แค้นรักสามีตัวร้าย - บทที่ 1408 พวกเราจะต้องดวงดีมากแน่นอน
บุริศร์เห็นท่าทางเป็นทุกข์ของนรมน ในใจก็รู้สึกแย่ แต่ตรงนี้ไม่ใช่สถานที่คุย เขาทำได้เพียงพูดเสียงเบา “ผมจะเล่าให้คุณฟังระหว่างทาง”
“ตอนนี้ที่ฉันอยากรู้คือ คุณสามารถเล่าทั้งหมดให้ฉันฟังโดยใช้เพียงประโยคสั้นๆ ง่ายๆ ไม่กี่ประโยคใช่ไหม?”
นรมนดื้นรั้นอย่างยิ่ง
บุริศร์รู้ว่าเธอให้ความสำคัญกับครอบครัวมาก เลยสะเทือนใจกับเรื่องของราเชนมากเป็นปกติ เมื่อครุ่นคิดสักพักหนึ่งจึงเอ่ยว่า “หัวใจของราเชนอยู่ด้านซ้าย ดังนั้นเมื่อทุกคนเห็นหัวใจด้านขวาของเขาถูกยิงเลยคิดว่าต้องตายอย่างไม่สงสัย แต่ความจริงนี่เป็นแค่แผนการเท่านั้น”
นรมนอึ้งไปทันที
“คุณรู้ได้ยังไงว่าหัวใจพี่ชายของฉันอยู่ด้านซ้าย?”
“คุณป้าบอก”
ในเวลานี้พูดถึงนงลักษณ์ นรมนกลับเชื่อ ในเมื่อไม่มีใครรู้จักร่างกายตนเองไปมากกว่าแม่ของตน แต่เธอยังคงเป็นห่วง
“คิดไม่ถึงว่าฉันจะไม่รู้แผนการนี้ของพวกคุณเลยสักนิด? วางแผนกันตั้งแต่เมื่อไหร่?”
“ตอนจับผู้พิทักษ์ได้ที่บ่อน้ำพุร้อน ผมกับจณัตว์วางแผนนี้ขึ้นมา พวกเราต้องการมอบประเทศ F ให้แก่ราเชน แต่ก่อนอื่นต้องรับรองความปลอดภัยของเขา แต่เพราะราเชนกับพวกเราเป็นญาติกัน ไม่ว่าจะปฏิเสธอย่างไร ราเชนก็เลือกไม่ได้ ทำได้เพียงตายชั่วคราวก่อนถึงจะปกป้องเขาได้ เขาเป็นผู้ชาย ยิ่งไปกว่านั้นหลังจากนี้ต้องเป็นคนที่ทำเรื่องสำคัญมาก ดังนั้นการบาดเจ็บเล็กน้อยจึงยากจะหลีกเลี่ยง”
บุริศร์อธิบาย
เขาไม่เห็นความเกลียดชังในแววตานรมน มีเพียงความงงงวย สิ่งนี้ทำให้บุริศร์ถอนหายใจอย่างโล่งอกโดยไม่รู้ตัว
ตราบใดที่นรมนไม่เกลียดเขาก็พอแล้ว
นี่เป็นการเดินหมากที่มีความเสี่ยง หากไม่ระวังอาจทำให้คนตายได้จริงๆ ถึงแม้จะเป็นเช่นนี้เขายังสละชีวิตทหารไปนายหนึ่ง
นรมนฟังบุริศร์อธิบายจบในที่สุดก็เข้าใจ
“งั้นตอนนี้พวกเราจะไปไหน?”
