แค้นรักสามีตัวร้าย - บทที่ 1432 เธอจะให้บุริศร์รู้ไม่ได้
คนในโรงพยาบาลเยอะมาก นรมน ไม่ได้เข้าแถวรอตรวจอย่างนี้มานานมากแล้ว ตอนนี้จู่ๆ กลับมาทำตัวเหมือนคนทั่วไป เธอรู้สึกดี อย่างน้อยก็ไม่มีใครจำได้ว่าเธอคือคุณนายบุริศร์
เพื่อปิดบังตัวตน นรมนไม่ได้ใช้ชื่อจริง แต่ใช้ชื่อชลลี่
ตอนที่เรียกชื่อของเธอก็เกือบเที่ยงแล้ว
นรมนเดินเข้าไปรู้สึกไม่ค่อยสบายใจ
“เป็นอะไรมาครับ”
คุณหมออายุราวสี่ห้าสิบปี ได้ยินว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านนี้
นรมนสูดลมหายใจลึก พูดเสียงเบา “หมู่นี้ฉันอารมณ์แปรปรวนมาก และยังรู้สึกน้อยใจตลอด แค่เรื่องเล็กๆ ก็รู้สึกเป็นเรื่องใหญ่มาก คิดไม่ตกค่ะ”
เมื่อได้ยินนรมนพูดเช่นนี้ คุณหมอก็ชะงักนิดหนึ่ง จากนั้นมองนรมนพูดขึ้น “สถานการณ์ของคุณไม่น่าจะมาหาหมอสูติ ออกไปเลี้ยวซ้าย ลองไปพบจิตแพทย์ที่ชั้นสองดู”
ได้ยินคุณหมอพูดเช่นนี้ นรมนก็รู้สึกหงุดหงิด แต่ไม่ลุกขึ้น คิดนิดหนึ่งแล้วพูดขึ้น “ประจำเดือนฉันไม่มาสิบวันแล้วค่ะ”
“คุณแต่งงานแล้วยังคะ”
คุณหมอมองผิวพรรณนรมนละเอียด ดูไม่ออกว่าเธออายุเท่าไหร่ สีหน้าไม่ค่อยดีจริงๆ จึงลองถามออกไป
“แต่งแล้วค่ะ มีลูกสองคน”
นรมนไม่ปิดบัง
คุณหมอชะงักนิดหนึ่ง
“อายุไม่มาก แต่งงานเร็วทีเดียว สถานการณ์อย่างนี้ก็พูดได้ยาก อาจจะเป็นเพราะความผิดปกติของต่อมไร้ท่อ หรืออาจจะท้องก็ได้ เอาอย่างนี้ คุณไปอัลตราซาวด์ก่อน แล้วค่อยกลับมาคุยกัน”
คำพูดของคุณหมอชัดเจน ท้องหรือไม่อัลตราซาวด์แล้วก็จะรู้คำตอบ
นรมนพยักหน้า คุณหมอเขียนใบรายการให้
หลังจากจ่ายเงินเรียบร้อยก็ไปที่ห้องอัลตราซาวด์ เมื่อเธอเห็นว่ามีคนรอมากขนาดนั้นก็อดไม่ได้ที่จะตกใจ
คิดมาตลอดว่าอัลตราซาวด์เป็นเรื่องง่ายๆ นึกไม่ถึงจะมีคนเข้าแถวขนาดนี้ เธอเพิ่งจะนึกขึ้นมาได้เมื่อก่อนเธอมีเส้นสาย
ตอนนี้นรมนไม่อยากจะปัสสาวะ คิดจะดื่มน้ำหน่อยกลั้นปัสสาวะ แม้ว่าจะทำแบบที่ไม่ต้องกลั้นปัสสาวะได้ แต่เธอรู้สึกว่าไม่ค่อยสบาย
นรมนหยิบถ้วยกระดาษมารองน้ำร้อน จิบน้ำเรื่อยๆ
ผู้หญิงที่อยู่ข้างๆ น่าจะมาอัลตราซาวด์เช่นกัน หลายคนมีคนในครอบครัวมาเป็นเพื่อน เมื่อเห็นอย่างนี้ นรมนก็รู้สึกโดดเดี่ยวและน้อยใจ
ส่วนเธอน้อยใจอะไรกันแน่ก็ไม่รู้ชัด แต่รู้สึกว่าช่วงนี้ควบคุมอารมณ์ไม่ได้เลย
นรมนดื่มน้ำแก้วหนึ่งแล้วดื่มเพิ่มอีก รู้สึกอิ่มน้ำ กำลังคิดจะไปห้องน้ำก็ได้ยินคุณหมอเรียกชื่อของเธอ
เธอรีบเดินเข้าไป นอนลงตามที่คุณหมอบอก ตอนนี้รู้สึกกังวลไม่น้อย
