แค้นรักสามีตัวร้าย - บทที่ 1466 ผู้หญิงคนนี้ รู้จักโกรธแล้วเหรอ?
คุณนายตระกูลจันทรวงศ์รู้สึกว่าตัวเองโดนละเลยไปหมดเลย แล้วอีกอย่างทำไมภาพที่อยู่ตรงหน้านี้ยิ่งดูก็ยิ่งรู้สึกเหมือนกับว่าโดนสาดน้ำตาลใส่เลย?
สีหน้าของเธอเปลี่ยนไปอย่างไม่รู้ตัวเลย
“นังร่าน! อยู่ต่อหน้าฉันยังจะหว่านเสน่ห์ใส่คนอีก”
คุณนายตระกูลจันทรวงศ์เองก็ไม่รู้ว่าเอาความกล้ามาจากไหน แล้วก็ตบฉาดหนึ่งลงไปบนหน้าของปาณีเลย
ปาณีไม่ทันได้ป้องกันตัว จึงหลบไม่พ้น แล้วก็โดนตบไปฉาดหนึ่งเต็ม ๆ
แล้วสีหน้าของนภดลก็เคร่งขรึมลงมาทันที
ภายใต้สถานการณ์ที่คนทั้งหมดไม่ทันได้สังเกตนั้น นภดลก็ได้มาถึงตรงหน้าคุณนายตระกูลจันทรวงศ์แล้ว และตบเพี๊ยะ ๆ ไปสองที ตบจนดวงตาคุณนายตระกูลจันทรวงศ์เห็นดาวโผล่ออกมา แล้วทั้งตัวก็ล้มลงไปนั่งลงกับพื้น และวินาทีต่อมาเธอก็โดนนภดลกระชากเสื้อไว้แล้วหิ้วขึ้นมา ใช้มือข้างเดียวบีบคอของเธอเอาไว้ ความรู้สึกที่อยู่ ๆ ก็หายใจไม่ออกทำให้เธอเกิดความกลัวขึ้นมาเสี้ยวหนึ่ง
การกระทำทั้งหมดรวดเร็วราวกับก้อนเมฆที่ลอยไป สายน้ำที่ไหลไป ปาณีมองแล้วก็ตกใจจนอึ้งทึ่งไปนานเลย
เธอรู้ว่าฝีมือของนภดลนั้นดีมาก การฝึกฝนพิเศษบนเกาะในช่วงที่ผ่านมานั้นนภดลไม่ได้หลบเลี่ยงเธอเลย และเพราะว่าสัมพันธ์กับเลือดที่อยู่ในร่างกาย ความเร็วของนภดลก็ไม่ใช่สิ่งที่คนทั่วไปจะสามารถเทียบได้ ถึงแม้ว่าจะรู้อยู่แล้ว แต่ความเร็วในพริบตาเมื่อกี้ของนภดลก็ยังทำให้ปาณีอึ้งทึ่งไปอยู่เลย
นภดลกลับมองไม่เห็นความยกย่องที่ปาณีมีต่อเขา แล้วก็พูดเสียงเย็น ๆ ขึ้นว่า “เมื่อก่อนผมเห็นแก่หน้าฉัตรยา ไม่ว่าคุณจะทำอะไรกับผมไปผมก็ทำเป็นเหมือนไม่เคยเกิดขึ้น แถมยังอยากจะเลี้ยงดูคุณไปจนแก่เฒ่า แต่ว่าคุณมันดื้อดึงเกินไปแล้ว ดื้อดึงไปหมดทุกอย่างจนตัวเองจะดื้อดึงตายอยู่แล้ว ดื้อดึงจนความรู้สึกผิดเสี้ยวสุดท้ายที่ผมมีต่อพวกคุณก็ไม่เหลือแล้ว เพราะฉะนั้นถึงแม้ว่าฉัตรยาจะโทษผม ถึงแม้ว่าถ้าตายไปแล้วผมต้องตกไปอยู่นรกขุมที่สิบแปดผมก็ไม่สนใจแล้ว เพราะว่าคุณมีเจตนาที่ไม่สมควรมีแล้ว แตะต้องคนที่ไม่ควรที่จะแตะต้อง”
น้ำเสียงของเขาเย็นชาไร้เยื่อใย ไม่มีความอบอุ่นเลยสักนิด จนทำให้คุณนายตระกูลจันทรวงศ์ตกใจจนร้องกรี๊ดออกมามทันที
“นภดล แกกล้าฆ่าฉันเหรอ? นี่แกกล้าทำอย่างนี้กับฉันเลยเหรอ ฉันขอเตือนแกนะ……อ๊าก!”
