แค้นรักสามีตัวร้าย - บทที่ 1528 สถานการณ์ไม่ค่อยดี
นรมนมีปฏิกิริยากลับ เธอพูดกับมิลินว่า “ขอบคุณนะ”
“ฉันรับคำขอบคุณของคุณนายไม่ได้หรอกค่ะ อย่างไรฉันก็รักษาคิมไม่ได้”
มิลินมีนิสัยโผงผาง มีอะไรก็พูด ณ จุดนี้เธอไม่ได้รักษาให้หายดี
“ถึงอย่างนั้นก็ขอบคุณ ถ้าหากไม่ใช้เธอที่ซื้อเวลาให้แม่ของฉัน ตอนนี้ฉันคงยังไม่รู้ว่าแม่ยังอยู่หรือเปล่า”
นรมนขอโทษกับการกระทำของเธอเมื่อครู่
มิลินไม่คิดว่านรมนจะทำแบบนี้ แววตาของเธออดที่จะอบอุ่นไม่ได้
“คุณนายคะ คุณเป็นลูกสาว ห่วงใยมารดาเป็นเรื่องปกติ ไม่ต้องขอโทษฉันหรอกค่ะ ฉันไปตรวจดูตระกูลปวนะฤทธิ์ สถานการณ์เป็นอะไรยังไงบ้างเราค่อยกลับมาคุย”
“โอเค”
เมื่อเห็นมิลินออกไปจากห้องเก็บไวน์แล้ว นรมนก็พูดเสียงหนักแน่นว่า “ตอนนี้พูดได้ไหมว่าทุกคนในตระกูลปวนะฤทธิ์ถูกประทุษร้ายจนตาย?”
“พูดอย่างนี้ไม่ได้หรอก รอข่าวจากพี่ก่อนเถอะ”
วิสุทธิ์มองไปยังท่าทีรักใคร่ของคู่สามีภรรยา ก็อดที่จะขวางหูขวางตาไม่ได้
“ฮัลโหล อย่าทรมานคนโสดได้ไหม? ได้โปรดดูแลฉันตรงนี้หน่อยได้ไหม?”
บุริศร์กลอกตาแล้วพูด “โตขนาดนี้แล้วยังไม่หาภรรยาวิสุทธิ์ นายไม่มีปัญหาเหรอ?”
“ฉันไปหานาย แล้วถึงค่อยมีปัญหา รีบพูดมา ฉันนี่จะทำยังไงต่อ? ฉันก็เคยสัมผัสกับคุณนายมาแล้ว”
วิสุทธิ์พูดไม่ออกเล็กน้อย ไม่สามารถขังเขาไว้ที่นี่ได้
บุริศร์กรีดนิ้วของตัวเองอย่างใจเย็น ก่อนจะนำนิ้วเข้าไปในปากของวิสุทธิ์
“อ่อก”
“คายออกมาถ้าหากมีเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ฉันก็ช่วยนายไม่ได้ ในร่างกายของฉันมีพิษของหนอนกู่ทองคำอยู่ เลือดของฉันก็รวมเข้ากับเขาอย่างสมบูรณ์ ดังนั้นเลือดของฉันสามารถระงับพิษของหนอนกู่ทั้งหมดได้”
บุริศร์อธิบาย
วิสุทธิ์รีบสูดหายใจเข้าสองครั้ง จากนั้นจึงคายออกมา พูดอย่างรังเกียจเล็กน้อย “ในเมื่อเป็นอย่างนี้แล้ว ทำไมเมื่อกี้นายให้มิลินปล่อยเลือดให้คุณนายละ?”
“ดื่มเลือดมันสกปรก ถ้ามีหนทางอื่น ฉันจะทำให้เมียฉันสะอิดสะเอียนทำไมละ?”
คำพูดของบุริศร์ทำร้ายจิตใจเล็กน้อย
วิสุทธิ์รู้สึกว่าเขาได้รับอันตราย10,000คะแนน
นรมนรังเกียจสิ่งสกปรก แล้วเขาไม่รังเกียจหรือไงกัน?
