แค้นรักสามีตัวร้าย - บทที่ 1664 ทำเรื่องดีๆเป็นสักที
ที่ชินทรพูดมาถือเป็นความลับสุดยอด เพราะมันเกี่ยวพันถึงชีวิตของหลายๆตระกูล ถ้าเกิดมีคนเจตนาไม่ดีมาได้ยินเข้าล่ะก็ต้องก่อให้เกิดคลื่นลูกใหญ่แน่ๆ
“ผมจะออกไปดู!”
กานต์กำลังจะออกไป แต่ถูกธเนศพลห้ามเอาไว้เสียก่อน ในเวลาแบบนี้เขาจะให้กานต์ออกไปเผชิญเหตุไม่คาดฝันไม่ได้เด็ดขาด
“อยู่เฝ้าน้องชายนายไป เรื่องนี้ฉันจัดการเอง”
พูดจบธเนศพลก็เรียกคนของตัวเองตามออกไปด้วย
เงาดำนั้นไหวตัวอย่างรวดเร็ว ชินทรตามออกมาถึงประตูได้ไม่ทันไรก็ไร้ร่องรอยของอีกฝ่ายแล้ว ด้านธเนศพลที่ตามออกมาแล้วเห็นชินทรยืนขมวดคิ้วอยู่ตรงนั้น ก็อดถามขึ้นมาไม่ได้ว่า “ท่านชินทร มันไปไหนแล้ว?”
“หายไปแล้ว”
ชินทรขมวดคิ้วจนแทบจะผูกเป็นปม
ไหวตัวได้เร็วขนาดนี้มันน่าเหลือเชื่อเกินไป แต่ชินทรก็นึกถึงความเป็นไปได้อีกอย่าง นั่นก็คือเงาดำนั้นคือคนที่นี่
เพราะดูคุ้นชินกับเส้นทางที่นี่เป็นอย่างดี ดังนั้นต้องมุดเข้าไปในที่พักหลังใดหลังหนึ่งแน่ๆ ถ้าจะสืบหาตอนนี้ก็คงสืบหาไม่ได้
ชินทรเริ่มไม่สบายใจ
เขากลับมาที่ห้องของธเนศพล
“ท่านชินทร ไม่มีใครตามทันเลยเหรอ?”
ชินทรส่ายหน้าแล้วพูดว่า “ฉันสงสัยว่ายังไม่ไปไหนหรอก อยู่แถวๆนี้แหละ แต่ว่าคนของนายมีมากเกินไปเลยจะดูวุ่นวาย ถ้าเกิดทำการตรวจสอบขึ้นมาล่ะก็ อาจจะเป็นการดึงดูดความสนใจของฝ่ายอื่น ถึงตอนนั้นคงไม่เป็นผลดีกับนายแน่ๆ”
คำพูดนี้ทำลายการคาดเดาของธเนศพลในทันที
“เป็นใครกันนะ?”
กานต์เริ่มขมวดคิ้ว
“อย่าเพิ่งไปสนใจเลยว่าเป็นใคร ตั้งแต่นี้เป็นต้นไปนายสังเกตคนของนายให้ดี ฉันอยู่ที่นี่นานไม่ได้ คนของฉันยังอยู่ที่สนามฝึกซ้อมของตระกลูสิทธิรัตน์สุนทร ฉันกลัวว่าตุลธรจะเล่นอะไรตุกติก ฉันคงต้องขอตัวกลับไปที่นั่นก่อน”
“ท่านชินทรระวังตัวด้วย”
ธเนศพลมาส่งชินทรที่หน้าประตู
อีกด้านหนึ่ง
เงาดำนั้นผลุบเข้าไปในห้องข้างๆด้วยความรวดเร็วราวกับหายตัว จากนั้นก็กลั้นหายใจเอาไว้เป็นอันดับแรก
ชินทรไวเกินไป จนเกือบจะจับเขาได้แล้ว
หลังจากที่เห็นว่าชินทรไปแล้ว เขาก็ไม่กล้ารีบออกไปทันที รออยู่ประมาณครึ่งชั่วโมงถึงได้เดินออกมา
เขาย่องเบาอย่างไร้เสียงเดิน จนมาถึงห้องหนังสือของคุณท่านขวัญชัย
“ท่านขวัญชัยครับ”
“เข้ามา!”
หลังจากที่เงาดำนั้นเดินเข้ามา ก็พบว่ายศพงศ์เองก็อยู่ข้างใน เขาจึงชะงักนิ่งไปในทันที
คุณท่านขวัญชัยมองมาที่เขา เอ่ยถามต่อหน้ายศพงศ์ว่า “ชินทรไปแล้ว?”
“ครับ”
“เขามอบหมายให้ธเนศพลดูแลคนพวกนั้น?”
