แค้นรักสามีตัวร้าย - บทที่ 1504 ไม่งั้นก็ช่างมันเถอะ
ราวกับรู้สึกได้ถึงการจับจ้องของบุริศร์ จณัตว์จึงวางงานในมือลง แล้วมองบุริศร์พูดขึ้น: “นายมีเรื่องอยากถามฉันใช่ไหม?”
“ฉันอยากถามอะไร นายไม่รู้อยู่แก่ใจหรือไง?”
บุริศร์ถลึงตาใส่จณัตว์อย่างอวดดี
ถ้าผู้ชายคนนี้ไม่ใช่พี่ชายของนรมน เขาคงขี้เกียจจะสนใจความเป็นความตายของเขา อีกอย่างเขายังแต่งงานกับหงส์ด้วย อันที่จริงสำหรับเขาหงส์เป็นผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตเขาไว้ คงทนเห็นเธอมีแฟนที่ไม่ได้เรื่องไม่ได้
“ฉันรู้สึกว่าฉันจำเป็นต้องคุยกับหงส์ โดยมุ่งประเด็นไปที่เงื่อนไขการแต่งงานของเธอและทำการวิเคราะห์อย่างมีเหตุผล”
บุริศร์ลูบๆคาง ตั้งใจครุ่นคิดปัญหานี้ เขาให้หงส์เป็นน้องสาวแท้ๆของตนเองไปแล้ว
จณัตว์รู้สึกหายใจได้ไม่สะดวก
“นายยุ่งเรื่องครอบครัวฉันให้น้อยๆหน่อย”
“นายรังแกน้องสาวฉันอย่างนี้แล้ว ยังจะไม่ให้ฉันยุ่งอีกงั้นเหรอ? จณัตว์ นายทำเกินไปหรือเปล่า? ถ้าวันนี้นายกับฉันเปลี่ยนกัน ฉันทำกับนรมนอย่างนี้นายจะทำยังไง?”
“ฉันจะตีนายให้ตาย”
“งั้นฉันคงต้องขยับๆร่างกายหน่อยแล้ว”
บุริศร์หมุนๆข้อมือ เตรียมตัวลงมือจัดการจณัตว์ได้ตลอดเวลา แต่กลับได้ยินจณัตว์พูดอย่างชัดเจน: “ที่ฉันทำอย่างนี้ก็เพื่อตัวเธอเอง”
มือที่กำลังจะตีชะงักเล็กน้อย
บุริศร์ขมวดคิ้วแน่น พูดขึ้น: “นรมนพูดประโยคหนึ่งอยู่บ่อยๆคืออย่าเอาความคิดที่บอกว่าหวังดีต่อพวกเธอมาทำร้ายพวกเธอ นายเป็นอะไรกันแน่? บอกฉันมาให้รู้เรื่อง”
จณัตว์มองไปที่ด้านนอก เห็นไม่มีคนเดินมา จึงปิดประตูห้อง แล้วปิดระบบและอุปกรณ์ทั้งหมด ท่าทางที่ระมัดระวังอย่างนี้ทำให้บุริศร์อดไม่ได้ที่จะเคร่งขรึมขึ้นมา
“เกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
“มีเรื่องที่ฉันก็เพิ่งรู้”
จณัตว์นั่งลงข้างๆ แล้วส่งรายงานข้อมูลชุดหนึ่งไปให้บุริศร์
บุริศร์หรี่ตาดูอยู่ชั่วครู่ พูดอย่างกลัดกลุ้ม: “นายให้ฉันดูสัญญาหลายร้อยล้านฉันรับรองว่าไม่มีปัญหา แต่นายให้ฉันดูข้อมูลที่ซับซ้อนขนาดนี้ ฉันรู้จักพวกมันนะ แต่ฉันไม่เข้าใจว่าหมายความว่ายังไง”
จณัตว์มองบุริศร์อย่างเหยียดหยาม พูดขึ้น: “นี่เป็นข้อมูลการตรวจเลือดของฉัน ทั้งโลกมีแค่ฉันคนเดียว”