ราวกับรู้ว่าวิสุทธิ์กำลังคิดอะไร บุริศร์พูดขึ้นมาด้วยเสียงแผ่วเบา “นายก็เป็นหนุ่มใหญ่ แล้วก็ยังโสด จะสนใจอะไรมากเล่า? ไม่มีใครมาจูบกับนายหรอก”
คำพูดนี้มันฆ่ากันชัดๆ
นรมนได้ฟัง ปากของเธอก็อดแย้มยิ้มออกมาไม่ได้
“เอาละ ตอนนี้ไม่มีอะไรแล้ว พวกเราออกไปกันเถอะ หากเกิดเรื่องกับตระกูลปวนะฤทธิ์ขึ้นมาจริง จะต้องรายงานไปยังเบื้องบนโดยเร็วที่สุด คาดว่าธเนศพลคงไม่สบายใจอยู่ข้างนอก”
บุริศร์ทำการตัดสินใจ
ในปากของ วิสุทธิ์ยังมีกลิ่นคาวเลือด แต่มีรสชาติหวานปะแล่มเล็กน้อย ไอ้เจ้าพิษหนอนกู่นี่มันคืออะไรกันแน่เขาล่ะแปลกใจ แต่เขารู้ว่าตัวเองไม่มีโอกาสได้วิจัยมัน
หลังจากที่ทั้งสามเดินออกมา พวกเขาก็เห็นธเนศพลนั่งอยู่ด้านข้างด้วยท่าทางเคร่งขรึม
“ธเนศพล มีเรื่องให้นายตัดสินใจ”
คำพูดบุริศร์ทำให้ธเนศพลพยักหน้า
“เมื่อกี้มิลินได้พูดคุยกับเธอเล็กน้อย บอกฉันมาเกี่ยวกับสถานการณ์นี้เถอะ”
“ให้วิสุทธิ์พูดเถอะ ฉันจัดการเรื่องนรมนเสร็จแล้วจะไปบ้านตระกูลปวนะฤทธิ์ต่อ พี่ชายฉันอยู่คนเดียวที่นั่น ฉันไม่สบายใจ ทางที่ดีนายพาคนของนายตามฉันไปด้วย”
บุริศร์รู้ว่าทันทีที่เหตุการณ์นี้เกิดขึ้น เรื่องดวงตาสีฟ้าของภาณจะถูกเลื่อนออกไปก่อน เบื้องบนจะไม่เพ่งเล็งมาที่บ้านตระกูลโตเล็กโดยเฉพาะ
ธเนศพลก็คิดถึงจุดนี้ ถ้าหากคุณท่านไม่เพ่งเล็งตระกูลโตเล็ก เขาธเนศพลก็ควรจะกลับไป
ชีวิตว่างเปล่าที่ไร้ความกังวลนี้กำลังจะสิ้นสุดลงแล้ว
วิสุทธิ์รีบพูดว่า “เลือดของบุริศร์สามารถสะกดพิษหนอนกู่ได้ ฉันคิดว่าคนที่ไปต้องได้ดื่มเลือดของบุริศร์ เพื่อป้องกันเหตุการณ์ที่ไม่แน่นอน อย่างไรก็เป็นคนข้างกายของคุณชายธเนศพล ไม่ควรนำปัจจัยที่ไม่เอื้อผลกลับไปด้วย”
มุมปากของบุริศร์กระตุก
“นายจงใจใช่ไหมวิสุทธิ์?”
“เพลิดเพลินคนเดียวไม่สนุกเท่าเพลิดเพลินหลายคนหรอก ช่วยฉันให้ดื่มเลือดคนเดียวก็ไม่ได้ใช่ไหมละ?”
“นั่นมันก็เพื่อช่วยนาย”
“ฉันยอมรับความรักจากนาย แต่ที่ฉันพูดไปก็ไม่ผิด ไม่ว่ายังไง คุณชายธเนศพลของฉันก็ต้องได้ดื่มสักนิดแล้วล่ะ?”
