แค้นรักสามีตัวร้าย - บทที่ 1572 เสียงนี้คุ้นเคยมาก
“หุบปาก! ไม่งั้นขวัญตาอยู่ไม่ถึงพรุ่งนี้แน่! ถ้าฉันโดนสวรรค์ลงโทษ ฉันจะพาคนไปด้วย!”
ในที่สุดคำพูดของนิวัฒน์ ก็ทำให้เจตต์เงียบ แต่แววตาของเขาขุ่นเคืองมาก
“ทางที่ดีนายอธิษฐานให้เมียฉันปลอดภัย ไม่งั้นฉันจะทำเรื่องไร้เหตุผลโดนไม่เกรงใจ”
เขาไม่ได้บอกว่าเรื่องไร้เหตุผลที่ว่าคืออะไร แต่คนที่อยู่ตรงนั้นรู้ดีว่าหมายถึงอะไร เขาหมายความว่า ถ้าบีบบังคับเจตต์จนถึงขีดสุด ไม่แน่เขาอาจฆ่านิวัฒน์ก็ได้
บุริศร์เห็นเขาอารมณ์เดือดดาล จึงรีบเดินเข้าไปพูดว่า “ลูกกับภรรยาฉันอยู่ไหน”
นิวัฒน์หันมามองบุริศร์
“ฉันว่าทางที่ดีนายอย่าเข้ามายุ่ง ไม่งั้น……”
“ทำไม”
ตอนนี้บุริศร์ไม่สนอะไรแล้ว เขาไม่ยอมนิวัฒน์
นิวัฒน์ขมวดคิ้วเบาๆ เหมือนคิดไม่ถึงว่าคนของบุริศร์อยู่ในกำมือเขา แต่บุริศร์ยังกล้าเหิมเกริมขนาดนี้ เขาอดแสยะยิ้มไม่ได้ “ดูเหมือนประธานบุริศร์ ไม่ได้รักภรรยา เหมือนที่ใครเขาพูดกัน”
บุริศร์ไม่อยากตอบคำถามเขา
ขณะนั้นมีคนวิ่งเข้ามา กระซิบข้างหูนิวัฒน์เบาๆ ว่า “ท่านบูม นรมนกับเด็กนั่นหายไปแล้วครับ”
“อะไรนะ”
นิวัฒน์แปลกใจมาก
ที่นี่มีการเฝ้าอย่างเข้มงวด ผู้หญิงอย่างนรมนกับเด็กตัวเล็กอย่างกานต์ จะหนีไปได้อย่างไร
เป็นไปไม่ได้!
ทั้งสองคนยังอยู่ในคฤหาสน์นี้แน่นอน!
“ไปหา! ไม่ว่าต้องหาสักกี่รอบ ก็ต้องหาให้เจอ!”
เมื่อได้ยินดังนั้น บุริศร์กับเจตต์เข้าใจทันที
เจตต์แสยะยิ้มแล้วพูดว่า “หน้าไม่อาย ใช้เด็กกับผู้หญิงมาข่มขู่ เป็นไงล่ะ ตอนนี้เจออุปสรรคแล้วหรือไง นายพาน้องสาวกับหลานชายฉันไปไว้ไหน ฉันบอกให้นะนิวัฒน์ ถ้าวันนี้นายไม่พาพวกเขามาอยู่ตรงหน้าฉันอย่างปลอดภัย ฉันจะจัดการที่นี่ให้ย่อยยับวุ่นวาย ไม่เชื่อก็ลองดู”
แววตาของบุริศร์เคร่งขรึม
“นิวัฒน์ นายพาคนมาจากคฤหาสน์ฉัน ตอนนี้คนหายไป นายควรพูดอะไรหน่อยไหม นายไม่ให้ฉันเข้าไปก้าวก่าย จับตัวภรรยากับลูกชายฉัน เราเจรจาต่อรองกันได้ แถมยังมีโอกาสพูดคุยกันได้ด้วย เพราะฉันก็ไม่ใช่คนดีอะไร เรื่องของคนอื่น ไม่จำเป็นต้องเอาภรรยากับลูกฉันไปเป็นข้อแลกเปลี่ยน แต่ตอนนี้ภรรยากับลูกฉันล่ะ”
นิวัฒน์คิดไม่ถึงจริงๆ ชัยชนะอยู่ในกำมือเขาแท้ๆ แต่ทำไมเรื่องราวกลับกลายเป็นเช่นนี้
ทุเรศสิ้นดี!