“นายทะนงตัวเกินไปแล้วนะ ยังจะมาบอกว่าทั้งโลกอีก”
บุริศร์กำลังคิดจะเยาะเย้ยต่อ ก็ได้ยินจณัตว์พูดว่า: “ฉันพูดจริงๆ กรุ๊ปเลือดของฉันไม่เหมือนของพ่อแม่ฉัน เป็นกรุ๊ปเลือดพิเศษ แต่คนมากมายที่ถือว่าเป็นกรุ๊ปเลือดพิเศษ ก็จะมีกลุ่มหนึ่งที่หายากด้วยกัน แต่ฉันในคลังเลือดทั่วโลกไม่เจอคนที่สองที่กรุ๊ปเลือดเหมือนกับฉัน ถึงขั้นที่ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่ากรุ๊ปเลือดนี้เรียกว่ากรุ๊ปเลือดอะไร กรุ๊ปเลือดของฉันถูกจัดอยู่ในระบบที่ต้องคุ้มกันความลับขั้นสูงสุด ฉันเข้าไปไม่ได้”
คำพูดนี้ทำให้บุริศร์ตะลึงงันไปเลย
“นายรู้ตั้งแต่เมื่อไหร่?”
“ตอนที่คุณลุงบอกว่าเลือดของฉันยับยั้งอาการคลุ้มคลั่งของนภดลได้ ฉันไม่ได้บอกความลับนี้กับใคร แต่ทำการวิเคราะห์เลือดของตนเองเอาไว้”
จณัตว์ขมวดคิ้วแน่น
บุริศร์ก็เคร่งขรึมขึ้นมา
“พูดอย่างนี้แสดงว่าพ่อก็รู้เรื่องที่กรุ๊ปเลือดของนายเป็นกรุ๊ปเลือดพิเศษ แล้วทำไมนายไม่ไปถามเขาล่ะ?”
“ถ้าคุณลุงพูดได้คงบอกฉันตั้งนานแล้ว ไม่รอจนถึงตอนนี้หรอก อีกอย่างฉันพบว่าในส่วนประกอบของเลือดฉันมีข้อมูลบางส่วนที่คล้ายกับของนภดลสุดๆเลย ฉันจึงสงสัยว่ามันมีเป็นไปได้ที่ฉันจะโดนเป็นหนูทดลองของการวิจัย แค่ไม่รู้ว่าคนที่วิจัยฉันคือใคร”
จณัตว์ไม่เคยคิดเลยว่าจะมีวันที่ตนเองตกอยู่ในสถานการณ์ที่น่าอึดอัดนี้ ความรู้สึกนี้แย่มากๆ ถ้าเหมือนนภดลที่รู้ชะตาชีวิตของตนเองแต่แรกแล้วคงช่างมัน แต่เขาใช้ชีวิตมาเกือบจะสามสิบปีแล้ว สงบสุขและแข็งแรงดี น้อยมากที่จะเป็นหวัด ในวันนี้กลับพบว่าตนเองอาจจะโดนนักวิจัยทางวิทยาศาสตร์วิจัยซะแล้ว นี่ทำให้เขายอมรับไม่ได้จริงๆ
สีหน้าของบุริศร์ค่อนข้างหม่นหมอง
“อาจจะเป็นแค่การคาดเดาของนายเองก็ได้ นายเป็นลูกชายของคุณอารอง ไม่ว่ายังไงพ่อคงไม่ทำร้ายนายหรอก”
“ประเด็นนี้ฉันรู้ ฉันก็เคยศึกษามาแล้ว ถึงภายในร่างกายฉันจะมีข้อมูลบางอย่างที่คล้ายกับนภดลมาก แต่ที่ไม่เหมือนเขา ข้อมูลของฉันค่อนข้างเป็นกลาง
ฉันกำลังคาดการณ์ว่า ถ้าฉันก็เป็นคนทดลอง บางทียีนภายในร่างกายของฉันคงเป็นแค่จุดเริ่มต้นการวิจัย ไม่มีอันตรายมากขนาดนั้น ส่วนนภดลเป็นการเปลี่ยนแปลงในภายหลัง ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อการวิจัย
