แค้นรักสามีตัวร้าย - บทที่ 1724 อับจนหนทาง
“คุณนาย เชื้อไวรัสกลายพันธุ์แล้วครับ”
ตอนที่กิมจิได้รับข่าวนี้ก็ร้อนรนมาก แล้วก็กังวลมากเช่นกัน ความรวดเร็วของไวรัสกลายพันธุ์นี้ทำให้มนุษย์เราตามไม่ทันเลยจริงๆ ส่วนประกอบในยาถอนพิษตัวเดิมของนรมนใช้ไม่ได้ผลสักเท่าไหร่แล้ว นี่สิถึงน่ากลัวที่สุด และคนที่ประสบโชคร้ายเป็นคนแรกไม่นึกว่าจะพวกวินเซนต์
ทำไมถึงเป็นอย่างนี้?
นรมนค่อนข้างประหลาดใจ บุริศร์ก็ขมวดคิ้วแน่น
“เจอตัวอนณหรือยัง?”
“ยังครับ”
ตั้งแต่หลังจากอนณออกไปจากที่ด้านนี้ก็ไม่มีข่าวคราวอีกเลย แม้จะมีข่าวบอกว่าพวกเขาตายจากเชื้อไวรัสไปแล้ว แต่ยังไม่เห็นศพกิมจิจึงไม่กล้ายืนยัน
บุริศร์อยากจะออกไปข้างนอก แต่กลับโดนนรมนขวางเอาไว้
“คุณอยู่ที่นี่ ฉันจะออกไปดู”
“เวลาอย่างนี้คุณคิดว่าผมจะยอมให้คุณออกไปดูตามลำพังงั้นเหรอ?”
บุริศร์กำลังมองตานรมนค่อนข้างพูดไม่ออก
แต่นรมนกลับพูดเบาๆ: “ฉันเอาแต่รู้สึกว่าฉันมองข้ามสิ่งสำคัญอะไรไป วันนั้นที่พวกวินเซนต์กินบะหมี่ที่ฉันทำถึงได้เกิดเรื่องขึ้น ส่วนชามนั้นที่ฉันทำให้คุณเพราะกลัวว่ามันจะเย็นชืดไปแล้ว ฉันจึงยกให้ทหารด้านนอกคนหนึ่งกินไป ดังนั้นถ้าคุณไม่เป็นอะไร งั้นการติดเชื้อของไวรัสกลายพันธุ์ในตอนนี้เป็นไปได้มากว่าจะเกี่ยวข้องกับบะหมี่ที่ฉันทำตอนนั้น พวกวินเซนต์ยังอยู่ภายในอาณาเขตควบคุมของพวกเรา แต่ทหารคนนั้นฉันกลับลืมหน้าตาของเขาไปแล้ว ตอนนี้ต้องยังอยู่ที่นี่แน่ๆ ถึงเวลานั้นถ้าแพร่เชื้อขึ้นมาจริงๆ กลัวว่าผลที่ตามมาคงไม่สามารถควบคุมเอาไว้ได้”
“ดังนั้นคุณจึงวางแผนเอาตัวเองไปเสี่ยง ให้ผมอยู่ที่นี่เพื่อทำการเตรียมพร้อมกับสถานการณ์ที่คาดไม่ถึงงั้นเหรอ?”
บุริศร์ยังไม่ค่อยเข้าใจนรมนสักเท่าไหร่ แต่ภารกิจที่ต้องปกป้องอยู่ในตอนท้ายอย่างนี้ไม่ควรจะเป็นนรมนที่เป็นคนทำไม่ใช่เหรอ?
ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่คนอย่างบุริศร์อ่อนแอไร้ความสามารถเช่นนี้?
นรมนฟังออกถึงความน้อยใจภายในคำพูดของบุริศร์อยู่แล้ว จึงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาแล้วพูดต่อ: “ประธานบุริศร์เป็นนายพลที่เฉลียวฉลาด จำเป็นต้องอยู่ปกป้องที่เขตควบคุมนี่”
“ไปให้พ้น!”
นี่ยังเป็นครั้งแรกที่บุริศร์พูดจาไม่ดีใส่นรมนด้วย แต่ทว่ากลับทำให้นรมนรู้สึกดีมาก
“ฉันกลัวว่าฉันไปจริงๆแล้วบางคนจะร้องไห้น่ะสิ”
หูของบุริศร์แดงระเรื่อขึ้นมาทันที
กิมจิรู้สึกว่าตนเองได้รับการปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรมเกินไปจริงๆ เขาจะเข้ามารายงานข้อมูลหนึ่งแต่กลับโดนบังคับให้กินอาหารหมาแทนซะได้ พวกเขาสองคนลืมหรือเปล่าว่าที่นี่ยังมีคนอื่นอยู่ด้วย?
