แค้นรักสามีตัวร้าย - บทที่ 1743 แกมีคนที่น่าสงสัยไหม?
กานต์ขมวดคิ้วเล็กน้อย แม้ว่าเขาจะไม่ได้ยินเสียงรถ แต่สีหน้าที่เปลี่ยนไปอย่างกะทันหันของไอราก็ยังอยู่ในสายตาเขา แปลว่ามีคนมาเหรอ?
เขาส่งซิกให้ไอรา ไอราจึงเข้าใจในทันที รีบวิ่งหายวับเข้าไปในบ้าน
กานต์ยืนอยู่ตรงหน้าต่าง ราวกับกำลังมองไปยังที่ไกลๆ ไม่ได้คิดอะไรอยู่ทั้งนั้น แต่ว่าดวงตาเฉี่ยวคมทั้งสองข้างกลับทอประกายบางอย่างที่ใครก็ไม่อาจมองออกได้
รถขับมาถึงหน้าระตูทางเข้าของคฤหาสน์ ทะเบียนรถเตะตาทำให้กานต์ตาเป็นประกายวาบ ทว่าก็ไม่ได้แสดงอาการอะไรออกไป กลับเป็นชมพูที่ได้ยินเสียงรถจึงวิ่งออกมา เมื่อเธอเห็นว่าเป็นรถของธเนศพลก็ค่อนข้างประหลาดใจ
“พ่อ? พ่อมาที่นี่ได้ยังไง?”
เมื่อเห็นลูกสาวในชุดผ้ากันเปื้อน ดวงตาของธเนศพลก็ทอแววสงสาร
“ตื่นมาทำอาหารเช้าให้ไอ้แสบนั่นเหรอ? ทีพ่อไม่เห็นแกจะกตัญญูแบบนี้บ้างเลย”
“พ่อ——”
ชมพูหน้าแดงระเรื่อ หันไปมองทางห้องของกานต์โดยไม่รู้ตัว และกานต์ก็ยืนอยู่ตรงหน้าต่างพอดี จึงชะงักนิ่งไปเล็กน้อย
ธเนศพลเองก็มองตามไปเหมือนกัน
ดวงตาของเขาวูบไหวเล็กน้อย จากนั้นก็โบกมือให้ชมพูถอยไปก่อน ไม่ให้เธอเข้ามาใกล้ แล้วพาตัวเองขึ้นไปยังชั้นบน ตรงไปที่ห้องของกานต์
เมื่อกานต์เห็นว่าธเนศพลขึ้นมาหา ก็หันหลังกลับเข้ามาในห้อง พร้อมเปิดประตูต้อนรับให้ธเนศพลเข้ามา
ธเนศพลมองกานต์ พร้อมส่งสายตาให้เขาปิดประตู จากนั้นถึงได้เดินเข้ามาในห้อง แล้วนั่งลงอย่างสบายๆ
แม้จะพูดว่าสบายๆ แต่ก็ไม่อาจกลบราศีของผู้เป็นใหญ่ที่มีมาหลายปีได้เลยแม้แต่น้อย
เขามองดวงตาสุขุมเรียบนิ่งของกานต์ แล้วถอนหายใจออกมาอย่างอดไม่ได้ “นั่งลงสิ”
“ผมเพิ่งลุก รู้สึกปวดหลังนิดหน่อย ขอผมยืนสักพักนะครับ”
คำพูดของกานต์ทำให้ธเนศพลนิ่งไปนิด แต่ก็ไม่ได้บังคับอะไร เพียงแต่พูดออกมาว่า “ได้ยินมาว่าแกตกลงคบกับไอราแล้ว?”
“นี่คือเรื่องส่วนตัวของผมครับ น้าพล”
เมื่อกานต์เรียกว่าน้าพลพลันทำให้ธเนศพลรู้สึกอึดอัด
“นี่แกถึงขนาดซื้อใจฉันเพื่อผู้หญิงคนนั้นเลยเหรอ? ฉันจำได้ว่าแกไม่เคยเรียกฉันว่าน้าพลอีกเลยหลังจากแกอายุสิบสี่”
ดวงตาของธเนศพลทอแววซับซ้อน
เด็กคนนี้เขาเลี้ยงมาเองกับมือ กับคนอื่นอาจจะมองว่าเป็นลูกน้อง แต่สำหรับเขาแล้วเขาเห็นเป็นลูกชายคนหนึ่งมากกว่า
หลายปีที่ผ่านมากานต์ใช้เวลาอยู่กับเขามากกว่าอยู่กับพ่อแม่อย่างบุริศร์และนรมนเสียอีก แล้วยิ่งหลังจากที่เขามีลูกชายคนเล็ก ก็ยิ่งสนิมกันมากขึ้น
เขาคิดว่ากานต์รับรู้เจตนาของเขามาตลอด แต่ตอนนี้กานต์กลับเลือกไอรา ซึ่งมันทำให้ธเนศพลรู้สึกรับไม่ได้และไม่ยอม
“ชมพูไม่ดีตรงไหน?”
