แค้นรักสามีตัวร้าย - บทที่ 1417 คุณนายไม่ได้ถามอะไรเลย
“คุณชายบุริศร์ อย่าขยับครับ ครั้งนี้คุณสามารถเอาชีวิตรอดกลับมาไม่ง่ายเลยผมจะบอกคุณให้ ถ้าไม่เพราะคุณนาย คุณคงไม่รอดแล้วครับ”
พฤกษ์เห็นบุริศร์ทรมานเช่นนี้ จึงอดก้าวขึ้นไปห้ามเขาไม่ได้
“นรมน?”
บุริศร์งุนงง
พฤกษ์จึงเล่าเรื่องทั้งหมดตลอดทางนรมนให้บุริศร์ฟัง รวมถึงที่รเมศออกมาตาย
“คุณชายบุริศร์ คุณไม่เห็นว่าคุณนายลงมือกับรเมศอย่างว่องไวและเด็ดขาด และตอนนั้นคุณนายพูดว่าอย่าเอาบุญคุณมาเป็นข้อต่อรองปกป้องตนเองไปตลอดชีวิตช่างสง่างามจริงๆ”
พฤกษ์เล่าอย่างสมจริงสมจัง มุมปากของบุริศร์ยกขึ้นเบาๆ
ผู้หญิงของเขายอดเยี่ยมอยู่แล้ว
แต่ได้ยินทุกอย่างที่นรมนทุ่มเทลงไปเพื่อหาเลือดมาให้เขา หัวใจของบุริศร์เจ็บปวดอย่างทรมาน
เนื่องจากเขายังไม่รู้เลยว่าตนเองเลือดกรุปอะไร
“ครั้งนี้ลำบากนรมน รอเธอตื่นฉันจะขอโทษเธอแน่นอน”
นึกถึงนรมนที่รีบกลับมาช่วยชีวิตตนเองจากกลุ่มองครักษ์ นึกถึงเธอที่ซักถามตนเองอย่างคับข้องใจว่าทำไมต้องแบกรับความโกรธทั้งหมดเอาไว้เพียงผู้เดียว บุริศร์กลุ้มใจ
ครั้งนี้เกรงว่านรมนจะโกรธไม่น้อย ตนเองจะขอให้ยกโทษอย่างไร?
อันที่จริงเขาก็รู้ดี ตนเองทำเช่นนี้นรมนรับไม่ได้แน่นอน ท้ายที่สุดในทางใดทางหนึ่ง เขาก็ทอดทิ้งนรมนไป แต่เมื่ออันตรายมาถึงจริง เขาไม่อาจมั่นใจได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ทำได้เพียงรับประกันความปลอดภัยของนรมนก่อน
แม้จะรู้ดีว่าทำแบบนี้เธอจะโกรธได้ แต่ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ เขาจะยังคงทำแบบเดิม สำหรับเขา ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าการมีชีวิตอยู่ของนรมน
แต่เขาเองก็รู้ นรมนเองก็คิดแบบนี้
เรื่องนี้ไม่มีใครผิดใครถูก แต่แน่นอนว่าทำให้นรมนเจ็บปวดใจ เรื่องนี้เขาต้องขอให้นรมนให้อภัยเขา
พฤกษ์มองบุริศร์ที่อ่อนแรง จึงใจไม่แข็งพอที่จะพูดออกมาว่าครั้งนี้นรมนไม่มีทางจบเรื่องง่ายๆ
“คุณชายบุริศร์ คุณพักผ่อนก่อนเถอะครับ รอคุณนายตื่นก็มาหาคุณอยู่แล้ว”
“ทำไมต้องจับพวกเราแยกด้วย? ย้ายเตียงเข้ามา เอาวางไว้ข้างฉัน ให้นรมนอยู่กับฉัน”
ในที่สุดบุริศร์ก็พบว่ามีบางอย่างผิดปกติ
เขากับนรมนเป็นสามีภรรยากัน ถึงแม้จะได้รับบาดเจ็บ ก็ไม่มีเหตุผลที่ต้องแยกห้องนอน? ยิ่งไปกว่านั้นการอยู่ด้วยกันจะไม่เอื้อต่อการรักษาเหรอ?
