แค้นรักสามีตัวร้าย - บทที่ 1759 ใช้เงินพูดคุย
คำพูดนี้พูดอย่างทรงพลัง และเต็มไปด้วยจิตสังหาร จนทำให้พริมรตารู้สึกตกใจ
เธอรีบเข้าไปข้างหน้าหนึ่งก้าวขวางไว้ที่ด้านหน้าของกันติมา เอ่ยถามเสียงแหลมด้วยความหวาดกลัว “คุณคิดจะทำอะไร? พี่กานต์ถึงอย่างไรก็เป็นทหาร คุณแบบนี้จะทำให้เขาลำบากได้”
“โอ๊ะ อ้าปากก็พี่กานต์หุบปากก็พี่กานต์ ไม่รู้ว่าพี่กานต์ของคุณคือคนที่มีเจ้าของหรอเปล่า? เข้าหามาเป็นมือที่สามก่อนขนาดนี้ ยังแทบอยากจะตีกลองป่าวประกาศ คือประเพณีนิยมของสังคมเปลี่ยนไปแล้ว? หรือว่าตัวคุณเองหน้าด้านจนเกินไป?”
คำพูดนี้ของไอราระดับเสียงก็ไม่ได้ต่ำ ดึงดูดสายตาเหลียวมองของคนจำนวนมากในชั่วขณะ
พริมรตารู้สึกบนใบหน้าแสบร้อนขึ้นมาในทันที
“นี่คุณ ทำไมถึงได้พูดจาหยาบคายขนาดนี้? พี่กานต์คนที่ดีขนาดนั้นทำไมถึงได้หาแฟนอย่างคุณแบบนี้?”
“ฉะนั้นล่ะ? เขาควรจะหาแฟนแบบไหน? ดอกบัวขาวอย่างคุณ?”
ไอราแสดงการหัวเราะอย่างประชดประชันออกมาทางจมูกต่อคำกล่าวโทษของพริมรตา
ล้อเล่นน่า
กานต์เป็นผู้ชายที่เธอตามจีบมายี่สิบปีถึงจีบติด จะเป็นเพราะประโยคสองประโยคของเธอก็ยอมปล่อยออกไป?
เธอแม้แต่ชมพูยังไม่กลัว เธอพริมรตานับว่าเป็นอะไร
คำพูดของไอราทำพริมรตาโมโหจนแทบจะเป็นลมสลบลงไป เพิ่งคิดจะแสดงความน่าสงสารต่อ ก็ได้ยินเสียงในลำคอที่ใสชัดและมีความเยือกเย็นดังเข้ามา
“ไอราพูดถูก สะใภ้ตระกูลโตเล็กของฉันก็ควรจะเผด็จการบ้าอำนาจ”
นรมนย่างเท้าเดินเข้ามา ด้านหลังตามมาด้วยบุริศร์ที่นิ่งสงบ
ไอราเปลี่ยนสีหน้าในทันที เดินเข้าไปด้วยรอยยิ้ม
“ลุงบุริศร์ ป้ามน พวกท่านมาแล้วหรอคะ?”
พริมรตามองไปตามเงาร่างของไอรา ก็เห็นคนวัยกลางคนสองคนที่บุคลิกลักษณะดีมากกำลังเดินมาทางนี้
แม้จะพูดว่าเป็นวัยกลางคน แต่ผู้ชายหล่อ ผู้หญิงสวย วันเวลาไม่ได้เหลือทิ้งร่องรอยอะไรไว้บนใบหน้าของพวกเขา กลับทำให้คนยิ่งดูมีเสน่ห์ของความเป็นผู้ใหญ่มากขึ้นแทนเสียด้วยซ้ำ
พริมรตากุมมือของกันติมาเอาไว้อย่างวิตกกังวล
กันติมามองดูการแต่งกายของพวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะหรี่ตาลง
ตอนที่นรมนกับบุริศร์เห็นไอราสายตาอบอุ่นขึ้นมาเล็กน้อย
“ไอรา กานต์เป็นยังไงบ้างแล้ว?”
“ยังปฐมพยาบาลอยู่ด้านในค่ะ แผ่นหลังได้รับบาดเจ็บแล้ว เพราะว่าน้ำมันรถระเบิด บาดแผลอาจจะมีการติดเชื้อและหายช้า ป้ามน ขอโทษนะคะ เป็นเพราะหนูคนเดียว…”
“เอาล่ะจ้ะ กานต์เด็กคนนั้นหนังหนา ไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้นอย่างที่หนูคิด ขอเพียงแค่หนูไม่เป็นห่วงสงสาร ฉันก็ไม่ไปเป็นห่วงสงสารเขาหรอก”
นรมนแม้ว่าจะพูดเช่นนี้ แต่สายตายังคงมองไปทางห้องฉุกเฉินอยู่แวบหนึ่ง
ลูกชายที่ตนเองให้กำเนิดจะไม่เป็นห่วงสงสารได้ยังไงกัน?
