แค้นรักสามีตัวร้าย - บทที่ 1420 ตาต่อตาฟันต่อฟัน
“ใครน่ะ?”
นรมนค่อนข้างแปลกใจ สีหน้าก็ค่อนข้างประหลาดใจ ส่วนธรณีก็เขินอายเล็กน้อย
“คือว่า…”
ธรณียังพูดไม่ทันจบ มีหญิงสาวคนหนึ่งเดินออกมาจากด้านใน หน้าตาเกลี้ยงเกลา สร้างความประทับใจให้คนตั้งแต่แรกเห็น
นรมนยิ้มทันที
“ไม่ทราบว่าคุณคือ?”
หญิงสาวได้ยินคำถามของนรมน เธอยิ้มตอบ “สวัสดีค่ะ ฉันชื่อว่าโซเฟีย เป็นพยาบาลส่วนตัวของคุณธรณี”
“โอ้? พยาบาลส่วนตัว? อาธรณี อาเป็นอะไรไปคะ?”
นรมนทำหน้าทำตาขี้เม้าท์
ธรณีไม่เคยอายแบบนี้มาก่อน เขากระแอมไอ “เรื่องผู้ใหญ่เธอยุ่งให้มันน้อยๆ หน่อย ถ้าไม่มีอะไรก็กลับไปได้แล้ว บุริศร์อยู่บ้านคนเดียวไม่ดี”
“โห อาธรณีไล่ฉันเลยเหรอ? เชอะๆ ๆ ฉันรู้น่ะว่าต้องวางตัวยังไง ฉันไปก็ได้”
นี่อาจเป็นข่าวดีที่สุดที่นรมนได้ยินเมื่อกลับมาคราวนี้
เธอชอบโซเฟียคนนี้ตั้งแต่แรกเห็น รู้สึกว่าหญิงสาวคนนี้ไม่เลว
“สวัสดีค่ะ ฉันชื่อนรมน เป็นหลานคุณธรณีของคุณ จากนี้ไปฝากคุณดูแลอาธรณีของฉันด้วยนะคะ”
“คะ?”
โซเฟียทำหน้างง ไม่ค่อยเข้าใจความหมายของนรมน
ธรณีรีบกล่าว “รีบกลับไปเลย”
หูของเขาแดงหมดแล้ว
นี่ยังเป็นครั้งแรกที่นรมนเห็นธรณีเขินอายเช่นนี้ ดูเหมือนคราวนี้อาธรณีจะเจอกับความสุขจริงๆ เข้าแล้ว
“ได้ๆ ๆ ฉันจะกลับแล้วค่ะ”
นรมนยิ้มเบิกบาน ให้บอดี้การ์ดนำของบำรุงร่างกายออกมาจากบ้านตระกูลทวีทรัพย์ธาดา
ตระกูลทวีทรัพย์ธาดาเหลือคนอยู่ไม่เยอะ วันนี้อาธรณีกลายเป็นคนพิการไปแล้ว ถ้าชีวิตที่เหลืออยู่มีคนดูแล นรมนก็ยินดีที่จะได้เห็น โดยเฉพาะธรณีก็ไม่ได้อายุมากนัก อยู่ในช่วงเวลาที่ดีที่สุดของชีวิต และยังเพียบพร้อม คู่กับผู้หญิงคนไหนก็ไม่เสียหาย
หลังจากนรมนขึ้นมาบนรถมุมปากยังคงยกขึ้นอยู่ ไม่มีอะไรจะน่าดีใจไปกว่าเรื่องสำคัญของตระกูลทวีทรัพย์ธาดาแบบนี้ เรื่องไม่สบายใจเหล่านั้นของประเทศ F ดูเหมือนจะหายไปเยอะเลย
บอดี้การ์ดเห็นนรมนอารมณ์ดีไม่เบา จึงขอคำสั่ง “คุณนายครับ พวกเราจะตรงกลับไปเลยไหม?”