มิน่าล่ะเขาถึงรู้สึกว่าห้องนี้เงียบเหงามากๆ
พฤกษ์กลับกระแอมไอ “คุณนายสั่งเอาไว้เป็นพิเศษก่อนจะพักผ่อน ไม่อยากรบกวนการรักษาของคุณ เธอจึงไปพักที่ห้องนอนเล็ก”
สีหน้าของบุริศร์มืดมนลงหลายเท่าทันที
ไม่อยากรบกวนการรักษาของเขาหมายความว่าอะไร? ชัดเจนว่าเธอยังโกรธ ไม่อยากเห็นหน้าเขา เห็นแล้วรกหูรกตาแค่นั้นเอง
ความกลุ้มใจของบุริศร์อัดแน่นที่ทรวงอก พฤกษ์กลัวจะกระทบมาถึงตนเอง จึงรีบกล่าว “ผมจะไปเรียกมิลินมา คมทิพย์ได้ยินว่าคุณนายไม่สบาย เลยนั่งเครื่องบินมาแล้ว ผมต้องไปรับที่สนามบิน คุณชายบุริศร์ต้องการอะไรสามารถเรียกมิลินได้โดยตรงครับ”
พฤกษ์ทิ้งปัญหาเอาไว้และออกไป
พูดเป็นเล่นไป ระหว่างพวกเขาสองคนมีปัญหากัน เขาจะอยู่ที่นี่ให้อึดอัดใจเหรอ?
พูดจบก็ไม่รอให้บุริศร์พูดอะไร พฤกษ์หันตัววิ่งออกไป
บุริศร์เห็นเขารีบหนีไปอย่างรวดเร็วเช่นนี้ ยิ่งกลุ้มใจอย่างห้ามไม่ได้
นี่เคยเป็นผู้ช่วย เป็นพี่น้องที่ดีที่สุดของเขาหรือเปล่า?
ในไม่ช้ามิลินก็เข้ามา เธอทำการตรวจให้บุริศร์ เนื่องจากเขาเพิ่งจะผ่าตัดเสร็จไปได้ไม่นาน พักอยู่ไม่นานก็เหนื่อยล้า
แต่เขายังคงกำชับ “ถ้านรมนมาให้ปลุกฉันด้วย”
“ค่ะ”
มิลินพยักหน้า ไม่ได้พูดอะไร
เช้าวันต่อมานรมนถึงจะตื่นขึ้น หลังจากตื่นขึ้นพบว่าตนเองมีแรงนิดหน่อย กำลังวังชาก็ผ่อนคลายไปเยอะ
คมทิพย์นั่งอยู่หน้าเตียง บ่นว่า “เธอนะเธอ ทำไมต้องทำให้ตัวเองตกอยู่ในสภาพแบบนี้ด้วย? ร่างกายนี้ไม่ใช่ของเธอหรือไง?”
นรมนหัวเราะออกมาทันที
บนโลกใบนี้คนที่เอาใจใส่ตนเองที่สุดนอกจากบุริศร์เดาว่าคงมีเพียงคมทิพย์
“ไม่ต้องพูดเรื่องฉันหรอก ปัญญ์กลับมาหรือยัง? มีส่งข่าวมาบ้างไหม?”
นรมนเอาแต่ห่วงเรื่องของปัญญ์อยู่ตลอด
คมทิพย์พยักหน้า “มีส่งข่าวมาแล้ว เห็นบอกว่าคนที่ชื่อหงส์อะไรนั้นส่งพวกเขาออกมาผ่านช่องทางบางอย่าง ให้ฉันไปรับพรุ่งนี้ที่ เมืองC”
ได้ยินว่ามีความเกี่ยวข้องกับหงส์ นรมนวางใจมาก
“เขากับมายด์ปลอดภัยก็ดี อีกอย่างมายด์พูดได้แล้วนะ”
“ฉันรู้หมดแล้ว ปัญญ์เล่าให้ฉันฟัง แต่เธอดูแปลกมากเลย”
คมทิพย์มองนรมน ซักถามอย่างช่วยไม่ได้
นรมนถูกเธอมองก็รู้สึกอึดอัด อดพูดไม่ได้ “ฉันมีอะไรแปลก? ฉันมีสองเขางอกออกมาหรือไง?”
“ก็ไม่ขนาดนั้นหรอก แค่หลังจากเธอตื่นขึ้นมาไม่คิดว่าเธอจะไม่ถามว่าบุริศร์เป็นยังไงบ้าง ฟื้นหรือยัง นี่มันไม่เหมือนเธอเลยนะ”
นรมนได้ยินชื่อนี้ก็โมโหขึ้นมาเบาๆ ทันที แต่ยังคงพูดอย่างเรียบเฉย “มีอะไรให้ถาม ฉันอยู่ในการผ่าตัดของเขาตั้งแต่ต้นจนจบ เลือดของเขาฉันก็ออกไปหา หลังจากเขาผ่าตัดสำเร็จก็มีมิลินอยู่เฝ้าข้างๆ จะเกิดอะไรขึ้นได้? ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้อยู่ในเมืองชลธี อยู่ในอาณาเขตของตนเองฉันมีอะไรต้องเป็นห่วง”
“นี่ๆ ๆ น้ำเสียงนี้ผิดปกติ ท่าทางก็ผิดปกติ ดูเหมือนความรู้สึกก็ผิดปกติ”
คมทิพย์ลูบคางของตนเอง มองนรมนด้วยสีหน้าหยอกล้อ
นรมนกลับตีมือของเธอหล่นลงทันที กล่าวว่า” ฉันกำลังพูดเรื่องจริงจังกับเธออยู่นะ”
“ฉันก็กำลังพูดเรื่องจริงจังกับเธออยู่”
“คมทิพย์!”
