แค้นรักสามีตัวร้าย - บทที่ 1687 นายรู้ดีว่าฉันทำไม่ได้
ในหัวของพฤกษ์กำลังสับสน ตอนที่ได้รู้เรื่องพวกนี้ความงุนงงยังคงไม่สลายไป มองคมทิพย์ที่แม้ว่าจะถลึงตาใส่เขาอย่างดุดัน แต่ในดวงตากลับมีน้ำตาเอ่อออกมา ตาแดงๆ
เขามองท้องโตๆที่ยื่นออกมาของคมทิพย์อีกครั้งมาถึงสนามรบต่างประเทศอย่างไม่เกรงกลัวการเดินทางไกลๆเลย นึกถึงความรักที่คมทิพย์มีต่อตนเอง จู่ๆในใจของเขาก็พองตัว ถึงกับปวดร้าวในใจ
“ผมไม่ได้ไม่เชื่อคุณ เพียงแต่คนท้องอย่างคุณมาที่นี่ทำไม? ห่ากระสุนปืนที่ยิงกันอย่างต่อเนื่อง อันตรายขนาดนั้น คุณไม่กลัว……”
“ฉันกลัวนายตายแล้วไม่มีใครเก็บศพให้นาย ฉันไม่อยากอยู่ในประเทศรอคอยนายโดนส่งกลับมาโดยที่มีธงชาติคลุมอยู่บนร่าง แล้วฉันยังต้องรอนายอยู่ทางนั้นในฐานะของแม่ม่ายอีก พฤกษ์ต่อให้นายตายก็ยังเป็นผู้ชายของคมทิพย์อยู่ดี ฉันต้องเห็นนายเป็นคนแรกสิ”
จู่ๆคมทิพย์ก็สะอึกสะอื้น
พฤกษ์จับมือของคมทิพย์เอาไว้อย่างอดทนไม่ไหวอีกแล้ว ดึงเธอเข้ามาหาตนเอง เสียงแหบพร่าพูดขึ้น: “คมทิพย์ ผมให้โอกาสคุณได้ผ่านความเสียใจไปแล้ว นี่คุณเป็นบ้าหรือไง? ทำไมต้องดึงดันจะอยู่กับผมให้ได้?”
“ฉันพอใจ มันเกี่ยวกับนายหรือไง?”
ในที่สุดน้ำตาของคมทิพย์ก็ร่วงลงมา
พฤกษ์ปวดใจขึ้นมาทันที
“ไม่ว่าจะยังไง ต่อไปผมจะเอาอกเอาใจคุณ”
“แต่ไหนแต่ไรนายก็ควรจะเอาใจฉันอยู่แล้ว ฉันท้องลูกชายให้นายเชียวนะ”
คมทิพย์เอาใบหน้าของตนเองค่อยๆแนบลงไปในฝ่ามือของพฤกษ์ เสียงนั้นทำให้ในใจของพฤกษ์ซาบซึ้ง
“ยังไม่คลอดออกมาคุณก็รู้แล้วเหรอว่าเป็นผู้ชาย?”
“อืม ฉันเป็นคนตัดสินใจ”
พฤกษ์ยิ้มออกมาทันที
เขารู้สึกว่าผลกำไรที่ใหญ่สุดในการออกมาครั้งนี้ก็คือคมทิพย์
สิ่งที่คิดไม่ถึงที่สุดก็คือลูก
เขานึกไม่ถึงว่าจะได้เป็นคนที่มีลูกแล้ว
ถ้าบอกว่าไม่ซาบซึ้งก็คงเป็นคำโกหก หลังจากยอมแพ้ความคิดนี้ไปโดยสิ้นเชิง แต่ภรรยาของเขากลับบอกว่าเขามีลูกแล้ว ความรู้สึกอย่างนี้มันน่าตื่นเต้นเกินไปจริงๆ
“อื้ม คุณเป็นคนตัดสินใจ”
พฤกษ์รู้สึกว่าบาดแผลบนร่างกายไม่เจ็บแล้ว ในหัวใจในสายตาล้วนแต่เป็นความรู้สึกของคมทิพย์เท่านั้น
ในที่สุดเขาก็ทนไม่ไหวจับหัวคมทิพย์ลงมา ริมฝีปากที่เย็นเล็กน้อยประกบลงไปที่ปากของเธออย่างรวดเร็ว
ภายในห้องเงียบสนิท นรมนเองก็ไม่อยากเข้าไปสร้างความอึดอัด ทั้งสองคนที่แยกจากกันไปนานกว่าจะได้กลับมาเจอกันอีกครั้งจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นเธอพอจะเดาได้อยู่แล้ว เพียงแต่ความคิดถึงที่อยู่ในกระดูกยิ่งหนักมากขึ้น
บุริศร์ คุณอยู่ไหน?
