แค้นรักสามีตัวร้าย - บทที่ 1508 ค่ำคืนนี้เหนื่อยเหลือเกิน
หัวหน้าองครักษ์รีบพูดขึ้น: “ประเทศพวกเรามีวงศ์ตระกูลที่ตกต่ำนามสกุลทวีทรัพย์ธาดา หัวหน้าครอบครัวมีลูกสาวแค่คนเดียว ประพฤติตัวค่อนข้างซื่อตรง ตอนนี้ทำธุรกิจเล็กๆ ปีนั้นได้ยินว่าภรรยาของหัวหน้าครอบครัวตั้งครรภ์แฝดชายหญิง แต่น่าเสียดายที่ลูกชายคลอดออกมาแล้วก็ตายตั้งแต่อายุยังน้อย
แต่ทว่าผู้นำทวีทรัพย์ธาดากลัวภรรยาจะเสียใจ ตอนที่แจ้งเกิดจึงรายงานไปสองรายชื่อ แล้วบอกภรรยาว่าลูกชายโดนลักพาตัวไป หลายปีนี้จึงเอาแต่เสียเงินไปอย่างเปล่าประโยชน์เพื่อตามหาลูกชายที่ไม่มีตัวตน ก็เพื่อปลอบใจและให้ความหวังแก่ภรรยา ให้เธอรู้สึกว่ายังสามารถตามหาลูกชายของตนเองกลับมาได้ กระผมจึงคิดว่ายกตัวตนนี้ให้กับนายน้อยจณัตว์คงจะดี แค่คุยกับผู้นำทวีทรัพย์ธาดาให้เข้าใจ พวกเขาต้องให้ความร่วมมืออย่างแน่นอน”
ราเชนไม่ใช่วัยรุ่นที่ไม่เข้าใจอะไรเลยอย่างแต่ก่อนอีกแล้ว เขาได้ยินหัวหน้าองครักษ์พูดอย่างนี้ ดวงตาก็สั่นไหวเล็กน้อย ถามขึ้น: “ครอบครัวนี้เกี่ยวข้องอะไรกับนาย?”
หัวหน้าองครักษ์ตกใจจนเหงื่อเย็นๆผุดออกมา
“พระราชา กระผม……”
“พูดมาตามจริง ไม่แน่ฉันอาจจะไม่ลงโทษนาย”
แววตาของราเชนสาดความเย็นยะเยือกออกมา หัวหน้าองครักษ์ตกใจจนยืนไม่อยู่ คุกเข่ากระแทกลงไปพื้นดังพลั่ก พูดเสียงสั่นด้วยความหวาดกลัว: “พระราชามีพระปรีชาชาญ ครอบครัวนี้เป็นลูกพี่ลูกน้องห่างๆของแม่กระผมครับ หลายปีนี้เนื่องจากสมชัยกุมอำนาจอยู่ บ้านเมืองจึงลุกเป็นไฟ ครอบครัวลูกพี่ลูกน้องของแม่กระผมแทบจะอยู่ต่อไปไม่ไหวแล้ว ดังนั้นกระผมจึงคิดใช้โอกาสนี้หาผลประโยชน์ให้กับครอบครัวลูกพี่ลูกน้องของแม่กระผม พระราชาโปรดไว้ชีวิตด้วย”
ได้ฟังหัวหน้าองครักษ์พูดอย่างนี้ ราเชนจึงมีแผนการในใจแล้ว
“จะให้ฉันสนับสนุนครอบครัวญาติของนายก็ไม่ใช่ว่าไม่ได้ แต่ฉันแค่ไม่เข้าใจ ทำไมถึงไม่สนับสนุนคุณอาคุณลุงของนายที่ด้านนี้ หรือไม่ก็คนในครอบครัวของนาย?”
