แค้นรักสามีตัวร้าย - บทที่ 1547 พี่ชายตัวน้อยที่หล่อมาก
หลังจากที่วางสายไปแล้ว วิสุทธิ์ยังไม่ทันได้พูดอะไร ก็ได้ยินบุริศร์พูดขึ้นว่า “ที่นี่ทิ้งไว้ให้พวกคุณแล้วนะ นี่คือกุญแจ ผมจะพาภรรยาผมออกวนเที่ยวสักหน่อย พวกคุณเชิญตามสบายเลยนะ”
สำหรับการที่บุริศร์สามารถเดาความคิดของธเนศพลออกได้นั้น วิสุทธิ์ไม่ได้รู้สึกแปลกใจเลยสักนิด แต่สิ่งที่เขาแปลกใจคือบุริศร์ถึงกับทิ้งบ้านไว้ให้พวกเขาแล้วหนีไปจากที่นี่เลย
“เจ้าบุริศร์ นี่มันไม่จริงใจนี่”
“อะไรคือไม่จริงใจ ตอนนี้ผมเห็นนักธุรกิจเต็มตัวคนหนึ่ง ถ้ารู้เยอะเรื่องเกินไปผมกลัวว่าจะโดนฆ่าตัดตอน ไปก่อนนะ”
บุริศร์ไม่ฟังวิสุทธิ์พูดพร่ำหรอก แล้วก็โยนกุญแจไปให้วิสุทธิ์ตรงๆ จากนั้นก็พานรมนออกจากบ้านไปเลย แม้แต่จะล่ำลาน้ำสักนิดก็ไม่มี
นรมนมองดูบุริศร์ถึงจะดูเหมือนว่าชนะแล้ว แต่เธอเองก็ดูออกได้ว่าบุริศร์มีความหลบหนีอย่างลนลานเล็กน้อย จึงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะขึ้นมา
“คุณหัวเราะอะไร”
บุริศร์รู้สึกหมดคำพูดเล็กน้อย
อย่าบีบจนแม้แต่ที่อยู่ของตัวเองก็ต้องมอบออกไปแล้ว นี่มันช่างเกินไปแล้วจริง ๆ!
แต่เมื่อเทียบกับชีวิตอิสรเสรีในอนาคตของตัวเองแล้ว ก็ช่างเถอะ แค่บ้านหลังหนึ่งเอง อย่างมากพวกเขาก็ไปพักโรงแรมกันก็ได้
“ไปเถอะ เดี๋ยวผมพาคุณไปเดินเที่ยวดูทิวทัศน์ของประเทศYสักหน่อย”
บุริศร์โยนเรื่องทุกอย่างออกไปจากหัวสมอง แน่นอนว่านรมนจะต้องดีใจอยู่แล้ว
“เหมือนกับว่าคุณจะคุ้นเคยกับที่นี่มากเลยนะคะ”
นี่คือความสงสัยของนรมนมาตลอด ตั้งแต่ที่มาถึงที่นี่ นรมนก็พบว่าบุริศร์เหมือนกับมาอยู่ในสวนดอกไม้หลังบ้านตัวเองยังไงอย่างงั้น ถนนทุกสายล้วนรู้จักเป็นอย่างดี
บุริศร์กลับไม่ได้ปิดบังนรมน แล้วก็พูดขึ้นว่า “ที่นี่เป็นบ้านของอรรณพ ผมเคยมาหลายครั้งแล้ว”
“คุณชายอรรณพ? คุณชายอรรณพเป็นคนเมืองชลธีไม่ใช่เหรอคะ?”
นรมนรู้สึกแปลกใจเป็นอย่างมาก
บุริศร์ยิ้มแล้วพูดขึ้นว่า “ใช่ อรรณพเป็นคนเมืองชลธี แต่นั่นเป็นบ้านของคุณนายศิรินภา ตอนที่สมัยสาว ๆ คุณนายศิรินภาแต่งงานไปประเทศY ต่อมาพอหย่าแล้วถึงได้กลับมาที่เมืองชลธี”
“อ๋อ เหรอคะ?”