แค่ผู้หญิงกับเด็กคนเดียวยังดูแลไม่ได้ ไอ้คนพวกนั้นเป็นพวกไร้ประโยชน์หรือไง
“ตอนนี้ประธานบุริศร์จะเป็นศัตรูกับฉันเหรอ”
“ต้องดูว่าภรรยากับลูกชายฉันเป็นยังไง ถึงจะว่ากันได้ ถ้าพวกเขาบาดเจ็บ จะไม่ใช่แค่ศัตรูธรรมดาๆ ฉันพูดได้อย่างไม่เกรงใจเลยว่า ถึงฉันทำลายที่นี่ให้ราบเป็นหน้ากลอง ก็ไม่มีใครกล้าพูดอะไร”
บุริศร์แสดงท่าทีแข็งกร้าวออกมา
สีหน้าของนิวัฒน์ดูไม่ได้อีกต่อไปแล้ว
ขณะที่พวกผู้ชายกำลังเถียงกันเรื่องนรมนกับกานต์ไม่หยุด ด้านนรมนกับกานต์รู้สึกสับสน
ทั้งสองหนีออกมาทางช่องระบายอากาศในห้อง แต่ไม่รู้จะลงทางไหน เพราะข้างล่างเต็มไปด้วยบอดี้การ์ด กำลังปูพรมค้นหาทั้งสองคนอย่างเร่งรีบ
กานต์มองข้างล่าง แล้วพูดเบาๆ ว่า “หม่ามี้ เราต้องหลบอยู่ตรงนี้นานแค่ไหน”
ตอนแรกทั้งสองอยู่ในห้องนอนได้ แต่นรมนมีความคิดอย่างอื่น มาที่นี่เพราะต้องการหาจุดอ่อนของนิวัฒน์ ที่ว่ากันว่าไม่เข้าถ้ำเสือ ไม่ได้ลูกเสือ ดังนั้นจึงวางแผนกับการเข้ามาในนี้ เพราะจะโดนขังอยู่แต่ในห้องไม่ได้
เธอคิดถึงเรื่องเมื่อก่อน ช่องระบายอากาศดีที่สุด คนทั่วไปไม่ค่อยสังเกต แต่เพราะช่องระบายอากาศเชื่อมต่อกับห้องต่างๆ ดังนั้นจึงสามารถค้นหาห้องทั้งหมดได้อย่างง่ายดาย
ที่นี่มีห้องเยอะมาก ถ้าหาด้านล่าง คงต้องใช้เวลามาก
คนข้างล่างยังเดินไปเดินมา นรมนกับกานต์ปีนขึ้นมาข้างบน ทำให้รู้สึกเมื่อยขา
“เราลองไปดูข้างหน้าต่อดีไหม”
นรมนถามกานต์
กานต์ยังพอได้ เพราะเขาตัวเล็ก ถึงที่นี่จะไม่ค่อยเป็นอิสระ แต่เขาแข็งแกร่งกว่านรมนมาก
นรมนตัวใหญ่กว่าเด็ก อยู่ในช่องระบายอากาศแบบนี้ ทำให้เธออึดอัด
“ได้”
กานต์พยักหน้า
ทั้งสองคลานไปตามช่องระบายอากาศ
เลี้ยวตรงส่วนที่เป็นทางโค้ง จู่ๆ นรมนหยุดลง
“มีอะไรเหรอครับ”
“ชู่วววว”
นรมนรีบส่งสัญญาณให้กานต์เงียบ
กานต์ดูงุนงง และมองลงไปข้างล่าง เห็นห้องข้างล่างมืดมาก ไม่มีแสงสว่างสักนิด
ตอนนี้เป็นช่วงกลางวัน แต่ที่นี่กลับปิดผ้าม่าน มืดเหมือนตอนกลางคืน ไม่มีใครรู้ว่าข้างในมีอะไร
ขณะนั้น มีเสียงร้องดังอยู่ข้างล่าง นรมนถึงกับชะงักไป
เธอคุ้นเคยกับเสียงนี้มาก!
