แค้นรักสามีตัวร้าย - บทที่ 1463 ฉันเป็นแค่คนธรรมดาคนหนึ่งเองนะ
พอนภดลได้ยินเสียงปาณีวางสายไปแล้วก็ไม่ได้คิดอะไรมาก ในหัวสมองคิดอยู่แต่เรื่องปาณีอยากจะดูหนังสยองขวัญ
เธอบอกว่าหนังสยองขวัญสามารถเพิ่มความสนิทสนมให้คนสองคนได้ เป็นเรื่องจริงเหรอ?
พอคิดแบบนี้แล้วก็เหมือนกับว่าจะไม่เลวเลยนะ
นภดลมองดูเล็กน้อย แล้วก็เลือกหนังสยองขวัญมาเรื่องหนึ่ง และยังจองที่นั่งและซื้อตั๋วไว้ล่วงหน้าด้วย
ตอนเที่ยงยังต้องกินข้าวอีก และก็ไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้ปาณีนัดกับผู้ชายคนนั้นไว้ที่ไหน แต่ว่าปาณีเหมือนจะชอบกินอาหารเสฉวนนะ
นภดลค้นหาไปครู่หนึ่ง แล้วก็เห็นร้านร้านอาหารสะพานหันที่ทั้งรีวิวและคอมเมนต์ล้วนติดอันดับหนึ่งก็รู้สึกว่าไม่เลว จึงจองที่ไว้เอาไว้
หลังจากที่จัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว นภดลก็รู้สึกพอใจเป็นอย่างมาก
อ๋อ ใช่แล้ว จะต้องซื้อดอกไม้สักช่อไหมนะ?
ได้ยินมาว่าผู้หญิงชอบดอกไม้กันทั้งนั้น ปาณีเองก็น่าจะชอบเหมือนกันมั้ง
เขาจำได้ว่าปาณีชอบดอกไวโอเล็ตสีม่วงใช่ไหม?
แล้วนภดลก็สั่งจองดอกไม้ช่อหนึ่งจากแอปพลิเคชัน จากนั้นถึงเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าตัวเองก็ควรจะต้องแต่งตัวสักหน่อยไหม?
แต่ว่าในตู้เสื้อผ้าก็ไม่ได้มีเสื้อผ้าพิเศษอะไร ชุดที่ใหม่ที่สุดก็ยังเป็นชุดที่ปาณีช่วยซื้อให้เขา
พอคิดถึงเรื่องนี้แล้ว มุมปากของนภดลก็คลี่ขึ้นเล็กน้อย
อืม งั้นก็ใส่ที่เธอซื้อดีกว่า
นภดลใส่ชุดลำลองเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็หาแฮกเกอร์คนหนึ่งมาแฮกเข้าเบอร์โทรศัพท์มือถือของผู้ชายคนนั้น แล้วก็ใช้เบอร์มือถือนั้นส่งข้อความที่อยู่ร้านอาหารและเรื่องนัดดูตัวไปให้ปาณี เอาเป็นเวลาประมาณหนึ่งชั่วโมงให้หลังดีกว่า
เวลาหนึ่งชั่วโมงปาณีน่าจะแต่งตัวเสร็จแล้วมั้ง
หลังจากที่ทำเรื่องทั้งหมดนี้แล้ว นภดลก็ได้จัดแจงงานของช่วงบ่ายออกไป แล้วก็กะว่าจะตั้งใจไปนัดเดทกับปาณีสักหน่อย
ทางด้านปาณีทุกข์ใจจะแย่อยู่แล้ว เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นมา
เธอมองดูทีหนึ่ง เป็นเบอร์แปลก ๆ เบอร์หนึ่ง
อีกฝ่ายส่งตำแหน่งร้านอาหารและเวลานัดหมายมา
ปาณีอึ้งไปครู่หนึ่ง
ส่งผิดแล้วมั้ง?
เธอลองเช็กดูอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ เบอร์นี้เป็นเบอร์ที่เพิ่งเห็นครั้งแรก ไม่รู้จักเลย
น่าจะส่งมาผิดแล้ว
เธอรีบส่งข้อความตอบกลับไป
“ส่งผิดหรือเปล่าคะ?”