“อืม กลับไปเลย”
นรมนก็รู้สึกเหนื่อยล้า
เดิมทีร่างกายที่ทรุดโทรมนี้ไม่มีอะไรดี ตอนนี้หลังจากได้รับบาดเจ็บยิ่งทุกข์ทรมานอย่างเหนื่อยล้า
นรมนหาท่านั่งที่สบาย
เมื่อรถขับมาถึงร้านอาหาร Food garden จู่ๆ เธอก็อยากกินหมูสับทอดตุ๋นผักกาดขาว
“ช้าก่อน ไปร้านอาหาร Food gardenซื้อหมูสับทอดตุ๋นผักกาดขาวสองชุดกลับไปให้ฉันที”
เธอไม่มีความอยากกินอะไรอย่างฉุกละหุกแบบนี้มานานแล้ว ความรู้สึกนี้มาโดยไม่ทันตั้งตัว กลับสะกดกลั้นเอาไว้ไม่ได้
ช่างเถอะ ถึงเป็นการเลี้ยงฉลองให้ตนเองแล้วกัน
นรมนปลอบใจตนเองเช่นนี้
บอดี้การ์ดลงจากรถไปซื้อหมูสับทอดตุ๋นผักกาดขาวทันที
นรมนนึกถึงบุริศร์ที่นอนอยู่ในบ้าน นึกถึงอาหารโปรดของเขาขึ้นมา กล่าวเสียงเบา “ซื้อกระเพาะหมูผัดไฟแดงกลับมาด้วยชุดหนึ่ง”
“ได้ครับ คุณนาย”
บอดี้การ์ดลงจากรถไปอีกคน
นรมนพาบอดี้การ์ดออกมาสามคน ลงจากรถไปสองคน เหลือคนขับอยู่บนรถ
เธอรู้ว่าร่างกายของบุริศร์ในตอนนี้ไม่สมควรกินอาหารมันๆ แต่เห็นว่าเขาเกือบเอาชีวิตไม่รอด จึงให้เขากินแก้อยาก คงจะรู้สึกแย่ที่ตนเองจะกินคนเดียว และให้บุริศร์นั่งมอง? แม้เขาอาจมองไม่เห็นก็ตาม
นรมนคิดแบบนี้ หลับตาลงพักผ่อน
รถคันหนึ่งที่จอดด้านข้างขับผ่านไป จู่ๆ ก็โยนสิ่งของออกมา โยนใส่รถของนรมนโดยตรง
เนื่องจากบอดี้การ์ดผู้เป็นคนขับเปิดหน้าต่างรับลม ดังนั้นหลังจากที่อีกฝ่ายโยนสิ่งของเข้ามาอย่างแม่นยำ นรมนกับบอดี้การ์ดรู้สึกถึงความผิดปกติทันที
“คุณนาย มันเป็นแก๊สน้ำตา! คุณลงจากรถก่อนครับ!” ’
บอดี้การ์ดมีการตอบสนองทันที
นรมนก็ไม่คิดอะไรเยอะ เปิดประตูกลิ้งไปบนพื้น ตามมาด้วยกระสุนรัวจากปืนเก็บเสียงเป็นชุดยิงกราดมาทางเธอ
เธอกังวลขึ้นมาทันที
ดูท่าทางแล้ว อีกฝ่ายมุ่งเป้ามาทางเธอ ในแบบนี้เรียกว่าไม่ตายไม่ยอมเลิกรา
เธอไปทำให้ใครไม่พอใจกันแน่?
ตอนอยู่ที่ประเทศ F เดาไม่ออก ตอนนี้กลับมาที่อาณาเขตของตนเองคิดไม่ถึงว่าจะถูกตามล่าแบบนี้ แท้จริงแล้วเป็นใครกันแน่?
กระสุนเฉียดผ่านข้างหูของนรมนไป ถึงแม้จะไม่บาดเจ็บ แต่แรงกระสุนยังทำให้เธอเจ็บแสบร้อนที่ใบหู
ให้ตายสิ คาดการณ์ผิดพลาด
นรมนด่าในใจ ข้างกายไม่มีอาวุธอะไรให้หยิบฉวย สิ่งที่สำคัญคือที่นี่คือประตูของร้านอาหารFood garden ทุกที่ต่างเป็นคนที่มารับประทานอาหารที่นี่ เหตุการณ์กราดยิงดังกล่าวทำให้ผู้คนตื่นตระหนกทันที
เสียงกรีดร้องดังไปทุกทิศทาง มีคนเริ่มแจ้งความ
นรมนรู้ว่าอีกฝ่ายไม่มีทางอยู่ได้นาน เธอหาที่กำบังหลบซ่อน อีกฝ่ายขับรถหนีไปตามคาด
รถคันนั้นแค่มองก็รู้ว่าเป็นทะเบียนปลอม คิดจะสืบหาเจ้าของรถเดาว่าเป็นไปไม่ได้
นรมนหรี่ตาลงทันที
ถ้าไม่ใช่เพราะตอนนี้เธอเคลื่อนไหวไม่สะดวก จะต้องไล่ตามไปดูว่าใครกันแน่ที่อยากให้เธอตายนัก
บอดี้การ์ดได้ยินเสียงกรีดร้องก็ไม่สนใจซื้อของ พรวดพราดออกมาทันที เห็นว่ารถถูกทุบจนไม่อยู่ในสภาพเดิม และบอดี้การ์ดที่ขับรถก็ถูกยิง จนได้รับบาดเจ็บสาหัส พวกตามหานรมนทันที
“ฉันอยู่นี่”
นรมนส่งเสียง
บอดี้การ์ดต่างหน้าขาวซีด
“คุณนาย คุณได้รับบาดเจ็บไหมครับ? ต้องไปโรงพยาบาลไหม?”
