แค้นรักสามีตัวร้าย - บทที่ 1673 ฉันจะไปกล้าหวังให้เธอให้อภัยได้ยังไง
“พ่อ ฉันเข้าไปดูลูกสาวของฉันนะ”
ตอนนี้แก้วตาอยากเข้าไปดูปาณีจนแทบอดรนทนรอไม่ไหว
ตั้งยี่สิบกว่าปี ไม่รู้ว่าตอนนี้ลูกจะเป็นยังไงบ้าง
แก้วตาเข้าไปยังห้องข้างๆโดยที่ไม่รอให้ยศพงศ์ ได้เปิดปากพูดอะไร ส่วนแม่บ้านหลิวก็เดินตามหลังไปติดๆ
เมื่อธเนศพลเดินออกมาเห็นยศพงศ์ ก็รู้สึกเหมือนอีกฝ่ายแก่ลงเพียงชั่วพริบตา ก็อดที่จะทอดถอนหายใจออกมาไม่ได้ จึงสั่งให้คนรอบๆสลายตัว แล้วรินน้ำอุ่นๆมายื่นให้ด้วยตัวเอง
ยศพงศ์ยังคงนิ่งเหม่ออยู่อย่างนั้น เมื่อพบว่าคนที่ยื่นแก้วน้ำอุ่นมาให้เป็นธเนศพลก็รับรับเอาไว้ แล้วเอ่ยพูดขอบคุณ
เขาไม่เข้าใจเลยจริงๆ ถ้าจะพูดถึงเรื่องอำนาจ ทั้งๆที่อำนาจของตระกูลธนโชติเกียรติโกศลยิ่งใหญ่กเทียมฟ้า แต่ธเนศพลที่อยู่ตรงหน้าก็ไม่ห็นจะเติบโตมาอย่างบิดเบี้ยวและเดินทางผิด แต่ทำไมไอ้เศษเดนลูกชายเขาถึงได้กลายมาเป็นพิษภัยของสังคมแบบนี้ล่ะ?
เขาเองก็นับได้ว่าเป็นคนที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมากับคุณท่านขวัญชัย ทั้งๆที่เห็นตลอดว่าคุณท่านขวัญชัยสั่งสอนลูกชายยังไง แต่ทำไมลูกของเขาถึงได้เดินมาถึงจุดนี้ล่ะ?
ยศพงศ์ คิดไม่ตก จึงมองน้ำที่ถืออยู่ในมือเนิ่นนานไม่ยกขึ้นดื่ม
ธเนศพลถอนหายใจออกมา “ลุงพงศ์ ไม่ต้องห่วงนะ พวกผมไม่ดึงคนที่ไม่รู้อิโหน่ดิเหน่เข้ามาเกี่ยวด้วยหรอก เรื่องนี้คงเป็นความเห็นของคุณอามาแล้วใช่ไหม?”
ยศพงศ์ ยิ้มออกมาอย่างขมขื่นแต่กลับไม่พูดอะไรออกมา
จะให้พูดอะไรล่ะ?
ต่อให้เขาห้าม ต่อให้เขาไม่อนุญาตแล้วยังไงต่อฒ ยังไงเรื่องที่พวกสารเลวนั่นทำเอาไว้ก็ไม่มีทางปิดไปได้ตลอดหรอก จากที่เคยเห็นตระกูลโตเล็กจัดการแล้ว ยังไงก็คงค่อยๆถูกจัดการอยู่วันยังค่ำ
ใครจะไปคิดว่าปาณีจะมาเจอนรมนล่ะ?
