แค้นรักสามีตัวร้าย - บทที่ 1523 ฉันน่ารังเกียจขนาดนั้นเลยเหรอ?
“คุณอาธเนศพล โอเคไหมครับ?”
กิจจาหันมาสบกับดวงตาที่กำลังครุ่นคิดอะไรอยู่ของธเนศพล ด้วยรอยยิ้มที่จริงใจและไร้เดียงสาเป็นพิเศษ
ใจของธเนศพลฉุกคิดอะไรได้บางอย่าง ก่อนจะรีบยิ้มออกมา “ไม่ดีเลย จะทรุดลงไปอยู่แล้ว ไม่รู้ว่าจะใช่เพราะไม่คุ้นกับอาหารและอากาศของที่นี่หรือเปล่านะสิ”
“คงจะใช่นะครับ ถึงแม้ว่าเมืองหลวงจะอยู่ห่างจากเมืองชลธีเพียงบินแค่หนึ่งชั่วโมง แต่อย่างไรก็ไม่ใช่มณฑลหนึ่ง ไม่คุ้นกับสภาพอากาศหรืออาหารก็เป็นเรื่องปกติ ดังนั้นคุณอาธเนศพลมาทางไหนถึงไม่กลับไปทางนั้นเสียละครับ?”
ถึงแม้กิจจาจะพูดด้วยรอยยิ้ม แต่การไล่แขกที่ชัดเจนอย่างนี้มีหรือเขาจะไม่รู้ความ
เขาละกลัดกลุ้มเสียจริง ตัวเองไปทำอะไรให้บรรพบุรุษของไอ้ตัวจ้อยนี่ขุ่นเคืองนักหรือ นึกไม่ถึงว่าจะรังเกียจเขามากเสียขนาดนี้
“อันนั้นละก็ ไม่คุ้นกับวิถีชีวิตที่นี่ไม่กี่วันก็ดีแล้วนา ไม่มีอะไรหรอก”
พูดจบธเนศพลก็ล้มลงบนโซฟา คราวนี้เขาเห็นชาก็ไม่กล้าดื่มแล้ว
บุริศร์เห็นพวกเขาสองคนประชันกันแล้ว ก็อดไม่ได้ที่จะส่ายหน้า
“กิจจา คุณอาธเนศพลมาที่นี่เพื่อปกป้องครอบครัวของเรา อย่าสร้างปัญหา”
“อ๋อ”
กิจจาส่งเสียงอ๋ออย่างเชื่อฟัง และไม่พูดอะไรอีก ก่อนจะสาวเท้าเดินออกจากห้องไป เขาต้องการไปดูพวกน้องชาย ไม่มีเวลามาอยู่เป็นเพื่อนคุณอาที่นี่ให้เสียเวลา
ธเนศพลมองตามแผ่นหลังของกิจจา ก่อนจะพูดอย่างไร้เดียงสาว่า “บุริศร์ ทำไมลูกชายนายถึงเกลียดฉันได้ขนาดนี้ละ?”
“นายถามฉัน แล้วฉันจะไปถามใคร นายลองคิดว่าไปทำอะไรให้เขาไม่พอใจ”
นอกจากนี้ยังเป็นครั้งแรกที่บุริศร์เห็นกิจจาเริ่มหาเรื่องใครสักคน และอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ
เดิมทีเขายังคิดว่ากิจจาจะไร้เดียงสาซื่อตรง กลัวว่าอนาคตจะโดนเอาเปรียบได้ ดูเหมือนว่าเขาจะกังวลมากเกินไป
ธเนศพลคิดอย่างไรก็ไม่เข้าใจ เขาแค่ต้องการเห็นลูกชายสองคนของบุริศร์? นี่เขาไปยั่วยุใครเข้า
“จริงสิ วิสุทธิ์จะมาตอนไหน?”
“เขาบอกว่าเร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้”
บุริศร์นึกถึงวิสุทธิ์ ก่อนจะนั่งลงข้างๆ ธเนศพล พูดพลางยิ้มขันว่า “มาปรึกษาหารือกันดีกว่า”
“ทำอะไร?”