คุณหมอเห็นเธอหน้าซีด ก็รีบพูด “ไม่ต้องกังวล ผมเห็นท้องคุณมีแผลผ่าตัด น่าจะไม่ใช่ท้องแรกใช่มั้ย”
“ไม่ใช่ค่ะ”
นรมนพยักหน้าตอบคำถาม
“ท้องสองแล้วยังกลัวอะไร”
คุณหมอยิ้มบาง หยิบอุปกรณ์ตรวจมาแตะที่ท้องของเธอ รู้สึกเย็นๆ แต่ทำให้ใจของนรมนผ่อนคลายลงบ้าง
เธอนึกถึงตอนที่ตัวเองท้องกานต์กับกมลอยู่ที่เมืองนอก ตอนนั้นไม่ได้ไปตรวจตามกำหนดเวลา ถึงอย่างไรเธอไม่อยากหาเรื่องยุ่งยากเพราะยืมจมูกคนอื่นหายใจ
ตอนนี้คิดถึงเรื่องพวกนี้ รู้สึกเหมือนเรื่องเมื่อชาติที่แล้ว
คุณหมอไม่รู้ว่านรมนคิดอะไร ใช้เครื่องวนที่หน้าท้องครู่หนึ่งก็พูดขึ้น “โอเค เสร็จแล้ว ยินดีด้วยครับ คุณเป็นแม่แล้ว”
ตอนนั้นนรมนเหมือนถูกทุบจนมึนหัว
“คุณหมอ คุณพูดว่าอะไรนะคะ”
“ผมบอกว่าคุณท้องแล้ว เด็กห้าสัปดาห์แล้ว ตอนนี้ดูแล้วไม่มีปัญหาอะไร แต่มดลูกบางไปหน่อย เคยแท้งใช่มั้ยครับ”
คุณหมอมองนรมน ตอนนี้นรมนงุนงง เพียงแต่พยักหน้าโดยไม่รู้ตัว
“เคยค่ะ”
“บำรุงดีๆ ละกัน ช่วงสามเดือนแรกเป็นช่วงรักษาครรภ์ที่ดีที่สุด พื้นฐานร่างกายคุณไม่ดี ถ้าหากคุณอยากเก็บเด็กคนนี้ไว้”
นรมนพยักหน้าเบลอๆ
“เอ่อคุณหมอ ถุงการตั้งครรภ์อันเดียวหรือคะ”
นรมนแทบจะถามโดยอัตโนมัติ
คุณหมอชะงักนิดหนึ่ง พูดขึ้น “ตอนนี้คุณเพิ่งท้องสามสิบกว่าวัน ตัวอ่อนยังแบ่งตัวไม่สมบูรณ์ จึงดูไม่ออกจะเป็นแฝดหรือเปล่า รอห้าสิบวันก็จะฟังเสียงหัวใจของทารกในครรภ์ได้ ทำไมหรือครับ ที่บ้านมียีนพันธุกรรมแฝดหรือครับ”
คำพูดของนรมนทำให้คุณหมอประหลาดใจ
“อย่างนั้นโอกาสก็สูง แต่ก็ต้องดูสถานการณ์จริงด้วย”
คุณหมอส่งรายงานให้นรมน
นรมนรู้สึกว่าทั้งตัวไม่เป็นความจริงแล้ว
ท้องงั้นหรือ
เหลือเชื่อจะท้องจริงๆ
แต่บุริศร์ทำหมันแล้วไม่ใช่หรือ
จะท้องได้อย่างไรกัน
นรมนกลับมาหาคุณหมอท่าทีสับสนงงงวย ยื่นรายงานให้คุณหมอ
คุณหมอดูแล้วก็ยิ้ม “ยินดีด้วยค่ะ คุณได้เป็นแม่อีกแล้ว”
“คุณหมอคะ ฉันมีเรื่องอยากจะถามหน่อยค่ะ”
นรมนยากที่จะพูดออกมา
“มีอะไรคะ”
คุณหมอไม่มีท่าทีหงุดหงิดรำคาญ
นรมนกัดริมฝีปากพูดเสียงแผ่วเบา “สามีของฉันทำหมันแล้ว ทำไมฉันท้องคะ”
คุณหมอตะลึงอย่างเห็นได้ชัด
“เมื่อไหร่คะ”
“ไม่นานมานี้ค่ะ”
ใบหน้านรมนแดงก่ำ
เรื่องส่วนตัวอย่างนี้เธอไม่อยากพูดกับคนอื่น แต่ตอนนี้เธอท้อง! บุริศร์ผ่าตัดอย่างนั้นแล้ว เธอจะพูดชัดเจนได้หรือ
คุณหมอชะงักนิดหนึ่ง แล้วพูดขึ้น “การผ่าตัดอย่างนี้แน่นอนว่าอาจจะไปผ่าตัดแก้ได้ สามีคุณไม่ได้ไปทำใช่ไหมคะ”
“ไม่ค่ะ”
เรื่องนี้นรมนมั่นใจ