“เธอดีทุกอย่าง แต่ผมคิดกับเธอแค่น้องสาว”
กานต์เป็นคนอย่างนี้แหละ ตอนที่ยังไม่ได้คบกัน เขาจะไม่พูดอะไรเลย แต่หลังจากคบกันแล้ว เขาจะไม่ยอมให้มีการเข้าใจผิดและความคลุมเครือเกิดขึ้น มันถือเป็นการให้เกียรติทั้งตัวเองและแฟนของเขา
เมื่อธเนศพลเห็นเขาเด็ดขาดแน่วแน่ถึงเพียงนี้ ก็อดที่จะถามขึ้นมาไม่ได้ว่า “มันไม่มีโอกาสแล้วเหรอ? บางทีแกลองหันกลับมา……”
“น้าพล ที่มาหาผมวันนี้เพราะอะไรครับ?”
กานต์คิดว่าธเนศพลไม่น่าจะว่างขนาดมาหาเขาเพราะเรื่องเล็กๆน้อยๆนี่
เมื่อเห็นว่ากานต์เปลี่ยนเรื่อง ธเนศพลก็ค่อนข้างไม่พอใจ แต่เห็นแก่ที่อีกฝ่ายเป็นเด็กที่เขาเลี้ยงมาเองกับมือ จึงพูดออกไปอย่างฮึดฮัดว่า “ตอนนี้แม้แต่จะให้ฉันพูดแกก็ไม่อนุญาตเหรอ? ตกลงแกหรือฉันกันแน่ที่เป็นน้า?”
เมื่อได้ยินแบบนี้กานต์ก็รู้ว่าเขาทำให้ธเนศพลอารมณ์เสียเสียแล้ว จึงอดหัวเราะขึ้นมาไม่ได้
“น้าเป็นน้าของผม ถ้าผมกล้าถึงขั้นให้น้าเรียกผมว่าน้า พ่อผมคงได้ตีผมตายแน่”
คำพูดหยอกเอินของกานต์ทำให้ธเนศพลโกรธไม่ลง
“เรื่องของแกกับไอรา ตอนนี้คงยังเป็นไปไม่ได้”
“ทำไมจะเป็นไปไม่ได้?”
กานต์อัดอั้น
เมื่อก่อนตอนที่เขายังไม่ชอบไอรา ก็มีแต่คนมาพูดกรอกหูเขาว่าเขาเป็นผู้ชายไม่ควรเย็นชาไร้ความรู้สึกใส่ผู้หญิงขนาดนั้น พอตอนนี้เขารู้สึกดีกับไอราแล้ว ก็มีแต่คนวิ่งมาบอกว่าไม่สมควรเนี่ยนะ?
เมื่อธเนศพลเห็นหน้ารั้นๆของกานต์ ก็อดนึกถึงบุริศร์กับนรมนขึ้นมาไม่ได้ ลูกที่สองผัวเมียนั่นสั่งสอนมาช่างเป็นเด็กหัวแข็งจริงๆ
“ไปเอาน้ำมาให้ฉันสิ ไม่เห็นเหรอว่าฉันมานั่งตรงนี้นานแล้ว? ไม่รู้จักกาลเทศะเอาซะเลย”
“ผมไม่ได้เชิญน้ามา อีกอย่าง นี่มันห้องนอนผม ไม่ใช่ห้องรับแขก ผมจะไปเอาน้ำมาให้น้าได้ยังไง?”
กานต์ไม่ไหลตามธเนศพล แถมยังต่อปากต่อคำกับเขาอีกด้วย ทำให้ธเนศพลหมดอารมณ์ขึ้นมาทันที
“คนอย่างแก มีผู้หญิงมาชอบได้ยังไงกันนะ ฉันล่ะข้องใจจริงๆ แถมไม่ใช่แค่คนเดียวด้วยนะ ผู้หญิงพวกนั้นตาบอดหรือไง?”