คำพูดของคุณนายตระกูลจันทรวงศ์ยังพูดไม่ทันจบ ก็โดนนภดลกระชากผมไว้อย่างรุนแรงเลย แล้วพูดเสียงเย็นขึ้นว่า “ในตอนที่ผมยังมีความรู้สึกผิดต่อคุณเสี้ยวหนึ่งอยู่ คุณจะทำอะไรก็ได้ แต่น่าเสียดายตอนนี้ผมหมดความรู้สึกแล้ว ถึงแม้ว่าจะฆ่าคุณไปซะแล้วจะยังไง? คุณจะลองสักหน่อยไหมล่ะว่าอยู่ในสายตาของดร.ฐานทัตนั้น คุณสำคัญกว่าหรือผมสำคัญกว่า?”
พูดจบนภดลก็บีบคอคุณนายตระกูลจันทรวงศ์แน่นขึ้นอีกครั้ง น้ำเสียงค่อนข้างสูงขึ้นเล็กน้อย
“ดร.ฐานทัต ปล่อยปาณีซะ ไม่งั้นผมจะฆ่าภรรยาคุณแน่!”
พอคำพูดนี้พูดออกไป คุณนายตระกูลจันทรวงศ์ก็เหมือนกับว่าหาที่พึ่งได้ แล้วก็ร้องไห้และตะโกนเสียงดังขึ้นว่า “ฐานทัต ช่วยด้วย! ช่วยฉันด้วย!”
ในที่สุดดร.ฐานทัตก็เดินออกมาแล้ว
ปาณีและนภดลจ้องมองดร.ฐานทัต เหมือนกับว่าจะดูอ่อนวัยกว่าเมื่อก่อนไปไม่น้อยเลย และที่สำคัญดร.ฐานทัตก็ไม่ได้ดูมีท่าทางอ่อนแออีกแล้ว บนตัวกลับมีพลังเพิ่มมากขึ้นมาเสี้ยวหนึ่ง
เขาจ้องมองนภดล ดวงตาเป็นประกายสีทอง อย่างกับว่ามองเห็นเงินทองและอำนาจจำนวนนับไม่ถ้วน
ขอแค่วิจัยเลือดของนภดลสำเร็จ เขาก็จะเป็นดอกเตอร์ทางด้านพันธุกรรมที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลกแล้ว เขาก็จะมีชื่อเสียงเลื่องลือไปหลายชั่วคนแล้ว
จากสายตาของเขานภดลมองเห็นความเร่าร้อนถึงขีดสุด
บางที่เมื่อหลายปีก่อนนั้นเขาก็อาจจะเคยจ้องมองพ่อแม่ตัวเองแบบนี้เหมือนกัน
พอนึกถึงพ่อแม่ที่ต้องตายอย่างอนาถไป ดวงตาของนภดลก็ขรึมลงมาหลายส่วน
“ดร.ฐานทัต จะเลือกภรรยาคุณหรือว่าปาณี คุณดูเอาเองเถอะ”
“ฐานทัต ฐานทัต รีบช่วยฉันเร็ว! ฆ่ามันซะ! ฆ่าเจ้าสวะนี่ซะ!”