ถ้าการคาดเดาของฉันถูกต้อง งั้นความลับของฉันก็จะโดนคนรู้เข้า สิ่งที่รอคอยฉันอยู่ก็คือการทำลายอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ถึงตอนนั้นไม่ต้องพูดถึงการให้ชีวิตที่สงบสุขปลอดภัยแก่หงส์หรอก ต่อให้เธออยากออกไปชอปปิ้งเหมือนคนทั่วๆไปมันยังเป็นไปไม่ได้เลย
แทนที่จะทำอย่างนี้ ให้เธอคิดว่าตอนนี้ฉันตายไปแล้วดีกว่า ความเจ็บปวดจะผ่านพ้นไปได้ มีพวกนายอยู่ข้างๆเธอ เธอจะค่อยๆเดินออกมาได้ ไม่มีฉันอยู่ข้างกาย ชีวิตของเธอจะได้เริ่มต้นใหม่ บางทีผ่านไปไม่กี่ปีเธอคงลืมฉันแล้วแหละ หาคนธรรมดาสักคนเพื่อใช้ชีวิตที่สงบสุขด้วยกัน”
พูดถึงตรงนี้ ใจของจณัตว์ก็เจ็บปวดมากขึ้นเรื่อยๆ
แค่คิดว่าหงส์จะใช้ชีวิตกับผู้ชายคนอื่น เขาก็ทนไม่ไหวแล้ว
เห็นใบหน้าซีดเผือดของจณัตว์ บุริศร์จึงตบๆไหล่เขาพูดขึ้น: “แค่พูดนายก็ทนไม่ไหวแล้ว นายคิดว่านายจะยอมให้เธอรักผู้ชายคนอื่นได้จริงๆเหรอ? จณัตว์ เลิกหลอกตัวเองได้แล้ว นายปล่อยหงส์ไปไม่ได้หรอก หงส์เองก็ไม่ใช่ผู้หญิงที่จะรักคนอื่นไปเรื่อยเปื่อย อีกอย่างทั้งหมดเป็นแค่การคาดเดาของนาย ต่อให้นายเดาถูก ผลลัพธ์ที่แย่ที่สุดก็แค่เป็นเหมือนนภดล นายคิดว่าตระกูลทวีทรัพย์ธาดากับตระกูลโตเล็ก ตอนนี้ยังมีตระกูลพรโสภณที่รวมกำลังกันเพื่อปกป้องอีก จะยอมให้นายเกิดเรื่องได้ยังไง?”
“แต่ถ้าอีกฝ่ายเป็นคนของเบื้องบนล่ะ? เป็นคนๆนั้นที่เมืองหลวง?”
คำพูดของจณัตว์ทำให้บุริศร์ชะงักเล็กน้อย “นายพูดอะไรน่ะ?”
“นายก็ได้ยินแล้วไม่ใช่เหรอ? ถ้าไม่ใช่เบื้องบนสั่งลงมา นายคิดว่าใครจะมีอำนาจปกปิดข้อมูลทั้งหมดของฉัน? แล้วยังเป็นความลับขั้นสูงสุดอีก”
สีหน้าของบุริศร์เปลี่ยนไปทันที
“เป็นไปไม่ได้”
จณัตว์ยิ้มมุมปากเล็กน้อย
“ที่นายบอกว่าเป็นไปไม่ได้เพราะว่าคุณชายธเนศพลเป็นเพื่อนสนิทของนายสินะ บางทีตอนนี้เขาอาจจะรักษามิตรภาพความเป็นเพื่อนกับนายต่อไป แต่เมื่อนั่งลงไปบนตำแหน่งนั้นแล้ว นายคิดว่าเขาจะเป็นเหมือนเดิมอีกไหม?”
“จณัตว์!”
บุริศร์ตะโกนเรียกเขาด้วยเสียงทุ้มต่ำ แล้วมองไปรอบๆพูดขึ้น: “ฉันจะช่วยนายบุกรุกเข้าไปดูในระบบ ถ้าเป็นอย่างที่นายคาดการณ์ไว้จริงๆ……”
“แล้วยังไง?”
