แค้นรักสามีตัวร้าย - บทที่ 1521 บางทีนี่อาจเป็นเจตจำนงของสวรรค์
เมื่อเครื่องบินแล่นจอดลงบนเมืองชลธี นรมนก็ลืมตาขึ้น
“ถึงบ้านแล้วเหรอคะ?”
“อืม”
แยกจากกันนานขนาดนี้ บุริศร์ยังรู้สึกว่าอากาศที่เมืองชลธีดีที่สุดแล้ว นรมนรู้สึกสบายอารมณ์ ราวกับแม้ว่าจะหอบหายใจแต่ก็ยังรู้สึกอิสระ
“ในที่สุดก็ถึงบ้านแล้ว”
นรมนยืดเอวอย่างขี้เกียจก่อนจะหันไปมองดูเด็กๆ ในอ้อมแขนของพี่เลี้ยงที่อยู่ด้านหลัง พลันใบหน้าของเธอก็เต็มไปด้วยรอยยิ้มที่มีความสุข
“อย่าตากลมสิ”
บุริศร์นำเสื้อโค้ทของตัวเองไปคลุมบนกายของนมนอีกครั้ง เขาแทบอยากจะโอบกอดศีรษะของเธอทั้งหมด
เมื่อเห็นสายตาที่มองลงมา นรมนก็รู้สึกอึดอัดเล็กน้อย แต่เมื่อคิดไปถึงระดับความห่วงใยของชายคนนี้แล้ว เธอก็กลืนคำพูดทุกอย่างลงไป
กานต์และพวกเด็กๆ ไม่ได้มาเครื่องบินไฟลท์เดียวกันกับเธอ แต่นรมนก็ไม่ได้เป็นห่วง อย่างไรก็มีธเนศพลและบุริศร์คอยจัดการทุกอย่าง
เมื่อทุกคนกลับถึงบ้านตระกูลโตเล็ก พรวลัยก็รีบออกมาให้การต้อนรับ
เมื่อเห็นท้องโตห้าเดือนของพรวลัย นรมนก็อดที่จะแปลกใจไม่ได้
“พี่สะใภ้ ท้องนี่6-7เดือนแล้วเหรอคะ?”
“ยังเลย เพิ่งได้5เดือนเอง”
พรวลัยยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ พลางจับหน้าท้องของเธอที่ใหญ่กว่าคนอื่นไปมาก ทว่าใบหน้าของกลับเธอเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่มีความสุข
บุริศร์อดมองไปยังท้องของพรวลัยไม่ได้ เขาไม่ได้พูดอะไร แต่แววตากลับฉายความกังวล
เป็นครั้งแรกที่ธเนศพลมายังบ้านตระกูลโตเล็ก เขาอดไม่ได้ที่จะสำรวจ ก่อนจะพูดว่า “บ้านเก่าของคุณช่างมีกลิ่นอายความคลาสสิกจริงๆ”
“อืม ก็บรรพบุรุษอยู่นี่ไง นายอยากอยู่ที่นี่บ้างไหมละ?”