“ครับ”
แม้เจ้าของเงาดำจะประหลาดใจ แต่ก็ยังรายงานความเป็นไปอย่างสมหน้าที่
เมื่อได้ยินเจ้าของเงาดำเอ่ยพูดอย่างนี้ คุณท่านขวัญก็โบกมือ “เอาล่ะ แกออกไปได้ละ ต่อไปนี้ไม่ต้องมารายงานฉันแล้ว ตั้งใจทำหน้าที่คุ้มกันธเนศพลให้ดีก็พอ”
“ครับ”
เจ้าของเงาดำพูดจบก็ถอยออกไป
ลุงยศพงศ์ถอนหายใจแล้วพูดว่า “ในที่สุดไอ้ลูกเนรคุณตุลธรก็มาถึงจุดนี้ ผมล่ะละอายใจต่อพวกท่านชินทรจริงๆ!”
“เรื่องมันเป็นอย่างนี้แล้ว ระยะเวลาที่เรารู้มาก็ไม่ได้เร็วกว่าธเนศพลเท่าไหร่ ป่านนี้ถ้าแกตัดญาติขาดมิตรไปซะจบๆ พวกเราก็คงรู้ได้ทันเวลา แถมยังได้พวกธเนศพลกับชินทรจัดการให้ และได้ตอบแทนผู้เสียสละพวกนั้นด้วย”
มือของคุณท่านขวัญชัยพลันชะงัก ดวงตาหรี่ลงเล็กน้อย
ยศพงศ์พยักหน้า ดวงตาฉายแววเจ็บปวดเสียใจ
ถ้าถามว่าสงสารไหม แน่นอนว่าเขาต้องสงสารอยู่แล้ว
ลูกคนโตของเขาสละชีพในสนามรบ ส่วนลูกชายคนรองสูญหายไปเพราะปฏิบัติภารกิจ เหลือไว้แค่ลูกชายคนเล็ก เขากับภรรยาเฝ้าทะนุถนอมและฟูมฟัก แทบจะหามาประเคนให้ทุกอย่าง เพื่อที่จะปกป้องลูกชายที่เหลืออยู่แค่คนเดียว เขาต้องใจกล้าหน้าด้านขอความเมตตาจากคุณท่านขวัญชัย ให้ตุลธรมีตำแหน่งใหญ่โตแต่ไร้ซึ่งประโยชน์ เพื่อที่จะได้ใช้ชีวิตอย่างมีสีสันโดยที่ไม่ต้องไปอยู่ท่ามกลางดงลูกกระสุนพวกนั้น
แต่ถึงจะเป็นอย่างนี้ ตุลธรกลับไม่รู้จักพอ
ถึงกับทำเรื่องไร้มนุษยธรรมแบบนี้ออกมา
ยศพงศ์ทบทวนตัวเองว่าชีวิตนี้เขาทำเพื่อประเทศชาติมาตั้งเท่าไหร่ และไม่เคยทำอะไรผิดพลาดเลยสักครั้ง แต่ทำไมพอแก่ตัวลงถึงต้องมาตัดลูกตัดหลานในตอนสุดท้ายด้วยล่ะ?
แต่เขาเองก็รู้ดี มันไม่คุ้มถ้าต้องปล่อยทั้งตระกลูสิทธิรัตน์สุนทรไปเพียงเพื่อตุลธรแค่คนเดียว ดังนั้นเขาจึงทำได้แค่ผดุงความยุติธรรมด้วยการตัดญาติขาดมิตร
คำพูดที่ว่าผดุงความยุติธรรมด้วยการตัดญาติขาดมิตรสำหรับคนภายนอกอาจจะดูน่าฟัง แต่สำหรับเขาที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้โดยตรงรู้ซึ่งถึงความหมายที่แท้จริงของประโยคนี้ดี
“ทำใจไม่ได้?”
คุณท่านขวัญชัยมองมาที่ลุงยศพงศ์ จับสังเกตแววเจ็บปวดในดวงตาของเขาได้อย่างไม่มีพลาด
ยศพงศ์ยิ้มขมขื่นออกมา “ถ้าบอกว่าทำใจได้ก็คงจะโกหก แต่ผมเองก็รู้ดีว่ามีแค่อย่างนี้เท่านั้น คนอื่นๆในตระกลูสิทธิรัตน์สุนทรถึงจะมีทางออก”
“ใช่ ยกตัวอย่างเช่นปาณีหลานสาวของแก”
คำพูดของคุณท่านขวัญชัยทำให้ยศพงศ์พลันชะงักกึก จากนั้นก็ถอนหายใจออกมาเอ่ยพูดว่า “เด็กคนนั้นเป็นเด็กอาภัพ”
“ฉันได้ยินมาว่าคราวนี้ตุลธรเกือบทำเธอตาย ตอนนี้เธออยู่ในมือของธเนศพลแล้ว คาดว่าน่าจะช่วยชีวิตเอาไว้ได้ แกก็กลับไปคิดดูนะว่าจะรับเธอเข้าตระกูลหรือเปล่า”
ลุงยศพงศ์ครุ่นคิดอยู่สักพัก จากนั้นก็ส่ายหัว “คงไม่ล่ะ ในช่วงเวลาที่ตระกลูสิทธิรัตน์สุนทรรุ่งเรืองขั้นสุดกลับทอดทิ้งเธอเอาไว้ พอตอนนี้กำลังก้าวเข้าสู่ช่วงตกต่ำ แล้วจะให้รับเธอเข้ามาทำไม? ให้มารับผิดชอบความเละเทะของตระกลูสิทธิรัตน์สุนทรเหรอ? เด็กคนนี้ควรมีชีวิตเป็นของตัวเอง ตอนนี้ผมรู้สึกขอบคุณลูกสะใภ้ผมมาก ถ้าไม่ใช่เพราะการตัดสินใจของเธอในตอนนั้น บางทีตระกลูสิทธิรัตน์สุนทรอาจจะไม่มีทายาทรุ่นหลังแล้วจริงๆ ท่านขวัญชัย ไม่ว่าผลสุดท้ายแล้วตระกลูสิทธิรัตน์สุนทรจะเป็นยังไง ให้ปล่อยปาณีไปได้ไหม?”
