แค้นรักสามีตัวร้าย - บทที่ 1635 พูดไปเรื่อยขนาดนี้ต่อยให้ตายจะเป็นไรไป
นรมนกลุ้มใจ
นี่มันเรื่องอะไรกันเนี่ย?
เธอรู้ว่าเพราะเรื่องของพฤกษ์เจตต์ถึงกระวนกระวายใจ แต่ที่ทุกคนพยายามปกปิดคมทิพย์มันเพื่ออะไรกันล่ะ?
ก็เพื่อลูกในท้องของคมทิพย์กับความรู้สึกของคมทิพย์ไม่ใช่เหรอ?
บุริศร์ยกเท้าเตะไปที่เจตต์ทันที
เจตต์ไม่ทันระวังตัว จึงโดนบุริศร์เตะจนโซเซ พูดขึ้นด้วยความโมโห: “อยากตายหรือไง? ใครเตะฉัน?”
“ฉันเตะเอง! มีอะไร? วันนี้เกรี้ยวกราดมากเลยใช่ไหม? มา! เราไปฝึกซ้อมที่สนามซ้อมกัน! นายอีกคนชญตว์ มาด้วยกัน!”
บุริศร์เรียกชื่อชญตว์กับเจตต์ แล้วก้าวเข้าไปเอามือเกี่ยวคอของเจตต์ไว้ด้วย แล้วเดินไปเลย
ขวัญตาค่อนข้างกังวล แต่กลับโดนนรมนขวางเอาไว้
“สบายใจเถอะค่ะ พี่สะใภ้ บุริศร์รู้ว่าต้องทำอะไร”
ได้ยินนรมนพูดอย่างนี้ ขวัญตาจึงคลายกังวลลงได้
ส่วนชญตว์ก็ไม่ได้ตื่นตกใจ เดินตามพวกเขาไปติดๆ
คมทิพย์พูดด้วยความโมโห: “ไม่ใช่สิ วันนี้เจตต์หาเรื่องฉันใช่ไหม? นรมน ช่วงนี้ฉันล่วงเกินเขาหรือไง?”
“เธออย่าคิดมาก วันนี้เขาดื่มเยอะ!”
นรมนรีบปลอบใจ
ขวัญตาค่อนข้างปวดหัว
สามีของตนเองดีไปซะทุกอย่าง มีแค่บางครั้งที่วู่วามเกินไปเท่านั้นแหละ แต่ทว่าก็เป็นเพราะจุดนี้ที่ทำให้เธอชอบเขาไม่ใช่เหรอ?
ขวัญตารีบพูด: “คมทิพย์ คุณอย่าคิดเล็กคิดน้อยกับเขาเลยนะคะ เขาอาจจะเป็นวัยทองก่อนวัยอันควรน่ะค่ะ”
“วัยทองก่อนวัย? เขายังไม่ถึงสี่สิบเลยนะ!”
คำพูดของคมทิพย์ทำให้นรมนอยากจะหัวเราะ แต่ทว่ายังพูดปลอบใจ: “ผู้ชายบางคนก็เป็นวัยทองก่อนวัยนะ”
เธอเพิ่งพูดจบก็โดนขวัญตาดึงไปหนึ่งที
เธอพูดบ้าอะไรเนี่ย
นรมนเม้มปาก
แต่คมทิพย์ยังคงโมโหอยู่
“ทำไมเขาถึงมาหาเรื่องฉันล่ะ? ฉันทำอะไรหรือไง?”