เพราะว่าเป็นกังวลเกี่ยวกับฐานะของธเนศพล บุริศร์เลยไม่เรียกเขาว่าคุณชายธเนศพล เขาเรียกธเนศพลว่าธเนศพล และจะเรียกธเนศพลต่อจากนี้ไป
“แน่นอนสิ ฉันจะพุ่งมาที่บ้านหลังนี้”
ธเนศพลก้าวเข้าไปข้างในอย่างไม่เกรงใจ
นรมนกลับคิดว่าธเนศพลค่อนข้างน่าสนใจ เธอทำได้เพียงยิ้มขัน บุริศร์นำนรมนไปส่งยังชั้นบนก่อน
ห้องหับถูกทำความสะอาดอย่างหมดจด ดอกไม้สดบนโต๊ะก็เพิ่งเด็ดออกมาจากต้นเช่นกัน
เมื่อกลับมาถึงห้องของตัวเอง นรมนก็รู้สึกสบายตัวอย่างมาก
“ความรู้สึกของบ้านนี่มันดีจัง”
นรมนนอนแผ่ลงบนเตียง เธอสูดหายใจเข้าลึก ด้วยใบหน้าพึงพอใจอย่างที่สุด
บุริศร์ยิ้ม รู้ว่าช่วงนี้นรมนเบื่อ
ถึงแม้ว่าในโรงแรมอะไรก็ดีที่สุดไปเสียหมด แต่อย่างไรก็เป็นการกักตัวตรวจสอบ ไม่ต่างอะไรกับติดคุก และความพยายามทั้งหมดนี้ก็คุ้มค่า
“นี่คุณ อย่าดีใจจนลืมตัวสิ ตอนนี้คุณยังอยู่เดือนนะ นอนดีๆ อีกประเดี๋ยวพวกพี่เลี้ยงกลับมา ผมจะให้เขาทำอาหารอร่อยๆให้”
บุริศร์ดึงผ้านวมมาคลุมให้นรมน
เมื่อนรมนได้ยินว่าบุริศร์จะจัดการเรื่องต่างๆ เธอก็อดไม่ได้ที่จะถามว่า “ธเนศพลคนนั้นคือธเนศพลเหรอคะ?”
“อืม”
บุริศร์ไม่คิดที่จะปิดบัง
เมื่อตัวเองได้คำตอบ นรมนก็อึดอัดใจ
“ไม่ใช่ว่ายกเลิกการตรวจสอบแล้วเหรอคะ? ทำไมตอนนี้ยังตามมาที่บ้านอีก?”
เดิมทีเมื่อคิดว่าได้กลับถึงบ้านแล้ว จะสามารถติดต่อคนข้างนอกได้ ดูว่าตอนนี้จณัตว์เป็นอย่างไรบ้าง อย่างไรมันก็นานขนาดนี้แล้ว ข่าวคราวสักนิดก็ไม่มี นรมนไม่มีความมั่นใจ เธอกลับไม่คิดว่าธเนศพลจะตามกลับมาที่บ้านด้วย
สายตาของบุริศร์ส่อแววทำอะไรไม่ถูก
“เขาน่าจะมาปกป้องเรา ผมคิดว่ามันน่าจะเกี่ยวข้องกับสีตาของลูกชายคนเล็ก”
นรมนไม่ได้เป็นคนเขลา เมื่อได้ยินบุริศร์พูดเช่นนี้ เธอก็เข้าใจ
“เบื้องบนกลัวว่าลูกจะมียีนของนภดลสินะคะ?”
“ใช่แล้วล่ะ”
คำพูดของบุริศร์ทำให้นรมนขมวดคิ้วด้วยความเศร้าโศก
เมื่อเห็นท่าทางของภรรยา บุริศร์ก็พูดด้วยความทุกข์ใจอย่างหมดหนทาง “วางใจเถอะนะ ผมจะไม่ให้คุณกับลูกเป็นอะไรแน่ ตอนนี้ธเนศพลก็มาที่นี่แล้ว มันคือจุดหักเห ส่วนข่าวของคนคนนั้น รออีกหน่อยเถอะ ผมรู้ว่าคุณตัดใจทิ้งหงส์ไม่ได้ แต่เราไม่สามารถทำอะไรกับสถานการณ์ปัจจุบันได้”
“ฉันรู้ค่ะ ฉันแค่ไม่สบายใจนิดหน่อย”
นรมนยืดตัวขึ้นพิงไหล่ของบุริศร์ ก่อนจะพูดเสียงเบา “คุณว่าทำไมตาของลูกเป็นสีฟ้าคะ? ถึงแม้ว่ามันจะสวยมาก แต่จุดนี้มันก็บังเอิญเกินไป”
“มันจะผ่านไป และคุณตาบอกว่าคุณย่าของคุณยายเป็นชาวต่างเผ่า บางทีสีตาของของลูกอาจจะเป็นสิ่งที่ตกทอดสืบมาก็ได้ ตอนนี้เพียงแค่ได้หลักฐานมา คาดว่าคงจะขจัดความสงสัยของเบื้องบนออกไปได้”
บุริศร์นำเรื่องบนเครื่องบินมาเล่า ตอนนั้นนรมนกำลังหลับอยู่ และอาจไม่ได้ยิน
แน่นอนว่า นรมนมึนงงไปเล็กน้อย
“คุณย่าของคุณยายฉัน?”