บุริศร์เดินขึ้นมาข้างหน้า ตบไหล่ของนรมนเบาๆพร้อมกับเอ่ย “ไม่เป็นไรหรอก ไม่ต้องเป็นกังวล”
“อือ”
จากนั้นทั้งสองคนถึงได้มองไปทางพริมรตากับกันติมา
สายตาของบุริศร์แหลมคมมากจนเกินไป ความน่าเกรงขามของผู้มีอำนาจเหนือกว่าทำให้พริมรตาตกใจจนแทบจะยืนไม่อยู่ และในใจของกันติมาก็กำล้งเต้นตุ๊มๆต่อมๆเช่นเดียวกัน
ผู้ชายคนนี้มองดูก็รู้ว่าเป็นพวกที่ยุแหย่ไม่ได้
เธอลังเลอยู่ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไร นรมนก็เอ่ยปากขึ้นมา
“พวกคุณเป็นใครน่ะ? มีความสัมพันธ์อะไรกับลูกชายฉัน?”
ที่จริงนรมนได้เดาออกถึงสถานะของพวกเธอแล้ว ก่อนหน้านี้เป็นเพราะความผิดพลาดของกานต์ ความรู้สึกที่นรมนมีต่อสองแม่ลูกคู่นี้ที่จริงแล้วก็ยังคงเห็นใจและรู้สึกผิดเป็นอย่างมาก แต่คิดไม่ถึงว่าลับหลังจะมีโฉมหน้าเช่นนี้
ดูท่าเด็กผู้หญิงคนนี้ยังคิดจะตามตอแยลูกชายของเธอ?
พริมรตารู้สึกหวาดกลัวภายใต้สายตาจ้องมองของนรมน ถอยหลังไปหนึ่งก้าวโดยจิตใต้สำนึก เอ่ยขึ้นเบาๆว่า “หนูคือพริมรตา เป็นตัวประกันที่พี่กานต์ช่วยออกมาค่ะ”
“ก่อนหน้านี้ไม่ใช่บอกว่ากานต์เจ้าเด็กแสบนั่นพลั้งมือทำร้ายเธอหรอกหรอ? เธอไม่โทษเขา?”
คำพูดของนรมนสม่ำเสมอไม่เร็วไม่ช้า กลับทำให้คนรู้สึกมีความกดดันมากอย่างไม่มีสาเหตุ
พริมรตารีบส่ายศีรษะพร้อมกับเอ่ย “หนูไม่โทษพี่กานต์!เขาคือทหารลูกหลานประชาชน และเขาก็เพื่อปกป้องพวกเราชาวบ้านธรรมดาเหล่านี้ถึงได้ไปที่จุดซุ่มยิง ฉะนั้นไม่ว่าตอนนี้หนูจะเป็นยังไง ใจของหนูก็ยังรู้สึกสำนึกบุญคุณ”
คำพูดนี้ฟังดูก็คือประโยคคำพูดที่เป็นทางการ
มุมริมฝีปากของนรมนยกขึ้นเป็นความเย้ยหยัน เพียงแต่กลับหายไปในชั่วพริบตา
เธอถือว่าดูออกแล้ว พริมรตานี่คงจะได้ยินเบื้องหล้งสถานะของกานต์มา คิดคำนวณทุกอย่างให้ตัวเองได้ประโยชน์สูงสุดเอาไว้หมดแล้ว
ก่อนหน้านี้นรมนยังกังวลว่ากานต์จะไม่มีใครเอา ตอนนี้ดอกไม้ริมทางนี่มาแล้วกลับทำให้คนรู้สึกรังเกียจเป็นพิเศษ
สีหน้าของนรมนหนักอึ้งลงหลายระดับ เอ่ยว่า “ในเมื่อเป็นความผิดของกานต์เจ้าเด็กแสบนั่น พวกเราตระกูลโตเล็กก็ไม่มีทางเอาเปรียบเธออยู่แล้ว”
“หนูไม่เอาเงินค่ะคุณหญิง หนูเพียงแค่ชื่นชมพี่กานต์จริงๆ ไม่ได้มีความหมายอย่างอื่น”
คำพูดของพริมรตาทำนรมนขมวดคิ้วเล็กน้อย เอ่ยว่า “ชื่นชม? อย่าเลยดีกว่า เจ้าเด็กแสบบ้านเรากับไอราเติบโตมาด้วยกัน ความรู้สึกรักใคร่ชอบพอดีมาก ต่อให้เขาจะพลั้งมือพลาดทำร้ายเธอ ก็ไม่อาจจะทิ้งไอราขอเธอแต่งงานได้ สำหรับการชดใช้ให้กับเธอเปลี่ยนเป็นอย่างอื่นได้ ภายหลังมีเวลาพวกเราเจรจากันหน่อย ตอนนี้ร่างกายของเธอยังไม่ฟื้นตัวแข็งแรง ไม่เหมาะยืนอยู่ที่นี่นานมาก ยังไงก็กลับไปพักฟื้นที่ห้องผู้ป่วยเร็วหน่อยเถอะ”
คำพูดนี้แทบจะเท่ากับขับไล่แล้ว
ดวงตาของกันติมาค่อนข้างไม่พอใจ
นรมนจากบนลงล่างล้วนเป็นกลิ่นอายของชนชั้นสูง หากพูดว่าก่อนหน้านี้ยังคงกำลังสงสัยว่ากานต์เป็นคุณชายตระกูลร่ำรวยจริงหรือเปล่า ถ้างั้นวินาทีนี้เธอมั่นใจแล้ว
แต่ก็เป็นเพราะว่ามั่นใจแล้ว เธอถึงได้ยิ่งรู้สึกทุกข์ใจ
ทำไมหรอ?