นึกถึงตรงนี้ กิมจิจึงไอออกมาครั้งหนึ่ง เพื่อเตือนสองคนนี้ว่ายังมีเขาอยู่ บันยะบันยังหน่อยได้ไหมล่ะ?
นี่มันเวลาอะไรแล้ว ยังแสดงความรักต่อหน้าสาธารณชนเช่นนี้อีก หัวใจมีศีลธรรมบ้างไหม?
บุริศร์ได้ยินเสียงไอของกิมจิจึงขมวดคิ้วเล็กน้อย “นายติดเชื้อเหรอ? แล้วนายยังกล้าเข้ามาที่พวกฉันอยู่อีก? รีบออกไปตรวจสิ”
เขารู้สึกว่ากิมจิขัดตาสุดๆเลย
แม้จะรู้ว่าเขากับภรรยาของตนเองไม่มีทางเกิดอะไรขึ้นแน่ๆ แต่ผู้ชายคนนี้เคยอยากได้ภรรยาของเขานะเรื่องนี้เขาไม่ลืมหรอก
เห็นแววตาที่ระแวดระวังของบุริศร์ นรมนก็อยากจะหัวเราะออกมา
“เอาล่ะๆ คุณอยู่ที่นี่ ฉันกับกิมจิจะออกไปดูหน่อย”
“นรมน!”
บุริศร์ยังอยากจะโต้เถียงต่อไปอีกหลายรอบ แต่กลับโดนนรมนห้ามเอาไว้
เพียงเห็นเธอยื่นมือออกมาลูบผมของบุริศร์แล้วพูดขึ้น: “เชื่อฉันนะ พักฟื้นร่างกายให้ดี กลางคืนถึงจะมีแรงปรนนิบัติฉันไม่ใช่เหรอ?”
คราวนี้กิมจิจะสำลักน้ำลายจริงๆแล้ว
สองสามีภรรยานี่ปฏิบัติตัวให้ถูกหลักตามทำนองคลองธรรมหน่อยได้ไหม?
เขาอยู่ต่อไปไม่ไหวแล้ว
“ผมออกไปดูก่อนนะครับ”
กิมจิดุนรถเข็นออกไปอย่างหมดคำพูด
นรมนจึงพูดขึ้นด้วยความกลุ้มใจ: “คุณเนี่ย ทำให้กิมจิตกใจหนีไปแล้ว”
“อย่างเขาน่ะเรียกว่ามีไหวพริบดีต่างหาก”
บุริศร์ก้าวเข้าไปกอดนรมนเอาไว้ทันที เกี่ยวเอวบางๆของเธอเอาไว้แล้วพูดขึ้น: “ตอนนี้ต่อหน้าคนนอกคุณก็ไม่ไว้หน้าผมแล้วใช่ไหม? ให้ผมปรนนิบัติคุณงั้นเหรอ? หื้ม?”
นรมนโดนเขายั่วเย้าจนค่อนข้างร้อนผ่าว แต่กลับไม่กล้าปล่อยตัวไปตามอำเภอใจ ถึงยังไงด้านนอกยังมีเรื่องราวมากมายที่ต้องไปทำ จึงอดไม่ได้ที่จะผลักเขาแล้วพูดขึ้น: “เลิกเล่นได้แล้ว ฉันจะออกไปดูก่อน”
“จูบผมหน่อยแล้วจะให้คุณไป”
บุริศร์ในตอนนี้เหมือนเด็กจริงๆเลย
เป็นสามีภรรยากันมาตั้งนานแล้ว นรมนก็ไม่ได้รู้สึกเคอะเขิน ประคองหน้าของบุริศร์แล้วจุ๊บไปหนึ่งที
แต่บุริศร์กับไม่พอใจการจูบที่เอาตัวรอดอย่างนี้ จึงจับหลังหัวของนรมนเอาไว้ ลมหายใจที่รุนแรงปกคลุมไปทั่วอวัยวะที่รับความรู้สึกของเธอ
ท่ามกลางความเคลิบเคลิ้มนั้นบุริศร์เหมือนกับกัดบางสิ่งจนแตกบีบบังคับให้เธอต้องกลืนลงไป แล้วจู่ๆก็รู้สึกวิงเวียนขึ้นมา
“บุริศร์ คุณกล้านักนะ!”