“อืม”
นรมนแปลกใจ
“มันดูไม่ง่ายเลยที่จะยอมรับผู้หญิงต่างชาติในสมัยนั้น?”
“ใช่สิ คุณตาของคุณยายก็เป็นคน”
บุริศร์ยิ้มจาง แต่นรมนกลับได้ยินแว่วเสียงเยาะเย้ย
“กล้าดีนะคะ บรรพบุรุษฉันคุณยังกล้าเยาะเย้ย ไม่กลัวคุณตาตีคุณเหรอคะ?”
นรมนทุบบุริศร์ด้วยกำปั้น แต่บุริศร์จับมือของเธอเอาไว้ในอุ้มมือเขา
แม้ว่าเธอจะให้กำเนิดลูกแล้ว แต่อุณหภูมิฝ่ามือของนรมนก็ยังคงไม่สูง มันเย็นกว่าผู้หญิงทั่วไป
“มิลินก็ไม่อยู่ ร่างกายของคุณจำเป็นต้องได้รับการดูแลอยู่เสมอ คุณบอกว่ารอบตัวเรารายล้อมไปด้วยแพทย์ แต่เมื่อต้องการใช้คนจริงๆ ก็ไม่มีใครอยู่เลย”
บุริศร์ทอดถอนใจเล็กน้อย
นรมนพูดว่า “ใครพูดกันคะ? ลูกของเราไม่ใช่โพนี่เหรอที่ผดุงครรภ์ให้?”
“ก็ใช่ แต่อย่างไรเธอก็เป็นผู้อำนวยการ ผมได้ยินมาว่าเพราะเหตุการณ์นี้ เธอจะต้องถูกย้ายไปโรงพยาบาลทหารที่เมืองหลวง ถ้ามีคำสั่งลงมา ป้องก็คงจะพาเด็กๆไปที่เมืองหลวงด้วย”
คำพูดของบุริศร์ทำให้นรมนชะงัก
“ทำไมละคะ? เมืองชลธีเป็นสถานที่ที่ไม่ดีเหรอ?”
“คนสำคัญทุกคนไม่ใช่ไปเมืองหลวงเพื่อความก้าวหน้าเหรอ?”
ถึงแม้บุริศร์จะพูดเช่นนี้ แต่ในหัวของนรมนกลับขาวโพลน นี่ถูกพวกเขาพัวพัน
บางทีต่อจากนี้ไป ถ้าหากป้องและโพนี่ต้องการตรวจอาการของพวกเขาก็คงไม่สามารถแล้ว
บางทีอาจเป็นเพราะเป็นเรื่องของลูกๆ หรือบางทีอาจเป็นเพราะคุณชายทั้งสี่แห่งเมืองชลธีอยู่ใกล้ชิดกันเกินไป ดังนั้นเบื้องบนจึงต้องทำลายสภาพการณ์นี้เสีย
เมื่อคิดดังนี้ ดวงตาของนรมนก็มืดหม่นลง
“แล้วคุณชายอรรณพ… …”
“เมื่อเร็วๆ นี้เกิดเรื่องขึ้นที่บ้านของรมิดา และอรรณพก็ตามไปที่นั่นด้วย เขาอาจจะไม่สามารถกลับมาได้ในตอนนี้”
บุริศร์รู้ว่านรมนสามารถเดาได้
บรรยากาศภายในห้องพลันหดหู่
นรมนรู้สึกแน่นขนัดที่ทรวงอก
“คำสั่งดำรงตำแหน่งของโพนี่จะสั่งลงมาเมื่อไหร่คะ?”