“ไม่มีไม่มีอะไรหรอก เธอคิดซะว่าเขาประสาทก็ได้ แต่ว่าความสัมพันธ์ของเธอกับชญตว์นี่ใช้ได้เลยนะ”
คำพูดของนรมนทำให้คมทิพย์กลุ้มใจ
“ไม่ต้องพูดเลย นี่ก็เป็นเพราะเขาเอาร่างกายของฉันไปทำการทดลองไง เดิมทีคิดว่ามดลูกฉันคงร้อน ใครจะคิดว่ารักษาอาการมดลูกเย็นของฉันหายแล้ว ฉันยังท้องได้อีก เขาจึงกังวลมาก กลัวว่ายาพวกนั้นจะไม่ดีต่อเด็กในท้อง ดังนั้นจึงเอาใจใส่ฉันมาโดยตลอด ถ้าเธอจะบอกว่าฉันกับเขาสนิทกันดี สู้บอกว่าเขาสนิทกับลูกในท้องของฉันดีกว่า ทุกครั้งที่ไปตรวจครรภ์ เขาต้องหยิบไปดูสักครั้ง เพื่อยืนยันว่าเด็กไม่เป็นอะไร เขาบอกว่าถ้าเกิดอะไรขึ้นกับเด็กคนนี้ เขาคงรู้สึกผิดไปตลอดชีวิต นี่ฉันไม่ได้เป็นห่วงลูกหรอกเหรอ? ถ้าฉันรู้ว่าหลังจากใช้ยาพวกนั้นแล้วจะท้องได้ พูดยังไงฉันก็คงไม่กล้าใช้หรอก ตอนนี้ยาพวกนั้นยังไม่ได้รับการอนุมัติเลย นี่เป็นลูกเพียงคนเดียวของฉันกับพฤกษ์ ถ้าลูกเกิดเรื่องอะไรขึ้นมาสักนิด ฉันก็ไม่กล้าคิดเลย ดังนั้นเราสองคนจึงติดต่อกันมากขึ้นหน่อย เขาน่ะ ก็เป็นลูกผู้ดีมีเงิน ปากเสียแต่นิสัยใช้ได้นะ ดังนั้นตอนนี้พวกเราก็ถือว่าเป็นเพื่อนกัน”
ได้ฟังคมทิพย์พูดอย่างนี้ ขวัญตากับนรมนก็รู้สึกหนักอึ้ง
ใช่สิ
ใครก็ไม่กล้ารับประกันว่าลูกในท้องของคมทิพย์จะมีปฏิกิริยาอะไรกับยานั้นหรือเปล่า ตอนนี้ทุกคนกำลังวางเดิมพันกันอยู่
ถ้าพฤกษ์ไม่ได้ไปสนามรบต่างประเทศ พวกเขาอยากจะโน้มน้าวให้คมทิพย์ไม่เก็บเด็กคนนี้ไว้ ถึงยังไงสิ่งที่ไม่รู้ก็มากเกินไป แต่ถ้าตอนนั้นเด็กคลอดออกมาภายใต้สถานการณ์ที่พวกเขาไม่รู้อะไรเลย และพฤกษ์ยังเลือกที่จะไปสนามรบต่างประเทศอีก ไม่แน่ว่านี่คงเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขสุดท้ายของพฤกษ์แล้ว ดังนั้นการเก็บลูกเอาไว้ทุกคนต่างพากันหวาดหวั่นกลัวว่าเด็กจะมีอะไรเกิดขึ้น
คิดอย่างนี้ สิ่งที่ชญตว์ทำก็ถือว่าเป็นลูกผู้ชาย
เพราะเรื่องของเจตต์กับชญตว์หลายๆคนจึงรู้สึกหม่นหมอง โดยเฉพาะขวัญตากับนรมนที่รู้สถานการณ์ของพฤกษ์ในตอนนี้ ความรู้สึกก็ยิ่งกลัดกลุ้ม
“เอาล่ะๆ พวกเธอเป็นคนท้องกันนะ อย่ายืนอยู่ตรงนี้อีกเลย! รีบเข้าไปหาที่นั่งเถอะ ผู้ชายบ้าๆบอๆพวกนั้น ก็ไม่มีอะไรหรอกรอพวกเขาอย่างสบายใจดีกว่า รอให้พวกเขาต่อยกันให้พอก็ไม่มีอะไรแล้ว ไม่แน่อาจจะกลายเป็นเพื่อนรักกันก็ได้”
นรมนกำลังคลี่คลายสถานการณ์ตึงเครียด ดึงพวกเธอเข้าไป
ส่วนที่สนามซ้อมเจตต์มองชญตว์ตรงไหนก็ขัดตาไปหมด บุริศร์ไม่ได้เกี่ยวคอเขาไว้แล้ว ปล่อยมือออกไปทันที
“ถ้าพวกนายอยากสู้กันตอนนี้ก็เริ่มได้เลย ฉันจะเป็นผู้ตัดสินให้พวกนายเองได้ไหม?”
“ไสหัวไป!”
เจตต์เดือดดาลสุดๆ
เขาเชื่อในความรู้สึกที่คมทิพย์มีต่อพฤกษ์ แต่กลับไม่เชื่อชญตว์
ผู้ชายคนนี้เอาแต่เดินตามก้นคมทิพย์อยู่ตลอด ในใจคิดอะไรคิดว่าเขามองไม่ออกจริงๆเหรอ?