นรมนนั้นได้ยินเรื่องของตระกูลเชาวนภูติมาน้อยมาก
บุริศร์พูดเพียงสั้น ๆ ขึ้นว่า “ตอนที่เป็นสาวคนที่คุณนายศิรินภาแต่งงานด้วยคือองค์ชายใหญ่ของประเทศY แต่ว่าตอนนั้นองค์ชายใหญ่ได้ปิดบังฐานะไว้แล้วออกไปหาประสบการณ์ ก็มาตกหลุมรักคุณนายศิรินภาเข้า พอทั้งสองคนมีความรักต่อกันก็เลยแต่งงานกันเลย ต่อมาคุณนายศิรินภาถึงรู้ว่าตัวเองแต่งงานกับบุคคลที่สูงส่งคนหนึ่ง แต่ก็ไม่มีทางเลือกแล้ว และก็ตามองค์ชายใหญ่กลับประเทศมา แล้วคลอดอรรณพออกมา ตอนนั้นก็ได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้สืบทอดเลย แต่น่าเสียดายที่พอองค์ชายใหญ่สืบทอดตำแหน่งพระราชาของประเทศYแล้ว ก็มีภาระหน้าที่หนักอึ้ง แล้วก็โดนคนวางกับดักใส่ให้นอนกับผู้หญิงคนหนึ่ง ที่จริงเรื่องแบบนี้มีให้เห็นกันอยู่เยอะแยะในราชวงศ์ โดยปกติแล้วก็จะต้องรับผู้หญิงคนนั้นเอาไว้ เพื่อปรับอำนาจของตระกูลใหญ่ในประเทศให้สมดุล แต่ว่าคุณนายศิรินภาไม่ชอบ ก็เลยยื่นหนังสือหย่าขึ้นไป แล้วก็พาอรรณพกลับมาประเทศเลย”
พอนรมนได้ฟังเรื่องพวกนี้ ก็รู้สึกนับถือความกล้าของคุณนายศิรินภาขึ้นมาเลย
“แล้วของคุณชายอรรณพก็ยอมปล่อยให้คุณนายศิรินภากลับมาประเทศเลยเหรอคะ?”
“ไม่งั้นล่ะ? รักผู้หญิงคนหนึ่ง แต่กลับไม่สามารถให้ในสิ่งที่เธอต้องการได้ แถมยังต้องมาทนเห็นเธอโดนศัตรูโจมตีรอบด้านในสภาพแววล้อมที่วุ่นวายแบบนั้น ไม่สู้ปล่อยให้เธอไปเป็นอิสระดีกว่า แล้วก็ให้ช่วงเวลาเติบโตที่บริสุทธิ์อันหนึ่งกับลูกด้วย แต่ว่าชาติกำเนิดของคนคนหนึ่งก็ได้กำหนดทุกอย่างไว้แล้ว ถึงแม้ว่าคุณนายศิรินภาจะไม่อยากให้อรรณพเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องในประเทศ แต่ก็มีคนบางส่วนมักจะไม่ชอบขี้หน้าพวกเขา เพราะฉะนั้นก็เลยมีการลอบสังหารมาไม่ขาดสาย ผมกับคุณชายอรรณพและป้อง พวกเรารู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก แล้วครั้งแรกที่กลายเป็นพี่น้องกับคุณชายอรรณพก็คือตอนที่อายุสิบหก ตอนนั้นคุณชายอรรณพโดนลอบสังหาร จนเกือบจะตาย แล้วพวกเราเองก็โดนลากเข้าไปด้วย และถึงได้รู้สถานะของเขา”
พูดมาถึงตรงนี้แล้ว บุริศร์ก็ยังมีความทอดถอนใจอยู่บ้าง
“แล้วก็เป็นตอนนั้นเอง อรรณพถึงได้เริ่มฝึกฝนอำนาจของตัวเองขึ้นมา แล้วก่อตั้งอาณาจักรมืดขึ้นมา เพื่อความปลอดภัยของตัวเอง และเพื่อตอบโต้กลับ ตอนนี้ไม่มีใครกล้าดูถูกพละกำลังของอรรณพ ช่วงก่อนหน้านี้บิดาของเขาเจอเข้ากับการลอบสังหาร ตอนนี้ชีวิตยังอยู่ในช่วงวิกฤติ อรรณพก็เลยจำเป็นที่จะต้องพาลูกเมียกลับมาประเทศ รมิดาเองก็อยู่ที่นี่ เพียงแต่ว่าตอนนี้สถานะค่อนข้างพิเศษ และเฝ้าพ่อของอรรณพอยู่ ตอนนี้อรรณพเริ่มรับช่วงงานบางอย่างในประเทศแล้ว และกะว่าจะกลับมารับช่วงดูแลทุกอย่างต่อ”
พอได้ยินบุริศร์พูดแบบนี้ นรมนก็รู้สึกแปลกใจอยู่เล็กน้อย
ไม่ว่ายังไงเธอก็คิดไม่ถึงว่าคุณชายอรรณพหนึ่งในสี่คุณชายแห่งเมืองชลธีจะมีสถานะที่โดดเด่นขนาดนี้ได้
“งั้นเบื้องบนรู้สถานะของคุณชายอรรณพไหมคะ?”