พอนภดลเห็นก็ขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย
พอนึกขึ้นได้ว่าสถานที่ที่ปาณีกับผู้ชายคนนั้นนัดหมายกันไม่ได้อยู่ที่สะพานหัน จึงอดไม่ได้ที่จะตอบกลับไปว่า “ตำแหน่งนี้แหละ มาตามที่อยู่นี้เลย ผมจะรอคุณ”
หัวคิ้วของปาณีแทบจะขมวดเข้าด้วยกันอยู่แล้ว
นี่มันคนอะไรกัน?
ตอนนี้เธออารมณ์ไม่ดีเอามาก ๆ นภดลมีผู้หญิงที่ชอบแล้ว และความจริงที่ผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่เธอได้กระทบกระเทือนโดนเธอจนทำอะไรก็ไม่มีเรี่ยวแรง มาตอนนี้เธอได้เตือนอีกฝ่ายว่าส่งข้อความผิดแล้ว แต่อีกฝ่ายก็ยังไม่รู้ตัวอีก เธอเองก็ขี้เกียจที่จะพูดแล้ว
ปาณีได้ปิดเครื่องไปโดยตรงเลย จากนั้นก็ดูชุดกระโปรงที่อยู่ข้าง ๆ ทีหนึ่ง แล้วก็เอามันยัดใส่ในตู้ แล้วเอาชุดออกกำลังกายออกมาชุดหนึ่ง และรวบผมยาวมัดให้กลายเป็นหางม้า จากนั้นก็สวมใส่รองเท้าพื้นเรียบอย่างคล่องแคล่วแล้วก็เปิดประตูห้องเดินออกไป
“เปลี่ยนใจแล้ว ออกไปกินข้างนอกกัน เดี๋ยวฉันเลี้ยงพวกเธอเอง”
ตอนนี้ในใจปาณีรู้สึกเป็นทุกข์มาก แต่เธอรู้ว่าภารกิจในตอนบ่ายของเธอนั้นสำคัญมาก มักจะพูดกันว่าตอนที่อารมณ์ไม่ดีจะต้องไปซื้อ ซื้อ ซื้อ จะต้องกิน กิน กิน เธออยากจะลองดูว่าไปกินสักมื้อจะสามารถทำให้ความทุกข์ของตัวเองสลายไปได้หรือเปล่า
พอลูกน้องได้ยินว่าปาณีจะเลี้ยงข้าว แน่นอนว่าก็ต้องดีใจอยู่แล้ว มีแต่พัณณิตาที่ไม่รู้สึกดีใจอะไร แต่จะพูดว่าไม่ไปก็ไม่ได้
พวกคนทั้งหลายออกจากบ้านใหญ่ตระกูลโตเล็กไป
ปาณีพกโทรศัพท์ปฏิบัติงานออกมา แล้วก็ได้ทิ้งโทรศัพท์ของตัวเองไว้ในห้องเลย แถมยังทำให้อยู่ในสภาพปิดเครื่องด้วย
เธอส่งข้อความไปให้คุณนายตระกูลจันทรวงศ์ข้อความหนึ่ง
“ความลับที่เกี่ยวกับความเป็นความตายของนภดลคืออะไร?”
ข้อความของคุณนายตระกูลจันทรวงศ์นั้นส่งออกไปตั้งนานแล้ว แต่ปาณีก็ไม่มีการตอบกลับมา เธอเลยเป็นกังวลมาตลอดว่าปาณีจะไม่ได้เป็นห่วงนภดลมากขนาดนั้น พอมาตอนนี้เห็นปาณีตอบข้อความกลับมาแล้ว คุณนายตระกูลจันทรวงศ์ก็ยิ้มขึ้นมาทันที
“ฉันยังนึกว่าเธอจะอดทนได้ดีขนาดนั้นจริง ๆ ที่แท้มันก็แค่นั้น”
พูดจบเธอก็โทรศัพท์หาปาณีเลย
ชั่ววินาทีที่เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ปาณีก็รับสายเลย
“เบอร์โทรของเธอเบอร์นี้แปลกดีนี่”
คำพูดของคุณนายตระกูลจันทรวงศ์ทำให้ดวงตาของปาณีเย็นลงเล็กน้อย
“สังคมสมัยนี้ คนคนหนึ่งจะมีเบอร์โทรศัพท์สองอันมันแปลกมากเหรอ?”