ธเนศพลเหลืองมองเขาด้วยหางตา รู้สึกว่าท่าทางนี้ค่อนข้างจะอันตราย เขามักจะรู้สึกว่าบุริศร์กำลังคำนวณอะไรบางอย่างอยู่เสมอ
“ฉันแค่จะเตือนนายว่า อะไรที่ไม่ควรคิด ก็อย่าไปคิด”
บุริศร์กลับพูดอย่างไม่ใส่ใจว่า “อะไรที่เรียกว่าอะไรที่ไม่ควรคิด? ดูสิ วิสุทธิ์ก็นับว่าเป็นเพื่อนตายของเรา ตอนนี้จะให้มาเป็นมาส่วนตัวคนเดียวของนายก็เสียเปล่า จะดีกว่าไหมที่จะให้เขามาตรวจร่างกายภรรยาของฉันสักหน่อย?”
ธเนศพลมองบน รู้สึกว่าบุริศร์นี่ได้คืบจะเอาศอกเสียจริง
“หมอส่วนตัวของคุณล่ะ?”
การมีอยู่ของมิลินไม่ใช่ความลับ การไม่ได้อยู่กับบุริศร์ ทำให้บุริศร์ยากที่จะตอบเล็กน้อย
“ไปทำธุระและจะไม่กลับมาอีกสักพัก แค่พูดมาว่าจะให้ยืมไหม”
ธเนศพลไม่ค่อยจริงจัง เขามองไปที่บุริศร์ ก่อนพูดทีละประโยคว่า “บุริศร์ เรื่องที่ฉันคิดได้นายคิดว่าคุณท่านจะคิดไม่ถึงเหรอ? ฉันไม่สนว่ามิลินทำอะไรอยู่ข้างนอก เธอไม่ปรากฏตัวตั้งแต่นายถูกกักตัว ถ้าหากนายยังถูกกักตัวอยู่ก็พอยอมรับได้นะ แต่ตอนนี้นายกลับมาแล้ว ร่างกายของภรรยานายก็มาเป็นอย่างนี้อีก เธอไม่อยู่ นายคิดเหรอว่าคนอื่นจะไม่คิดอะไร? ฉันไม่สนหรอกว่านายกำลังทำอะไรหรือวางแผนอะไรอยู่ แต่คนอื่นใช่ว่าจะไม่คิดอะไรมาก วิสุทธิ์มานี่ก็สามารถช่วยเหลือได้ แต่เรื่องที่ฉันพูดนี่นายก็ลองพิจารณาด้วยตัวเองสักหน่อยแล้วกัน”
พูดจบธเนศพลก็ออกไปจากห้องรับแขก
บุริศร์ตกตะลึง จุดนี้เขาไม่เคยคิดมาก่อน
ลองคิดให้รอบคอบเกี่ยวกับเรื่องของจณัตว์ที่พัวพันอย่างมาก ต้องมีดวงตามากมายกำลังคอยจ้องตัวเองในความมืดมิด ไม่ต้องพูดถึงมิลิน บางทีคนรับใช้ในตระกูลโตเล็ก สิ่งที่บรรพบุรุษรุ่นแปดทำทั้งหมดคงได้ถูกคนตรวจสอบอย่างชัดเจน
เมื่อคิดถึงตรงนี้ บุริศร์ก็หยุดชะงัก เขามองไปทางห้องของธเนศพล รู้ว่านี่เป็นสิ่งที่ธเนศพลเตือนเขา ส่วนบางสิ่งที่เขารู้อะไรบางอย่าง บุริศร์ไม่กล้าถาม และไม่สามารถถาม
เขารีบไปห้องทำงาน เพื่อส่งข้อความให้บุณพจน์
เมื่อบุณพจน์ได้รับข้อความของบุริศร์แล้วเขาก็รีบตอบทันที “ไม่มีปัญหาครับ ตอนบ่ายมิลินก็กลับมาแล้ว ผมคิดเรื่องนี้มานานแล้ว ดังนั้นเมื่อตอนจัดให้เธอไปรักษาใครคนนั้น ผมได้จัดคนอีกคนหนึ่งให้เธอรักษา ตอนนี้น่าจะกลับมาด้วยกัน”
คำว่าจณัตว์สามพยางค์เป็นคำต้องห้าม ดังนั้นบุณพจน์จึงพูดอย่างคลุมเครือ
บุริศร์เข้าใจ ความคิดของบุณพจน์ละเอียดรอบคอมมาก เขาอดไม่ได้ที่จะถามว่า “ใคร?”
