แค้นรักสามีตัวร้าย - บทที่ 1670 ใครก็ขัดขวางเธอไม่ได้
“แม่บ้านหลิว เมื่อกี้เธอพูดว่าได้ข่าวลูกสาวของฉันแล้วใช่ไหม? เธออยู่ที่ไหน? สบายดีไหม? พ่อแม่ดีกับเธอหรือเปล่า? แต่งงานหรือยัง? อีกฝ่ายทำอาชีพอะไร?”
แก้วตาเอ่ยถามออกมาเป็นชุด ราวกับไม่เจ็บบาดแผลบนตัวเลยสักนิด
แม่บ้านหลิวยิ่งลำบากใจ แต่ก็ตัดสินใจบอกความจริงกับเธอ
“ยังค่ะ คุณหนูยังไม่ได้แต่งงาน แล้วก็ไม่ได้ถูกใครรับไปเลี้ยงด้วย เธอเติบโตอยู่ในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่ว่าเธอรู้จักคุณนายยบุริศร์ หรือก็คือนรมน”
แม่บ้านหลิวบอกทุกอย่างที่รู้กับแก้วตา รวมไปถึงเรื่องที่ตุลธรทำกับปาณีในตอนนั้น แก้วตาพลันช็อกไปในทันที
เธอลุกขึ้นมานั่ง แววตาสั่นระริก
“ตุลธรเจอเธอแล้วเหรอ?”
“ใช่ค่ะ”
“รู้ตัวตนของเธอด้วย?”
“ใช่ค่ะ”
“เขาจับเธอมาขังในสนามฝึกซ้อมเพราะคิดที่จะให้เธอเข้าร่วมโปรเจ็คมนุษย์กลายพันธุ์?”
“ใช่ค่ะ”
แม่บ้านหลิวเจ็บปวกทุกครั้งที่ต้องพูดแต่ละคำที่ออกมา เพราะร่างกายของแก้วตาสั่นเทิ้มจนไม่เหลือเคล้าเดิม
“ไอ้สารเลว!มันกล้าทำกับลูกตัวเองได้ลงคอ!แล้วตอนนี้ลูกสาวฉันล่ะ? เธออยู่ที่ไหน?”
“ถูกชินทรพ่อของคุณนายบุริศร์ส่งตัวไปให้คุณชายธเนศพลแล้วค่ะ ตามที่ได้ยินมาหมอป้องกำลังช่วยรักษาอยู่”
เมื่อได้ยินแบบนี้ แก้วตาก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
“ดีแล้ว เธอสมควรมีชีวิตอยู่ต่อ”
จู่ๆดวงตาของแก้วตาก็รื้นไปด้วยน้ำตา น้ำตาเม็ดใหญ่หยดกระทบลงบนพื้นไม้
ทุกอย่างเป็นเพราะเธอไม่ได้เรื่อง!
เธอปกป้องลูกตัวเองไม่ได้!
ในขณะที่แก้วตากล่าวโทษตัวเอง ในใจของแม่บ้านหลิวก็ไม่ไหวแล้วเหมือนกัน สองคนนายบ่าวต่างร้องไห้ออกมาเงียบๆ ทันใดนั้นจู่ๆแก้วตาก็พูดออกมาว่า “ฉันอยากเจอลูก ได้เห็นแค่เสี้ยวหนึ่งก็ยังดี”
แม่บ้านหลิวรู้สึกลำบากใจ
“คุณผู้หญิง คุณก็รู้ ตุลธรส่งคนมาจับตาดูคุณอยู่ตลอดเวลา ถ้าคุณไปหาคุณชายธเนศพล ตุลธรคงไม่สนหรอกว่าคุณจะพุดหรือไม่พูดอะไร เขาเล่นงานคุณถึงตายแน่ๆ คุณอดทนมาได้ตั้งหลายปี จนอายุขนาดนี้……”
“ก็เพราะว่าอายุขนาดนี้แล้ว ฉันถึงไม่อยากเห็นลูกสาวฉันถูกเขาทำร้ายอีกไง แม่บ้านหลิว คนของเรายังเหลืออยู่เท่าไหร่?”
สายตาของแก้วตาเปลี่ยนไป
เมื่อก่อนเธอต้องคอยแบกรับคำพูดจาดูถูก เป็นแค่กระโถนระบาย กระสอบทราบ และคนอ่อนแอน่ารังแกเมื่ออยู่ต่อหน้าตุลธร แต่ถึงอย่างนั้นก่อนแต่งงานกับตุลธรเธอก็เคยเป็นคุณหนูตระกูลใหญ่มาก่อน และมีคนของตัวเอง
หลายปีมานี้เธออดทนก็เพื่อลูก ตอนนี้เจอเบาะแสของปาณีแล้ว ไม่ว่ายังไงเธอก็ไม่ยอมแพ้เด็ดขาด
แม่บ้านหลิวเห็นแก้วตาถามอย่างนี้ก็เข้าใจความหมายของเธอในทันที
เธอสูดหายใจลึกๆ “ไม่เยอะแล้วค่ะ แต่ก็เพียงพอที่จะคุ้มกันและพาคุณผู้หญิงไปหาคุณหนูได้”
“รบกวนเธอด้วยนะ”
แก้วตามองมาที่เธออย่างขอบใจ
แล้วแม่บ้านหลิวจะไปพูดอะไรได้?