คุณนายตระกูลจันทรวงศ์โห่ร้องไป แต่ว่าวินาทีต่อมาก็เห็นดร.ฐานทัตเอาปืนพกเก็บเสียงออกมา แล้วก็ยิงใส่ตรงหัวใจคุณนายตระกูลจันทรวงศ์นัดหนึ่งเลย
ทุกอย่างนี้มาอย่างกะทันหันเกินไป จนทำให้ปาณีตั้งตัวไม่ทันไปชั่วขณะหนึ่ง ก็เห็นคุณนายตระกูลจันทรวงศ์ได้เป็นอย่างกับตุ๊กตาผ้าตัวหนึ่งล้มลงไปกองกับพื้น และดวงตาทั้งคู่แฝงไว้ด้วยความไม่อยากจะเชื่อเสี้ยวหนึ่ง
นภดลกลับเย็นชาเป็นอย่างมาก อย่างกับว่าทุกอย่างนี้ล้วนอยู่ในความคาดเดาของเขาแล้ว
ดร.ฐานทัตยิ้มเย็นแล้วก็พูดขึ้นว่า “ผู้หญิงคนนี้ในชีวิตนี้แค่คลอดลูกสาวมาให้ฉันคนหนึ่ง แถมตอนนี้ยังโชคไม่ดีมาตายไปซะก่อน ไม่เคยเสียสละอะไรเลย วัน ๆ ยังเอาแต่ร้องโหวกเหวกโวยวายใส่ฉัน แถมยังลืมสถานะของตัวเองไปอีก ฉันอยากจะฆ่าเธอมาตั้งนานแล้ว และที่สำคัญเธอก็ค่อนข้างที่จะทารุณนายด้วยไม่ใช่เหรอ? เมื่อก่อนฉันไม่มีความสามารถพอ แต่ตอนนี้ฉันแก้แค้นให้นายแล้ว นภดล ฉันดีกับนายมากเลยใช่ไหม? เพราะฉะนั้นนายจะมาอยู่ข้างเดียวกับฉันเถอะ ฉันสามารถให้เงินกับนายได้มากมาย จะทำให้นายกลายเป็นคนที่รวยที่สุดในโลก! และก็ไม่จำเป็นที่จะต้องไปตามหลังอยู่บุริศร์และเป็นลูกน้องให้เขาอีกแล้ว หรือว่านายไม่อยากจะมีชีวิตแบบนี้เหรอ?”
“นี่น่าจะเป็นชีวิตคุณมากกว่ามั้ง”
นภดลตบมือเล็กน้อย แล้วพูดเรียบ ๆ ขึ้นว่า “ที่จริงคุณเป็นคนที่มีความทะเยอทะยานมากคนหนึ่ง ที่เมื่อก่อนต้องอดทนไว้ก็เพราะว่ายังไม่มีโอกาสเท่านั้น แต่ตอนนี้ในที่สุดก็มีโอกาสแล้ว แน่นอนว่าคุณก็จะต้องคว้าเอาไว้อยู่แล้ว สำหรับคุณนายตระกูลจันทรวงศ์ และสำหรับฉัตรยา คุณก็ไม่ได้ทำหน้าที่ของพ่อและสามีที่ดีคนหนึ่งเลย คุณมันไม่ใช่คนด้วยซ้ำ ในสายตาของคุณมีแต่การวิจัยของคุณ มีแต่ความยินดีปรีดาหลังจากที่การวิจัยสำเร็จแล้วคุณก็จะกลายเป็นคนมีชื่อเสียง เพราะฉะนั้นก็ไม่ต้องมาพูดกับผมอย่างอลังการว่าได้แกแค้นอะไรเพื่อผม มันจอมปลอมเกินไป แค่พูดว่าคุณทำเพื่อตัวคุณเองก็พอแล้ว ตอนนี้สิ่งที่ผมค่อนข้างสงสัยก็คือคนที่อยู่เบื้องหลังคุณคือใครกันแน่? ในเมื่อคนที่สามารถเอาเงินออกมาให้คุณทำการวิจัยได้เยอะแยะขนาดนี้ มันก็มีอยู่ไม่เยอะเท่าไหร่”
สีหน้าของดร.ฐานทัตเคร่งขรึมลงมาหลายเท่า
“ในเมื่ออยากจะรู้ งั้นก็มาอยู่ข้างเดียวกับฉันซิ นายก็จะรู้ได้เรื่องเอง”
“ขอโทษที ผมไม่มีความสนใจต่อการวิจัยของคุณ และผมก็เบื่อชีวิตที่จะต้องเป็นหนูทดลองแล้ว เพราะฉะนั้นคุณอย่ามาคิดที่จะควบคุมผมเลย”
นภดลปฏิเสธไปตรง ๆ เลย
แล้วสีหน้าของดร.ฐานทัตก็ดูแย่ลงมานิดหน่อยแล้ว
“หรือนายไม่กลัวฉันจะฆ่าเธอเหรอ? อย่านึกว่าฉันไม่รู้นะ ด้วยนิสัยของนาย ถึงนายจะไม่รักเธอ นายก็ทนเห็นเธอมาตายเพราะนายไม่ได้หรอกใช่ไหม?”