ไม่ว่าจะพูดยังไง พฤกษ์ก็เป็นเพื่อนสนิทของตนเอง ตอนนี้ยกทัพไปที่สนามรบเพื่อประเทศชาติ เขาจึงทนเห็นขากำแพงของเพื่อนสนิทโดนงัดไม่ได้หรอก
“ชญตว์ วันนี้ถ้านายเป็นลูกผู้ชายพอ ก็มาสู้กับฉัน! ถ้าชนะฉันนายกับคมทิพย์จะคบกันยังไงฉันจะไม่ยุ่ง แต่ถ้านายแพ้ ก็อยู่ห่างๆเธอหน่อย”
คำพูดของเจตต์ทำให้ชญตว์รู้สึกขำ
“คมทิพย์เป็นอะไรกับนายเหรอ? ฟังจากน้ำเสียงของนาย เหมือนฉันจะแย่งเมียนายอย่างนั้นแหละ ทำไมเหรอ? นายคิดอะไรกับเธอแต่ไม่กล้าพูด จึงเอาฉันมาเป็นข้ออ้างงั้นเหรอ?”
ชญตว์ก็ไม่ใช่ว่าจะรับมือได้ง่ายๆ โต้เถียงเจตต์ทันที
“แม่ง!”
เจตต์ถกแขนเสื้อแล้วปล่อยหมัดไปทางชญตว์ด้วยความโมโห
ชญตว์ก็ไม่ได้รังแกได้ง่ายๆ โต้กลับไปอย่างรวดเร็ว
บุริศร์ถอยหลังมาหนึ่งก้าวอย่างชาญฉลาด จะได้ไม่พลอยเจ็บตัวไปด้วย แต่ค่อนข้างประหลาดใจกับทักษะของชญตว์
เขารู้ว่าลูกของตระกูลใหญ่ๆต้องมีทักษะป้องกันตัวบ้างอยู่แล้ว แต่ทว่าทักษะนี้ไม่ได้เป็นเพียงการป้องกันตัวอย่างง่ายๆเท่านั้น อีกทั้งทำไมเขาถึงรู้สึกคุ้นตาอยู่เล็กน้อยได้นะ?
บุริศร์ยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกว่าทักษะของชญตว์ค่อนข้างคุ้นตา จู่ๆก็นึกถึงจณัตว์!
โธ่เอ้ย!
เจ้านี่สอนทักษะทั้งหมดให้ชญตว์ ดูแล้วความจริงใจที่จณัตว์มีต่อชญตว์รุ่นน้องคนนี้ไม่เลวเลย
เจตต์ก็ตะลึงเล็กน้อย ถึงกับชื่นชมอยู่เงียบๆ
ตั้งแต่ออกมาจากเขตทหาร นอกจากต่อสู้กับบุริศร์แล้ว มีไม่กี่คนหรอกที่เป็นคู่แข่งเขาได้ วันนี้ได้ประลองกับชญตว์ เขากลับรู้สึกสะใจใช้ได้เลย
ความเดือดดาลในตอนแรกค่อยๆสงบลง ตามมาด้วยความเห็นอกเห็นใจที่ทะลักขึ้นมา
ชญตว์ก็รู้สึกได้ว่ารังสีอำมหิตของเขาน้อยลงมากแล้ว แต่ว่าแล้วยังไงล่ะ?
ผู้ชายคนนี้ต้องได้รับการสั่งสอนซะบ้าง
พูดไปเรื่อยขนาดนั้น ต่อยให้ตายจะเป็นไรไปล่ะ
การโจมตีของชญตว์รวดเร็วและรุนแรงมากขึ้น
เจตต์โดนหมัดหนักๆอย่างไม่ทันตั้งตัว ถึงยังไงเขาก็ค่อนข้างตกใจ
บุริศร์กลัวว่าจะต่อยกันไม่ถึงใจ จึงพูดอย่างสบายๆ: “เจตต์ นายอย่าทำให้เขตทหารขายหน้านะ แม้แต่ลูกผู้ดีคนหนึ่งนายก็สู้ไม่ได้ พูดออกไปคงขายหน้าแย่!”
ด้วยคำกระตุ้นของบุริศร์เจตต์จึงหายใจเข้าลึกๆ แล้วปล่อยหมัดไปทางชญตว์
หมัดนี้ของเขาทรงพลังมาก ทำให้คนที่ได้เห็นกังวลอย่างถึงที่สุด
จู่ๆร่างสวยๆร่างหนึ่งก็พุ่งเข้ามา คว้ามือของชญตว์เอาไว้แน่นแล้วดึงมาไว้ที่ด้านหลัง ทั้งร่างของคนๆนั้นจึงปกป้องอยู่ที่ด้านหน้าของชญตว์
เจตต์เก็บหมัดไม่ทันแล้ว ทำได้เพียงเอียงหมัดเล็กน้อย แต่แม้จะเป็นเช่นนี้ ร่างของคนที่เข้ามาขวางก็โดนเจตต์ต่อยกระเด็นออกไป