เธอทำได้เพียงลุกขึ้นแล้วเดินออกไป
แก้วตาลุกขึ้นด้วยตัวเอง เจ็บไปทั้งร่างกาย แต่กระนั้นก็ยังตื่นเต้น
จะได้เจอลูกสาวแล้ว ไม่รู้ว่าตอนนี้โตมาหน้าตายังไงบ้าง จะสบายดีไหมนะ?
ถ้าได้รู้ว่ามีคนไม่ได้เรื่องคนนี้เป็นแม่จะผิดหวังหรือเปล่า?
แก้วตามองใบหน้าเขียวช้ำของตัวเองในกระจก จากนั้นก็หยิบเครื่องสำอางออกมาแต่งหน้าเป็นครั้งแรก
เธอไม่ได้แต่งหน้าหลายปีแล้ว
เธอไม่น่าทำถึงขนาดนั้นเพื่อสัตว์เดรัจฉานอย่างตุลธรเลย
แต่ว่าตอนนี้คนที่เธอกำลังจะไปเจอคือลูกสาวของเธอ จะให้ลูกสาวรู้ว่าหลายปีที่ผ่านมาเธอใช้ชีวิตอย่างยากลำบากไม่ได้
แก้วตาพยายามแต่งตัวให้เหมาะสมที่สุด เมื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จก็มานั่งรอบนเตียง
เวลาแห่งการรอคอยมักจะเดินช้าเสมอ
แม่บ้านหลิวจัดเตรียมทุกอย่างเสร็จตอนค่ำพอดี ด้านตุลธรก็ไปหาผู้หญิงคนอื่นเหมือนอย่างเคย
สำหรับแก้วตาแล้ว เธอไม่สนใจเรื่องนี้ตั้งนานแล้ว
จัดการตัวเองเรียบร้อย แก้วตาก็ออกไปจากตระกลูสิทธิรัตน์สุนทรภายใต้ความมืดในยามค่ำคืน
เธอใจตุ๊มๆต่อมๆตลอดทาง แม่บ้านหลิวเองก็เหงื่อผุดไปทั้งตัว
มีคนเป็นหูเป็นตาให้ตระกลูสิทธิรัตน์สุนทรไม่น้อย พวกเขาจะเจอปาณีเร็วหรือเปล่านั้น อันที่จริงแล้วก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน
ในตอนที่แก้วตากำลังกระวนกระวายอยู่นั้น ยศพงศ์ก็ส่งคนมาถึงตระกลูสิทธิรัตน์สุนทร เพื่อมาบอกให้แก้วตาไปช่วยต้มชาสมุนไพร
หลายปีมานี้ยศพงศ์ มีอาการเจ็บป่วยออดๆแอดๆ ยิ่งถึงช่วงอากาศเปลี่ยนก็เจ็บจนทรมาน มีแค่ชาสมุนไพรของแก้วตาเท่านั้นที่ทำให้ยศพงศ์ ดีขึ้นมาได้ และก็เพราะเหตุผลนี้ ตุลธรถึงไม่ยอมลากแก้วตาลงมาจากตำแหน่งสักที
เมื่อเป็นคำสั่งของยศพงศ์ แก้วตาจึงมีเหตุผลในการออกไปข้างนอก
แม่บ้านหลิวเอ่ยถามอย่างสงสัย “คุณผู้หญิง คุณขอให้คุณท่านช่วยเหรอ?”
“เปล่า เดี๋ยวอีกสักครู่เธอไม่ต้องพูดอะไรนะ”
แก้วตาขมวดคิ้วเล็กน้อย
ที่พ่อของสามีเรียกเธอออกไปหาเวลานี้ เพราะรู้อะไรมาหรือเปล่า
แต่เรื่องมันมาถึงขั้นนี้แล้ว อีกเดี๋ยวเธอก็จะได้เจอลูกสาวแล้ว ถ้าต้องยอมแพ้ทั้งอย่างนี้เธอทำใจไม่ได้
เอาว่ะ!
ตายเป็นตาย ต่อให้ต้องตายวันนี้ เธอก็ต้องได้เจอปาณี
ใครก็ขัดขวางเธอไม่ได้ทั้งนั้น!