“คงใช่”
เมื่อกานต์เห็นว่าธเนศเริ่มออกนอกประเด็นไปเรื่อย และตอนนี้ก็เริ่มยืนจนเมื่อยแล้วด้วย เขาจึงนั่งลงตรงข้ามกับธเนศพล จากนั้นก็พูดขึ้นมาว่า “ผลสอบสวนโจรลักพาตัวออกมาแล้วใช่ไหม?”
“ไม่ใช่”
ธเนศพลส่ายหน้า มองมาที่กานต์ครู่ใหญ่ถึงได้พูดขึ้นว่า “ปืนมีปัญหาทำไมไม่บอกฉัน? ทำไมไม่รายงาน? แกกำลังสงสัยอะไร? หรือว่าแกไม่เชื่อใจแม้กระทั่งพี่น้องที่ร่วมเป็นร่วมตายกับแกมาหลายปี?”
กานต์ขมวดคิ้วเล็กน้อย
เขารู้ว่าไม่ช้าก็เร็วยังไงธเนศพลก็ต้องรู้เรื่องปืน แต่ก็ไม่คิดว่ามันจะเร็วขนาดนี้ เมื่อได้ยินธเนศพลเอ่ยถาม กานต์จึงไม่ได้มีอาการเท่าไหร่นัก เพียงแค่ออกมาอย่างเนิบนาบว่า “เรื่องนี้มันไม่เกี่ยวกับความเชื่อใจ แต่ผมแค่คาใจ ปืนผมถูกเก็บรักษาดีมาตลอด นอกจากผมก็ไม่มีใครเข้าไปจับได้ แต่ทำไมถึงมีคนเล่นตุกติกล่ะ? ทั้งๆที่ผมควบคุมอย่างรัดกุมขนาดนี้แต่ยังเล่นตุกติกกับปืนผมได้ แปลว่าอีกฝ่ายต้องเป็นคนที่เก่งกาจมากแน่ๆ ดังนั้นผมเลยคิดว่าไหนๆตอนนี้ผมก็เป็นอย่างนี้แล้ว เลยอยากลองดูว่าจะล่องูออกมาจากรูได้หรือเปล่า”
“งั้นแกมีคนที่น่าสงสัยไหม? หรือมีเบาะแสอะไรหรือเปล่า?”
“ไม่มี”
เมื่อเจอคำถามของธเนศพล กานต์ก็ทำหน้าสบายๆ ทว่ากลับทำให้ธเนศพลอารมณ์เสียจนต้องโยนหมอนอิงใส่เขา
“ไม่มีเบาะแสแล้วแต่มีเวลาว่างไปมีแฟนเนี่ยนะ?”
“ผมไม่ได้หยุดพักผ่อนตั้งหลายปี น้าพล ผมไม่ใช่หุ่นยนต์นะ ถือโอกาสนี้พักผ่อนไปในตัวแล้วมันไม่ดีตรงไหน? อีกอย่างทำไมผมจะมีแฟนไม่ได้? ผมยังไม่ได้ตายเสียหน่อย”
กานต์รับหมอนอิงที่ถูกโยนมาได้อย่างแม่นยำ เอ่ยพูดพร้อมกับยิ้มตาหยี ภาพลักษณ์เย็นชาหายไปไหนซะแล้วล่ะ?
ธเนศพลรู้สึกอัดอั้นตันใจ
จู่ๆลูกเขยที่หมายมั่นเอาไว้ก็ถูกคนอื่นฉกไปกลางทาง แถมตอนนี้ยังพูดเรื่องลมฟ้าอากาศด้วยใบหน้ายิ้มแย้มกับเขาได้อย่างสบายๆ ไม่รู้ว่าควรพูดว่าเขาใจใหญ่หรือมั่นใจในตัวเองกันแน่
“ดูยิ้มเข้า จะโชว์ว่าฟันแกขาวเหรอ?”
“ก็ขาวกว่าของน้าแล้วกัน ดูน้าสิสูบบุหรี่จนฟันเหลืองหมดแล้ว ระวังสาวๆจะไม่รักน้าเข้าสักวัน”
เมื่อได้ยินกานต์พูดกวนโมโหอย่างนี้ ธเนศพลก็แทบอยากจะถีบเขาให้หงายหลัง แต่เมื่อนึกถึงผลกระทบของเรื่องนี้ สุดท้ายเขาก็ทำได้แค่ถอนหายใจออกมา แล้วเอ่ยถามว่า “พูดมาเถอะ ตกลงแล้วไอราไปปรากฏตัวในเหตุการณ์ลักพาตัวเพราะอะไรกันแน่? แล้วทำไมแกต้องลบร่องรอยของเธอทิ้ง? แกรู้อะไรมาใช่ไหม?”