“สมชัยคิดว่าพวกเราออกจากประเทศ F ไปแล้ว หรือเข้าใจว่าพวกเราถูกขีปนาวุธยิงตายบนอากาศแล้ว ดังนั้นตอนนี้มีความเป็นไปได้สูงที่เขาจะจัดการพรินทร์ แต่เดิมทีเขาก็ไม่ได้ชอบราเชน เขาจัดการพรินทร์ก็แค่ทำไปอย่างงั้น พวกเราอาศัยโอกาสที่พรินทร์ถูกจำคุกเก็บเขาซะ”
นัยน์ตาของบุริศร์เด็ดเดี่ยว นรมนจิตใจสงบทันที
“ได้ ฉันเอาตามคุณ”
นรมนก้าวไปข้างหน้า ยืนมือให้บุริศร์เอง
เมื่อบุริศร์จับมือภรรยาใหม่อีกครั้งฝ่ามือมีเหงื่อออก
สวรรค์รู้ว่าเขาหวาดกลัวเพียงใดกับความเกลียดชังจากสายตาของนรมน โชคดีที่ไม่มี
ตอนนั้นสถานการณ์คับขันอย่างยิ่ง หลังจากเขากับจณัตว์วางแผนก็แทบจะยุ่งไปหมด ยุ่งกับการระดมกำลังคนที่สามารถระดมได้ ยุ่งกับการวางแผนจัดการติดตามผล ยุ่งกับการตรวจสอบแผนการทั้งหมดให้อยู่ในสภาพสมบูรณ์ที่สุด ดังนั้นเขาจึงไม่ทันบอกนรมน และกลัวว่าหลังจากนรมนรู้จะใจอ่อนทำไม่ลง แต่ในใจยังคงหวาดกลัว หวาดกลัวว่านรมนจะไม่เข้าใจสถานการณ์ที่แท้จริงและเกลียดชังเขา
บุริศร์สามารถแบกรับได้ทุกอย่าง แต่สิ่งเดียวที่รับไม่ได้คือความเกลียดชังของนรมน นั่นมันทรมานยิ่งกว่าการฆ่าเขา
โชคดีที่นรมนไม่เป็นเช่นนั้น
ถึงเธอจะไม่รู้อะไรสักอย่าง แต่แววตาของเธอมีความเชื่อใจ
เธอเชื่อเขา
ไม่มีอะไรทำให้บุริศร์ดีใจและโล่งอกไปมากกว่านี้
นรมนก็กังวลใจอยู่บ้าง เธอไม่เคยคิดว่าบุริศร์จะทำเรื่องที่ตนเองเสียใจ วันนี้ฆ่าราเชน แม้จะเสียใจและโศกเศร้า แต่เธอแน่ใจว่าบุริศร์มีเหตุผลของตนเอง
เธอฟังเขาอธิบาย ตอนนี้ถึงแม้จะยังกังวล แต่เมื่อเทียบกับความเป็นและความตาย เปรียบเทียบกับการพลีชีพของทหารนายนั้น ราเชนยังสามารถมีชีวิตอยู่นับเป็นเรื่องดีที่สุดแล้ว
หัวใจทั้งสองไม่เคยใกล้ชิดและแน่วแน่เช่นนี้มาก่อน ในวินาทีนี้นรมนรู้ได้อย่างลึกซึ้งว่าตนเองต้องทำอะไร
เธอคือคนประเทศ Z และเป็นภรรยาทหาร เธอต้องสู้เพื่อชื่อเสียงเกียรติยศของประเทศและผลประโยชน์ของประชาชน!
เลือดร้อนในทรวงอกเดือดพล่าน
นรมนก้าวตามบุริศร์กลับไปในพระราชวังใหม่อีกครั้ง
จณัตว์บอกเส้นทางลับในพระราชวังของหงส์ที่สมชัยอาจจะไม่รู้ ส่วนเฉียงกับติณห์มีความเป็นไปได้สูงที่จะถูกสมชัยซื้อตัวและปลุกปั่นไปแล้ว
นึกถึงท่าทางที่เฉียงพูดถึงหงส์อย่างเลื่อมใส นรมนยากจะเชื่อว่านี้เป็นความจริงมาตลอด
“บุริศร์ บางทีเฉียงอาจจะไม่…”
“เชื่อมั่นในสิ่งที่ทำ อย่ากลัวแม้ตอนนี้มันยังไม่เป็นจริง สถานการณ์ในตอนนี้ พวกเรานอกจากตนเองแล้วก็ไม่ควรเชื่อใคร แน่นอนยังสามารถเชื่อใจทหารของพวกเราได้”
บุริศร์บีบมือนรมนแน่น กลัวความใจอ่อนของเธอจะเปิดโปงร่องรอยของพวกเขา
“งั้นตอนนี้พวกเราควรทำยังไง?”
“เข้าไปตามวิธีของพวกเรา”
บุริศร์ตอบเสียงเบา และผิวปากทันที มีคนเดินออกมาจากด้านในเดี๋ยวนั้น
“คุณชายบุริศร์”
อีกฝ่ายยังคงปลอมตัวเป็นองครักษ์ ยังคงแปลกหน้า แต่กลับปรากฏตัวออกมาตรงหน้าพวกเขาทันที ราวกับเฝ้ารออยู่ทุกที่ทุกเวลา
นรมนแปลกใจมากว่านี่คืออำนาจอะไรกันแน่ แต่บุริศร์ไม่พูด เธอก็ไม่ถามไปโดยปริยาย สถานการณ์ตอนนี้ยิ่งถามมาก คนเปิดโปงก็ยิ่งเยอะ หากเกิดอะไรขึ้นในอนาคต เกรงว่าไม่อาจเก็บกวาดความพังพินาศได้
ในจุดนี้ นรมนยังแยกแยะความสำคัญได้ชัดเจน
“พาพวกเราไปสถานที่ที่พรินทร์ถูกจำคุก อีกอย่างเส้นทางลับที่หงส์ทิ้งเอาไว้เป็นยังไงบ้าง?”