วิสุทธิ์กับบุริศร์โต้แย้งกัน ทำให้ธเนศพลมึนงงเล็กน้อย
“พวกนายสองคนหยุดเถอะ อายุกันเท่าไหร่แล้ว ทำอย่างกับเด็กๆ”
คำพูดของธเนศพลทำให้ทั้งสองคนหุบปาก
นรมนพูดอย่างปวดใจว่า “ถ้าเป็นอย่างนี้ต้องการเลือดจากบุริศร์ของเราเท่าไหร่คะ?”
“สบายใจเถอะครับ คุณนาย ผมรับปากว่าจะไม่ให้เกิน400ซีซี”
คำพูดของวิสุทธิ์ช่างกวนบาทามาก
บุริศร์จ้องเขาเขม็ง แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร
ทุกคนเดินไปยังห้องรับแขก บุริศร์เจาะเลือด คนที่ต้องไปแยกกันไปดื่มทีละนิด บุริศร์บังคับให้ลูกของเขาดื่มด้วยเล็กน้อย จึงค่อยสบายใจ
“กานต์ กิจจา กมล พ่อจะออกไปข้างนอก ถึงแม้ในบ้านจะมีชัยยศกับกิมจิคอยปกป้องอยู่ แต่ว่าพวกลูกก็ต้องปกป้องหม่ามี้กับพวกน้องชายนะ รู้ไหม?”
“รู้แล้วครับค่ะ แด๊ดดี้”
เด็กน้อยทั้งสามรีบพยักหน้า
นรมนพูดอย่างไม่ค่อยสบายใจ “ถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้นมาจริงละก็ โทรหาฉันได้ตลอดนะคะ ห้ามปิดบังกัน”
“โอเค”
บุริศร์จูบนรมน ก่อนจะออกไปกับพวกวิสุทธิ์ ธเนศพลคิดอะไรอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเดินตามออกไป
เดิมทีบุริศร์คัดค้าน แต่เมื่อคิดถึงฐานะของธเนศพลแล้ว ในที่สุดเขาก็ยอมจำนน
เมื่อกลุ่มคนมาถึงที่ตระกูลปวนะฤทธิ์ บุณพจน์ก็มาถึงก่อนแล้ว และมิลินก็มารอพวกเขาอยู่ที่หน้าประตู
“ผู้ใหญ่บ้านคะ คุณชายบุณพจน์เจอห้องใต้ดิน สถานการณ์มันไม่ค่อยจะดี”
“หืม?”
บุริศร์ชะงัก
มิลินพูดต่อ “หลายคน เป็นคนรับใช้ของตระกูลปวนะฤทธิ์ แต่พวกเขาตายไปนานแล้ว”
คำพูดนี้ทำให้ทุกคนต่างพากันชะงัก สีหน้าของธเนศพลดูไม่ค่อยดี
“เข้าไปดูสิ”
“กลิ่นข้างในไม่ค่อยดีนักค่ะ คุณชายธเนศพลเตรียมใจไว้นะคะ”
มิลินเตือนด้วยความหวังดี
ธเนศพลไม่ได้พูดอะไร เขากลับรู้ว่ามิลินไม่ได้ที่ปล่อยข่าวเท็จให้ผวา
กลุ่มคนเดินเข้าไป และท้ายที่สุดมีเพียงบุริศร์ ธเนศพลและวิสุทธิ์ สามคนที่เดินลงไป คนอื่นรออยู่ตรงหน้าประตู
ตั้งแต่แรกเห็นบุริศร์ก็เจอบุณพจน์
ห้องใต้ดินใหญ่มาก แต่กลิ่นก็ยังแรง นอกจากกลิ่นของคาวเลือดแล้วยังมีกลิ่นเน่าเสีย และยังมีกลิ่นอื่นที่ลอยโชยมา โดยที่บุริศร์ก็พูดไม่ออกไปชั่วขณะหนึ่ง
“พี่”
บุณพจน์ไม่ได้มองบุริศร์ เขาทำเพียงแค่พยักหน้า “พวกเขาถูกคนวางพิษกู่ ที่นี่เป็นการฆ่ากันเอง เหมือนการฝึกกู่ ถ้าฉันเดาไม่ผิด มีคนอยากจะฝึกคนกู่ คนพวกนี้เป็นเพียงแค่หนูทดลอง”
“คนกู่?”