บุริศร์เป็นห่วงสุขภาพของเธอมาก ถึงยอมไม่มีลูกอีกและไม่อยากให้เธอต้องลำบาก เขาไม่มีทางไปแก้หลังจากผ่าตัดแล้ว
คุณหมอเห็นเธอตอบโดยไม่ลังเล ก็พูดขึ้นอีก “อย่างนั้นก็อาจมีสถานการณ์อื่น บางคนมีหลอดนำอสุจิไม่ใช่แค่ท่อเดียว เป็นไปได้ที่จะมีสอง การผ่าตัดทั่วไปไม่ได้คำนึงถึงเรื่องนี้ การตั้งครรภ์จึงยังเป็นไปได้”
นรมนอึ้งจนพูดไม่ออก
เป็นอย่างนี้ได้หรือ
เธอถูกรางวัลที่หนึ่งหรือ
คุณหมอเห็นท่าทางนรมนตะลึงงัน ก็ไม่แน่ใจว่าเธออยากได้เด็กคนนี้หรือไม่ แต่เมื่อดูจากสภาพร่างกายของ นรมน คุณหมอจึงให้คำแนะนำ
“สภาพร่างกายของคุณไม่ค่อยดี พื้นฐานเสียหาย ตอนนี้ยังไม่หายดี ท้องตอนนี้ ที่จริงไม่ค่อยเหมาะเท่าไหร่ ถ้าดูแลไม่ดีอาจจะทำให้ร่างกายทรุดได้ คุณกลับไปคิดดูให้ดีละกัน ตอนนี้เด็กยังเล็กมาก ถ้าไม่ต้องการก็ยังทำลายสุขภาพไม่มาก แต่เทียบการตลอดระยะเวลาตั้งครรภ์แล้วก็ยังอันตรายน้อยกว่า”
นรมนเข้าใจคำแนะนำของคุณหมอ
ก่อนที่จะทำแท้งลูกคนก่อนเธอเคยได้ยินมาก่อน เพียงแต่คุณหมอที่พูดไม่ใช่คนที่อยู่ตรงหน้าก็เท่านั้น
ถึงตอนนี้มีหนึ่งชีวิตหรือกระทั่งสองชีวิตอยู่ในร่างกายของเธอ นรมนไม่อยากจะเสียพวกเขาไปอีก
บุริศร์ผ่าตัดทำหมันแล้วเธอก็ยังท้อง นี่คือของขวัญที่พระเจ้ามอบให้ เธอจะไม่มีวันยอมทิ้งไป
นรมนลูบท้องตัวเองโดยไม่รู้ตัว ความอ่อนโยนที่พูดไม่ถูกในแววตา
“คุณหมอคะ ถ้าฉันอยากเก็บเด็กคนนี้ไว้ ต้องทำยังไงคะ”
สายตาของเธอแน่วแน่ สายตาเข้มแข็งของคนเป็นแม่ทำให้คุณหมอประทับใจ
“งั้นคุณก็ต้องลำบากหน่อย ช่วงสามเดือนแรกนอนพักผ่อนจะดีที่สุด อย่าทำงานหนัก จะอารมณ์แปรปรวนมากเกินไปไม่ได้ ไม่อย่างนั้นก็ไม่แน่จะรักษาเด็กคนนี้ไว้ได้ ตอนนี้ผนังมดลูกบางมากแล้ว หากไม่ระวังละก็ ไม่แน่แค่คุณจามเด็กก็อาจจะหลุดได้ เรื่องนี้ฉันไม่ได้พูดเวอร์เกินไปนะ แต่ถ้าหากสามเดือนแล้วไม่แท้ง ตอนนั้นอันตรายต่อร่างกายคุณก็จะน้อยมาก”
“ฉันรู้แล้วค่ะ ขอบคุณค่ะคุณหมอ”
นรมนพยักหน้าหยิบรายงานอัลตราซาวด์จะลุกออกไป แต่ก็ได้ยินคุณหมอพูด “ถ้าหากคุณตัดสินใจเก็บเด็กคนนี้ไว้ บาดแผลร่างกายปล่อยให้สมานเองละกัน พวกยาแก้อักเสบอย่าเพิ่งกิน”
นรมนเพิ่งนึกขึ้นได้ตัวเองบาดเจ็บกินยาแก้อักเสบ อดไม่ได้ที่จะเป็นกังวล
“ลูกของฉันจะมีผลกระทบมั้ยคะ”
“ระยะเวลาไข่ปฏิสนธิฝังตัวไม่นาน คุณกินยาน่าจะไม่มีผลอะไร แต่ต่อไปต้องระวังนะคะ”
“ฉันรู้แล้วค่ะ ขอบคุณค่ะคุณหมอ”
นรมนดีใจมาก
เธอเก็บแผ่นอัลตราซาวด์ลงในกระเป๋า มุมปากยิ้มนิดหนึ่ง
เธอท้องแล้ว!