“น้องเขยของคุณ นาวินครับ”
คำพูดของบุณพจน์ทำให้บุริศร์ชะงักงัน
“เขาเป็นยังไงบ้าง? เกิดอะไรขึ้น?”
หลังจากที่ธิดาวีร์ทำร้ายนาวิน นาวินก็พาเด็กๆจากไป บุริศร์ก็ไม่ได้ทำให้เขาลำบากใจ กลับกันยังส่งคนตามเขาไปเพื่อปกป้อง เขาไม่ได้คาดหวังว่าจะได้ยินข่าวการบาดเจ็บของนาวินจากปากของบุณพจน์และอดไม่ได้ที่จะกังวล
บุณพจน์กลับพูดเสียงต่ำว่า “ไม่มีอะไรครับ แค่ดึงดูดความสนใจ”
สิ่งนี้ทำให้บุริศร์เข้าใจในทันที
นี่คือเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของคนอื่นที่เฝ้าระวังมิลิน ดังนั้นจึงตั้งใจได้รับบาดเจ็บโดยเจตนา เมื่อคิดถึงความทุ่มเทที่นาวินมีต่อเขา หัวใจของบุริศร์ก็อบอุ่นขึ้นมาเล็กน้อย
“เขาไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”
“ไม่เป็นอะไรครับ อยู่ภายใต้การดูแลของมิลินนี่นะ”
ทั้งสองพูดคุยกันไม่กี่ประโยคก่อนจะตัดบทสนทนา
ธเนศพลกลับไม่ออกมาอีกเลย กระทั่งตอนทานอาหารเย็นก็ไม่ออกมา บอกว่าไม่ค่อยสบายตัว บุริศร์ให้คนไปส่งอาหารที่ห้อง เมื่อเห็นว่าธเนศพละกำลังเล่นเกมก็อดไม่ได้ที่จะแปลกใจ
“นี่มันเรื่องอะไรกัน?”
“ไม่มีเรื่องอะไรทั้งนั้น ลูกของนายไม่ชอบฉัน ฉันจะออกไปกวนโมโหให้เกลียดทำไม? เดี๋ยวจะติดเชื้อเข้าอีก ถ้าไม่คุ้นกับอาหารหรือสภาพอากาศที่นี่เข้าอีกฉันจะทนไม่ไหวแล้ว ฉันทำตัวเรียบร้อยเล่นเกมในห้องจะดีกว่า”
ธเนศพลกลับไม่ได้ปิดบังอำพรางไว้ บุริศร์อยากจะขันนัก
“นี่นายคิดเล็กคิดน้อยกับเด็กหรือไง”
“ผิดแล้ว ฉันไม่ได้คิดเล็กคิดน้อยกับพวกเขา ฉันไม่ได้พักผ่อนอย่างเพียงพอในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ฉันมานี่เพื่อพักผ่อนหย่อนใจ อย่ามารบกวนฉัน ไปทำอะไรของนายต่อเถอะ”
ธเนศพลขับไล่บุริศร์ออกไปอย่างเมินเฉย
บุริศร์มองไปที่ห้องอย่างพูดไม่ออกบอกไม่ถูก แต่มุมปากของเขากลับยกขึ้น หลายปีมานี้ ธเนศพลได้กลับไปสู่ครอบครัวเดิม หลังจากทำหน้าที่ของตัวเองแล้วก็รู้สึกตึงเครียดมาโดยตลอด ในที่สุดตอนนี้ก็ได้ฟื้นคืนตัวตนของแต่ก่อน เขาดีใจแทนธเนศพลจริงๆ
หลังจากที่คุณท่านตนุวรกลับถึงบ้านแล้ว เขาค้นหาเป็นเวลานานแต่ก็ไม่พบสิ่งของของหญิงชรา แม้แต่รูปถ่ายงานแต่งงานของทั้งสองก็ถูกพรากไป
เอาไปเสียหมดจด ราวกับแต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยมาตระกูลพรโสภณอย่างไรอย่างนั้น แต่ว่านงลักษณ์และคิมมาได้อย่างไร?