บุริศร์มองไปยังบุณพจน์
หากพูดว่าบุณพจน์คือคนกู่ก็ไม่ผิดนัก แต่ตัวของบุณพจน์เองสามารถกำจัดกู่ได้ ดังนั้นจึงพอสามารถแพร่พันธุ์ลูกหลานได้ แม้ว่าจะมีความเสี่ยงอยู่บ้าง แต่จะมีใครละที่อยากจะกลั่นกรองคนกู่?
ธเนศพลกับวิสุทธิ์ไม่เข้าใจนัก แต่พวกเขาไม่ได้ถามอย่างสุ่มสี่สุ่มห้า ทุกสิ่งทุกอย่างข้างหน้ากระทบกระเทือนสายตาของพวกเขา
คนเหล่านี้น่าจะเสียได้ประมาณครึ่งเดือนแล้ว บางทีหลังจากตั้งแต่ที่สุนีกลับมาก็ถูกฆ่าตาย
และเหมือนกับว่าพวกเขาสูญเสียสติอย่างไรอย่างนั้น ฆ่ากันเองอยู่ตลอด กระทั่งแขนขาที่ขาดสะบั้นก็มีอยู่ทั่วทุกหนแห่ง กอดกันตายก็มี ไม่รู้ว่ากัดกันอยู่หรือเปล่า
จากตรงนี้ยังรู้สึกได้ถึงด้านดำมืดที่สุดของมนุษย์ แต่กลับทำให้ผู้คนรู้สึกอึดอัดอย่างมากเช่นกัน
บุณพจน์เพิ่งค้นพบว่าข้างหลังของเขายังมีคน ดังนั้นเขาจึงอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วและพูดว่า “พวกเขาลงมาทำไม? ที่นี่มีกลิ่นอายของพิษกู่ กลัวว่า… …”
“พวกเขาดื่มเลือดของผมแล้วครับ น่าจะไม่มีปัญหา”
เมื่อได้ยินบุริศร์พูดอย่างนี้ บุณพจน์จึงไม่พูดอะไรอีก
“คุณชายธเนศพล ในเมื่อคุณมาแล้ว ผมจะพูดกับคุณว่า ศพไหนก็ตามในที่นี้ไม่สามารถเคลื่อนย้ายออกไปได้ ถ้าหากเมื่อออกไปเจอกับแสงตะวันเข้าละก็ พิษกู่และพิษของศพจะระเหยออกไป ซึ่งอาจทำให้เกิดการแพร่กระจายเหมือนโรคระบาด เกรงว่าเมื่อถึงตอนนั้นแล้วเมืองชลธีจะไม่ปลอดภัย”
“อะไรนะ?”
ธเนศพลตกใจในทันที
“แล้วจะให้ทำยังไง?”
“ละลายศพเหล่านี้ จากนั้นก็เผาไฟ”
บุณพจน์พูดอย่างสงบ แต่สำหรับธเนศพลแล้วมีทั่งแรงสั่นสะเทือนและแรงกระแทกไม่น้อยเลยทีเดียว
“ฉันต้องรายงานคุณท่าน”
“โอเค แต่ต้องเร็วที่สุด”
ธเนศพลรีบเดินออกไป และเริ่มโทรหาคุณท่านทันที
นี่เป็นเรื่องใหญ่ คุณท่านเองก็ไม่กล้าเฉยเมย เขารีบตอบรับลงมา
หลังจากที่บุริศร์ถ่ายรูปแล้วเขาก็ให้ธเนศพลและวิสุทธิ์ขึ้นไปก่อน ก่อนที่ตัวเองจะพูดกับบุณพจน์ว่า “พี่ ยังพบเจออย่างอื่นอีกไหม?”