“โชคดีที่พวกคุณไม่ได้เข้าไปทางเส้นทางลับ สมชัยส่งคนไปดักรอที่ทางออกทุกเส้นทางลับ แค่พวกคุณเข้าไป ไม่ว่าจะออกมาทางไหนก็จะถูกจับตัว”
องครักษ์กล่าวเสียงเบา กลับทำให้นรมนใจหาย
“เฉียงหักหลังเหรอ?”
องครักษ์เหลือบมองนรมน ตอบเสียงเบา “แต่เดิมเฉียงเป็นคนของสมชัย”
นรมนตื่นตระหนกทันที
“สมชัยก็รู้การเคลื่อนไหวทุกอย่างของหงส์ใช่ไหม? งั้นตอนพวกเราเพิ่งมาสมชัยก็รู้แล้ว ทำไมถึงไม่ลงมือกับพวกเรา? ตรงกันข้ามแกล้งทำเป็นไม่รู้จักพวกเรา ยังค้นหาอยู่ข้างนอก”
นี่เป็นความสงสัยของนรมน
องครักษ์กล่าวเสียงเบา “เพื่อล่องูออกจากถ่ำ และเพื่อดูว่าแท้จริงแล้วในพระราชวังมีกี่คนที่อยู่กับพวกคุณ มีกี่คนที่ไม่จงรักภักดีต่อเขา แต่ไหนแต่ไรสมชัยไม่ใช่คนธรรมดา”
นรมนมองบุริศร์อย่างงงงัน
โชคดีที่วันนี้บุริศร์ ‘ฆ่า’ ราเชนไปแล้ว ไม่อย่างนั้นถ้าสมชัยลงมือ เดาว่าราเชนคงไม่มีทางรอดจริงๆ
จู่ๆ นรมนก็นึกถึงดารัณ
ดารัณถูกมายด์ตัดนิ้ว ตอนนั้นถ้าทำการผ่าตัดทันทีน่าจะต่อได้ แต่สมชัยไม่ออกคำสั่งนี้ นี่เป็นความตั้งใจของสมชัยเหรอ?
เขาจงใจให้ดารัณนิ้วขาด เพื่อลงโทษที่ดารัณติดต่อกับตระกูลแหลมวิไล ช่วยเธอกับบุริศร์ใช่ไหม?
คิดถึงตรงนี้ นรมนหวาดกลัว
ผู้ชายคนนี้น่ากลัวเกินไปจริงๆ
เธอเข้าใจมาตลอดว่าพวกเขาอยู่ในประเทศ F อย่างเงียบเชียบเพราะเส้นสายที่กว้างขวาง กลับคิดไม่ถึงว่าทั้งหมดอยู่ในการควบคุมของสมชัย ถ้าไม่มี ‘ความตาย’ ของราเชน เดาว่าตอนนี้เธอยังไม่รู้ว่าชีวิตของตนเองอยู่ในการควบคุมของสมชัยทุกที่ทุกเวลา
“ตระกูลแหลมวิไลถูกสงสัยหรือเปล่า?”
สีหน้าของบุริศร์เคร่งขรึม
การออกไปของคุณน้าชัญญา และการออกไปของเด็กผู้หญิงเหล่านั้นใช้อำนาจของตระกูลแหลมวิไล วันนี้ในเมื่อเฉียงเป็นคนของสมชัย บุริศร์กลัวว่าตัวตนของจณัตว์จะถูกเปิดโปง
องครักษ์ส่ายหน้า “ไม่ครับ ถึงแม้สมชัยจะสงสัยตระกูลแหลมวิไล แต่ไม่มีหลักฐานแน่นอน คุณน้าชัญญาและเด็กผู้หญิงเหล่านั้นพวกคุณจัดการด้วยตนเอง เฉียงไม่รู้ ดังนั้นตระกูลแหลมวิไลจึงปลอดภัย แต่เพราะดารัณ สมชัยจึงเกิดความสงสัยต่อตระกูลแหลมวิไล ตอนนี้แค่ไม่มีหลักฐาน ก่อนหน้านี้ไม่นาน เขาแสร้งทำเป็นคุ้มครองความปลอดภัยของตระกูลแหลมวิไล โดยส่งทหารเข้าไป ความจริงเพื่อเฝ้าติดตามและควบคุมตระกูลแหลมวิไลภายในขอบเขตที่เขาควบคุมได้ ยังดีที่พวกคุณไม่อยู่ในบ้านตระกูลแหลมวิไล ไม่อย่างนั้นตระกูลแหลมวิไลคงถูกกวาดล้างไปแล้ว แต่ทว่าตอนนี้องค์หญิงห้าก็ถูกเฝ้าติดตาม”
