ว่าการพูดแบบนี้กับจณัตว์นั้นไม่ยุติธรรม แต่ว่าความหวาดกลัวแบบนี้มันทำให้เขามีเหงื่อเย็น ๆ ออกมาทั้งตัว
ถ้าหากนรมนหลบไม่พ้นล่ะ?
ถ้าหากว่าอีกฝ่ายเป็นคนพลีชีพคนหนึ่งล่ะ และถ้าหากว่าจะฆ่านรมนด้วยล่ะ?
พอคิดถึงเรื่องพวกนี้แล้ว บุริศร์ก็สงบนิ่งไม่ได้แล้ว
สีหน้าของจณัตว์ก็ไม่ได้ดูดีเท่าไหร่นัก
ก่อนหน้านี้ตระกูลแหลมวิไลเหมือนกับว่ามีการป้องกันที่แข็งแกร่งมาตลอด ไม่มีทางที่คนนอกอะไรจะเข้ามาได้ทั้งนั้น แต่ตอนนี้กลับเป็นอะไรไป ?
“เนกษ์!”
อารมณ์ของจณัตว์เองก็ไม่ดีขึ้นมาแล้ว
นรมนเป็นน้องสาวของเขา ถ้าหากว่าเกิดเรื่องขึ้นมาในพื้นที่ของเขา แล้วเขาจะบอกกับอาสามยังไง?
แน่นอนว่าเนกษ์เองก็ได้ยินเสียงปืนและก็ตามมาด้วยแล้ว พอได้ยินจณัตว์เรียกเขา ก็รีบพูดขึ้นว่า “ผมได้ส่งคนไปค้นหาแล้วครับ”
“ระบบรักษาความปลอดภัยของตระกูลแหลมวิไลแย่ไปขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่? ถึงกับกล้าก่อการร้ายกลางวันแสก ๆ วันนี้ถ้าหาคนไม่เจอ คนทั้งหมดต่างก็ต้องไปรับโทษ”
แน่นอนว่านรมนรู้ว่าจณัตว์นั้นเป็นห่วงพวกเขา จึงรีบพูดขึ้นว่า “พวกเรากลับรู้สึกว่าไม่ใช่ปัญหาของระบบป้องกันความปลอดภัยของตระกูลแหลมวิไล”
“นรมน”
บุริศร์รู้สึกไม่พอใจขึ้นมาเล็กน้อย
นรมนกลับปลอบใจเขา แล้วพูดเสียงต่ำขึ้นว่า “ตอนที่พวกเรายังไม่มาตระกูลแหลมวิไลก็สงบสุขมาตลอด และนี่ถึงสามารถทำให้พี่ชายฉันพัฒนาขึ้นมาได้ แต่ว่าตั้งแต่ที่พวกเรามาถึงแล้วตระกูลแหลมวิไลก็ไม่สงบสุขแล้ว ฉันรู้สึกว่าอีกฝ่ายต้องมาเพราะพวกเราแน่”
บุริศร์ไม่ได้พูดอะไร
การคาดเดาแบบนรมนตัวเขาเองก็มี
จณัตว์ขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย
“คนที่ต่อต้านพวกคุณก็มีแต่สมชัยกับฉัตรพลแล้ว แต่ว่าตอนนี้ถ้าสมชัยรู้ว่าพวกคุณอยู่ที่บ้านผมนี่ละก็ ก็คงจะต้องไม่มีทางที่จะไม่สนใจอะไรผมเลย”
“ผมกลับรู้สึกว่าคนคนนี้กับคนที่อยู่ในบ่อน้ำร้อนนั่นมีเจ้านายคนเดียวกัน”
บุริศร์เปิดปากพูดขึ้น
จณัตว์เองก็คิดแบบนี้
“ทางที่ดีตอนนี้พวกคุณอย่าออกไปไหน ผมจะส่งคนมาคุ้มครองพวกคุณยี่สิบสี่ชั่วโมงเลย”
คำพูดของจณัตว์ทำให้นรมนส่ายหน้าเล็กน้อย
“ไม่ ถ้าเอาแต่ปกป้องพวกเราอยู่ก็จะหาตัวผู้ร้ายตัวจริงไม่เจอ อยู่ที่ประเทศFนี่เราไม่ได้มีศัตรูอะไร ที่มีก็มีแค่คนพวกตระกูลจันทรวงศ์เท่านั้น ยังมีกล้าณรงค์ แต่ว่ากล้าณรงค์ก็ได้ตายไปแล้ว น่าจะมาต่อต้านพวกเราไม่ได้แล้ว เพราะฉะนั้นอำนาจที่ต่อต้านพวกเราอยู่นี้จะต้องคอยระมัดระวัง ถ้าหากพวกเราไม่เป็นฝ่ายตามหาพวกเขาออกมา กลัวว่าวันเวลาต่อไปพวกเราก็ต้องอยู่อย่างมีภัยอันตรายจากศัตรูรอบด้านแน่”
คำพูดของนรมน บุริศร์เองก็เห็นด้วย
“ถูกต้อง ในเมื่อเป้าหมายของพวกเขาก็คือพวกเรา งั้นเราก็มาล่อเสือออกจากถ้ำกันเถอะ”
“พวกคุณบ้าไปแล้วเหรอ?”