ความโมโหของนรมนเข้ามารุมเร้าในหัวใจ แต่กลับหมดสติไปในทันที
บุริศร์ประคองร่างของเธอเอาไว้อย่างรวดเร็ว ค่อยๆวางเธอลงบนเตียง สายตารักใคร่
“ผู้ชายของคุณยังมีชีวิตอยู่นะ เรื่องเสี่ยงๆถึงคราวให้คุณออกหน้าแล้วงั้นเหรอ? นอนให้เต็มอิ่ม รอผมกลับมาคืนนี้จะปรนนิบัติคุณให้เต็มที่เลย”
บุริศร์จูบลงไปบนหน้าผากของเธอ แล้วรีบเดินออกไป
กิมจิกำลังจัดการเรื่องนี้อยู่ เนื่องจากเชื้อไวรัสกลายพันธุ์ คนที่นี่จึงพากันตื่นตระหนก บุริศร์เองก็ไม่อืดอาด ไปที่ห้องของวินเซนต์ทันที
หน้าของวินเซนต์แดงมาก แค่แตะไปที่หน้าผากก็ร้อนจนน่าจะต้มไข่ให้สุกได้
“กินยาหรือยัง?”
“กินแล้วค่ะ เริ่มแรกอุณหภูมิลดลงแล้ว แต่วันนี้จู่ๆก็กลับมาเป็นซ้ำ ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น”
พยาบาลรีบพูด
สำหรับเรื่องนี้บุริศร์ก็อับจนหนทาง
“กิมจิ ให้คนไปตรวจสอบหน่อยช่วงที่ฉันหมดสติรอบๆห้องของฉันเคยมีใครอยู่บ้าง ต้องหาทหารที่กินบะหมี่โฮมเมดของนรมนคนนั้นให้เจอ คำนวณตามเวลา ตอนนี้คนๆนี้น่าจะมีอาการแล้ว กลัวว่าคนที่สัมผัสกับเขาจะติดโรคไปด้วย คนๆนี้จำเป็นต้องกักตัวทันที”
ไม่รู้กิมจิดุนรถเข็นเข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่ เห็นบุริศร์กำลังยุ่งจึงไม่ได้ส่งเสียง แต่กลับได้ยินคำสั่งของบุริศร์ เขาพยักหน้าแล้วรีบไปจัดการ
ในเวลาเดียวกันนี้ โทรศัพท์ของบุริศร์ก็ดังขึ้น ธเนศพลบอกว่าอีกครึ่งชั่วโมงจะนำเครื่องบินลงจอดที่นี่ แต่ในเวลานี้บุริศร์ไม่หวังให้ธเนศพลเข้ามาเลย
ไม่ว่าคุณท่านขวัญชัยจะทำอะไรเขากับนรมน ธเนศพลก็จะเป็นเพื่อนสนิทของเขาเสมอ เป็นคนที่เขาอยากจะช่วยเหลือต่อไป ถ้าตอนนี้มาที่นี่แล้วเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด เขาคงต้องเผชิญหน้ากับประชาชนด้วยความละอายใจ
“ช่วงนี้นายอย่ามาที่นี่! เชื้อไวรัสทางนี้เกิดการกลายพันธุ์ ขณะนี้ยังไม่มีแผนการแก้ปัญหา นายเข้ามาจะได้รับผลกระทบที่ไม่ดีนะ”
ท้ายที่สุดบุริศร์ได้ทำการตัดสินใจออกมา
ตอนที่ธเนศพลได้ยินข่าวนี้เบ้าตาก็ร้อนผ่าวเล็กน้อย
ไม่ว่าจะเมื่อไหร่ บุริศร์มักจะดูแลความปลอดภัยของเขาเสมอ น่าเสียดายที่เรื่องนี้ถึงยังไงพ่อเขาก็ไม่ยอมเชื่อ
“ไม่ ฉันต้องเข้าไป! มีแค่อย่างนี้ พ่อฉันถึงจะค่อนข้างหวาดหวั่น”
ถ้าธเนศพลดื้อขึ้นมาวัวสิบตัวก็ฉุดเอาไว้ไม่อยู่
บุริศร์รู้ว่าพูดมากไปก็ไม่มีประโยชน์ ทำได้เพียงถอนหายใจพูดขึ้น: “งั้นก็พกยามาเยอะๆหน่อยแล้วกัน”
“ได้”
ธเนศพลหาซื้อเอาจากสถานที่ใกล้ๆ บุริศร์ที่ด้านนี้ก็บรรยากาศตึงเครียด เพราะยาเป็นเหตุนรมนถึงยังหลับสนิท ในเวลาเดียวกันก็มีบุคคลสองคนมาถึงที่โรงพยาบาลเขตสนามรบอย่างเงียบๆ ทั้งยังแทรกตัวเข้ามา ไปหาบุริศร์ในทันที