มีเงินมีอำนาจสุดยอดมากหรอ?
มองดูท่าทางของนรมนนี่ คิดอยากจะสลัดพวกเธอทิ้งราวกับพวกเธอเป็นปลิงยังไงอย่างงั้น
ไม่ใช่ว่าดูถูกพวกเธอ รู้สึกว่าพวกเธอคือพวกคนจนหรอกหรอ?
กันติมาดึงมือของพริมรตาเอาไว้ในทันทีพร้อมกับเอ่ยว่า “ไป กลับห้อง!พวกเราคนธรรมดาที่ไม่มีเงินมีธุระอะไรยืนอยู่ที่นี่ก็ได้แต่ทำให้คนรังเกียจ ถึงขั้นยังจะคิดว่าเธออาจจะยืมใช้โอกาสนี้เรียกเงื่อนไขสูง ทิ้งศักดิ์ศรีของตนเองโดยไร้เหตุผล”
คำพูดนี้ทำให้นรมนอยากจะหัวเราะออกมาจริงๆ เพียงแต่การฝึกอบรมมาหลายปีทำให้เธออดทนเอาไว้ได้ แต่ไม่ได้หมายความว่าไอราจะอดทนไหว
“ศักดิ์ศรีของพวกคุณคือมาแย่งแฟนของคนอื่นล่ะมั้ง? ศักดิ์ศรีแบบนี้ไม่เอาก็ช่าง”
“เธอพูดอะไร?”
สีหน้าของกันติมาเปลี่ยนไปจนไม่น่ามองในทันที
เห็นว่ากันติมากับไอรากำลังจะทะเลาะกันขึ้นมา ดวงตาทั้งสองพลิกกลับขึ้นอย่างกะทันหัน สลบลงไปในทันที
นรมนมองดูก็รู้ว่าเธอแสร้ง เพียงแต่ก็ขี้เกียจจะเปิดโปง จึงเอ่ยกับพยาบาลที่อยู่ด้านข้างว่า “รีบพาคุณพริมกลับไปดูที่ห้อง ว่าบาดแผลไม่ดีแล้วใช่หรือเปล่า? นี่เป็นถึงแขกวีไอพีของพวกเราตระกูลโตเล็ก ได้รับบาดเจ็บหรือกระทบกระทั่งก็ไม่ได้ทั้งนั้น ไม่ว่าค่าใช้จ่ายเท่าไร จะต้องรักษาแม่หนูให้หาย”
วินาทีนี้นรมนยิ่งแสดงความร่ำรวยมีอิทธิพลอย่างให้เห็นเต็มตา
ไม่ใช่บอกว่าเธอใช้อำนาจรังแกคน คิดว่าตัวเองแน่ดูถูกคนอื่นหรอกหรอ?
งั้นเธอก็ใช้เงินพูดคุยอย่างสมบูรณ์แบบ!
กลัวแค่ว่าแม่ลูกคู่นี้ไม่ใช่คนที่รับมือได้ง่าย เอาเงินไปแล้วยังอยากจะได้ชื่อเสียงที่ดีอีก
บุริศร์สนับสนุนทุกการกระทำของภรรยาอย่างเต็มที่ คนที่อยู่บริเวณโดยรอบรีบเคลื่อนไหวขึ้นมา
ไอราก็เข้าใจความหมายของนรมนเช่นเดียวกัน ก็ไม่ได้ขัดขวางอะไร แต่ดึงมือของนรมนนั่งลงที่ด้านข้างแทน
“ป้ามน นั่งก่อนค่ะ กานต์ออกมาน่าจะต้องใช้ระยะเวลาหนึ่ง”
ในขณะที่กำลังพูด คนกลุ่มหนึ่งก็เดินมาทางนี้ด้วยความรวดเร็ว