“ยังไม่ต้องสนใจฉัน ฉันปลอดภัยดี เรียกรถพยาบาล พาคนขับไปโรงพยาบาล และเหลือคนเอาไว้ให้ตำรวจจดบันทึกด้วย อีกส่วนเปลี่ยนรถคุ้มกันฉันกลับไป”
นรมนออกคำสั่งอย่างใจเย็น
“ครับ”
ทั้งสองจัดการอย่างรวดเร็ว
เกณฑ์รถในเมืองชลธีมาให้คุณนายใช้ ผู้คนมากมายต่างอุทิศให้ สิ่งสำคัญคือตระกูลโตเล็กไม่ได้ขาดแคลนเงิน รถ 100,000 หยวนเขาสามารถให้คุณ 200,000 หยวน ไม่ให้ความร่วมมือก็โง่แล้ว
ภายในเวลาอันรวดเร็วนรมนก็เปลี่ยนรถกลับไปบ้านตระกูลโตเล็ก
หลังจากบุริศร์รู้ว่านรมนออกไปข้างนอกก็โกรธมาก แต่ร่างกายของตนเองน่าผิดหวัง ไม่ว่าอย่างไรก็สู้ไม่ไหว ตอนนี้ได้ยินว่านรมนกลับมา จึงรีบพูดกับมิลิน “รีบเข็นฉันออกไปเร็ว”
มิลินย้ายบุริศร์มาอยู่บนรถเข็นนานแล้ว ตอนนี้ได้ยินบุริศร์พูดแบบนี้ จึงเข็นเขาออกไปอย่างรวดเร็ว
“คุณไปตระกูลทวีทรัพย์ธาดาทำไมไม่บอกผมสักคำ?”
บุริศร์เห็นนรมนก็พูดขึ้นทันที ไม่มีการประณามเลยสักนิด มีเพียงแค่ความห่วงใย
นรมนเหลือบมองเขา นึกถึงเมื่อสักครู่ที่เกือบแยกจากเขาตลอดกาล จึงใจอ่อนลงไปหลายเท่าอย่างห้ามไม่ได้ กลับยังคงไม่พูดอะไร เดินผ่านด้านข้างบุริศร์ไปทันที
“ฉันง่วงนิดหน่อย อยากพักผ่อน”
พูดจบเธอก็ปิดประตูห้องลงตรงหน้าบุริศร์
บอดี้การ์ดถืออาหารที่สั่งเข้ามา
“คุณชายบุริศร์ครับ นี่คือกระเพาะหมูผัดไฟแดงที่คุณนายซื้อให้คุณครับ เชิญทานตอนร้อนๆ”
เดิมทีเมื่อสักครู่บุริศร์ยังรู้สึกเศร้าหมอง ตอนนี้ได้ยินว่านรมนซื้อของอร่อยมาให้เขา รู้สึกดีใจเหมือนฟ้าหลังฝนทันที มุมปากโค้งขึ้นโดยไม่รู้ตัว
“ซื้อมาให้ฉัน? คุณนายพูดแบบนี้จริงเหรอ?”
“ครับ คุณนายซื้อหมูสับทอดตุ๋นผักกาดขาวสองชุดให้ตนเอง แต่คุณนายเพิ่งจะบอกว่าไม่อยากกินแล้ว ถ้าคุณกินไหวก็ให้กินไปเลย”
บอดี้การ์ดนำอาหารยื่นส่งให้บุริศร์
หัวใจของบุริศร์ เหมือนกับดอกไม้ผลิบาน
พูดแบบนี้แสดงว่าคุณภรรยายกโทษให้เขาแล้วใช่ไหม?
บุริศร์รีบเข็นรถคิดจะไปถามนรมน แต่นึกขึ้นได้ว่าเธอเพิ่งจะบอกว่าอยากพักผ่อน จึงวางมือที่ยกขึ้นมาลงไป
“ถ้างั้น ฉันกำลังหิวพอดี ฉันจะไปกินข้าว”
บุริศร์กอดกล่องอาหารอย่างมีความสุขเข้าไปในห้อง
มิลินเห็นท่าทางเดี๋ยวทุกข์เดี๋ยวสุขของบุริศร์จากการกระทำของนรมน จึงอดเอ่ยปากเตือนไม่ได้ “ผู้ใหญ่บ้าน ร่างกายของคุณในตอนนี้ไม่เหมาะที่จะกินอาหารมันมากได้นะคะ”
“นี่นรมนซื้อให้นะ”
บุริศร์กอดกล่องอาหารแน่น ราวกับถ้ามิลินไม่ให้เขากินก็เหมือนจะเอาชีวิตเขาไป
มิลินไม่กล้าพูดอะไรทันที
เอาเถอะ คุณเป็นเฮีย คุณพูดอะไรก็ตามนั้น
บุริศร์กลับเข้ามาในห้องเปิดกล่องอาหาร กลิ่นหอมโชยออกมา หัวใจของเขาเหมือนอัดแน่นไปด้วยความอบอุ่น
ใช้ตะเกียบคีบเข้าปาก ทั้งอร่อยทั้งหอมจริงๆ
แน่นอนว่ามิลินไม่กล้ารบกวนเขา ช่วยปิดประตูห้องให้
บอดี้การ์ดกล่าวเสียงเบา “คุณหมอมิลิน ถ้าคุณมีเวลาช่วยไปดูคุณผู้หญิงหน่อย ตอนพวกเรากลับมาถูกลอบสังหาร ไม่รู้ว่าคุณนายได้รับบาดเจ็บหรือเปล่า”
“คุณพูดอะไรนะ?”