ได้ฟังองครักษ์พูดเช่นนี้ นรมนตกใจจนเหงื่อแตกทั้งตัว
พวกเขาคิดว่าทุกก้าวเดินปลอดภัย กลับคิดไม่ถึงว่าต้องระวังทุกย่างก้าว โชคดีที่บุริศร์กับจณัตว์วางแผนนี้ออกมา ไม่อย่างนั้นตอนนี้ทั้งสองคนจะมีสถานการณ์อย่างไรก็ไม่รู้
สัมผัสได้ถึงความหวาดกลัวของนรมน บุริศร์บีบมือของเธอแน่น กล่าวเสียงเบา “ไม่เป็นไรนะ สงครามก็เป็นแบบนี้แหละ ยิ่งกว่าเส้นสาย คืออุบาย และโชค”
กล่าวอีกนัยหนึ่ง ถ้าโชคไม่ดีก็จะตกกระไดพลอยโจนที่นี่ทุกที่ทุกเวลา
มองผู้ชายข้างกายที่ใจเย็น นรมนพูดไม่ถูกว่ารู้สึกอย่างไร มีทะนง มีความภูมิใจ ยังมีความกังวลและสงสาร
ภารกิจทุกครั้งต่างประลองฝีมือระหว่างความเป็นความตาย ความรู้สึกนี้ไม่ใช่ทหารไม่มีทางสัมผัสได้ ส่วนเธอนั้นโชคดีแค่ไหน คิดไม่ถึงว่าจะได้สัมผัสประสบการณ์นี้ด้วยตนเอง เข้าใจสถานการณ์ของบุริศร์อย่างลึกซึ้ง
นรมนกล่าวเสียงเบา “พวกเราจะปลอดภัย ไม่เป็นอะไรแน่นอน ความชั่วร้ายไม่สามารถครอบงำความดีได้ เหมือนสมชัยคนจิตใจชั่วร้ายนี้ พระเจ้าไม่มีทางช่วยเขา พวกเราจะต้องดวงดีแน่นอน”
“ใช่”
บุริศร์ยิ้มบางๆ เหมือนท้องฟ้าที่ดวงดาวถูกบดบัง นรมนแน่นทรวงอกทันที เกิดความหลงใหล
องครักษ์กระแอมไอ “อยู่ที่นี่ได้ไม่นาน ตามผมมาครับ ผมสามารถส่งพวกคุณไปในตำหนักของพรินทร์อย่างปลอดภัย ตอนนี้สมชัยกักบริเวณเขา บอกให้เขาพิจารณาตนเองอย่างลึกซึ้ง แต่เนื่องจากกำลังของครอบครัวแม่ของพรินทร์ สมชัยน่าจะแค่พูดไปเท่านั้นไม่กี่วันก็ปล่อยออกมาแล้ว”
“ไม่ได้นะ พรินทร์ไม่ตาย อำนาจเบื้องหลังครอบครัวแม่ของเขาจะก่อกบฏได้ยังไง? สมชัยอยู่บนตำแหน่งนี้มานานเกินไปแล้ว ถ้าเขาประพฤติตนเหมาะสมก็ไม่เป็นไร น่าเสียดายที่เขาไม่รู้จักพอ คนเรานะ บางครั้งโลภเกินไปจนทำร้ายตนเอง”
สายตาของบุริศร์เฉียบคม ดึงมือนรมนเดินตามองครักษ์เข้าไปทันที
ในเวลานี้เอานรมนไว้ที่ไหนเขาก็ไม่วางใจ ถือโอกาสอยู่ข้างกายไปเลย อย่างน้อยที่สุดเขาสามารถปกป้องความปลอดภัยของเธอได้
เมื่อพรินทร์เห็นบุริศร์กับนรมนอีกครั้งก็อึ้งไป เขาคิดจะตะโกน กลับถูกนรมนปิดปากทันที ส่วนบุริศร์ควักกริชออกมาบาดลำคอเขาในพริบตา
ในดวงตาของพรินทร์ยังมีความเหลือเชื่อและไม่ยินยอม แต่ชีวิตกลับจบลงแล้ว
นรมนสั่นเล็กน้อย เนื่องจากเป็นชีวิตหนึ่ง บุริศร์กลับดึงมือเธอออกไปจากตำหนักของพรินทร์อย่างรวดเร็ว
ด้านนอกมีคนมาเป็นกองหนุน นรมนกับบุริศร์วิ่งออกไปจากพระราชวังอย่างรวดเร็ว สายตามองเห็นว่ากำลังจะออกจากพระราชวังแล้ว จู่ๆ มีองครักษ์สองคนขวางพวกเขาเอาไว้
“หยุดนะ!”