จณัตว์กำลังยิ้มเจ้าเล่ห์มองบุริศร์ แต่กลับทำให้คนที่ได้เห็นรู้สึกปวดใจอย่างไม่มีสาเหตุ
ดวงตาของบุริศร์สั่นไหวเล็กน้อย พูดชัดเจน: “ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ ฉันปกป้องนายสุดชีวิต”
ประโยคนี้ทำให้ดวงตาของจณัตว์แดงขึ้นมา
เขาเงยหน้าบังคับให้น้ำตาไหลกลับไป เสียงแหบๆพูดขึ้น: “นายเป็นบ้าหรือไง? นายจะปกป้องฉันสุดชีวิต แล้วน้องสาวฉันจะทำยังไง? หลานๆของฉันจะทำยังไง?”
“นรมนก็จะปกป้องนายเหมือนฉัน”
บุริศร์ตบๆไหล่ของจณัตว์
แม้ปกติจะชอบต่อปากต่อคำกับเขา แล้วก็มีบางอย่างที่เขาขัดตา แต่เขาเป็นเพื่อนของเขา เป็นพี่ชายของนรมน เป็นคนในครอบครัวของบุริศร์
เพราะนรมน บุริศร์จึงไม่ได้ตัวคนเดียวอีกแล้ว เขากลายเป็นคุณพ่อลูกสาม เขามีพ่อตาแม่ยาย แล้วยังมีพี่น้องคุณตาอีก ทุกคนเป็นสมบัติล้ำค่าของเขา ถ้าเข้ามาในพื้นที่ของเขาโดยพลการ ไม่สนหรอกว่าอีกฝ่ายเป็นใคร แค่คิดจะแตะต้องคนของเขา ก็ต้องข้ามศพเขาไปก่อน
คำพูดพวกนี้บุริศร์ไม่ได้พูด แต่จณัตว์กลับเข้าใจอย่างน่าประหลาด ความรู้สึกที่พูดไม่ออกวนเวียนอยู่ในหัวใจ อบอุ่น แต่กลับทำให้อยากร้องไห้
ถึงยังไงก็มีชีวิตมาเกือบจะสามสิบปีแล้ว จู่ๆกลับโดนผู้ชายคนหนึ่งกระตุ้นจนเกือบจะเสียน้ำตา ความรู้สึกนี้ไม่อยากให้เจ็บแสบจนเกินไปจริงๆ
“เอาเถอะ ไม่แน่ฉันอาจจะเพ้อเจ้อไปเอง นายระวังหน่อยนะ อย่าให้ใครสังเกตเห็นล่ะ ถ้าทำนายเดือดร้อนไปด้วย ฉันคงรู้สึกผิด”
“วางใจเถอะ”
บุริศร์ยิ้มอย่างสงบ
เขาหยิบโน้ตบุ๊กออกมา แล้วเชื่อมต่อกับกานต์ทันที
“ลูกชาย ร่วมมือกับแด๊ดดี้หน่อย”
เดิมทีกานต์กำลังหลับสบายอยู่เลย โดนบุริศร์ปลุกขึ้นมา ได้ยินเสียงที่เคร่งขรึมอย่างนี้ของเขา แล้วมองไปที่ห้องด้านหลัง จึงตื่นตัวขึ้นเล็กน้อย
“อืม”
กานต์รีบเปิดคอมพิวเตอร์
สองพ่อลูกสามัคคีกันไปโดยปริยาย
“ช่วยแด๊ดดี้สกัดการโจมตีของไฟร์วอลล์บางส่วนด้วย ถ้าทำได้ก็ดึงร่องรอยไปที่ต่างประเทศเลย”
บุริศร์กดคีย์บอร์ดอย่างรวดเร็ว
กานต์พยักหน้า
ถึงจะไม่รู้ว่าบุริศร์ต้องการทำอะไร แต่แค่เป็นคำสั่งของบุริศร์ กานต์ก็จะทำตาม
ผู้ใหญ่คนหนึ่งเด็กคนหนึ่งอยู่คนละห้องกันแต่กำลังทำเรื่องเดียวกัน มือคู่นั้นราวกับมีชีวิตชีวากำลังเคาะอยู่บนคีย์บอร์ดอย่างรวดเร็ว รหัสกระพริบขึ้นบนหน้าจอทีละแถวๆ จณัตว์ที่ดูอยู่ส่งเสียงออกมาด้วยความประหลาดใจ
ภายในขอบเขตการเรียนหมอ เขาเป็นคนหนึ่งที่มีความโดดเด่น แต่ด้านคอมพิวเตอร์ เขายอมรับเลยว่าตนเองสู้บุริศร์ไม่ได้ ถึงขั้นอาจจะเทียบกับกานต์หลานตัวน้อยไม่ได้ด้วย ความรู้สึกนี้ทำไมถึงไม่ดีเลยล่ะ?