“คาดว่าเร็วๆนี้นะ แต่เราไม่มีโอกาสได้พูดคุยกับพวกเขา เพราะผมได้ยินมาว่าหลังจากที่โพนี่ไปเมืองหลวงเพื่อรับช่วงต่อการคลอดลูกของคุณเธอก็ถูกปล่อยเอาไว้ ถ้าจะไปป้องก็ต้องพาเด็กๆไปหาที่นั่น”
เมื่อได้ยินบุริศร์พูดอย่างนี้ นรมนก็ยิ่งเสียใจไปอีก
แม้แต่โอกาสได้เจอหน้ากันก็ยังไม่ได้?
“เพราะอะไรกัน? ต่อให้ไม่ได้อยู่ด้วยกัน แต่ตอนนี้อินเทอร์เน็ตพัฒนาขึ้นมาก หรือพวกเราจะใช้วีแชทติดต่อกันไม่ได้เหรอ?จำเป็นต้องทำสิ่งนี้ไหม?”
“ถ้าทำได้ ก็คงไม่ติดต่อทางวีแชทแล้ว ที่ดวงตาของลูกเราจะเกิดจากเลือดหรือกรรมพันธุ์ของนภดล เป็นการดีที่จะไม่ติดต่อกันและกัน”
บุริศร์รู้ว่านรมนเสียใจ แต่สิ่งที่ต้องพูดอย่างไรก็ต้องพูดออกมา อย่างไรธเนศพลก็เข้ามาอยู่ด้วยกัน
นรมนรู้เหตุผลเหล่านี้ แต่ว่าก็ยังคงเสียใจ
“โอเค ลองคิดดูดีๆ ว่าคุ้มไหมที่เราจะทำแบบนี้ เราจะรู้สึกดีขึ้นไหม?”
บุริศร์กอดนรมนแน่น
นรมนรู้สึกรับไม่ได้ เขาล่ะรับได้อย่างไร?
เขาอยู่ด้วยกันกับป้อมมาเป็นเวลานอน ตอนนี้กลับต้องมาแยกจาก ถึงแม้จะพูดว่าอุตสาหกรรมของตระกูลพรรณโรจน์จะอยู่ในเมืองชลธี แต่ถ้าป้องไม่อยู่ ธุรกิจและอุตสาหกรรมเหล่านั้นจะมีความหมายอะไรกับบุริศร์?
แต่ว่าชีวิตคนเรามันก็เป็นอย่างนี้ ไม่เที่ยงแท้ยั่งยืน และทำได้แค่อยู่กับปัจจุบันให้ดี ยิ่งไปกว่านั้นทุกอย่างที่พยายามทำมาทั้งหมด ล้วนเพื่อให้ชีวิตใหม่แก่จณัตว์ เมื่อคิดได้อย่างนี้ก็ยอมรับมันได้
แน่นอน ว่าสีหน้าของนรมนก็ผ่อนคลายลงได้มาก
“ฉันรู้แล้วค่ะ คุณไปจัดการอะไรของคุณเถอะนะ ตอนนี้ฉันอยู่เดือน คงไม่ได้ติดต่อกับคุณชายธเนศพลมากนัก และซ่อนตัวได้มาก ลำบากคุณแล้วค่ะ”
บุริศร์กลับยิ้มอย่างไม่แยแส “ไม่เป็นอะไร ใครให้ผมเป็นสามีคุณล่ะ”
“ขอบคุณนะที่รัก”
เมื่อได้ยินเสียงนี้บุริศร์ก็คันยิบในใจ แต่เมื่อคิดถึงสภาพร่างกายของนรมนแล้ว จึงทำได้เพียงถอนหายใจในใจนั้น
อดทนไว้
“แล้วก็ อย่าพูดอะไรต่อหน้าพี่เลี้ยงล่ะ”
คำพูดของบุริศร์ทำให้นรมนชะงักกึก
“หมายความว่าอะไรคะ? พี่เลี้ยงก็เป็นคนของเบื้องบนเหรอคะ?”