“รู้ซิ ไม่งั้นคุณคิดว่าทำไมอาณาจักรมืดของเขาถึงไม่มีเรื่องอะไรเลยได้ล่ะ? นี่คือความสัมพันธ์ทางการทูตของทั้งสองประเทศ และก็เพื่อจะสามารถพัฒนาความสัมพันธ์ของการเป็นพันธมิตรต่อกันในอนาคตด้วย”
คำพูดของบุริศร์ทำให้นรมนพยักหน้าเล็กน้อย
ที่จริงการรู้เรื่องพวกนี้สำหรับนรมนแล้วก็ไม่มีอะไร และเธอกับบุริศร์ก็ไม่ได้บอกกับใคร เพียงแต่แค่หากรุปทัวร์ละแลกนี้ได้กรุปหนึ่ง แล้วก็เริ่มไปท่องเที่ยวตามกรุปทัวร์เลย
แต่นี่กลับเป็นประสบการณ์ที่แปลกให้นรมนครั้งหนึ่ง
เมื่อก่อนออกมาท่องเที่ยวมักจะมีบุริศร์เป็นคนจัดแจงทั้งหมด แล้วข้างหน้าข้างหลังต่างก็มีคน แต่ตอนนี้กลับเป็นเหมือนคนธรรมดาคนหนึ่งที่ออกมาเที่ยวกับกรุปทัวร์ แล้วก็มีบรรยากาศไปอีกแบบหนึ่ง
แล้วก็เป็นในตอนที่นรมนกับบุริศร์ออกมาท่องเที่ยว ธเนศพลก็ได้นั่งเฮลิคอปเตอร์มาถึงประเทศYแล้ว
ในฐานะที่เป็นองค์รัชทายาทของประเทศZมาถึงประเทศY แน่นอนว่าอรรณพจะต้องรู้อยู่แล้ว แต่ว่ายังไงเขาก็พอรู้เรื่องอยู่บ้าง ก็เลยทำเป็นลืมตาข้างหนึ่งหลับตาข้างหนึ่งทำเป็นมองไม่เห็นไป
ในตอนที่ธเนศพลเข้ามาในคฤหาสน์นั้น ยังไงก็ไม่เคยคิดว่าก่อนว่าจะมาเห็นน้ำที่มีสภาพเหี่ยวเฉาได้ขนาดนี้ จนชั่วขณะหนึ่งใจของธเนศพลก็เจ็บปวดเหมือนกับโดนมีดทิ่มแทง
วิสุทธิ์ถอยออกไปอย่างรู้ตัวดีมาก
ชมพูจ้องมองผู้ชายที่สูงใหญ่หล่อเหลาที่อยู่ตรงหน้า แล้วชั่วขณะหนึ่งก็เกิดความกลัวขึ้นมา แต่ก็เห็นสายตาที่เขามีต่อน้ำนั้นดูไม่หวังดี ถึงแม้ว่าจะหวาดกลัวอยู่บ้าง แต่ก็ยังเดินขึ้นหน้ามาก้าวหนึ่งมาขวางอยู่ตรงหน้าน้ำ
“คุณจะทำอะไร?”
