แค้นรักสามีตัวร้าย - บทที่ 1592 ถ้าไม่นัด พบไม่ได้
“เธอไม่ต้องสนใจเรื่องนภดล เพื่อนสนิทเธอจะมาเมื่อไรกันแน่”
คำพูดนี้ทำให้นรมนกลุ้มใจ
จู่ๆ เธอมีความคิดแล่นเข้ามา อยากรีบไปหาคมทิพย์ที่เมือง B ไปดูให้รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับคมทิพย์
ความคิดนี้วนเวียนอยู่ในใจไม่หยุด
“พี่ ฉันอยากไปเมือง B พี่จัดการให้หน่อยได้ไหม”
จณัตว์อึ้งไปครู่หนึ่ง หงส์มองนรมน แล้วถามว่า “เธอจะไปคนเดียวเหรอ”
“ใช่ เพื่อนสนิทฉันเกิดเรื่องนิดหน่อย ฉันต้องไปดู”
“หม่ามี้ ผมไปเป็นเพื่อน”
กานต์พูดออกมา
นรมนส่ายหน้า แล้วพูดว่า “ลูกไปหาธเนศพลที่ประเทศR กลับประเทศไปกับเขา ช่วงนี้แด๊ดดี้ต้องจัดการเรื่องที่บริษัท หม่ามี้ไปคนเดียวได้”
“นรมน!”
จณัตว์ไม่วางใจ
นรมนพูดเบาๆ ว่า “พี่ ตอนนี้นิวัฒน์ตายแล้ว พวกที่จะเล่นงานฉันกับบุริศร์ ล้วนไม่อยู่แล้ว พี่ยังกังวลอะไรอีก ยิ่งไปกว่านั้น ฉันไม่ใช่ผู้หญิงอ่อนแอ เรื่องเพื่อนสนิทฉัน ไม่จบง่ายๆ ตอนนี้ขนาดฉัน เธอยังไม่พูดความจริง ถ้ามีคนตามฉันไปด้วย กลัวจะจัดการยากกว่าเดิม เพราะฉะนั้นให้ฉันไปเถอะ”
“เฮียบุริศร์ไม่ยอมแน่”
หงส์รู้ว่าบุริศร์เป็นห่วงนรมนแค่ไหน จึงพูดออกมาตรงๆ
นรมนเห็นบุริศร์กำลังวุ่นวาย เธอยิ้ม แล้วพูดว่า “เขามีงานของเขา ฉันก็มีงานของฉัน ไม่ว่ายังไง บริษัทผลิตภาพยนตร์นั่น ก็มีหุ้นส่วนของฉันอยู่”
เห็นนรมนตัดสินใจแล้ว จณัตว์จึงไม่พูดอะไร และให้คนไปเตรียมเฮลิคอปเตอร์
กานต์อยู่ที่นี่ชั่วคราว เพื่อรอให้ธเนศพลมารับเขา
นรมนอยากพูดอะไรกับบุริศร์ แต่บุริศร์ยุ่งตลอดเวลา เธอมองเขา แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร และรีบไปสนามบิน นั่งเครื่องบินไปยังเมืองB
หลังลงจากเครื่อง นรมนเรียกแท็กซี่ไปบริษัทผลิตภาพยนตร์
เธอเคยอยู่ที่นี่มาระยะหนึ่ง มาครั้งนี้จึงไม่ใช่ว่าจะไม่รู้เส้นทาง
หลังจากรถมาถึงบริษัทผลิตภาพยนตร์ นรมนจ่ายเงิน จากนั้นจึงเดินเข้าไปข้างใน
ช่วงที่เธอไม่อยู่ บริษัทมีพนักงานใหม่เยอะ แม้กระทั่งพนักงานต้อนรับหน้าเคาน์เตอร์ ก็เปลี่ยนไม่รู้กี่รอบ เมื่อเห็นนรมนเข้ามา พนักงานจึงขวางเธอไว้
“มาออดิชั่นเหรอ ถ้ามาออดิชั่น ไม่ได้อยู่ฝั่งนี้”
“ฉันมาหาคน”