บางทีนี่อาจจะเป็นโชคะตาก็ได้
เมื่อธเนศพลเห็นอีกฝ่ายเงียบ ก็รู้สึกไม่สบอารมณ์
จริงๆแล้วตั้งแต่เด็กยันโต เขาเองก็ถือว่าสนิทกับยศพงศ์ ตาแก่นี้ทำเพื่อชาติเพื่อประชาชนจริงๆ แต่คิดไม่ถึงเลยว่าพอแก่แล้วจะถูกลูกชายลูกสาวทำรลายเกียรติยศจนย่อยยับ
เขาเดินเข้าไปกอดอีกฝ่ายเอาไว้ พูดเสียงแผ่วเบาว่า “ลุงยังมีผมมีคุณท่าน และปาณีนะ”
ยศพงศ์รู้สึกคัดจมูกขึ้นมาในทันที ชั่วขณะนั้นน้ำตาก็ไหลออกมาเป็นทาง
ทหารเก่าผู้ซึ่งไม่เคยเสียน้ำตาแม้ผ่านมากี่สนามรบ ทว่าในตอนนี้กลับกำลังร้องไห้น้ำตาแตกเหมือนเด็ก
ธเนศพลรู้สึกเศร้า
สุดท้ายในช่วงบั้นปลายของชีวิตผู้กล้า ต้องมาขาดลูกสิ้นหลาน ไม่ว่าใครก็ต้องร้องไห้เสียใจกันทั้งนั้น
แก้วตาไม่รู้และไม่สนใจอารมณ์ความรู้สึกของยศพงศ์ในตอนนี้ เธอเดินเข้ามาในห้องของปาณีอย่างอดรนทนรอไม่ไหวทว่ากลับต้องเปลี่ยนเป็นระมัดระวัง
คนที่นอนอยู่ในห้องอยู่ตรงหน้า คือลูกสาวที่เธอคิดถึงและห่วงหามาตลอด เธอรู้สึกเหมือนได้ย้อนกลับไปในวันวาน
แม่บ้านหลิวกุมมือของแก้วตาเอาไว้แน่น เอ่ยพูดเสียงเบาว่า “คุณผู้หญิง อย่าตื่นเต้นมากไปนะคะ”
“ฉัน ฉันจะไม่ตื่นเต้น ไม่ตื่นเต้น”
แม่ว่าแก้วตาจะพูดอย่างนั้น แต่ร่างกายของเธอกลับสั่นระริก หน้าผากก็มีเหงื่อซึม
แม่บ้านหลิวช่วยประคองแก้วตาเอาไว้ เมื่อแก้วตาเปิดประตูห้องเข้าไป ก็มองเห็นปาณีนอนอยู่บนเตียงโดยใส่เครื่องช่วยหายใจเอาไว้
แวบแรกที่เห็น น้ำตาของแก้วตาก็ไหลออกมาทันทั
“ลูก…..”
เธอกัดริมฝีปากล่างเพื่อกลั้นน้ำตา แล้วเดินเข้าไปหาปาณีทีละก้าว
แม้จะไม่รู้ว่าปาณีผ่านอะไรมาบ้าง แต่ร่างกายบอบช้ำของอีกฝ่ายมันบาดตาแก้วตาเหลือเกิน
เธอแทบจะยืนไม่อยู่ ทรุดนั่งตรงข้างเตียงของปาณี
มือของปาณีเย็นเฉียบ ถ้าไม่ใช่เพราะยังมีไออุ่นๆอยู่เล็กน้อย เธอก็คงคิดว่าวิญญาณลูกกลับไปสวรรค์แล้ว
หน้าตาของปาณีได้ตุลธรมาบ้าง ต่อให้ไม่บอกก็มองออกว่าทั้งสองเป็นพ่อลูกกันแท้ๆ แต่ทำไมตุลธรถึงทำกับลูกแท้ๆของตัวเองได้ลงคอล่ะ?
แก้วตามองบาดแผลทั้งร่างกายของปาณี น้ำตาไม่เคยหยุดไหล แต่ก็กลัวว่าจะเสียงดังรบกวนจึงกัดปากกลั้นเอาไว้ จนไหล่สั่นระริก กระนั้นน้ำตาก็ยังไหลออกมาราวกับเขื่อนแตก
ดวงตาของแม่บ้านหลิวเองก็เอ่อคลอไปด้วยน้ำตา
“คุณผู้หญิง ตอนนั้นที่ส่งตัวคุณหนูออกไปฉันยังจำได้ว่าเธอตัวเล็กๆอยู่เลย พริบตาเดียวก็โตเป็นสาวซะแล้ว”
เสียงของแม่บ้านหลิวสั่นเล็กน้อย
พชิราเติบโตอยู่ในตระกลูสิทธิรัตน์สุนทร แม้ว่าจะไม่ได้รับความรักจากตุลธร แต่ก็ไม่เคยตกระกำลำบาก แถมยังได้กินแต่อาหารดีๆ ตัดภาพมาที่ปาณี เกิดมาก็ถูกส่งตัวออกนอกตระกูล ชีวิตข้างนอกเป็นยังไงก็ไม่มีใครรู้ ตอนนี้ยังมาถูกตุลธรทำร้ายจนกลายมาเป็นอย่างนี้อีก ช่างน่าสงสารเหลือเกิน
แก้วตาแค่ร้องไห้ออกมา เธอมีคำพูดมากมายอยากพูดกับปาณี แต่ว่ากลับติดอยู่ในลำคอพูดออกไปไม่ได้
จะให้พูดอะไรล่ะ?
พูดว่าที่ตอนนั้นส่งตัวเธอออกไปเพื่อช่วยชีวิตเธองั้นเหรอ?
