แค้นรักสามีตัวร้าย - บทที่ 1672 ไร้ความเป็นคนเกินไปแล้ว
ยศพงศ์ ไม่ได้เร่งคำตอบจากแก้วตา เขารู้ว่าไม่ช้าก็เร็วเธอก็ต้องคิดได้
ภายในรถตกอยู่ในความเงียบ บรรยากาศเต็มไปด้วยความกดดัน
คนขับรถขับรถไปเงียบๆราวกับเป็นแค่ธาตุอากาศ
ไม่นานรถก็วิ่งมาถึงบ้านของธเนศพล
ไฟยังเปิดสว่าง และธเนศพลก็มายืนต้อนรับอยู่ห้าประตูทางเข้าด้วยตัวเอง ดูก็รู้ว่ายศพงศ์ บอกเอาไว้ล่วงหน้า
ในตอนที่รถจอดแน่นิ่ง จู่ๆแก้วตาก็เอ่ยเสียงเบาขึ้นมาว่า “พ่อคะ ทำไมต้องบอกคุณชายธเนศพล? ถ้าเราบอกความจริงกับคุณท่านขวัญชัยจะไม่มีโอกาสต่อรองกว่าเหรอ?”
“คุณท่านขวัญชัยแก่แล้ว ไม่ช้าก็เร็ววันที่เป็นของคุณชายธเนศพลก็ต้องมาถึง หรือแกดูไม่ออก? ตระกลูสิทธิรัตน์สุนทรของเราก็เป็นแค่ด่านที่คุณท่านขวัญชัยเอาไว้ใช้ทดสอบคุณชายธเนศพลเท่านั้น ยิ่งคุณชายธเนศพลแก้ไขปัญหาได้ดีเท่าไหร่ คุณท่านขวัญชัยก็ยิ่งพอใจ พอถึงตอนนั้นเสียงเรียกร้องของทั้งประเทศก็จะยิ่งดัง อย่าคิดว่าอย่าคิดว่าฉันไม่รู้ว่าหลายปีที่ผ่านมาตุลธรทำอะไรไว้บ้าง ที่เขาหาเสียงไปทุกหนทุกแห่งเพราะจ้องตำแหน่งของคุณท่านขวัญชัยเอาไว้ล่ะสิ? ไร้ประโยชน์!เขาคิดว่าเขาคู่ควรหรือไง!”
ยศพงศ์ เผยไพ่ใบสุดท้ายออกมา จนแก้วตาเหงื่อซึมไปทั่วทั้งตัว
ที่แท้ยศพงศ์ ก็รู้เรื่องหมดทุกอย่าง รวมไปถึงคุณท่านขวัญชัยเองก็รู้ด้วย
พวกเขาก็เป็นแค่ด่านที่ปูเอาไว้ให้คุณชายธเนศพลขึ้นรับตำแหน่ง เพราะงั้นถึงยื้อชีวิตมาจนถึงทุกวันนี้ได้
ที่น่าขำก็คือตุลธรคิดจริงๆว่าตัวเองเก่งกาจ ถึงได้ลำพองตนเสมอมา
ที่แท้ก็เป็นแค่ฉากๆหนึ่งที่มีมหันตภัยพร้อมโจมตีอยู่ข้างหลังตั้งแต่ต้น
ตุลธรคิดไปเองว่าวางแผนให้เชษฐ์แบกรับความผิดทั้งหมดได้สำเร็จ คิดไปเองว่าตัวเองยึดผลสำเร็จทุกอย่างเพื่อปูทางให้ตัวเองได้ แต่ใครจะไปรู้ว่าคุณท่าขวัญชัยรู้อยู่ตลอดแต่แค่ไม่พูดออกมา แค่ใช้เรื่องนี้มาเป็นเครื่องมือให้ธเนศพลพิสูจน์ตัวเองก็แค่นั้น
ตลอดเวลาที่ผ่านมา ความสัมพันธ์ของธเนศพลกับบุริศร์นับวันยิ่งเหนียวแน่นขึ้นเรื่อยๆเหมือนอย่างที่คิดเอาไว้ เจตต์กับบุริศร์เป็นญาติกัน และตอนนี้ก็มีเส้นทางเดินเรือของตระกูลปวนะฤทธิ์ พอถึงตอนนั้นทันทีที่บุริศร์กลายมาเป็นคนของธเนศพล และขอแค่ธเนศพลออกปาก เส้นทางเดินเรือของตระกูลปวนะฤทธิ์ก็พร้อมสำหรับธเนศพลเสมอ อย่างเช้นการขนย้ายวัตถุไปใ้ช้ในสนามรบต่างประเทศก็สามารถทได้โดยไม่เป็นที่สังเกตเห็น
ไหนจะพฤกษ์ ตอนนี้เธอสงสัยว่าการหายตัวของไปพฤกษ์ในสนามรบต่างแดนตกลงแล้วเป็นเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งกันแน่
พอคิดดูทีละเรื่อง เหงื่อก็ซึมเต็มแผ่นหลังแก้วตาไปหมด
คุณท่านขวัญชัยต่างหากล่ะที่เป็นจิ้งจอกพันปี
แล้วตอนนี้เธอยังดิ้นรนไปทำไมกัน?