แววตาของนรมนเย็นชา ทำให้พนักงานต้อนรับอึ้งไป
“มาหาใคร”
“คมทิพย์”
เมื่อนรมนพูดชื่อคมทิพย์ออกมา พนักงานต้อนรับอดมองเธอไม่ได้ จากนั้นจึงพูดว่า “พี่คมทิพย์ไม่อยู่ อีกอย่าง ถ้าต้องการพบพี่คมทิพย์ต้องนัดล่วงหน้า เธอได้นัดไว้หรือเปล่า”
นรมนคิดไม่ถึงว่า ตัวเองกลับมาครั้งนี้ จะไม่สามารถเข้าไปในบริษัทได้
“งั้นฉันขอพบพริมา”
นรมนเปลี่ยนเป็นถามชื่อคนอื่น
พนักงานต้อนรับเห็นนรมนจะเจอผู้จัดการพริมาอีก จึงอดพูดไม่ได้ว่า “เธอเป็นใครกันแน่ จะเจอแม้กระทั่งผู้จัดการพริมา ผู้จัดการพริมายุ่งมาก ถ้าไม่นัด ก็ไม่สามารถเข้าพบได้”
นรมนขี้เกียจคุยกับเธอ จึงเอามือถือออกมา โทรหาพริมา
เมื่อพริมาเห็นเบอร์ของนรมน เธออึ้งไปเล็กน้อย และรีบรับสายทันที
“คุณนายบุริศร์ มีอะไรหรือเปล่าคะ”
“ฉันอยู่หน้าเคาน์เตอร์ ออกมารับฉันหน่อย”
นรมนพูดจบก็วางสายทันที
ถึงเธอจะมีบุคลิกเป็นผู้หญิงอ่อนโยน เมื่ออยู่ข้างบุริศร์ ทว่าตอนนี้นรมนมีท่าทางเป็นหญิงแกร่ง จนทำให้พนักงานต้อนรับตกใจ
“เธอเป็นใครกันแน่ ทำไมถึงพูดกับผู้จัดการพริมาแบบนั้น ฉันบอกให้นะ ผู้จัดการพริมาของเราเก่งมาก”
พูดจบ พริมากึ่งเดินกึ่งวิ่งเข้ามา
“คุณนายบุริศร์ มาได้ไงคะ ทำไมถึงไม่บอกฉันก่อน ฉันจะได้ส่งคนไปรับ”
พริมาไม่เหมือนเมื่อสองปีก่อนแล้ว สวมใส่อะไรล้วนพิถีพิถันมาก อีกทั้งท่าทางของเธอยังดูสุขุมและมีประสบการณ์มากอีกด้วย
นรมนพยักหน้า และพูดเบาๆ ว่า “ฉันมีเรื่องด่วน คมทิพย์ล่ะ”
“พี่คมทิพย์ไม่อยู่บริษัทค่ะ ออกไปถ่ายละครแล้วค่ะ ”
นรมนคิดไว้ว่าจะเป็นเช่นนี้ เธอพูดอย่างไม่รอช้า “เอารถให้ฉันคันหนึ่ง เอาสถานที่ถ่ายละครมาให้ฉัน ฉันมีเรื่องต้องเจอเธอ”
“ได้ค่ะ”
พริมาไม่ได้สอบถามนรมนว่ามาหาคมทิพย์ทำไม เธอเอากุญแจรถตัวเองให้นรมน และบอกสถานที่ถ่ายละครให้นรมนรู้
นรมนหันหลังเดินออกไป
พริมารีบถามว่า “คุณนายบุริศร์ กลับมาทานข้าวตอนเที่ยงไหมคะ”
“ดูก่อน ไม่ต้องสนใจฉัน ไปทำงานของเธอเถอะ”
นรมนโบกมือไปมา จากนั้นจึงเดินออกจากบริษัท
พนักงานต้อนรับเคยเห็นพริมามีท่าทีเกรงอกเกรงใจใครที่ไหนกันล่ะ เธออดคิดถึงท่าทีที่มีต่อนรมนเมื่อครู่ไม่ได้ จึงรีบพูดสำนึกผิดทันที