“ผมไม่ค่อยแน่ใจนัก แต่จากประสบการณ์ของผมที่มีหลายปี มันอาจจะใช่”
นรมนโกรธขึ้นมาทันที
“ถ้างั้นก็ไล่ออก! ฉันไม่อยาก… …”
“ไม่ว่าคุณจะอยากหรือไม่ คนนี้ก็ต้องอยู่ แม้จะไม่ใช่พี่เลี้ยง ก็ต้องเป็นคนอื่น นอกเสียจากคุณสามารถหาคนสนิทมาเป็นพี่เลี้ยงได้ แต่ข้างกายเราไม่มีเลย ถ้ายังเปลี่ยนคนแล้วเป็นเช่นนี้ ยังงั้นใช่คนนี้ดีกว่า วางใจเถอะนะ ผมจะหาวิธีมาละมุนละม่อม”
คำพูดของบุริศร์ทำให้นรมนไม่สบายใจ
“เมื่อไหร่วันแบบนี้มันจะจบสักทีคะ?”
“หาความจริงให้เจอแล้วจะจบได้ สีตาของลูก เป็นปัญหาเราที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แล้วก็ก่อนหน้าเราต้องตรวจสอบเรื่องคุณยายไม่ใช่เหรอ? แล้วก็ยังมีนิวัฒน์นั่นอีก แต่เพราะเรื่องของจณัตว์ถูกดองเอาไว้ และเพราะเหตุบังเอิญ ลูกน้อยของเราทำให้ทุกอย่างต่อติดกันอีกครั้ง บางทีนี่อาจเป็นประสงค์ของสวรรค์”
บุริศร์สามารถหาจุดสงบสติอารมณ์ได้เสมอเมื่อ จะต้องผ่านความยากลำบากสักเท่าใด จึงจะเข้าถึงสถานการณ์ดังกล่าวได้?
ใจของนรมนรู้สึกเป็นทุกข์
เธออ้าแขนกอดรัดเอวของบุริศร์ ก่อนจะฝังหน้าลงบนอกแกร่ง พลางฟังเสียงหัวใจที่เต้นของเขา และพูดกระซิบว่า “คุณต้องระวังตัว ตอนนี้ฉันกำลังอยู่เดือนและคงช่วยคุณไม่ได้ คุณอาจจะลำบากสักหน่อย”
“ไม่เป็นไรนา แค่คุณดูแลตัวเองให้ดีผมก็พอใจที่สุดแล้ว นรมน ผมเคยคิดที่จะอยู่ข้างกายคุณต้องคุณต้องอยู่เดือน แต่เมื่อตอนนี้เกิดเรื่องขึ้น ถ้าหากผมไม่สามารถปกป้องคุณในทุกวัน คุณ… …”
“พูดอะไรคะ? ฉันเป็นคนที่ไม่แยกแยะเรื่องราวเหรอคะ? คุณจะทำอะไรก็ไปทำ ฉันไม่เป็นไรค่ะ ทำใจให้สบายเถอะ อีกอย่างที่นี่คือเมืองชลธี เป็นบ้านของคุณ!”
รอยยิ้มของนรมนผ่อนคลายความไม่สบายใจในอกของบุริศร์ไปได้มาก เขาลูบศีรษะของนรมน พลันก็ได้ยินเสียงเครื่องยนต์ของรถดังมาจากข้างนอก พร้อมด้วยเสียงเฮฮาของพวกเด็กๆ
ดูท่า พวกพี่เลี้ยงจะกลับมาแล้ว