นรมนตวาดทันที พาลโกรธเอาดื้อๆ
คมทิพย์หัวเราะขึ้นมาโดยพลัน
“เอาล่ะๆ ไม่แกล้งเธอแล้ว จะสนใจบุริศร์ไปทำไม เธอปลอดภัยก็ดีแล้ว แต่ถึงบาดแผลของเธอจะไม่ลึกมาก ก็ต้องพักฟื้น อย่างที่เธอบอก บุริศร์มีมิลินดูแลอยู่ เธอก็ไม่ต้องไปหาบุริศร์บ่อยๆ ไม่ว่ายังไงก็ตามต้องสนใจร่างกายของตนเอง เธอก็เป็นคนป่วยเข้าใจไหม?”
“เข้าใจแล้ว”
นรมนรับปากอย่างจนปัญญา จากนั้นกล่าวว่า “ฉันมีพี่ชายเพิ่มมาอีกคน เธออิจฉาไหม?”
“ฉันอิจฉาเธอกับผีสิ”
คมทิพย์เห็นท่าทางอวดดีของนรมนแล้วอยากตี
นรมนอารมณ์ดีขึ้นเยอะทันที
“ฉันจะบอกเธอให้นะ เขาคือลูกชายของคุณอารองของฉัน สุดยอดไปเลย”
นรมนเล่าเรื่องชีวิตของจณัตว์ให้คมทิพย์ฟัง
คมทิพย์ฟังอย่างกระตือรือร้น
“โอ้โห พล็อตนี้เปรียบได้กับนิยายหรือเปล่าเนี่ย?”
“ใช่เลย สิ่งสำคัญที่สุดคือลูกพี่ลูกน้องของฉันคนนี้จบปริญญาเอกทางการแพทย์ และเขาก็ผ่าตัดให้มายด์ที่ลิ้นขาดสามารถพูดได้ด้วยนะ”
นรมนมองคมทิพย์ด้วยสายตาเป็นประกาย
ราวกับคมทิพย์รู้ว่านรมนจะพูดอะไร นัยน์ตาของเธอเศร้าสลด กลับหายวับไปในพริบตา
“นรมน ฉันไม่หวังแล้วล่ะ”
“ทำไมถึงไม่หวังแล้วล่ะ? ไม่แน่พี่ชายของฉันอาจจะรักษาเธอได้ คมทิพย์ เธออย่าเพิ่งถอดใจเร็วเกินไป”
คมทิพย์ไม่สามารถมีลูกได้เรื่องนี้เป็นความเจ็บปวดในก้นบึ้งของหัวใจลึกที่สุดของนรมนมาตลอด
เห็นนรมนรู้สึกผิดเช่นนี้ คมทิพย์ยิ้มกล่าว “ได้ ตราบใดที่เขายอมรักษาฉัน ฉันก็จะให้ความร่วมมือ โอเคไหม?”
“นี่สิถึงจะถูกต้อง”
นรมนบีบมือคมทิพย์แน่น หวังว่าคมทิพย์จะสามารถเป็นผู้หญิงที่สมบูรณ์
คมทิพย์กลับไม่หวังอะไรมาก ถึงอย่างไรก็เพื่อตัวนรมน เธอผ่านจุดนั้นมาแล้ว
“จริงสิ ช่วงนี้เธอจะออกเพลงใหม่หรือเปล่า?”
คำพูดของนรมนทำให้คมทิพย์กลอกตามองบน
“ขอร้องล่ะ อัลบัมของฉันขาดตลาดแล้วโอเคไหม นรมน เธออย่าเอาแต่สนใจสามีกับลูกทั้งวัน บางครั้งก็เป็นห่วงฉัน เป็นห่วงบริษัทผลิตภาพยนตร์ของพวกเราด้วยดีไหม? อย่าคิดว่าโอนหุ้นบริษัทให้ฉันแล้ว เธอก็ไม่ต้องรับผิดชอบ ฉันจะบอกเธอให้นะ ฉันเก็บชื่อของเธอเอาไว้ บริษัทผลิตภาพยนตร์มีเธอเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ เธอกับคุณหมอรมิดาต่างครอบครองสัดส่วนของหุ้น สิ้นปีจะปันผลให้พวกเธอ”
ท่าทางอวดดีของคมทิพย์ทำให้นรมนหัวเราะขึ้นมาทันที
“ได้เลยๆ หลังจากนี้ฉันจะรอคมทิพย์ของพวกเราเลี้ยงฉัน”
“อะไรยะ ใครจะเลี้ยงเธอ? เธอไม่มีสามีหรือไง?”