จณัตว์เป็นคนแรกที่ไม่เห็นด้วย
“อีกฝ่ายสามารถมาลอบฆ่าพวกคุณในกลางวันแสก ๆ ได้ เห็นได้ชัดว่าน่าจะเกลียดพวกคุณเข้ากระดูกดำแล้ว แล้วพวกคุณยังจะเปิดเผยตัวเองออกไปให้มันมาฆ่าอีก พวกคุณนี่คิดว่าชีวิตยืนยาวเกินไปแล้วใช่ไหม?”
แล้วในเวลานี้หงส์ก็เปิดปากพูดขึ้นมา
“ฉันกับรู้สึกว่าได้ ฉันจะแอบปกป้องพวกเฮียบุริศร์อยู่อย่างลับ ๆ เอง”
“คุณหุบปากไปเลย! คุณคิดว่าตัวเองเก่งมากนักเหรอ? คิดว่าเรื่องทั้งหมดที่คุณทำอยู่ในวังนั้นสมชัยไม่รู้เรื่องเลยเหรอ? ก็เพียงแต่แค่เขาไม่พูดเท่านั้น คนพวกนั้นของคุณ เฉียงและติณห์คนนั้น เอกสารของพวกเขาได้วางอยู่บนโต๊ะของสมชัยตั้งนานแล้ว และก่อนหน้านี้คุณไม่ได้ทำเรื่องที่อันตรายต่อสมชัย สมชัยก็เลยทำลืมตาข้างหนึ่งหลับตาข้างหนึ่งทำเป็นไม่รู้เรื่องอะไร ถ้าตอนนี้คุณปรับเปลี่ยนให้พวกเขามาคุ้มครองบุริศร์กับนรมน คนที่สมชัยจะต่อต้านคนแรกก็จะคือคุณ!”
คำพูดของจณัตว์ทำให้หงส์ลืมตาโตขึ้น แล้วพูดอย่างไม่อยากจะเชื่อว่า “จะเป็นไปได้ยังไง?”
“ทำไมจะเป็นไปไม่ได้? ถ้าหากคุณไม่เชื่อละก็ อีกเดี๋ยวผมจะพาคุณเข้าวัง คุณไปดูที่ห้องหนังสือเองเลย”
น้ำเสียงของจณัตว์ไม่ได้ดีเท่าไหร่นัก
ช่วงหลายปีมานี้หงส์มักจะอยู่อย่างปลีกวิเวก ไม่มีคนมาหาเรื่อง จนได้ทำให้เธอสูญเสียจิตใจที่หวาดระแวงขั้นพื้นฐานไปแล้ว การเคลื่อนไหวเล็ก ๆ ของสองปีมานี้ก็ยิ่งไม่ได้ระมัดระวังมากขึ้นแล้ว แม้แต่เขาเองก็ยังรู้รายชื่อกลุ่มคนที่เป็นความลับส่วนหนึ่งของหงส์เลย ยิ่งไม่ต้องพูดสมชัย มีเพียงแต่ยัยผู้หญิงโง่คนนี้เท่านั้น ที่ยังดีอกดีใจคิดว่าตัวเองได้สร้างเกาะป้องกันที่แข็งแกร่งและยิ่งใหญ่ไว้เพื่อบุริศร์แล้ว
หงส์อึ้งไปหมดทั้งตัวเลย เธออยากจะพูดอะไรสักหน่อยแต่กลับเปิดปากไม่ออก เธอรู้สึกว่าอยู่ต่อหน้าจณัตว์นั้นตัวเองไม่ได้เป็นตัวอะไรเลย ความรู้สึกแบบนี้มันแย่มากเลย
นรมนทนเห็นบรรยากาศอึมครึมแบบนี้ไม่ได้ เธอเดินหน้าเข้าหน้าก้าวหนึ่งและกำลังอยากจะพูดอะไรสักหน่อย อยู่ ๆ ลูกศรดอกหนึ่งก็พุ่งทะลุผ่านอากาศมุ่งตรงมาที่เธอ