คุ้นจนรู้สึกตกใจ และเหมือนน้ำตาจะไหล
กานต์ก็ได้ยินเสียงเหมือนกัน แต่กลับมองไม่เห็นอะไรสักอย่าง อีกทั้งยังไม่กล้าพูดอะไรออกไปด้วย ทำได้เพียงรอเงียบๆ เท่านั้น
เสียงร้องข้างล่าง ดังขึ้นเรื่อยๆ ตามมาด้วยเสียงที่เหมือนของหนักตกลงบนพื้น
นรมนทนไม่ไหว เปิดช่องระบายอากาศ และรีบกระโดดลงไป
กานต์กังวลเล็กน้อย แต่ได้ยินเสียงนรมนพูดว่า “อยู่ข้างบน ไม่ต้องลงมา”
ถ้าเกิดอะไรขึ้นมา กานต์อยู่ข้างบน น่าจะปลอดภัยกว่า
กานต์ได้ยินก็ชะงักไป
นรมนรีบเดินไปตามเสียง
“อ๊าก!”
เหมือนอีกฝ่ายกำลังทรมานมาก จนสุดท้ายต้องกรีดร้องออกมา และมีเสียงกระแทกดังขึ้นอีกครั้ง
ตอนอยู่ข้างบน นรมนยังไม่เห็นอะไร แต่เมื่อลงมา เธอเห็นเงาใครบางคน กำลังเอาศีรษะโขกกำแพงโดยไม่สนใจอะไรทั้งนั้น เห็นแล้วน่าตกใจมาก
“อย่าโขก!”
นรมนรีบเข้าไปห้าม อีกฝ่ายหันขวับมามอง ดวงตาแดงก่ำท่ามกลางความมืด เหมือนกับเลือดสีแดงสดอย่างไรอย่างนั้น ทำให้ตกใจจนต้องถอยหนี
เหมือนอีกฝ่ายไม่รู้ว่าคนตรงหน้าคือใคร เมื่อได้ยินเสียง ก็รีบพุ่งเข้าไปหานรมน
ความเร็วของเขาน่ากลัวมาก
นรมนยังไม่ทันตั้งตัว ก็โดนอีกฝ่ายบีบคอเอาไว้ กลิ่นคาวเลือดโถมเข้ามาตรงหน้า
“ใจเย็นสิ!”
นรมนดิ้นไปมา แต่รู้สึกเหมือนร่างกายของตัวเอง ถูกยกขึ้นช้าๆ
เท้าที่ลอยขึ้นจากพื้น ทำให้เธอรู้สึกหายใจได้น้อยลงเรื่อยๆ นรมนหายใจอย่างยากลำบาก เธอรีบล้วงมือขวาเข้าไปในกระเป๋ากางเกง หยิบหลอดฉีดยาออกมา และปักไปที่หลังคอของอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว จากนั้นจึงฉีดของเหลวข้างในเข้าไป
เหมือนรู้สึกถึงอะไรบางอย่าง อีกฝ่ายกรีดร้องออกมาเบาๆ และโยนนรมนออกไป
ร่างกายของเธอกระแทกกับหน้าต่างบานใหญ่ ผ้าม่านถูกม้วนขึ้น แสงสว่างส่องเข้ามา และใบหน้าที่คุ้นเคยก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า