ฉันคิดถึงคุณ
นรมนเงยหน้ามองท้องฟ้าด้านนอก สายตาปรากฏความรู้สึกออกมาเพียงครู่หนึ่ง
เธอค่อยๆถอยออกไปจากห้องคนไข้ ไปที่ป่าไผ่ด้านหลังตามลำพัง ที่นี่เหมือนกลายเป็นสถานที่พักผ่อนส่วนตัวของเธอไปแล้ว
ด้านนอกยังคงโกลาหลวุ่นวาย แต่ในหัวของนรมนกลับมีแค่บุริศร์เท่านั้น
ตาบ้านั่น ไม่รู้ว่าตอนนี้คิดถึงเธอบ้างหรือเปล่า
นรมนพิงอยู่บนต้นไผ่ ลมเอื่อยๆปะทะเข้ามา กลับทำให้รู้สึกสบายใจเล็กน้อย แต่ทว่าก็รู้สึกอ้างว้างมากขึ้นไปโดยปริยาย
ครั้งนี้โชคดีที่คมทิพย์กับพฤกษ์ได้กลับมาอยู่ด้วยกันแล้ว เธอก็เข้าใจความรู้สึกนี้ เพียงแค่ผู้ชายของเธอยังไม่กลับมา
โสธรหานรมนไปทั่วทุกที่แต่ไม่เจอเลย แล้วนึกขึ้นได้ถึงป่าไผ่ จึงวิ่งเข้ามา แต่ทว่ากลับเห็นท่าทางที่สบายใจของนรมนอยู่ไกลๆ เขาจึงอดไม่ได้ที่จะชะงักเล็กน้อย
นรมนที่อยู่ภายใต้แสงอาทิตย์งดงามอย่างไม่มีข้อกังขา สวยจนทำให้เขารู้สึกเหมือนไม่ใช่ความจริง สวยจนทำให้เขาไม่กล้าดูหมิ่น
แววตาของโสธรเปล่งประกายเล็กน้อย กดความรู้สึกในใจที่หมดหนทางจะพูดออกมาเอาไว้ในก้นบึ้งของหัวใจ
เขารู้ดี ต่อให้ตนเองวิ่งไล่ตามด้วยเท้าเปล่าก็คงตามไม่ทันฝีเท้าของนรมนหรอก
เธอกับบุริศร์เป็นคู่ที่สวรรค์สร้างขึ้น ส่วนเขาชีวิตนี้อาจจะทำได้เพียงเงยหน้ามองเธอเท่านั้น
เธอเป็นนายหญิงของตนเอง และจะเป็นตลอดไป ความรู้สึกที่ไม่สามารถพูดได้อย่างชัดเจนนั้นถูกลิขิตให้เป็นได้แค่รักข้างเดียว
นึกถึงจุดประสงค์ของตนเองที่เข้ามาตามหาเธอ สีหน้าของโสธรจึงเปลี่ยนไป สุดท้ายก็ไม่ได้รบกวนเธอ ยืนอยู่ด้านข้างเป็นเพื่อนเธอเงียบๆ
บางทีเขาคงทำได้เพียงเท่านี้
นรมนกำลังหลับตาเคลิบเคลิ้มไปกับลมเอื่อยๆและแสงอาทิตย์ แต่จู่ๆก็รู้สึกได้ว่าข้างกายมีลมหายใจของใครบางคนเพิ่มเข้ามา เธอลืมตาขึ้นทันที จึงเห็นโสธรยืนมองเธออยู่ไม่ไกล
จิตใจที่ระแวดระวังของเธอคลายกังวลลงได้ทันที
“มีเรื่องอะไรเหรอ?”
นรมนลืมตาลุกขึ้น โสธรรีบเดินเข้าไปยื่นมือออกไปหาเธอ ความคิดแรกคืออยากจะประคอง นรมนเดินลงมาจากป่าไผ่
แต่นรมนชะงักเล็กน้อย เลี่ยงมือของเขาแล้วกระโดดลงมาจากด้านบนทันที
การเคลื่อนไหวของเธอคล่องแคล่วว่องไว โสธรรีบเก็บมือกลับไป แววตาปรากฏความอ้างว้างออกมาเล็กน้อย
ในที่สุดโอกาสแม้แต่นิดเดียวก็ไม่มีแล้วสินะ
สำหรับการระวังตัวระหว่างชายหญิงนรมนวางตัวได้เป็นอย่างดี ไม่ทิ้งความทรงจำไว้ให้เขาแม้สักนิด
มุมปากแสดงความเจ็บปวดออกมาเล็กน้อย แต่กลับทำได้เพียงควบคุมเอาไว้
นรมนมองๆเขา ถามขึ้น: “นายเป็นอะไรไป?”