“มันก็ไม่ใช่ เพียงแต่ว่าฉันอยากจะเจอกับเธอเป็นการส่วนตัวสักหน่อย แค่เธอคนเดียว ห้ามบอกกับนภดล และให้เขารู้ไม่ได้ ถ้าหากเธอทำไม่ได้ละก็ พวกเราก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเจอหน้ากันแล้ว”
น้ำเสียงของคุณนายตระกูลจันทรวงศ์ยังคงทำให้คนรู้สึกรังเกียจอยู่
ปาณีพูดอย่างเย็นชาขึ้นว่า “ได้ ฉันรับปากคุณ พอดีเลยตอนบ่ายนภดลมีธุระได้ออกไปแล้ว ไม่ได้อยู่ข้างกายฉัน เพราะฉะนั้นตกลงคุณจะให้ฉันไปไหนถึงจะยอมบอกความลับนี้กับฉัน? ฉันขอเตือนคุณนะ ทางที่ดีอย่ามาคิดตุกติก ไม่งั้นต่อไปนภดลจะต้องไม่มีทางปล่อยคุณไว้แน่”
ปาณีรู้ว่าตัวเองมีตัวตนอยู่ในสายตาคุณนายตระกูลจันทรวงศ์อย่างไร เพราะฉะนั้นตอนนี้จึงพูดได้แค่แบบนี้
ครั้งนี้คุณนายตระกูลจันทรวงศ์ที่โดนข่มขู่กลับไม่โกรธ เธอยิ้มแล้วก็พูดขึ้นว่า “ฉันจะไปตุกติกอะไรได้? ตอนนี้ใจทั้งดวงของนภดลอยู่บนตัวเธอทั้งนั้น เพื่อเธอแล้วสามารถที่จะไม่สนใจความเป็นความตายของฉันได้เลย ฉันยังจะกล้าทำอะไรกับเธอได้? แต่ว่าฉันเองก็จะบอกความลับนี้กับเธอฟรี ๆ ไม่ได้ เธอจะต้องให้เงินฉันสักหน่อย”
“ฉันไม่มีเงินแล้ว”
ปาณีไม่ชอบความโลภของคุณนายตระกูลจันทรวงศ์มากจริง ๆ
ผู้หญิงคนนี้นี่มันคือปลิงดูเลือดดี ๆ นี่เอง ถ้าไม่บีบคนให้ถึงตายก็จะไม่หยุดแบบนั้น
คุณนายตระกูลจันทรวงศ์กลับยิ้มเย็นแล้วพูดขึ้นว่า “เธอไม่มีเงิน แต่นรมนมี ตระกูลโตเล็กมี เธอสามารถที่จะไปยืมกับพวกเขาได้นี่”
“คุณไม่รู้สึกว่าคุณไร้ยางอายมากเหรอคะ? พวกเขาไม่ได้ติดค้างฉันไว้สักหน่อย!”
“นั่นเป็นเรื่องของเธอ ในเมื่อถ้าเธอไม่เอาเงินมาให้ฉัน ฉันก็ไม่มีทางบอกความลับนี้กับเธอแน่ ต่อไปถ้านภดลตายขึ้นมาจริง ๆ เธอยากจะมาถามฉันอีกมันก็สายไปแล้ว ทางที่ดีเธอคิดให้ดี ๆ นะ”
คำพูดของคุณนายตระกูลจันทรวงศ์เป็นเหมือนกับมีดเล่มหนึ่งทิ่มเข้าไปในใจของปาณี
ถึงแม้เรื่องที่นภดลไม่ชอบเธอจะทำให้เธอเสียใจมาก แต่ว่าความรู้สึกที่เธอมีต่อนภดลนั้นไม่ใช่จะมาพูดว่าเก็บก็สามารถเก็บกลับมาได้ และที่สำคัญตอนนี้ร่างกายของนภดลก็ได้เกิดปัญหาขึ้นมาแล้ว ปาณีไม่รู้ว่าคุณนายตระกูลจันทรวงศ์จับจุดนี้ได้แล้วถึงมาข่มขู่เช่นนี้หรือเปล่า และตอนนี้ก็เหมือนกับว่าไม่วิธีดี ๆ อย่างอื่นแล้วด้วย
“คุณต้องการเท่าไหร่?”