สีหน้าของหัวหน้าองครักษ์ปรากฏความเศร้าโศกเล็กน้อย
“พระราชาขอรับ ครอบครัวของกระผมไม่อยู่แล้ว ตอนที่สมชัยมีอำนาจ กลัวว่าหัวหน้าองครักษ์อย่างพวกกระผมจะมีอำนาจมากเกินไป จึงหาสาเหตุมากมายมากักขังคนในครอบครัวของพวกกระผม ภายหลังคนในครอบครัวก็ตายกันหมดโดยไม่ทราบสาเหตุ ก่อนตายพวกกระผมก็ไม่ได้เจอหน้า บางคนบอกว่าโดนส่งไปที่ห้องทดลอง บางคนบอกว่าโดนคนฆ่าตายไปแล้ว กระผมอยู่ตัวคนเดียวแล้วขอรับ ก็มีแค่ครอบครัวลูกพี่ลูกน้องของแม่กระผมนี้ที่ยังอยู่”
ในใจของราเชนหดหู่มาก
“เรื่องนี้ฉันจะสืบหาให้แน่ชัด ถ้าที่นายพูดเป็นความจริง ฉันจะสนับสนุนครอบครัวลูกพี่ลูกน้องของนาย เพียงแค่นายจงรักภักดีต่อฉัน ฉันก็จะปฏิบัติกับนายอย่างยุติธรรม”
หัวหน้าองครักษ์รีบตอบรับ
ราเชนก็ตรวจสอบเรื่องนี้อย่างรวดเร็ว ทั้งหมดเหมือนกับที่หัวหน้าองครักษ์พูด ดังนั้นเขาจึงส่งสารไปให้ครอบครัวนั้น ไม่นานผู้นำทวีทรัพย์ธาดาก็ตกลง ทั้งยังซาบซึ้งในบุญคุณอีกด้วย ราเชนยังตัดสินใจให้ลูกสาวของผู้นำทวีทรัพย์ธาดาหมั้นกับลูกชายของอัครมหาเสนาบดีคนหนึ่ง ถึงจะเป็นการคบคนที่มีฐานะสูงกว่า แต่คนอื่นๆก็เข้าใจ ตระกูลทวีทรัพย์ธาดาที่ตกต่ำนี้เริ่มมีชีวิตขึ้นมาแล้ว
ชินทรกับคิมที่ด้านนี้ไล่ตามมาจนถึงบริเวณรอบนอกของป่าดำ ตลอดทางเห็นเศษแขนขาร่างกายที่ขาดออกจากกันมากมาย เลือดสดๆหยดย้อย ทำให้คนที่ได้เห็นตกใจสุดขีด
คิมอดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลาย: “ชินทร คุณว่าจณัตว์จะ……”
“เป็นไปไม่ได้!”
ชินทรกระวนกระวายใจมาก แต่กลับรีบปฏิเสธ ราวกับพูดอย่างนี้ก็จะทำให้ตนเองเชื่อแบบนั้น
ยิ่งเดินไปข้างหน้าเท่าไหร่ยิ่งเห็นศพมากมายขึ้นเท่านั้น ต่อให้ช่วงหลายวันนี้จะได้กลิ่นคาวเลือดจนชินแล้ว แต่วินาทีนี้ชินทรยังแทบทนไม่ไหว
จนกระทั่งถึงบริเวณรอบนอก ชินทรกับคิมเจอศพของจณัตว์แล้ว ใบหน้าของศพแตกต่างไปจากเดิม ทั่วใบหน้าโดนเหยียบจนเละไปหมด แต่เสื้อผ้าบนร่างกายเขาเป็นของจณัตว์ ถึงขั้นที่ศพอยู่ในสภาพไม่สมบูรณ์
ชินทรโงนเงนเกือบจะล้มลง
“นี่ไม่ใช่เรื่องจริง!”
เขารีบวิ่งเข้าไป เห็นเลือดสดๆสาดกระจายไปทั่วทุกที่ ข้างกายยังมีเข็มฉีดยากับน้ำยาทดลองที่จณัตว์พกเอาไว้ก่อนออกมาด้วย
ชินทรพยายามทำให้ตนเองใจเย็น เขารีบเก็บตัวอย่างเลือดพวกนั้นกลับไปตรวจสอบ ตอนที่ผลทดสอบออกมา เหมือนเขาแก่ขึ้นสิบปีทันที ผมที่ข้างขมับขาวโพลนไปหมดแล้ว
รายงานผลเลือดที่เป็นเอกลักษณ์ ถึงจะอยากปลอมแปลงก็คงทำไม่ได้
คิมปวดใจมากที่เห็นเขาเป็นเช่นนี้
“ชินทร คุณอย่าเป็นอย่างนี้”
“ผมจะอธิบายกับน้องรองยังไง? เป็นอย่างนี้ได้ยังไง?”