พูดว่าตัวเองใจร้ายขนาดไหน หลายปีที่ผ่านมาถึงไม่ถามไถ่ และไม่สนใจใยดีงั้นใช่ไหม?
พูดว่าตัวเองไม่มีทางเลือก พูดว่าตุลธรสารเลวแค่ไหน แต่พูดไปแล้วจะมีประโยชน์อะไร?
ถ้ามีประโยชน์ ตอนนี้ก็คงไม่กลายเป็นอย่างนี้หรอก
เธอหยิบมือของลูกสาวขึ้นมาแนบแก้มตัวเอง
นี่เป็นครั้งแรกที่ได้ใกล้ชิดกับลูกสาวในรอบยี่สิบปีที่ผ่านมา ทว่ากลับดูห่างไกล
เธอรู้ว่าป้องช่วยชีวิตปาณีได้แน่ๆ และเธอก็รู้ว่าชีวิตของปาณีหลังจากนี้ต้องราบรื่นอย่างแน่นอน แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว
สิ่งที่เธอต้องการก็แค่ความราบลื่นในชีวิตของปาณีแค่นั้น
แก้วตาลูบฝ่ามือของเธอ รับรู้ไดเถึงหัวใจที่เต้นอย่างอ่อนแรงของปาณี น้ำตาอุ่นๆพลันหยดลงบนมือของอีกฝ่าย
ปาณีขยับตัวเล็กน้อย ราวกับรับรู้อะไรบางอย่าง ความอยากมีชีวิตรอดทำให้เธอสูดเอาอากาศในเครื่องช่วยหายใจอย่างต่อเนื่อง ทว่าเนื่องจากร่างกายอ่อนแรงเกินไปจึงไม่สามารถลืมตาขึ้นมาได้
เมื่อแม่บ้านหลิวเห็นท่าทางเศร้าเสียใจของแก้วตา ก็อดพูดขึ้นมาไม่ได้ว่า “คุณผู้หญิง อย่าเพิ่งกังวลไปเลย รอให้คุณหนูหายใจ ก็ยังมีเวลาคุยกันอยู่นะคะ”
“ไม่มีแล้ว แม่บ้านหลิว ฉันไม่มีเวลาแล้ว”
นี่เป็นครั้งสุดท้ายของแก้วตา และเป็นโอกาสเป็นเพียงครั้งเดียวที่ได้มาเจอปาณี หลังจากที่เธอเดินออกไปจากนี้เธอต้องไปมอบตัว ต้องไปรับผิดชอบกับทุกสิ่งทุกอย่างที่ควรรับผิดชอบ และเพื่อป้องกันตัวเอง ในฐานะที่เป็นพยานรู้เห็นเธอจะได้ชี้ตัวตุลธร
เธอต้องได้ส่งตัวคนสารเลวอย่างตุลธรเข้าคุกเองกับมือ
แม่บ้านหลิวไม่เข้าใจ จึงเอ่ยถามว่า “ทำไมจะไม่มีล่ะคะ? ฝีมือหมอป้องขั้นเทพขนาดนั้น ต้องช่วยชีวิตคุณหนูได้แน่ๆ พอถึงตอนนั้นคุณผู้หญิงก็บอกคุณหนู ว่าที่ต้องส่งตัวเธอไปในตอนนั้นเพราะว่าจำเป็น เพื่อให้เธอมีชีวิตรอด คุณหนูต้องเข้าใจ และให้อภัยคุณแน่นอน”
“ให้อภัย? ฉันจะไปกล้าหวังให้เธอให้อภัยได้ยังไง? ฉันเป็นถึงแม่ แต่กลับไม่สามารถปกป้องลูกของตัวเองได้ ทอดทิ้งเธอ ไม่สนใจใยดีเป็นเวลายี่สิบปี ไม่ต้องให้เธอรู้จักแม่ที่ไม่เอาไหนอย่างฉันหรอก และไม่ต้องให้เธอรู้ด้วยว่าตัวเองเป็นคนตระกลูสิทธิรัตน์สุนทร ปล่อยให้ทุกอย่างหายไปกับตระกลูสิทธิรัตน์สุนทรเถอะ หลังจากนี้เธอคือปาณี คนธรรมดาคนหนึ่ง พอถึงเวลาก็แต่งงานกับผู้ชายที่รักและมีลูก ใช้ชีวิตธรรมดาเรียบง่าย ไปด้วยกันจนเฒ่าจนแก่”
แก้วตาเอ่ยคำขอออกมาอย่างเรียบง่าย ทว่ากลับไม่สังเกตเห็นดวงตาที่กระตุกไหวของปาณีที่กำลังจะฟื้นขึ้นมาเลยสักนิด