“ไม่แล้ว”
บุณพจน์ส่ายหน้า
“อีกฝ่ายเป็นผู้มีฝีมือชั้นสูงในการใช้พิษ ที่นี่จะเหลืออะไรเอาไว้ก็ไม่กลัวที่จะถูกค้นพบ ฉันกลุ้มมาก พิษกู่ไม่ควรแสดงออกมาในเมืองชลธี เป็นใครกันแน่ที่นำของน่ารังเกียจนี่เข้ามาในเมืองชลธี? และมีจุดประสงค์อะไร?”
“พบคุณท่านขันธ์ชัยแล้วยังครับ?” บุริศร์รีบถาม
“ยังเลย เขาไม่ได้อยู่ในกลุ่มคนเหล่านี้”
บุณพจน์รีบพูดทันที “แต่ฉันได้ติดต่อกับคุณท่านขันธ์ชัยแล้ว ตอนนี้เขาอยู่บนทะเล น่าจะยังไม่รู้ว่าที่บ้านเกิดเรื่อง”
“พี่ติดต่อกับคุณท่านขันธ์ชัย? เมื่อไหร่?”
“หลังจากที่นายบอกฉันเรื่องนี้ ฉันก็เลยส่งข่าวหาคุณท่านขันธ์ชัย ฝั่งนู้นก็ส่งข้อความกลับมา นายดูสิ”
บุณพจน์นำโทรศัพท์ให้บุริศร์ดู
เป็นข้อความของคุณท่านขันธ์ชัยจริง แต่บางครั้งในทะเลสัญญาณก็ไม่ดี เขาต่อสายหาไม่สำเร็จ
“ไม่รู้ว่าเรื่องนี้จะเกี่ยวกับการที่เจตต์โทรศัพท์มาหาไหม ตอนนี้ผมกังวลในจุดนี้”
“วางใจเถอะ ฝีมือทางฝั่งของเจตต์ก็ไม่เลวเลย ต้องดูแลตัวเองและขวัญตาได้แน่ ไม่น่ามีปัญหา ที่เขาโทรกลับมาน่าจะเจออะไรบางอย่าง และอยากบอกพวกนาย จะทำอย่างไรสัญญาณถูกบล็อก ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดคือหาที่อยู่ของเจตต์”
บุณพจน์รู้ถึงความสัมพันธ์ของบุริศร์และเจตต์ จึงรีบพูด
ไม่นานนักธเนศพลก็กลับมา เขานำของที่บุณพจน์ต้องการมาด้วย รวมทั้งน้ำมันก๊าด
“ถ้าจุดไฟเผาตรงนี้ ข้างนอกไม่น่าจะได้รับผลกระทบอะไรใช่ไหม?”
นี่เป็นเรื่องที่ธเนศพลกังวลที่สุด
“ไม่หรอก แต่บ้านหลังนี้ต้องฆ่าพิษและกันลม เป็นเวลานานที่คนจะมาอาศัยอยู่ไม่ได้”
โชคดีที่ตระกูลตระกูลปวนะฤทธิ์ มีธุรกิจขนาดใหญ่ และซื้อที่ดินไว้ทั้งหมด มีคฤหาสน์เพียงหลังเดียวของตระกูลปวนะฤทธิ์ ภายในไม่กี่กิโลเมตรนี่
“ไม่ใช่เรื่องใหญ่ ฉันจะส่งคนมาเฝ้าดูที่นี่ทุกวัน”
หลังจากอธิบายทุกอย่างแล้ว บุริศร์ก็พาธเนศพลวิสุทธิ์และคนของเขาออกไปจากที่นี่ และเขาเหลือบุณพจน์เอาไว้เพื่อจัดการศพในห้องใต้ดิน และเผาที่นี่
บุริศร์ถอนหายใจพลางมองไปยังกองไฟที่ลุกโหมกระหน่ำ ก่อนจะพูดว่า “ไม่ว่าคนนั้นคือใคร ผมจะต้องลากคอมันออกมาให้ได้ น่าสงสารคนรับใช้เหล่านี้ ตายแล้วก็ไม่สามารถแจ้งให้ครอบครัวรับรู้ได้”