ชินทรน้ำตาร่วงลงมาเป็นสาย
บรรยากาศที่เศร้าโศกครอบคลุมไปทั่วทุกด้าน นรมนกับกานต์วิ่งโซเซเข้ามา
“พ่อแม่คะ สามีของหนูล่ะคะ? พี่ของหนูล่ะ? เมื่อไหร่พวกเขาจะกลับมา? เจอนภดลหรือยังคะ?”
แค่ถามก็ทำให้ชินทรตะลึงงันไปเลย
ใช่สิ ยังมีบุริศร์อีกคน
คนที่ตามออกไปส่วนใหญ่ตายหมดแล้ว แต่กลับไม่เจอศพของบุริศร์ ไม่นึกว่าเขาจะลืมบุริศร์ไปเลย
เห็นท่าทีร้อนรนของลูกสาวตอนนี้ ใจของชินทรเจ็บเหมือนโดนเข็มแทงเข้ามา
“พ่อจะส่งคนไปตามหา”
“หนูไปด้วย!”
นรมนออกตัวก่อน แต่กลับโดนคิมห้ามไว้
“สภาพร่างกายของลูกตอนนี้ออกไปไม่ได้ อีกอย่างตอนนี้นภดลจะระเบิดออกมาเมื่อไหร่ก็ได้ ไม่มีใครรู้ว่าเขาจะโผล่มาจากตรงไหน เรื่องนี้พ่อกับแม่คำนวณพลาดเอง ไม่คิดว่าอาการคลุ้มคลั่งของนภดลจะควบคุมไม่ได้เช่นนี้ นรมน ฟังแม่นะ อย่าออกไป เชื่อแม่”
“แต่สามีกับพี่ชายหนูอยู่ข้างนอกกันทั้งคู่นะคะ แม่จะให้หนูนั่งรอได้ยังไง?”
ดวงตาของนรมนเต็มไปด้วยน้ำตา
ชินทรอดกลั้นความเจ็บปวดพูดขึ้น: “จณัตว์ไม่อยู่แล้ว”
“อะไรคือไม่อยู่แล้วคะ?”
นรมนมองชินทร สีหน้าแปลกใจทำให้ชินทรหมดหนทางจะสบตา
“เขาตายแล้ว”
“พ่อคะ เลิกเล่นได้ไหม?”
นรมนมองชินทร พูดประโยคนี้ออกไป แต่กลับทำให้ชินทรรู้สึกเจ็บปวดกว่าโดนมีดแทงซะอีก
“เดี๋ยวพ่อจะไปเก็บศพของจณัตว์กลับมา”
พูดจบชินทรก็เดินออกไปทันที
นรมนจึงหมดสติไปอย่างฉับพลัน
“นรมน!”