คุณท่านตนุวรพิงเก้าอี้ด้วยสีหน้าเหงาหงอยเล็กน้อย
คนที่เขาควรขอโทษตลอดชีวิตนี้คือคนรักของเขา น่าเสียดายที่แม้กระทั่งวาระสุดท้ายของเธอก็ไม่ได้พบเจอกัน แม้กระทั่งหลุมฝังศพของเธออยู่ที่ไหนเขาก็ไม่รู้ ความรู้สึกนี้มันช่างน่าเศร้าเป็นพิเศษ
ยิ่งอายุมากขึ้น ยิ่งจำเรื่องในอดีตได้มาก
คุณท่านตนุวรนึกย้อนไปถึงวันที่ตัวเองเพิ่งได้แต่งงานกับภรรยาของเขาก่อนจะทอดถอนหายใจเล็กน้อย ท้ายที่สุดคนที่จากไป จะหาอย่างไรก็ไม่กลับมาแล้ว
เขาโทรศัพท์หาบุริศร์
“สิ่งของของคุณยายนายฉันหาไม่เจอ ตอนนี้ทำได้เพียงแค่หวังว่าทางเจตต์จะพบอะไรบ้าง”
“รับทราบครับ คุณตา อย่ากังวลเลยครับ มันต้องมีวิธี”
บุริศร์ปลอบโยน
เขาโทรหาเจตต์ แต่ว่าเจตต์เปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์ อาจจะเพราะว่าอาการเจ็บป่วยของขวัญตาเลยตัดขาดการติดต่อไปอย่างสิ้นเชิง และก็ไม่รู้ว่าพวกเขาเป็นอย่างไรกับบ้าง
บุริศร์พอจะเข้าใจการกระทำของเจตต์
ลูกทั้งสามเบิกบานใจกันอย่างมาก ล้อมรอบน้องชายตัวน้อยสนุกสนานเฮฮากันอย่างมีความสุขตลอดทั้งวัน ทำให้นรมนรู้สึกสงบอย่างมาก
วันเวลาล่วงไปมากกว่าหนึ่งสัปดาห์ เด็กทารกทั้งสองกินและนอนทั้งวัน กินอิ่มก็นอนหลับหายห่วง
เมื่อวิสุทธิ์มาถึงเขาก็ตรวจร่างกายของธเนศพล ก่อนจะจ่ายยา และเขาสนใจในตัวของกิจจามาก และทั้งสองก็สนิทกันอย่างรวดเร็ว
ธเนศพลมองไปยังท่าทางที่กิจจามีต่อวิสุทธิ์ ก็อดไม่ได้ที่จะกลุ้มใจ
“ฉันน่ารังเกียจขนาดนั้นเลยเหรอ?”
กมลชายตามองเขาแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร แต่แววตากลับฉายแววไม่ยินดี กานต์ทำเพียงแค่เม้มปาก ดูไม่ออกว่าชอบหรือไม่
มิลินก็กลับมาแล้ว และยังพานาวินกับลูกชายของเขากลับมาด้วย
ลูกชายของนาวินอายุได้หนึ่งขวบปีแล้ว หัดพูดอ้อแอ้ และเพิ่งจะหัดเดิน ท่าทางเซไปเซมาทำให้เด็กทั้งสามยิ่งชอบมากขึ้นไปอีก
ชั่วขณะหนึ่ง บ้านเก่าของตระกูลโตเล็กก็เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ สนุกสนานครื้นเครง ทำให้ธเนศพลรู้สึกเหมือนอยู่ในความฝัน
เขาเติบโตมาอย่างโดดเดี่ยว ตอนนี้เขาเห็นครอบครัวใหญ่ๆ อยู่ด้วยกันอย่างมีชีวิตชีวา นี่เป็นสิ่งที่เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลย จู่ๆเขาก็มีความคิดที่อยากจะเข้ามาหลอมกายเข้ามาอยู่ด้วย แถมความคิดที่ไม่อยากจากไปยังเข้ามาสู่ห้วงความคิดอีก
วิสุทธิ์เดินเข้ามาพร้อมกระป๋องเบียร์ เขายื่นให้ธเนศพล มองดูความคึกคักด้านล่าง ก่อนจะยิ้ม “นี่คือวิถีชีวิตมนุษย์ คุณน่าจะออกไปข้างนอกเสียหน่อย”
ธเนศพลยิ้มอย่างขมขื่น “นายคิดว่าฉันไม่อยากเหรอ แต่วิถีชีวิตของมนุษย์ที่สวยงามเช่นนี้ก็ต้องได้รับการปกป้องจากใครบางคนใช่ไหมละ? ถ้าฉันไม่นั่งที่ตำแหน่งนั้น ตอนนี้พวกเขาก็อาจจะถูกรุกราน คนที่อยู่ในตำแหน่งสูงเท่านั้นที่จะสามารถปกป้องคนที่เขาต้องการปกป้องได้”
“แต่ถ้าอย่างนั้นคุณก็จะเหนื่อยเกินไป”
วิสุทธิ์เข้าใจธเนศพล หลายปีมานี้เขาเข้าใจธเนศพลมาโดยตลอด ไม่มีใครปรารถนาอิสรภาพมากไปกว่าธเนศพล แต่อย่างไรเขาก็มีคนที่ห่วงใยและต้องการที่จะปกป้องมากมาย
“เหนื่อยแต่ไม่ตายก็ต้องมีชีวิตต่อไป นายและบุริศร์มอบชีวิตนี้ให้ฉัน ฉันก็ต้องทำอะไรบ้าง ช่วงนี้ทางฝั่งคุณท่านเคลื่อนไหวอะไรบ้าง?”
ธเนศพลเปิดกระป๋องแล้วจิบ เขาขมวดคิ้วเล็กน้อยเพราะรสชาติไม่ถูกปากนัก
วิสุทธิ์พูดเบาๆ “ยังคงจ้องมองตระกูลโตเล็กครับ แต่ก็อย่างที่คุณคาดการณ์ไว้ เมื่อเร็วๆ นี้มีคนตรวจสอบสถานที่พักในระหว่างเดินทางของมิลินและคนติดต่อรอบตัว แม้แต่ประเทศF ก็มีสายลับอยู่บ้าง ทางสถาบันวิจัยที่ป่าดำก็น่าจะถูกจับตามองอยู่ด้วยครับ”
ธเนศพลไม่ได้มีปฏิกิริยาตอบโต้มากนัก เขาจิบเบียร์อีกครั้ง ก่อนพูดเสียงต่ำ “นภดลเป็นยังไงบ้าง?”
“ตอนนี้ทุกอย่างมั่นคงมีเสถียรภาพมาก เป็นกังวลก็แต่ปาณีครับ เธอเป็นคนที่มีความผูกพันทางจิตใจหนักแน่นมาก เป็นเวลานานแล้วแต่เธอก็ยังคงตามหาที่อยู่ของนภดล เดิมทีผมอยากจะพูดอะไรกับเธอ แต่มีคนจำนวนมากที่คอยเฝ้าดูเธอครับ”
ธเนศพลไม่ปริปากพูด แต่กลับถามด้วยเสียงทุ้มต่ำอีกครั้งว่า “เขาเป็นยังไงบ้าง? ยังโอเคไหม? ตอนแรกเขาเสียเลือดที่ป่าดำไปมาก ถึงแม้จะถูกมิลินช่วยเอาไว้ได้ แต่ตั้งแต่ตอนนั้นเป็นต้นกลับไม่ได้ข่าวคราวเลยสักนิด ไม่รู้ด้วยว่าเป็นตายร้ายดียังไงบ้าง”