“ไม่ได้เป็นอะไรครับ”
โสธรรีบปรับอารมณ์ของตนเองให้ดี กลืนความเจ็บปวดทั้งหมดลงไป สบเข้ากับดวงตาใสแป๋วคู่นั้นของนรมน ในใจค่อนข้างเหยียดหยามตนเอง
ตอนแรกเพื่อเธอแล้วจึงแฝงตัวเข้าไปเป็นไส้ศึกเพราะดวงตาใสแป๋วคู่นี้เพียงพอที่จะทำให้เขาสนใจ ดังนั้นถึงได้บุกรุดหน้าไปด้วยความกล้าหาญ ไม่สนใจอะไรเลย ในตอนนี้เธอดีกับเขามากจริงๆ ดีขนาดที่มอบทั้งอาณาจักรรัตติกาลไว้ให้เขากับกิมจิควบคุมดูแล
ถึงกิมจิจะเป็นหัวหน้า แต่เนื่องจากเกี่ยวกับสุขภาพ หลักๆแล้วจึงเป็นแค่ผู้วางแผนอยู่เบื้องหลัง ส่วนคนที่กุมอำนาจก็คือโสธร
แต่เขารู้ว่าสิ่งที่ตนเองต้องการไม่ใช่สิ่งนี้
และสิ่งที่เขาต้องการนรมนก็ให้เขาไม่ได้
ถ้าให้นรมนรู้ความคิดในใจของตนเอง โสธรไม่กล้าจินตนาการจริงๆว่านรมนจะทำยังไง ส่วนตนเองจะทำยังไงได้อีกล่ะ
อย่างนี้ก็ดีอยู่แล้ว
ก็ตามนี้เถอะ
เพียงแค่สามารถอยู่ข้างกายเธอ เพียงแค่ได้อยู่ข้างๆเธออย่างนี้ก็เป็นความสุขอย่างหนึ่งแล้ว
ความคิดมากมายผ่านเข้ามาในใจของโสธร เขาจึงรีบจัดการอารมณ์ของตนเองให้ดี มองนรมน ในที่สุดก็ต้องพูดขึ้นอย่างทนไม่ได้: “มีข่าวคราวจากแนวหน้าแล้วครับ”
“ทำไมไม่รีบๆพูด?”
สีหน้าของนรมนเปลี่ยนไปทันที
“เกี่ยวกับบุริศร์เหรอ?”
“ครับ”
หัวใจของโสธรบาดเจ็บจากการโดนเสียดแทงอย่างควบคุมไม่ได้
สำหรับบุริศร์ เธอใส่ใจเขากว่าใครทั้งนั้น
เป็นเขาเองที่ถ่วงเวลาบอกข่าวแก่เธอ
นึกถึงตรงนี้ โสธรจึงรีบพูด: “แนวหน้าส่งข่าวมาว่า ประธานบุริศร์กับประธานเจตต์รับช่วงต่อภารกิจของพฤกษ์ พากำลังพลเข้าไปในอาณาเขตของศัตรู ตอนนี้เหมือนจะโดนพบเข้าแล้ว สัญญาณทางนั้นก็โดนปิดกั้น พวกผมติดต่อพวกเขาไม่ได้เลย”
สีหน้าของนรมนซีดเผือดขึ้นมาทันที
“ติดต่อไม่ได้หมายความว่าไง? จะบอกว่าพวกเขาโดนขังอยู่ในเขตของศัตรูงั้นเหรอ?”
“ครับ”
ถึงไม่อยากพูดอย่างนี้ แต่โสธรก็ยังต้องบอกอยู่ดี
เขารู้ เพียงเอ่ยปากนรมนก็จะไม่นั่งรอความตายอยู่เฉยๆอย่างแน่นอน แล้วก็ไม่นั่งรออย่างสงบอยู่ที่นี่เช่นกัน
เธอจะต้องพาคนไปช่วยเหลือแนวหน้าแน่ๆ
แต่หนทางข้างหน้ามันกว้างใหญ่และไม่ชัดเจน อีกฝ่ายเป็นอาณาเขตของศัตรู ถ้าเธอเข้าไปเป็นไปได้ว่าอาจจะได้รับบาดเจ็บ
โสธรจึงแย่งนรมนพูดก่อน: “ผมพาคนของอาณาจักรรัตติกาลเข้าไปช่วยประธานบุริศร์ได้ ขอให้นายหญิงอยู่ออกคำสั่งที่นี่เถอะครับ”
“นายก็รู้ว่าฉันทำไม่ได้”
“ผมขอร้องล่ะ!”
โสธรพูดจบก็คุกเข่าลงไป
นรมนสะเทือนใจอย่างมาก
“โสธร นายลุกขึ้นมา! อาณาจักรรัตติกาลไม่มีกฎนี้! ใครให้นายคุกเข่า? นายลุกขึ้นมา!