คิมกังวลใจสุดๆ รีบตามหมอมาตรวจทันที ส่วนกานต์ก็อยู่ข้างกายนรมนตลอด ไม่ออกห่างแม้แต่นิดเดียว
ครึ่งชั่วโมงกว่าผ่านไป ชินทรกลับมาแล้ว แต่กลับไม่เจอศพของจณัตว์ ตอนที่เขาไป ไม่เจอศพทั้งหมดแล้ว รอยเลือดยาวๆลากออกไปไกลมาก ราวกับโดนใครทำความสะอาดอย่างนั้น
คนที่อยู่ข้างหลังพาบุริศร์ที่บาดเจ็บจนหมดสติกลับมา
บนแขนและบนต้นขาของบุริศร์มีรอยข่วนใหญ่มาก ผิวหนังถลอก ถ้าไม่ใช่เพราะเขาหมดสติอยู่ในลำธารระหว่างหุบเขา โดนป่าบดบังเอาไว้เขาอาจจะไม่มีชีวิตรอดแล้วก็ได้
ชินทรรีบให้คนเริ่มดำเนินการช่วยเหลือ
หลังจากทรมานกันมาพักใหญ่ ฟ้าก็สว่างแล้ว
หลังจากนรมนตื่นขึ้นมาก็ได้ยินว่าบุริศร์บาดเจ็บหมดสติไป ใครห้ามก็ไม่ฟังแล้ว เลิกผ้าห่มขึ้นแล้วลงจากเตียงทันที วิ่งไปทางห้องคนไข้ของบุริศร์ ทำให้คิมตกอกตกใจ
ในฐานะที่ชินทรเป็นผู้รับผิดชอบ เกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้จึงจำเป็นต้องรายงานเบื้องบน ดังนั้นถึงเขาจะเศร้าเสียใจ ถึงเขาจะเป็นห่วงนรมนกับบุริศร์ ก็ต้องรายงานเรื่องพวกนี้ให้เบื้องบนรับทราบก่อน
ตอนที่ชินทรออกมาเขาฟื้นแล้ว แต่ทว่าเสียเลือดมากเกินไป สีหน้าจึงซีดเซียวแย่มาก
นรมนจับมือเขาด้วยความเป็นห่วง อยากถามอะไรแต่ก็ถามไม่ได้ ทำได้เพียงน้ำตาร่วงเผาะๆมองเขา
ชินทรเห็นเขาไม่เป็นไร จึงถามขึ้น: “เกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
“นภดลสูญเสียสติทั้งหมดไปแล้ว เพื่อให้เขาสงบลง จณัตว์จึงเข้าไปประชิดตัวสู้กับเขา ผมเห็นจณัตว์สู้ไม่ไหว จึงเข้าไปช่วยเหลือ แต่กลับโดนนภดลจับตัวลอยขึ้น ถ้าจณัตว์ไม่ได้ผลักผมออกไป เป็นไปได้มากว่าผมคงไม่อยู่แล้ว”
บุริศร์พูดถึงเหตุการณ์นั้นด้วยความหวาดเสียว สีหน้าซีดเผือดด้วยความหวาดกลัว
ชินทรถามขึ้นอย่างไม่ยอมแพ้: “จณัตว์เขา……”
“จณัตว์เป็นอะไรครับ? ผมโดนยกลอยออกไป ก็กระแทกก้อนหินแล้วสลบไปทันที จณัตว์ไม่เป็นไรใช่ไหมครับ?”
คำพูดของบุริศร์ทำให้ชินทรเสียใจขึ้นมาอีกครั้ง
“แกพักฟื้นให้เต็มที่เถอะ”
พูดจบชินทรก็ออกไปจากห้อง
คิมเป็นห่วงชินทร จึงตามออกไป ตอนที่ในห้องเหลือแค่นรมนกับบุริศร์ เธอจึงรีบถามขึ้น: “ทำไมถึงบาดเจ็บหนักขนาดนี้?”
“ทุกคนตายกันหมด ถ้าผมไม่เจ็บหนักจะสมจริงเหรอ?”
บุริศร์ใช้เสียงพูดที่ได้ยินกันแค่สองคน แล้วพูดขึ้นเบาๆ: “เรื่องนี้ไม่ถือว่าเสร็จสิ้น ระยะนี้ไม่ควรให้ใครจับได้ ดังนั้นผมต้องพักฟื้น ไม่ว่าจะกลับประเทศ หรือกลับเมืองหลวงก็ตาม คาดว่าพวกเราคงใกล้ออกจากป่าดำแล้ว”
“ร่างกายของคุณเคลื่อนไหวได้ไหม?”