“แกพูดมาขนาดนี้แล้ว แล้วฉันจะไปพูดอะไรได้? อีกอย่างตอนนี้เธอก็อยู่ในมือของธเนศพลแล้ว แถมยังเป็นคนของนรมน มากไปกว่านั้นคือเป็นคนรักของนภดล พอรวมสามข้อนี้เข้าด้วยกัน ก็ไม่มีใครทำอะไรเธอได้หรอก แกสบายใจได้”
เมื่อคุณท่านขวัญชัยเอ่ยพูดมาอย่างนี้ ยศพงศ์จึงวางใจลงในที่สุด
เขาเอ่ยขึ้นมาว่า “คุณท่านขวัญชัย ที่คุณไม่ลงมือกับตระกลูสิทธิรัตน์สุนทรสักทีเพราะอยากยกคุณงามความดีให้คุณชายธเนศพล?”
“ยังไงสักวันเขาก็ต้องขึ้นมานั่งตำแหน่งของฉันไม่ช้าก็เร็ว ถ้าไม่มีคุณงามควาดีติดตัว ฉันกลัวว่าคุณอื่นจะว่าเอาได้ว่าเขาอาศัยบารมีฉันขึ้นตำแหน่ง อีกอย่างการที่ตุลธรขโมยลูกคนเล็กของบุริศร์ไป ทำให้เรื่องนี้กระตุ้นถึงชินทร ถึงทำให้ชินทรตัดสินใจส่งกองทัพทหารกลายพันธุ์ให้ธเนศพลได้อย่างรวดเร็ว อีกสามวันเขาก็จะเกษียณ หลังจากเกษียณก็ไม่มีเหตุผลให้ช่วยเราได้แล้ว ฉันเคยคิดว่าเขาจะจัดการคนพวกนี้ยังไง แต่คิดไม่ถึงเลยว่าตุลธรจะลงมือกับภาณเสียก่อน ถือว่าลูกชายไร้ประโยชน์ของแกทำเรื่องดีๆเป็นสักที ตอนนี้ชินทรจะได้เกษียณอย่างสบายใจ ชีวิตหลังจากนี้ปล่อยให้เขาใช้ชีวิตได้ตามต้องการเถอะ”
คุณท่านขวัญชัยทอดถอนหายใจออกมา
ยศพงศ์ขมวดคิ้วแล้วเอ่ยถามว่า “คุณท่านขวัญชัย ถ้าตุลธรไม่ได้ลักพาตัวภาณ และชินทรไม่ส่งกองทหารให้คุณชายธเนศพลดูแล คุณจะทำยังไง?”
“ลุงยศพงศ์ แกคงเหนื่อยแล้ว”
แม้ว่าคุณท่านขวัญชัยไม่ได้พูดออกมาตรงๆ แต่แววตาแหลมคมคู่นั้นทำให้ยศพงศ์เข้าใจ ว่าตัวเองกำลังล้ำเส้น
แล้วจะไปทำอะไรได้?
อันที่จริงยศพงศ์ก็พอจะคิดได้ แต่ก็แค่อยากยืนยันให้มั่นใจเท่านั้น
ตอนนี้เขาดีใจที่ชินทรส่งคนพวกนั้นออกมา และดีใจที่ลูกเนรคุณทำประโยชน์กับเขาเป็นบ้าง
“ผมอาจจะเหนื่อยจริงๆนั่นแหละ งั้นผมขอตัวก่อนแล้วกัน”
“อืม”
เมื่อยศพงศ์เปิดประตูเดินออกมา ก็พบว่าธเนศพลยืนอยู่หน้าประตู ไม่รู้ว่ามายืนอยู่ตรงนี้นานเท่าไหร่แล้ว ทว่าใบหน้าของเขาก็ยังคงเรียบนิ่งเหมือนเดิม จึงเอ่ยทักทายไปอย่างเรียบง่าย
“คุณชายธเนศพล ท่านขวัญชัยอยู่ข้างใน”
“เงาที่อยู่นอกประตูผมเมื่อสักครู่เป็นคนของพวกคุณใช่ไหม?”
ธเนศพลเอ่ยพูดออกมาตรงๆ ลุงยศพงศ์หลุบตาลงอย่างเงียบๆ