“หนึ่งล้าน”
คำพูดของคุณนายตระกูลจันทรวงศ์ทำให้ปาณีสูดลมเย็น ๆ เข้าไปทีหนึ่ง
“คุณบ้าไปแล้วใช่ไหม? ฉันเป็นแค่คนธรรมดาคนหนึ่งเองนะ”
“ฉันไม่สน ในเมื่อยังไงฉันก็จะเอาหนึ่งล้าน หนึ่งล้านมาซื้อชีวิตของนภดล เธอคิดให้ดีนะว่าจะทำการแลกเปลี่ยนนี้หรือเปล่า ถ้าหากว่าคิดดีแล้ว ก็มาตามที่อยู่นี้ ฉันจะพบเธอแค่คนเดียว ถ้าเธอพาคนอื่นมาด้วย ก็อย่ามาโทษฉันว่าไม่เตือนเธอ และการแลกเปลี่ยนนี้ก็จะยกเลิกทันที”
คุณนายตระกูลจันทรวงศ์พูดจบก็วางสายไปเลย จากนั้นก็ส่งที่อยู่มาให้เธออันหนึ่ง
ปาณีเอาที่อยู่นั่นเปิดให้พัณณิตาดู
“ดูหน่อยซิ ที่อยู่นี่มันอยู่แถวบ้านเธอหรือเปล่า?”
พัณณิตาพยักหน้าเล็กน้อย
“ใช่ แต่ว่าที่นี่ช่วงนี้มีคนแปลกหน้าเข้ามาเยอะมาก และรู้สึกว่ามีฝีมือกันทั้งนั้น ถ้าหากคุณจะเข้าไปตัวคนเดียวละก็อาจจะไม่ค่อยปลอดภัยแน่ แต่ถ้าอยากจะพาพวกเราเข้าไปด้วยก็คงจะไม่ใช่ง่าย ๆ”
คำพูดของพัณณิตาทำให้ปาณีอึ้งไปเล็กน้อย
ถึงแม้คุณนายจะไม่ได้บอกว่าดร.ฐานทัตและคุณนายตระกูลจันทรวงศ์ร่วมมือกับใครแล้ว แต่ว่าถ้าที่นี่เป็นฐานวิจัยในปัจจุบันของดร.ฐานทัตจริง ๆ แล้วละก็ และตอนนี้ก็มีคนชุดดำมาคุ้มกันอยู่อีกมากมาย งั้นก็มากพอที่บอกได้แล้วว่าเบื้องหลังพวกเขาจะต้องมีคนหนุนอยู่แน่
ตอนนี้อีกฝ่ายคือใครพวกเขาก็ไม่รู้ แล้วถ้ายอมให้พวกพัณณิตาเข้าไปง่าย ๆ ละก็ ไม่แน่อาจจะเป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่นก็ได้
หัวคิ้วของปาณีขมวดเข้าด้วยกันแน่น
จะทำยังไงดีนะ?
ชั่วขณะหนึ่งเธอไม่มีความคิดเห็นแล้ว
“กินข้าวก่อนเถอะ กินข้าวเสร็จแล้วค่อยว่ากัน”
ปาณีพาพวกเขามาถึงร้านอาหารธรรมดาร้านหนึ่ง
พวกพัณณิตาสั่งอาหารไป แล้วปาณีก็ไปเข้าห้องน้ำ แล้วเอาเรื่องนี้บอกกับนรมนไป
“คุณนายคะ ตอนนี้ฉันควรจะทำยังไงดีคะ?”