มิลินตึงเครียดขึ้นมาทันที กลับถูกบอดี้การ์ดปิดปากเอาไว้
“คุณนายสั่งเอาไว้ อย่าให้คุณชายบุริศร์รู้เรื่องนี้”
“แต่นี้ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ เลยนะ หากเกิดอะไรขึ้นกับคุณนาย พวกเราไม่อาจชี้แจงได้”
มิลินหวาดกลัวจนหัวใจเต้นรัว
ในเมืองชลธี ภายในอาณาเขตของตนเองยังมีคนกล้าลอบสังหารนรมน คนนี้มันกำเริบเสิบสานมากแค่ไหน?
หรือจะบอกว่าอีกฝ่ายเป็นคนบ้า?
มิลินไม่กล้าคิดเลยจริงๆ
เธอคิดจะบอกบุริศร์โดยตรง กลับได้ยินบอดี้การ์ดกล่าว “คุณนายบอกว่า ตอนแรกที่คุณชายบุริศร์ส่งคุณนายออกมา ความรู้สึกที่ตนเองต้องเข้าไปในพระราชวังประเทศ F คนเดียวก็เหมือนกับคุณนายในเวลานี้ คุณนายบอกนี่เรียกว่าตาต่อตาฟันต่อฟัน”
มิลินกลุ้มใจทันที
นี่เห็นได้ชัดเจนว่านรมนแก้เผ็ดบุริศร์ ถ้าเธอยื่นมือเข้ามาแทรกแซงเดาว่านรมนคงไม่ให้อภัยเธอ และหนทางสู่การเกลี้ยกล่อมภรรยาของบุริศร์ยังไม่รู้ว่าจะสิ้นสุดเมื่อไหร่
คิดถึงตรงนี้ มิลินถอนหายใจ “สามีภรรยาคู่นี้ทำไมถึงได้ถือทิฐิแบบนี้? ทั้งหมดก็เป็นเพราะรักอีกฝ่ายอย่างสุดหัวใจ ไม่อยากให้อีกฝ่ายต้องเจ็บปวดใจไม่ใช่หรือไง? หรือว่าไม่ใช่?”
“พวกเราไม่เข้าใจเรื่องระหว่างคุณนายกับคุณชายบุริศร์หรอก และไม่มีคอมเมนท์ใดๆ คุณนายให้ทำอะไรพวกเราก็ทำอย่างนั้นแหละ”
คำพูดของบอดี้การ์ดทำให้มิลินประหลาดใจและงุนงง
“คุณไม่ใช่บอดี้การ์ดของตระกูลโตเล็กเหรอ?”
“ผมคือคนของอาณาจักรรัตติกาล คุณนายคือนายหญิงของผม”
บอดี้การ์ดพูดอย่างเรียบเฉย จากนั้นก็ถอยออกไป แต่มิลินเข้าใจทันที เขาคือคนของนรมน จึงฟังคำพูดของนรมน แม้ว่าคำสั่งของนรมนจะไร้เหตุผลแค่ไหนพวกเขาก็จะทำตามโดยไร้เงื่อนไข แล้วตนเองล่ะ?
เธอคือคนของบุริศร์ หรือว่าเรื่องที่นรมนพบกับอันตรายไม่ควรบอกบุริศร์จริงๆ ?
มิลินตำหนิบอดี้การ์ดคนนั้นทันที
ในเมื่อไม่อยากให้บุริศร์รู้ ทำไมไม่ปิดเธอไปด้วยเลย? มาบอกเธอทำไม?
มิลินสับสนเหลือเกิน กลับเปิดประตูห้องบุริศร์ออกโดยไม่รู้ตัว แต่เมื่อเธอเห็นบุริศร์ใจลอยจ้องกระเพาะหมูผัดไฟแดง ก็อดชะงักไปไม่ได้
นี่มันอะไรกันเนี่ย?