เธอจะเป็นแม่คนอีกแล้ว!
นี่คือของขวัญที่สวรรค์ประทานให้พวกเขาใช่ไหม
ตอนอยู่ที่ประเทศFตื่นเต้นกังวลอย่างนั้นก็ไม่แท้ง เธอน่าจะยินดีที่พระเจ้าคุ้มครอง แต่ก็กลัวความดื้อดึงของตัวเองด้วย
เมื่อนึกถึงอารมณ์ของตัวเอง นรมนก็เดินกลับไปอีกที
“คุณหมอคะ หมู่นี้ฉันอารมณ์แปรปรวนมาก จะมีผลกับเด็กมั้ยคะ”
“นั่นเป็นเพราะปฏิกิริยาธรรมชาติที่เกิดจากฮอร์โมนการตั้งครรภ์ แต่พยายามอย่าอารมณ์แปรปรวน ถ้าหากควบคุมอารมณ์ไม่ได้จริงๆ อาจจะลองฟังเพลงเบาๆ หรือหากิจกรรมที่ทำให้ตัวเองมีความสุข เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของตัวเอง ก็จะดีขึ้นหน่อยค่ะ”
คำพูดของคุณหมอทำให้นรมนสบายใจ
ที่แท้เธอไม่ได้เป็นวัยทองก่อนวัยอันควร และไม่ใช่สาเหตุอื่น แต่เป็นเพราะตั้งท้องต่างหาก
นรมนรอแทบไม่ไหวที่จะบอกข่าวดีกับบุริศร์ แต่เมื่อหยิบมือถือขึ้นมาก็คิดถึงบทเรียนคราวก่อน
บุริศร์ไม่ยอมให้เธอเก็บเด็กคนนี้ไว้แน่
ลูกคนที่แล้วก็อย่างนี้ไม่ใช่หรือ
หากต้องเลือกเด็กกับเธอ บุริศร์จะต้องเลือกสุขภาพของเธอตลอด
เมื่อคิดถึงตรงนี้ มือของนรมนที่ถือมือถือก็กำแน่น ขณะเดียวกันก็ปิดมือถือ
เธอจะให้บุริศร์รู้ไม่ได้!
แต่ว่าจะเหมือนเมื่อห้าปีก่อน เป็นพ่อคนแท้ๆ แต่ไม่ให้เขาได้สัมผัสกับความสุขของการเป็นพ่ออย่างนั้นหรือ
นี่ไม่ยุติธรรมกับบุริศร์ใช่มั้ย
นรมนค่อนข้างลังเล
สมองของเธอฟุ้งซ่านและขัดแย้งมาก ความยินดีที่ได้รู้ว่าตัวเองท้องกับความลังเลที่จะต้องเผชิญหน้ากับบุริศร์ดึงชักเย่อกัน ทำให้เธอกลุ้มใจมาก
ไม่ไกลนักมีร้านขนมหวานร้านหนึ่ง
เมื่อก่อนนรมนไม่ได้ชอบขนมหวานมากมาย ตอนนี้มีความรู้สึกตื่นเต้นและโหยหา อยากจะเข้าไปกินอะไรหน่อย
เธอทิ้งความกลัดกลุ้มรกสมองไปหมดแล้วเดินเข้าไปในร้านขนมหวาน
“ยินดีต้อนรับค่ะ”
เสียงของหญิงสาวในร้านขนมหวาน ทำให้ฟังแล้วรู้สึกสบาย
นรมนหาที่นั่ง สั่งขนมหวานสองสามอย่างมานั่งกิน ทิ้งทุกคนไปหมด
ขนมหวานนี้อร่อยจริงๆ
ในหัวเธอมีแต่ความคิดนี้ ใบหน้ามีความสุข เหมือนเด็กๆ แต่ไม่รู้ว่าทั้งบ้านเก่าตระกูลโตเล็กโกลาหลแค่ไหน
ยิ่งบุริศร์รู้ว่านรมนหายตัวไป และโทรติดต่อไม่ได้ก็เกือบจะออกไปตามหาเอง