บุริศร์ไม่สนใจความคิดของเขา หาเอกสารที่เป็นความลับขั้นสูงสุดของประเทศเจอแล้ว ตอนที่เห็นไฟล์ของจณัตว์ ระดับความสำคัญที่มีเครื่องหมายบวกสามอันด้านบนและเป็นรูปแบบเอกสารที่ต้องใส่รหัสเพื่อปกป้องข้อมูลเอาไว้ทำให้บุริศร์ประหม่าขึ้นมาทันที
นี่การคาดเดาของจณัตว์เป็นจริงงั้นเหรอ?
คิดอย่างนี้ จู่ๆบุริศร์ก็รู้สึกว่าปลายนิ้วมือค่อนข้างหนักอึ้ง ราวกับโดนอะไรกดเอาไว้
เพียงกดเปิดไฟล์นี้ การคาดเดาของจณัตว์จริงหรือไม่จริงก็จะกระจ่างแจ้งในพริบตา แต่ถ้าเป็นจริง งั้นเขาเตรียมพร้อมเป็นปฏิปักษ์กับเบื้องบนแล้วหรือยัง?
ไหนจะจณัตว์อีก ตั้งแต่อายุ18ปีก็อยู่ในเขตทหารเพื่ออุทิศวัยหนุ่มกับความเลือดร้อนของตนเองให้กับประเทศ แม้ตัวจะอยู่ที่ประเทศFแต่ก็รบเพื่อเป็นเกียรติให้กับประเทศZ ตอนนี้ถ้าการคาดเดาเป็นจริง นั่นก็ยากที่จะยอมรับได้ไม่ใช่เหรอ?
นิ้วมือของบุริศร์สั่นไหว
ในใจของจณัตว์ก็ประหม่า
เขาทำทุกวิถีทางก็หาไม่เจอเรื่องที่อยู่ต่อหน้าเขาตอนนี้ แต่กลับทำให้เขามีความรู้สึกขี้ขลาดขึ้นมา
“บุริศร์ ไม่งั้นก็ช่างมันเถอะ”
หน้าผากของจณัตว์เต็มไปด้วยเหงื่อ ไม่รู้ว่ากลัวตนเองหมดเรี่ยวแรงจะยอมรับหรือกลัวอะไรกันแน่ แต่ยังไงเขาก็เกลียดความประหม่า วินาทีนี้ไม่นึกว่าจะมีความหวาดกลัวอยู่เล็กน้อย
ได้ยินเขาพูดอย่างนี้ บุริศร์จึงคลายกังวลลง แต่ในเวลาเดียวกันก็รู้ว่าถ้าตนเองไม่เปิด เรื่องนี้ต้องกลายเป็นของแหลมๆทิ่มแทงอยู่ในใจของจณัตว์แน่ๆ ถ้าต่อไปมีคนคิดจะใช้ประโยชน์ ไม่แน่อาจจะเกิดผลลัพธ์ที่ใครๆก็จินตนาการไม่ถึงก็ได้
คิดถึงตรงนี้ บุริศร์จึงสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วนิ้วมือก็กดลงไปทันที