นรมนเองก็คิดไม่ถึงว่าความเร็วของอีกฝ่ายจะรวดเร็วมากขนาดนี้ จึงอดไม่ได้ที่จะอึ้งไปครู่หนึ่ง
“ตอนนี้เธออยู่ไหน?”
“กินข้าวอยู่ข้างนอกค่ะ”
“งั้นกินข้าวให้ดี ๆ สักมื้อก่อน เดี๋ยวฉันกับบุริศร์จะปรึกษากันสักหน่อย อีกเดี๋ยวค่อยส่งข่าวให้เธอนะ”
“ได้ค่ะ”
ปาณีจบการโทรสนทนา แล้วกลับมาที่โต๊ะอาหาร
บุริศร์เห็นท่าทางนรมนที่คิ้วขมวดกันแน่น ก็อดไม่ได้ที่จะถามขึ้นมาประโยคหนึ่ง
“ทำไมเหรอ?”
“คนที่ติดต่อกับดร.ฐานทัตได้เริ่มลงมือแล้วค่ะ”
คำพูดของนรมรทำให้บุริศร์อึ้งไปเล็กน้อย ดวงตาก็เคร่งขรึมขึ้นเล็กน้อย
“ตกลงอีกฝ่ายคือใครกันแน่?”
“ไม่ใช่คนของสมชัยและฉัตรพล คนของเราได้แอบเฝ้าจับตามองพวกเขาไว้อย่างดี และที่สำคัญพวกเขาก็ไม่มีเวลามายุ่งกับเรื่องนี้ด้วย เพราะฉะนั้นตกลงคนคนนี้คือใคร? ทำไมถึงได้สนใจเลือดของนภดลมากขนาดนี้นะ?”
นี่คือจุดที่นรมนครุ่นคิดอย่างหนักแต่ก็ไม่ได้คำตอบ
แล้วในเวลานี้เอง บุริศร์ก็ได้รับข้อความจากจณัตว์
“จณัตว์ส่งข่าวมาแล้ว”
“พี่ชายฉันว่ายังไงบ้างคะ?”
นรมนรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย แล้วอยากจะลุกขึ้นมา แต่กลับโดนบุริศร์กดตัวไว้ซะก่อน
“ถ้าหากคุณไม่สามารถรับประกันได้ว่าอารมณ์ของตัวเองจะไม่โดนกระทบกระเทือน งั้นต่อไปเรื่องทั้งหมดก็ห้ามคุณเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องแล้ว”
“บุริศร์!”
นรมนรู้สึกไม่พอใจขึ้นมาเล็กน้อย แต่ว่าตอนที่เห็นแววหนักแน่นและจริงจังในดวงตาบุริศร์นั้น เธอก็รู้แล้วว่าเรื่องนี้บุริศร์จะต้องไม่มีทางยอมอ่อนข้อแน่นอน
“เอาล่ะ เอาล่ะ ฉันจะสงบสติอารมณ์ลงสักหน่อยพอหรือยัง? คุณเองก็รู้ว่านภดลเป็นเพื่อนของฉัน แน่นอนว่าฉันต้องเป็นห่วงอยู่แล้ว”
“ผมเป็นสามีคุณ ทำไมคุณถึงไม่เป็นห่วงว่าผมจะเป็นกังวลต่อร่างกายคุณหรือเปล่าล่ะ?”
บุริศร์หึงหวงขึ้นมาเล็กน้อยแล้ว
วินาทีนี้เขาหวังเป็นอย่างมากว่าปาณีจะรีบเก็บนภดลไปให้เร็ว ๆ เลย
แต่เขาก็รู้ดี ถ้าเรื่องนี้ไม่จบ ใจของนรมนก็สงบลงมาไม่ได้
บุริศร์เปิดโทรศัพท์ออก ในตอนที่เห็นข้อความบนนั้นหัวคิ้วก็ขมวดเข้าด้วยกันแน่น
“เกิดอะไรขึ้นคะ? ตกลงเป็นข่าวอะไรคะ? ที่คุณขมวดคิ้วนี่หมายความว่าไงคะ? ทำคนร้อนใจจะตายอยู่แล้ว”
เพราะว่านรมนนอนอยู่จึงมองไม่เห็น แต่ว่าตอนที่เห็นปฏิกิริยาแบบนี้ของบุริศร์นั้นก็อดไม่ได้ที่ใจจะหนักอึ้งขึ้นมาเล็กน้อย
คงจะไม่ใช่ว่าอาการของนภดลจะไม่ดีหรอกมั้ง?