คำพูดของดร.ฐานทัตทำให้จิตใจของปาณีเจ็บปวดขึ้นมาเล็กน้อย
เป็นอย่างนี้เหรอ?
เพราะว่าตัวเองเคยเป็นห่วงนภดล เพราะฉะนั้นการเปลี่ยนแปลงทั้งหมดที่เขามีต่อเธอในตอนนี้ล้วนเป็นเพราะว่าเขารู้สึกติดค้างตัวเองอยู่เหรอ?
พอคิดแบบนี้แล้ว แววตาของปาณีก็มืดหม่นขึ้นเล็กน้อย
พอนภดลเห็นภาพแบบนี้แล้ว ก็พูดอย่างโมโหขึ้นว่า “โง่จัง”
คำพูดประโยคนี้ก็ไม่รู้ว่าด่าดร.ฐานทัตหรือว่าด่าปาณี
หัวคิ้วของดร.ฐานทัตขมวดขึ้นมาเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าไม่ค่อยชอบคำศัพท์นี้ซะเท่าไหร่
“นภดล ฉันให้เกียรตินาย ทางที่ดีนายก็รับไว้ ไม่งั้นละก็……”
“ไม่งั้นจะทำไม?”
ในระหว่างที่พูดนภดลก็ส่งสายตาไปให้ปาณีตรง ๆ ทีหนึ่ง
ช่วงที่ผ่านมาปาณีอยู่กับนภดลมาตลอด แน่นอนจะต้องรู้ว่าสายตาแบบนี้ของนภดลนั้นหมายความว่ายังไง เธอตั้งสมาธิขึ้นมาอย่างรวดเร็ว แล้วในชั่ววินาทีที่นภดลโจมตีดร.ฐานทัตอย่างรวดเร็วนั้น ปาณีก็ได้ก้มหัวลงไปทันที จากนั้นก็กระแทกใส่ทหารรับจ้างที่จับตัวเธออยู่ข้างหลังอย่างแรง
ทหารรับจ้างไม่ทันได้ระวังจึงโดนกระแทกเข้าที่จมูก รสชาติเจ็บจี๊ดทำให้เขานิ่งอึ้งไปชั่วขณะ และด้วยโอกาสนี้ ปาณีก็เลยชิงลงมือก่อนอย่างผู้ลงมือก่อนย่อมได้เปรียบ
“รีบจับพวกมันไว้ให้ฉัน!”
พอดร.ฐานทัตเห็นว่าเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้น ก็รีบถอยหลังไป น่าเสียดายสิ่งที่นภดลต้องการก็คือตัวเขา จะมายอมปล่อยให้เขาหนีไปได้ยังไง แล้วก็รีบรุดไปข้างหน้าก้าวหนึ่งแล้วคว้าคอเสื้อของเขาไว้ แล้วก็ใช้แรงฉุดทีหนึ่งดึงเขาเข้ามาในอกเลย
ในขณะเดียวกัน คนที่บุริศร์แอบซุ่มเอาไว้รอบข้างก็จู่โจมเข้ามาเลย
ชั่วขณะหนึ่งคนทั้งหมดต่างก็ต่อสู้เข้าด้วยกัน
นภดลใช้มือข้างหนึ่งล็อกตัวดร.ฐานทัตเอาไว้ มืออีกข้างหนึ่งก็ลากปาณีมาทีหนึ่ง แล้วพูดเสียงต่ำขึ้นว่า “ถอย!”
มือที่เย็นเล็กน้อยทำให้ปาณีอึ้งไปเล็กน้อย ในขณะที่เสียสมาธิไปนั้น ทหารรับจ้างคนหนึ่งก็ได้จู่โจมเข้ามาเลย
ใจของนภดลบิดกันทีหนึ่ง แล้วก็ดึงปาณีเข้ามาไว้ในอ้อมกอดเลย จากนั้นก็หมุนตัวเตะอีกฝ่ายกระเด็นลอยออกไป
“คุณกำลังคิดอะไรอยู่น่ะ? เวลาแบบนี้ถ้าเสียสมาธิก็อาจจะเกิดเรื่องขึ้นได้ง่าย ๆ การฝึกฝนพิเศษบนเกาะฝึกไปเสียเปล่าแล้วเหรอ? รีบไปเร็ว!”