นรมนค่อนข้างเป็นห่วง
ดวงตาของบุริศร์สั่นไหวเล็กน้อย พูดขึ้น: “ต่อให้ผมเคลื่อนไหวไม่ได้ แต่เรื่องนี้ผมเป็นผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียว แล้วยังมีความสามารถด้านคอมพิวเตอร์ ทั้งยังเป็นญาติของจณัตว์อีก ทั้งหมดทำให้ผมหมดหนทางจะหนีออกมาจากเหตุการณ์ได้ ผมอาจจะต้องกลับเมืองหลวงเพื่อรับการตรวจสอบ”
ผลลัพธ์นี้ก่อนที่บุริศร์จะเห็นด้วยกับการกระทำของจณัตว์ก็คาดการณ์เอาไว้แล้ว ดังนั้นจึงไม่ได้แปลกใจ กลับเป็นนรมน เธอสุขภาพไม่ดี เพิ่งจะท้องได้ไม่นาน ถ้าต้องแยกกันไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะได้เจอกันอีก
นรมนไม่คิดว่าผลที่ตามมาของเรื่องนี้จะวุ่นวายขนาดนี้ จึงอดไม่ได้ที่จะพูดขึ้น: “ฉันจะไม่แยกกับคุณ!”
“นรมน? !”
“ฉันจะไม่แยกจากคุณ ต่อให้ต้องตรวจสอบ ฉันก็จะอยู่กับคุณ ฉันไม่เชื่อว่าเบื้องบนจะไม่มีเหตุผลขนาดนั้น”
นรมนพูดด้วยท่าทีพาลๆ จึงทำให้บุริศร์ยิ้มตามด้วยความหลงใหล
“อื้ม มีคุณอยู่กับผม ต่อให้ต้องตรวจสอบถึงปีสองปี ผมก็ไม่แคร์หรอก”
“ต้องนานขนาดนั้นเลยเหรอ?”
นรมนตะลึงงัน
บุริศร์พยักหน้าพูดขึ้น: “นี่เป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุด อันที่จริงเรื่องนี้เกี่ยวพันกันเยอะเกินไป ทั้งยังเกี่ยวข้องกับความลับสำคัญอีก ต้องระมัดระวังแล้วระมัดระวังอีก ดังนั้นตั้งแต่ตอนนี้ ไม่ว่าจณัตว์จะเป็นยังไง ต่อไปจะเป็นยังไง เราหมดหนทางจะเข้าแทรกแซงแล้ว แล้วก็ไม่ควรเข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วย ไม่งั้นก็จะสูญเสียทุกอย่าง”
นรมนพยักหน้า
“พักผ่อนอีกเดี๋ยวเถอะ คืนนี้เหนื่อยเกินไปแล้ว”
บุริศร์ตบๆที่ข้างกาย แม้จะรู้ว่าบนร่างกายเขามีบาดแผล แต่นรมนในตอนนี้ก็ร้อนรนมาก จึงขึ้นไปบนเตียงของเขา นอนลงไปในอ้อมกอดของเขา
“บุริศร์”
“ห๊ะ?”
“ขอบคุณนะ”
คำพูดมากมายรวบรวมกลายเป็นประโยคนี้ นรมนไม่รู้ว่านอกจากขอบคุณแล้วยังพูดอะไรได้อีก ส่วนบุริศร์แค่ยิ้มอย่างสงบ แล้วหลับตานอน
กานต์เห็นแด๊ดดี้กับหม่ามี้อย่างนี้ จึงถอยออกไปเงียบๆ
บางเรื่องเขาก็รู้แค่งูๆปลาๆ แต่เมื่อกี้ที่เขาได้ยินคำพูดของบุริศร์ก็เข้าใจแล้ว กลัวว่าต่อไปจะไม่ได้เจอแด๊ดดี้กับหม่ามี้อีกปีสองปีน่ะสิ
นึกถึงในครอบครัวที่ยังมีน้องชายน้องสาวอยู่อีก จู่ๆกานต์ก็รู้สึกถึงหน้าที่สำคัญขึ้นมา
เขากลับมาที่ห้องของตนเองอย่างเงียบๆ แล้วบอกเรื่องนี้ให้ธรรศกับคุณท่านตนุวรรู้ทันที แม้ตอนนี้เขาจะยังเด็ก แต่เขารู้ แค่มีคุณท่านตนุวรกับตระกูลทวีทรัพย์ธาดาอยู่ แด๊ดดี้กับหม่ามี้จะไม่เป็นไร