น้ำเสียงของชมพูสั่นเทาเล็กน้อย แต่ว่าแววตาความดื้อดึงและกล้าหาญที่อยู่ในดวงตากลับทำให้ธเนศพลอึ้งไปหลายส่วน
เขาจ้องมองเด็กสาวตรงหน้าที่มีหน้าตาเหมือนกับเขาอยู่บ้าง แล้วชั่วขณะหนึ่งอารมณ์ก็วุ่นวายขึ้นมา
ไม่ว่ายังไงเขาก็คิดไม่ถึงว่าตัวเองจะมีลูกสาวที่โตขนาดนี้แล้วคนหนึ่งได้
เพราะฉะนั้นก็เลยตื้นตันจนคำพูดติดอยู่ในลำคอ ความองอาจและความร้ายกาจที่มีอยู่ในตอนปกติได้หายไปจนหมดแล้ว สิ่งที่เหลืออยู่มีแต่ความทำตัวไม่ถูกกับความซาบซึ้ง
น้ำจ้องมองท่าทางแบบนี้ของธเนศพลแล้ว ก็ไม่รู้ว่าทำไม จมูกก็รู้สึกจี๊ดขึ้นมา แล้วน้ำตาก็ไหลลงมาทันที
ถ้าหากว่าแปดปีก่อนทั้งสองคนไม่ได้แยกจากกัน ธเนศพลก็คงจะต้องรักใคร่ชมพูเป็นอย่างมากเลยมั้ง
พอเห็นหม่ามี้ร้องไห้ ชมพูก็ร้อนรนขึ้นมาทันที
“หม่ามี้ ไม่ต้องกลัวนะคะ หนูจะปกป้องหม่ามี้เองค่ะ”
ทั้ง ๆ ที่เธออายุเจ็ดขวบแล้ว แต่ความสูงและน้ำหนักล้วนดูเอ็นเอียงไปทางผอมมาก นี่คือผลของการขาดสารอาหารมาเป็นระยะเวลานาน แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนี้ แต่เธอก็ยังยื่นแขนที่ดูอ่อนแอออกมาขวางอยู่ตรงหน้าน้ำ ท่าทางที่เป็นผู้ปกป้องแบบนั้นดูไม่อ่อนแอเลยสักนิด
ดวงตาของธเนศพลมีความเต็มเปี่ยมเล็กน้อย
เขาย่อตัวนั่งลงไป แล้วจ้องมองชมพู แล้วพูดทีละคำทีละคำขึ้นว่า “ยัยหนู ฉันคือแด๊ดดี้ แด๊ดดี๊แบบที่เป็นพ่อแท้ ๆ น่ะ”
ชมพูอึ้งไปครู่หนึ่ง แล้วหันไปมองน้ำเล็กน้อย พอเห็นน้ำพยักหน้าให้ เธอถึงได้เริ่มตื่นเต้นขึ้นมา
เมื่อก่อนสำหรับคำว่าแด๊ดดี้นี้ ชมพูค่อนข้างรังเกียจมาก ในเมื่อภาพฝังใจที่เบิร์ดมีให้เธอนั้นไม่ได้ดีเท่าไหร่นัก แต่มาตอนนี้รู้ว่าเบิร์ดไม่ใช่พ่อแท้ ๆ ของตัวเอง เธอก็ไม่ได้คิดอย่างอื่นอีก พอมาวันนี้มีคนหล่อคนหนึ่งมาบอกกับเธอว่าเป็นแด๊ดดี้ของเธอ ชมพูก็มึนงงไปเลย ทำตัวไม่ถูกเลย แถมยังนึกถึงการกระทำเมื่อกี้ แล้วก็อดไม่ได้ที่จะอยากจะวิ่งหนีไปเลย
แต่ธเนศพลกลับคว้าตัวชมพูทีหนึ่งมาอุ้มไว้เลย ร่างกายที่เล็กบางกระดูกก็ยังทิ่มตำคน
นี่คือลูกสาวของเขานะ!