แล้วนภดลก็ผลักปาณีไปทีหนึ่งตรง ๆ พอผลักเธอออกไปจากวงล้อมแล้วก็จับตัวดร.ฐานทัตที่ฉวยโอกาสหลบหนีกลับมาได้อีกครั้ง
ปาณีโดนนภดลผลักจนโซเซไปทีหนึ่งแล้วล้มลงไปกับพื้น จนหัวเข่าถลอกไป และเจ็บจนปวดแสบปวดร้อน ในใจกลับโมโหจนจะตายอยู่แล้ว
นภดลเจ้าผู้ชายซื่อบื้อคนนี้ ทำให้เธอโมโหจนจะตายอยู่แล้ว
ตกลงเธอนี่ชอบทำร้ายตัวเองมากขนาดไหน ถึงได้ชอบเจ้าคนโง่คนหนึ่งแบบนี้
พอลูกน้องเห็นปาณีล้มลงไปแล้ว ก็รีบวิ่งมาหา
“หัวหน้าปาณี คุณไม่เป็นไรใช่ไหม? เดี๋ยวฉันพยุงคุณลุกขึ้นก่อนดีกว่า”
ปาณีสะบัดมือเล็กน้อย แล้วก็ลุกขึ้นมาด้วยตัวเอง แล้วก็เห็นนภดลพาตัวดร.ฐานทัตเดินมาแล้ว และพูดเสียงต่ำขึ้นว่า “รีบไปขึ้นรถ เร็ว!”
พูดจบก็ไม่มองว่าปาณีจะเป็นยังไง แล้วก็ล็อกตัวดร.ฐานทัตไว้แล้วเดินผ่านตัวปาณีไปเลย
ปาณีโกรธจนกัดฟันกรอก
เจ้าผู้ชายโง่!
เธอโกรธจะตายอยู่แล้ว!
เธอจะไม่ชอบเจ้าคนโง่คนนี้อีกแล้ว!
ปาณีรู้สึกว่าข้างในจิตใจของตัวเองได้รับบาดเจ็บเป็นอย่างมาก เธอเห็นนภดลเปิดประตูรถออกแล้วยัดตัวดร.ฐานทัตเข้าไป จากนั้นสายตาก็หันมามองปาณีทีหนึ่ง น่าจะอยากจะให้ปาณีไปขึ้นรถด้วย
ปาณีมองยังไม่มองเขาแม้แต่ทีเดียว แล้วก็ขึ้นรถของลูกน้องไปเลย
แววตาของนภดลเคร่งขรึมลงมาหลายเท่า
ผู้หญิงคนนี้นี่ รู้จักโกรธแล้วเหรอ?
เพื่อไม่ให้ดร.ฐานทัตหลบหนีไป นภดลเองก็สนใจอะไรไม่ได้แล้ว แล้วก็ล็อกประตูรถอย่างรวดเร็ว แล้วตัวเองก็เหยียบคันเร่งแล้วขับรถออกไปเลย
“ตามรถของนภดลไป!”