ยังลังเลอะไรอยู่?
ยศพงศ์พูดถูก พชิราคือลูกสาวของเธอ ซึ่งหลายปีที่ผ่านมาเธอให้ความรักกับอีกฝ่ายมามากพอแล้ว ในเมื่อทำผิด ก็ควรปล่อยใหเรับผิดชอบเอง
เธอติดค้างลูกคนเล็ก ชีวิตนี้คงไม่มีโอกาสได้ชดใช้ ถ้าหากสิ่งนี้สามารถแลกกับชีวิตที่สงบสุขของปาณีได้ เธอก็ไม่มีอะไรต้องกลัว!
ทันใดนั้นแก้วตาก็เห็นทางสว่าง
เมื่อยศพงศ์ เห็นแววตาท่าทางของเธอก็รู้ในทันทีว่าเธอคิดได้แล้ว
เธอเปิดประตูรถออก แก้วตาเองก็เดินตามมาด้านหลัง
เมื่อธเนศพลเห็นแบบนั้นก็เดินเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว พร้อมกับเอ่ยทักทาย
“ลุงยศพงศ์ ดึกดื่นขนาดนี้มาทำอะไร? คุณท่าน……”
“ไม่เกี่ยวกับคุณท่าน ฉันก็แค่อยากมาเจอหลานสาวของฉัน”
คำพูดของยศพงศ์ ทำให้ธเนศพลชะงักไปเล็กน้อย
“หลานสาว?”
ชั่วขณะนั้นเขาจับต้นชนปลายไม่ถูก
แก้วตาเริ่มควบคุมความตื่นเต้นเอาไว้ไม่ไหว เอ่ยพูดขึ้นมาว่า “ปาณี พวกเรามาเจอปาณี”
“อ่อ ได้สิ แต่ว่าเธอยังไม่ฟื้นนะ ไม่รู้ว่าป้องให้คนเฝ้าดูอาการอยู่หรือเปล่า”
ถ้าเป็นเรื่องการรักษา ธเนศพลไม่อยากสอดมือเข้าไปยุ่ง จึงมอบอำนาจทุกอย่างให้ป้องจัดการ ดังนั้นเรื่องนี้เขาจึงต้องถามป้องก่อน
ป้องได้รับสายจากธเนศพลในตอนที่เขาเพิ่งคล้อยหลับไปไม่ได้นาน เมื่อโทรศัพท์ดังขึ้นรบกวนก็มีท่าทีไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก
“คุณขายธเนศพล คุณเป็นนาฬิกาปลุกเหรอ? ไก่ยังไม่ทันขันเลย คุณก็โทรมาปลุกผมซะแล้ว?”
ป้องตื่นขึ้นมาอย่างหัวเสีย
คนที่กล้าพูดกับเขาอย่างนี้ ก็มีแต่ป้อง บุริศร์แล้วก็เจตต์เท่านั้น
ธเเนศพบเอ่ยพูดอย่างทำอะไรไม่ได้ “ผมเองก็ไม่ได้อยากทำอย่างนี้หรอก จริงๆนะ แต่ว่าแก้วตากับลุงยศพงศ์อยากเจอปาณี ผมก็เลยต้องถามความเห็นของคุณก่อน”
“มาจงมาเจออะไร? คนใกล้จะตายแล้ว ไปรอรับเอาตอนที่ออกจากห้องดับจิตเถอะ”
เมื่อป้องพูดออกมาอย่างนี้ แก้วตาก็แทบจะทรงตัวไม่อยู่ แม่บ้านหลิวจึงเข้าไปประคองหลังเอาไว้
“คุณผู้หญิง อย่าเพิ่งเป็นอะไรไปสิคะ”
แก้วตากำมือของแม่บ้านหลิวแน่น จากนั้นก็เอ่ยพูดด้วยเสียงสั่นๆ “คุณชายป้อง ฉันรู้ว่าฉันมันเลว แต่ฉันแค่อยากเจอเธอ ขอดูจากข้างนอกก็พอ ได้ไหม?”