“ไม่เอาแล้ว ต่อจากนี้จะอยู่ไปวันๆ กับเธอ”
นรมนพูดคำนี้ทำให้คมทิพย์นิ่งไปเล็กน้อย คิดว่าเธอพูดเล่น จึงยิ้มกล่าวทันที “ได้เลย พี่จะดูแลน้องเอง”
“ขอบคุณที่พี่สาวดูแล”
สองพี่น้องหัวเราะพร้อมกัน
เพราะมีคมทิพย์อยู่เป็นเพื่อนข้างๆ นรมนจึงรู้สึกร่าเริงมาก
บุริศร์ถูกเสียงหัวเราะของนรมนปลุกขึ้นมา ห้องนอนใหญ่กับห้องนอนเล็กมีเพียงผนังกั้น ผนังเก็บเสียงได้ดีก็จริง แต่มิลินบอกว่าต้องเปิดหน้าต่างให้อากาศถ่ายเท และหน้าต่างทางฝั่งนรมนก็เปิดอยู่ จึงได้ยินเสียงโดยปริยาย
นานแล้วที่ไม่ได้ยินเสียงภรรยาหัวเราะเบิกบาน มุมปากของบุริศร์ยกขึ้นเบาๆ
“มิลิน เธอไปดูว่าอาการบาดเจ็บของคุณนายเป็นยังไงบ้าง ต้องเปลี่ยนผ้าพันแผลไหม”
“ได้ค่ะ”
มิลินแปลกใจเล็กน้อย และออกจากห้องไป
นรมนกับคมทิพย์ยังคงพูดคุยกันอยู่ เธอรู้สึกว่านานแล้วที่ตนเองไม่ได้คุยกับคมทิพย์แบบนี้ กลับได้ยินเสียงมิลินเคาะประตูเดินเข้ามา
“คุณนาย ผู้ใหญ่บ้านให้ฉันมาตรวจดูแผลของคุณ และถือโอกาสเปลี่ยนผ้าพันแผลด้วยค่ะ”
“อืม”
นรมนพยักหน้า ดูให้ความร่วมมือ
มิลินตรวจดูแผลของนรมน พบว่าฟื้นตัวค่อนข้างดี และไม่มีการติดเชื้อ จึงเปลี่ยนผ้าพันแผลให้ทันทีหลังจากนั้น
ตั้งแต่ต้นจนจบ นรมนไม่ถามถึงบุริศร์สักคำ
หลังจากมิลินเปลี่ยนผ้าพันแผลเสร็จจึงถอยออกไป
นรมนคุยกับคมทิพย์ต่อ พูดคุยเรื่องละครและเรื่องซุบซิบเหล่านั้น
มิลินกลับมาที่ห้องนอนใหญ่ บุริศร์รีบถาม “คุณนายพูดอะไรบ้างไหม?”
“คุณนายไม่ได้พูดอะไรค่ะ บาดแผลของเธอฟื้นตัวค่อนข้างดี ไม่มีอาการบวมแดงและติดเชื้อ ฉันเปลี่ยนผ้าพันแผลให้คุณนายแล้วจึงออกมา”
มิลินรายงานตามหน้าที่
สีหน้าของบุริศร์กลับเศร้าหมอง
“เธอไม่ถามเลยเหรอว่าฉันฟื้นหรือยัง? เป็นยังไงบ้าง?”
ความจริงแล้วหน้าต่างเปิดอยู่ นรมนพูดอะไรบุริศร์ก็ได้ยินชัดเจน แต่เพราะไม่ได้ยินนรมนถามถึงตนเอง บุริศร์ถึงคิดว่าตนเองอาจจะไม่ได้ยิน หรือตกหล่นไป
เห็นแววตาคาดหวังของบุริศร์ มิลินพลันรู้สึกกดดันมาก ส่วนอีกด้านหนึ่งเสียงหัวเราะมีความสุขของนรมนกับคมทิพย์และเสียงพูดคุยเจี๊ยวจ๊าวนั้นได้ยินอย่างชัดเจน
มิลินลังเลใจอยู่ครั้งแล้วครั้งเล่า จนสุดท้ายจึงตอบเสียงเบา “คุณนายไม่ได้ถามอะไร และไม่ได้พูดอะไรค่ะ”
นัยน์ตาของบุริศร์มืดมนลงหลายเท่าในพริบตา
ดูเหมือนระดับความโกรธของคุณภรรยาจะไม่เบาเลย