ถึงแม้ว่าปาณีจะโกรธ แต่ก็กลัวว่าระหว่างทางจะมีคนมาดักรถไว้ ในเมื่อสำหรับพวกเขาแล้วดร.ฐานทัตนั้นสำคัญมาก
รถสองคัน คันหนึ่งอยู่หน้าคันหนึ่งอยู่หลังกำลังขับเข้าไปในเขตตัวเมือง แต่แล้วในตอนที่กำลังจะเข้าเขตเมืองนั้น นภดลก็เห็นสิ่งกีดขวางทางอยู่ข้างหน้า เหมือนกับว่าจะมีคนกำลังตรวจรถอยู่
ในเวลาแบบนี้ ถึงแม้ว่าอีกฝ่ายจะใส่ชุดตำรวจอยู่ แต่ว่านภดลก็รู้สึกว่ามันช่างเหมาะเจาะเกินไปแล้วมั้ง
ในเมื่ออีกฝ่ายกล้าพาทหารรับจ้างมาถึงเมืองชลธีอย่างเปิดเผย แน่นอนก็ต้องสามารถซื้อคนอะไรก็ได้เพื่อมาสร้างสิ่งกัดขวางอยู่ที่นี่ ขอแค่รถหยุดลง คนตั้งเยอะขนาดนี้จะมาพาตัวดร.ฐานทัตไปนั้นก็ง่ายดายเป็นอย่างมากแน่
พอคิดมาถึงจุดนี้ นภดลก็โทรหาปาณีเลย แต่ว่าโทรศัพท์ของปาณีปิดเครื่องอยู่ แล้วเขาก็เพิ่งนึกขึ้นมาได้ว่าตอนที่ปาณีออกปฏิบัติภารกิจนั้นจะพกแต่โทรศัพท์ปฏิบัติงาน เพราะฉะนั้นตั้งแต่แรกที่ปาณีปิดเครื่องนั้นเธอก็ได้วางแผนที่จะมาปฏิบัติภารกิจแล้วเหรอ?
พอคิดถึงเวลานั้นเขากับปาณีต่างก็ยังอยู่ที่บ้านใหญ่ตระกูลโตเล็กอยู่ แต่ปาณีกลับไม่ได้บอกอะไรกับเขาเลยสักนิด นภดลจึงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมา
เขาโทรเข้าโทรศัพท์ปฏิบัติงานของปาณีอีกครั้ง
พอเห็นว่าเป็นสายโทรเข้าของนภดล ปาณีเองก็รู้ว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ตัวเองจะมาโกรธเคืองอยู่ จึงรีบสายโทรศัพท์ขึ้นมา
“เดี๋ยวฉันจัดการสิ่งกีดขวางทางที่อยู่ข้างหน้าเอง คุณรีบพาคนไปเลย”
ทั้งสองคนนั้นรู้ใจกันดีมากอยู่ ตอนนี้ปาณีไม่ได้รอให้นภดลเปิดปากพูดก็พูดขึ้นมาก่อนเลยว่า “ประธานบุริศร์ได้ส่งคนมารอรับในเขตตัวเมืองแล้ว ขอแค่คุณเข้าไปในเขตตัวเมืองได้ ก็น่าจะปลอดภัยได้แล้ว ฉันจะให้พัณณิตาตามคุณไป”
“คุณเองก็ระวังตัวหน่อยนะ”
พอคำพูดนี้ของนภดลพูดออกมา ในใจของปาณียังไงก็ยังรู้สึกอบอุ่นอยู่บ้าง ผู้ชายคนนี้ยังไงแล้วก็ยังเป็นห่วงตัวเองอยู่ใช่ไหม?
แต่กลับคิดไม่ถึงว่าคำพูดต่อมานภดลจะพูดว่า “ถ้ากล้าบาดเจ็บกลับมา ดูซิว่าผมจะจัดการกับคุณยังไง”
มุมปากของปาณีกระตุกขึ้นมาเลยหลายที จากนั้นก็โกรธจนปิดโทรศัพท์ลงเสียงตุบทีหนึ่ง
ผู้ชายซื่อบื้อคนนี้!
ถ้ายังพูดกับเขาอีกประโยคหนึ่ง ตัวเองก็จะต้องโมโหจนตายแน่
ปาณีจ้องมองพวกคนที่สร้างสิ่งกีดขวางทางข้างหน้านั้น แล้วก็รู้สึกว่าขัดหูขัดตาเป็นอย่างมาก เหมือนอย่างกับท่าทางเย็นชาของนภดลที่พูดคำพูดที่ทำให้คนโกรธอยู่ จึงอดไม่ได้ที่จะทำให้เธอยิ่งโกรธเคืองมากเข้าไปอีก
เธอก็เลยเหยียบคันเร่งโดยตรง แล้วพุ่งชนไปสิ่งกีดขวางพวกนั้นอย่างกับคนบ้า ท่าทางที่เฉียบขาดนั่นนภดลเห็นแล้วก็หัวใจกระตุกวุบ ยังไงก็รู้สึกไม่สบายใจอยู่บ้าง