“ผู้จัดการพริมา ขอโทษนะคะ ฉันไม่รู้ว่าเธอเป็นแขกวีไอพีของคุณ ฉัน……”
“เธอไม่ใช่แขกวีไอพี เธอคือนรมน หนึ่งในผู้ริเริ่มก่อตั้งบริษัท และเป็นภรรยาของคุณบุริศร์ด้วย ต่อไปถ้าเจอเธออีก ให้เข้ามาได้เลย ทั้งบริษัทเป็นของเธอ ห้ามขวางเธอไว้ข้างนอกเด็ดขาด”
คำพูดของพริมา ทำให้พนักงานต้อนรับเหงื่อตก และรีบพยักหน้าทันที
นรมนไม่รู้เรื่องพวกนี้ เธอรีบขับรถไปยังสถานที่ถ่ายละครของคมทิพย์
ที่นี่มีการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด นรมนเข้าไปไม่ได้ เธอโทรหาคมทิพย์ แต่อีกฝ่ายไม่รับสายเลย น่าจะกำลังถ่ายละครอยู่
นรมนร้อนใจมาก เธอจะโดนขวางอยู่แบบนี้ไม่ได้
ขณะนั้น รถสปอร์ตขับผ่านเธอ แต่จู่ๆ เครื่องก็ดับ
นรมนขมวดคิ้วเบาๆ ฟังจากเสียงเครื่องยนต์ น่าจะไม่ค่อยได้บำรุงรักษา น่าจะเกิดจากขาดน้ำมันเครื่อง
อีกฝ่ายลงจากรถ ไฮไลท์ผมเป็นประกายมากเมื่ออยู่กลางแดด เป็นชายหนุ่มหน้าตาดี อายุประมาณยี่สิบกว่าปี ท่าทางเหมือนจะก้าวร้าว ลงจากรถก็เตะล้อรถ และสบถคำหยาบออกมา
“เวรเอ้ย รถเวรอะไรเนี่ย! จู่ๆ ก็ดับไปซะงั้น!”
นรมนมองรถของเขา เป็นรถลิมิเต็ดอิดิชั่นบนโลกนี้ ดูจากโลโก้รถแล้ว น่าจะเป็นรถสปอร์ตรุ่นใหม่ที่ผลิตโดยโรงงานของบุริศร์
เธอทนมองคนอื่นหยาบคายใส่แบรนด์ของบุริศร์ไม่ได้ จึงอดพูดไม่ได้ว่า “รถน่ะเป็นรถดี แต่เสียดายที่คนกาก”
“เธอว่าอะไรนะ”
ชายหนุ่มหันขวับมาทันที จู่ๆ ในแววตาสุดเท่ เต็มไปด้วยความโกรธ
“ผู้หญิงอย่างเธอ จะรู้เรื่องรถได้ยังไง! ฉันขอเตือนเธอไว้ ตอนนี้ฉันอารมณ์ไม่ดี เธออย่าพูดมาก”
นรมนทำเหมือนไม่เห็นความก้าวร้าวของเขา และพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “ถ้าฉันเดาไม่ผิด รถของนายคงเป็นBlack Badgeที่เพิ่งเปิดตัวใช่ไหม”
“โอ้ เธอรู้ด้วยเหรอว่าเป็นBlack Badge”
ชายหนุ่มเริ่มมีความสนใจ เขากอดอกยืนพิงประตูรถมองนรมน แล้วถามว่า “งั้นเธอบอกหน่อยสิ ทำไมจู่ๆ เครื่องถึงดับ”
“ง่ายมาก ถ้าฉันเดาไม่ผิด รถของนายขับมาได้ระยะหนึ่งแล้ว น่าจะเกินหนึ่งแสนกิโลเมตรแล้วใช่ไหม งั้นขอถามหน่อย นายเปลี่ยนน้ำมันเครื่องรถหรือเปล่า ไปซ่อมบำรุงตามกำหนดหรือเปล่า”
คำพูดของนรมน ทำให้ชายหนุ่มอึ้งไป แววตาที่เขามองนรมน เหมือนกำลังคิดอะไรอยู่