เสียงอ่อนไหวของเธอทำให้ไฟโกรธของป้องลดลง
เขาเองก็พอได้ยินมาบ้างว่าที่ปาณีมีชีวิตรอดมาจนถึงทุกวันนั้น เป็นเพราะแก้วตาส่งตัวเธอออกมาจากตระกูล
เมื่อนึกถึงข้อนี้ ท่าทีอารมณ์เสียของป้องก็ค่อยๆหดหายไป
“ก็ได้ แต่ห้ามนานนะ หรือคุณจะบอกเรื่องตัวตนที่แท้จริงของเธอ กับบอกว่าคุณเป็นแม่ของเธอก็ได้นะ หลายปีที่ผ่านมาคุณน่าจะคิดถึงเธอมาก ซึ่งอยากจะบอกว่าอาการของเธอในตอนนี้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เพราะผัวมหันตภัยของคุณเจาะเลือดเธอมากเกินไป จนเธอเกือบไม่รอด บวกกับพิษกู่ที่มีอยู่ในร่างกายของเธอก่อนหน้านี้ หลังจากเสียเลือดไปเยอะพิษก็กลับมาออกฤทธิ์ ตอนนี้ก็แค่ยื้อลมหายใจไว้ ผมแจ้งมิลินกลับมาถอนพิษกู่ให้แล้ว แต่ว่าจะอยู่จนถึงตอนมิลินกลับมาหรือเปล่าอันนี้ผมก็ไม่รู้ ดังนั้นทางที่ดีคุณอธิษฐานเอานะ ไม่อย่างนั้นเทพเจ้าก็คงช่วยคุณไม่ได้หรอก”
คำพูดของป้องทำให้น้ำตาของแก้วตาไหลทะลักออกมาราวกับเขื่อนแตก
ทำไมลูกคนเล็กของเธอถึงได้ทุกข์ระทมขนาดนี้?
ยศพงศ์ เองก็ไม่คาดคิดว่าอาการจะหนักถึงเพียงนี้
“ตุลธรเจาะเลือดของเธอไปทำอะไร?”
“จะเอาไปทำอะไรได้อีก? ลุงยศพงศ์ คุณเป็นคนเก่าคนแก่ที่ติดตามคุณท่านขวัญชัยมานาน ผมอาจจะพูดอะไรไม่น่าฟังและไม่เคารพคุณก็จริง แต่ว่าลูกชายสารเลวของคุณทำอะไรอยู่ คุณไม่รู้จริงๆเหรอ? เขาไม่เคยคิดที่จะให้ปาณีมีชีวิตรอดเลยด้วยซ้ำ! เขาถึงขั้นคิดที่จะทำให้ปาณีกลายเป็นมนุษย์กลายพันธุ์ ตราบใดที่เจาะเลือดจนหมดได้ ต่อให้เป็นหรือตายเขาก็ไม่สนหรอก”
เมื่อได้ยินป้องพูดออกมาอย่างนี้ ไฟโทสะก็เริ่มแผดเผาบนหน้าของยศพงศ์ ด้านแก้วตาก็มีเปลวเพลิงลุกโชนอยู่ในดวงตาเช่นเดียวกัน
ตุลธร!
ไร้ความเป็นคนเกินไปแล้ว!
ถึงยังไงนั่นก็เป็นลูกในไส้!
ทั้งๆที่รู้อยู่แก่ใจก็ยังทำกับเธออย่างนี้ ลูกสาวกับภรรยาเป็นอะไรสำหรับเขากันแน่?
ในเมื่อเลวขนาดนี้ ก็สมควรไปตาย
เธอวางสายป้อง มองมาที่ธเนศพลด้วยแววตาสงบนิ่งทว่าเยือกเย็น “คุณชายธเนศพล ฉันมีเรื่องอยากพูดกับคุณ ขอคุยตามลำพังแค่สองคนได้ไหม?”
ธเนศพลนิ่งไปเล็กน้อย แต่ก็พอจะเดาอะไรบางอย่างได้ จึงหันไปมองยศพงศ์ เมื่อเห็นเขาไม่ได้คัดค้าน ถึงได้พยักหน้าตกลง
แก้วตากับธเนศพลเข้าไปคุยกันในห้องหนังสือเป็นเวลานาน แม่บ้านหลิวรออยู่ข้างนอกด้วยความกระวนกระวาย กระนั้นแก้วตาก็ยังไม่ออกมา
ผ่านไปหนึ่งชั่วโมง แก้วตาถึงได้เดินตามธเนศพลออกมาจากห้องหนังสือ แต่ท่าทางของเธอเหมือนได้เกิดใหม่อย่างไรอย่างนั้น ใบหน้ากลับมามีสีสันเหมือนเดิม ภาพนี้ทำให้แม่บ้านหลิวรู้สึกเหมือนได้เห็นคุณผู้หญิงเมื่อสามสิบปีก่อนที่มีความมั่นใจในตัวเอง
ชั่วขณะแม่บ้านหลิวพลันนิ่งอึ้ง ยศพงศ์หลับตาลง มือทั้งสองตกลงข้างลำตัวอย่างเซื่องซึม
เขารู้ ตระกลูสิทธิรัตน์สุนทรเข้าใกล้จุดจบเต็มทีแล้ว