นี่พวกเขาเพิ่งจะเจาะเลือดของนภดลไป400CC ถ้าเกิดตอนนี้ก็ยืนหยัดไม่ไหวแล้วละก็ กลัวว่าเลือดคงจะไม่พอแน่
บุริศร์เอาโทรศัพท์ยื่นให้กับนรมน
นภดลเพิ่งจะดูดเลือดไป ถ้าจะส่งเลือดไปให้ถึงประเทศFเลยก็ไม่น่าจะเป็นไปได้ซะเท่าไหร่ เขาจึงจัดแจงให้ป้องทำการตรวจหาองค์ประกอบของเลือดออกมา แล้วส่งผลค่าเลือดไปให้จณัตว์ไม่ถึงสิบห้านาที จณัตว์ก็ตอบข้อความกลับมาแล้ว นี่สำหรับบุริศร์แล้วรู้สึกว่าคิดไม่ถึงเล็กน้อย และในขณะเดียวกันก็รู้สึกหนักใจหน่อยด้วย
ข้อความของจณัตว์นั้นเรียบง่ายมาก มีเพียงแค่ไม่กี่ประโยค แต่ว่าดวงตาของนรมนก็ขรึมลงด้วยเหมือนกัน
“องค์ประกอบของเลือดอันนี้ถ้าถูกผู้ไม่ประสงค์ดีเอาไปใช้ แล้วรวมกับการวิจัยทางพันธุกรรม ไม่แน่อาจจะเกิดความโกลาหลขึ้นมาก็ได้ จะต้องปกป้องคุ้มครองเลือดของคนคนนี้ให้ดี ห้ามให้รั่วไหลออกแม้แต่หยดเดียว”
นรมนเอาโทรศัพท์คืนให้กับบุริศร์ แล้วก็ถามเสียงต่ำขึ้นว่า “ตัวอักษรพวกนี้ฉันรู้จักทุกตัว แต่ว่าทำไมพอเอามาต่อกันแล้วฉันถึงไม่เข้าใจเลยว่ามันหมายความว่ายังไง? พี่ชายฉันจะบอกว่ามีคนต้องการแย่งชิงเลือดของนภดลใช่ไหมคะ?”
“ใช่”
บุริศร์เองก็เคร่งขรึมมากเหมือนกัน
ถ้าหากอีกฝ่ายมาเพื่อเลือดของนภดล แล้วตอนนี้ก็ได้ร้วมมือกับดร.ฐานทัตแล้ว งั้นอย่างงั้นนภดลก็ตกอยู่ในสถานการณ์ที่อันตรายเป็นอย่างมากเลย
“แย่แล้ว ปาณีออกไปแล้ว เธอได้ติดต่อกับคุณนายตระกูลจันทรวงศ์แล้ว อีกฝ่ายจะใช้การบอกความลับของนภดลให้กับปาณีมาเป็นตัวล่อ เพื่อตั้งใจล่อปาณีไปก่อน จากนั้นค่อยจับตัวปาณีไว้แล้วบีบให้นภดลไปช่วยคนหรือเปล่าคะ?”
หัวสมองของนรมนหมุนวนไปอย่างรวดเร็ว พอคิดถึงความเป็นไปได้นี้แล้ว สีหน้าของเธอก็ขาวซีดขึ้นมาเลย
ถ้าหากว่าเป็นอย่างนี้ละก็ งั้นตอนนี้คนที่อยู่ในอันตรายก็ไม่ใช่นภดล แต่คือปาณีเอง