แก้วตานั่งรถของยศพงศ์ มาถึงตระกูลธนเกียรติโกศล
ยศพงศ์ ยืนรอพวกเธออยู่หน้าประตู
ภายใต้ท้องฟ้ามืดมัว แม้ว่ายศพงศ์ จะแก่แล้ว แต่หลังก็ยังคงตั้งตรงผงาด ให้ความรู้สึกปลอดภัยเป็นอย่างมาก ตรงกันข้ามกับตุลธร ที่ไม่ว่ามองยังไงก็ไม่เหมือนลูกหลานของวีรบุรุษเลยสักนิด
“พ่อคะ!”
แก้วตากำลังจะลงจากรถ แต่กลับถูกยศพงศ์ ห้ามเอาไว้
“พาฉันไปด้วย ฉันอยากไปเจอหลานของฉัน”
คำพูดของยศพงศ์ ทำให้แก้วตาทำตัวไม่ถูก เมื่อเห็นยศพงศ์ ขึ้นมานั่งบนรถ ส่วนแม่บ้านหลิวถูกไล่ให้ไปนั่งรถคันที่อยู่ข้างหลัง ซึ่งมีคนขับรถเป็นคนของยศพงศ์ ขณะนี้ในรถจึงเหลืออยู่แค่ยศพงศ์กับแก้วตาสองคน
หัวใจของแก้วตาเต้นรัวเร็ว แต่ก็อดที่จะพูดขึ้นมาไม่ได้ว่า “พ่อคะ ฉันไม่สนหรอกนะว่าพ่อจะคิดแค้นกับลูกสาวของฉันหรือเปล่า ฉันขอแค่พ่ออย่าทำร้ายเธอแค่นั้น หลายปีที่ผ่านมาทั้งๆที่เธอควรได้เป็นคุณหนูตระกลูสิทธิรัตน์สุนทร แต่กลับต้องมาตกระกำลำบาก จนถึงตอนนี้เธอก็ยังไม่รู้ว่าตัวตนที่แท้จริงของตัวเองเป็นใคร ฉันแค่อยากไปดูแค่แวบเดียว แค่แวบเดียวจริงๆ ฉันรับรองว่าจะตัดขาดทุกความสัมพันและการติดต่อกับเธอ พ่อย่าทำร้ายเธอเลยนะ ได้ไหม?”
เธอเอ่ยพูดด้วยเสียงอ้อนวอน พยายามที่จะข่มกลั้นเสียงสั่นๆเอาไว้
ยศพงศ์ มองมาที่เธอ แล้วสูดหายใจเข้าลึกๆ จากนั้นก็เอ่ยพูดขึ้นมาว่า “แกคิดว่าฉันจะทำอะไรเธอ?”
“ฉันไม่รู้ แต่ตระกลูสิทธิรัตน์สุนทรเทาเกินไป ฉันไม่อยากให้เธอกลับมา ตอนนั้นที่ฉันส่งเธอออกไปจากตระกูลก็แค่หวังว่าเธอจะเติบโตอย่างสงบสุข มีชีวิตอยู่โดยไร้ซึ่งความเจ็บป่วย ต่อให้ไม่มีพ่อแม่อยู่ข้างกาย แต่อย่างน้อยเธอก็ได้กำหนดชีวิตด้วยตัวเอง”
นี่คือความในใจของแก้วตา
ยศพงศ์มองมาที่ลูกสะใภ้า หลายปีมานี้ เธอไม่เคยเผยความรู้สึกและท่าทีอะไรออกมาเลย แต่กระนั้นเธอก็สามารถจัดการหลายๆเรื่องได้เป็นอย่างดี พูดได้เลยว่า ถ้าไม่มีแก้วตา ก็คงไม่มีตระกลูสิทธิรัตน์สุนทรที่มีบารมีในช่วงหลายๆปีที่ผ่านมา
ดังนั้นไม่มีใครรู้ดีไปกว่าเธอแล้วว่าตระกลูสิทธิรัตน์สุนทรเป็นยังไง และก็เพราะข้อนี้ ยศพงศ์ ถึงคิดที่จะเปิดอกพูดกับเธอให้รู้เรื่อง
ในสายตาของเขา ลูกสะใภ้คนนี้พึ่งพาได้เสียยิ่งกว่าลูกชายแท้ๆอย่างตุลธรเสียอีก
เขาเอนหลังพิงเบาะ หรี่ตาลงแล้วเอ่ยพูดอย่างเรียบนิ่ง “เธอเกิดมาก็มีสายเลือดของตระกลูสิทธิรัตน์สุนทรแล้ว คิดที่จะให้เธอเป็นคนนอก มันง่ายอย่างที่พูดเหรอ?