ลูกสาวที่เขาควรจะดูแลเอาใจใส่ในตอนแรก มาตอนนี้กลับผอมบางจนเป็นแบบนี้ ส่วนเขาที่เป็นพ่อคนนี้กลับไปทำอะไรอยู่?
ถ้าหากว่าก่อนหน้านี้ตัวเองลองตรวจสอบดูสักหน่อย ก็คงจะไม่ต้องให้พวกเขาสองแม่ลูกต้องมาลำบากขนาดนี้แล้วใช่ไหม?
ในฐานะที่เป็นผู้ชายคนหนึ่ง เขารู้สึกว่าตัวเองพ่ายแพ้แล้ว
“ยัยหนู แด๊ดดี้มาแล้ว ต่อไปจะไม่มีใครมารังแกหนูอีกแล้วนะ”
“ยังมีหม่ามี้ด้วยค่ะ หม่ามี้ก็ห้ามโดนรังแกเหมือนกัน”
นี่เป็นครั้งแรกที่ชมพูรู้สึกถึงอ้อมกอดที่อบอุ่นของผู้ชาย
หลายปีมานี้เบิร์ดไม่เคยอุ้มเธอเลย เอาแต่ดุด่าทุบตีเธอ เมื่อก่อนเธอเคยอิจฉาเด็กคนอื่น ๆ ที่สามารถขี่คอแด๊ดดี้แล้วหัวเราะอย่างสนุกสนาน เธอเองก็เคยฝันอยากได้ แต่ว่าฝันที่เบิร์ดให้เธอนั้นมีแต่ฝันร้าย
มาวันนี้ผู้ชายคนนี้กลับมาอุ้มเธอ ที่สำคัญการกระทำยังนุ่มนวลมาก เธอสามารถสัมผัสได้ถึงความเมตตาที่ธเนศพลมีต่อเธอ จนชั่วขณะหนึ่งเกิดความรู้สึกกลัวขึ้นมา กลัวว่าตัวเองจะกำลังฝันอยู่
ธเนศพลรู้สึกถึงลูกสาวสั่นเทาอยู่ในอ้อมอก แล้วก็นึกว่าตัวเองใช้แรงอุ้มเธอแน่นเกินไป จึงรีบคลายมือออกเล็กน้อย “ทำหนูเจ็บแล้วเหรอ?”
“ไม่ใช่ค่ะ”
ชมพูจ้องมองธเนศพลที่อยู่ตรงหน้า แล้วรู้สึกว่าแด๊ดดี้หล่อมากเลย หล่อกว่าเบิร์ดเยอะเลย
ที่จริงธเนศพลมีคำพูดมากมายที่อยากจะพูดกับชมพู ลูกสาวคนนี้เป็นลูกที่เขาไม่เคยคิดถึงมาก่อน แต่ว่าด้วยสัญชาตญาณความเป็นพ่อลูก จุดที่อ่อนโยนที่สุดในใจของเขาก็โดนสัมผัสถึงแล้ว
วันนี้เขามีคำพูดมากมาย มีเรื่องมากมายอยากจะมาถามน้ำให้ชัดเจน เพราะฉะนั้นจึงต้องวางตัวชมพูลงก่อน
ธเนศพลพูดไปทางข้างหลังว่า “กานต์ นายมานี่หน่อย”
แล้วกานต์ถึงได้เดินเข้ามาจากด้านนอก
ในตอนที่วิสุทธิ์บอกกับธเนศพลว่าตัวเองมีลูกสาวอายุเจ็ดขวบคนหนึ่ง ธเนศพลก็ตัดสินใจพากานต์มาทางนี้ด้วยเลย
ยังไงลูกสาวก็ต้องมีเพื่อนสักคน ส่วนกานต์ไม่ว่าจะเป็นฝีมือหรือว่าไหวพริบ ในตอนที่เขาไม่อยู่ตรงหน้าด้วยจะต้องสามารถปกป้องคุ้มครองชมพูได้แน่
ลูกสาวตามหากลับมาได้แล้ว แน่นอนว่าเขาจะต้องไม่ให้เธอได้รับบาดเจ็บอะไรอีกแน่นอน
ตอนแรกกานต์ยังนึกว่าจะได้เจอแด๊ดดี้กับหม่ามี้ด้วย แต่ว่าตอนที่อยู่ข้างนอกได้ยินวิสุทธิ์พูดว่าแด๊ดดี้พาหม่ามี้หนีไปอย่างหน้าไม่อายมาก เขาจึงอดไม่ได้ที่จะทอดถอนใจทีหนึ่ง
ตั้งแต่ที่เข้าไปร่ำเรียนกับตระกูลธนเกียรติโกศลในเมืองหลวง กานต์ก็รู้แล้วว่าเวลาที่ตัวเองจะได้กลับบ้านนั้นน้อยลงแล้ว กว่าจะได้เจอแด๊ดดี้กับหม่ามี้อย่างยากลำบาก แต่ก็คิดไม่ถึงว่าจะคลาดกันไปได้
คุณบุริศร์เจ้าจิ้งจอกเฒ่านี่ ทิ้งลูกโอกาสเจอลูกชายไปเปล่า ๆ ไม่รู้ว่าต่อไปจะรู้สึกเสียใจหรือเปล่า
กานต์เดินเข้ามา แล้วมองเห็นชมพูเลย
แน่นอนว่าชมพูเองก็มองเห็นกานต์แล้วเหมือนกัน
พี่ชายตัวเล็กนี่หล่อมากเลย!
พอเห็นดวงตาคู่นั้นของลูกสาวจ้องกานต์ไว้เขม็ง อยู่ ๆ ธเนศพลก็หัวเราะและพูดขึ้นว่า “นี่คือกานต์ เป็นลูกชายของอาบุริศร์ของหนู และก็เป็นลูกชายของนรมนคนที่ช่วยหนูไว้ อายุเท่า ๆ กับหนู หนูออกไปเล่นกับกานต์ก่อนสักพักนะ เดี๋ยวแด๊ดดี้กับหม่ามี้จะพูดคุยกันสักหน่อยได้ไหมจ๊ะ?”
ชมพูไม่ได้ตอบตกลง แต่กลับหันไปมองที่น้ำ
พอเห็นน้ำพยักหน้าให้เล็กน้อย ชมพูถึงได้ออกมาจากข้างกายธเนศพล แล้วมาถึงตรงหน้ากานต์ แล้วพูดอย่างขี้อายขึ้นว่า “สวัสดี ฉันชื่อชมพู”
“ตามฉันมาเถอะ”
กานต์รู้ว่าชมพูเป็นลูกสาวของธเนศพล แต่ก็ไม่ได้เคารพนอบน้อมมากนัก ยังคงสงบเยือกเย็น แล้วก็หมุนตัวพาชมพูเดินออกไปขึ้นรถที่อยู่ข้างนอก
“เล่นเกมเป็นไหม?”
กานต์เองก็ไม่รู้ว่าจะสื่อสารกับเด็กผู้หญิงยังไง โดยเฉพาะเด็กผู้หญิงที่อายุเท่ากัน จึงได้แต่เอาโทรศัพท์ออกมาถาม นี่ทำให้มุมปากของวิสุทธิ์ที่อยู่ข้าง ๆ กระตุกขึ้นมาเล็กน้อย
อีคิวของกานต์คนนี้ สูงมากเลยไม่ใช่เหรอ? ทำไมถึงพูดแบบนี้ได้ล่ะ?
ชมพูเพียงแต่แค่อึ้งไปเล็กน้อยเท่านั้น จากนั้นก็พยักหน้าแล้วพูดขึ้นว่า “เป็น”
“เล่นกันสักตาไหม?”
“ได้”
ชมพูรับโทรศัพท์ของวิสุทธิ์มา แล้วก็เข้าหน้าเกมอย่างรวดเร็ว พอเห็นความว่องไวของมือเธอ ดวงตาที่เย็นชาแต่แรกของกานต์ก็หรี่ลงมาทีหนึ่งอย่างรวดเร็ว
ผู้หญิงคนนี้เหมือนกับว่าจะมีความสามารถอยู่หน่อยหนึ่งนะ