แค้นรักสามีตัวร้าย - บทที่ 1764 ผมจะคิดถึงน้า
“ฉันจะไปจากที่นี่แล้ว”
คำพูดนี้ของกานต์ทำให้นะโมชะงักเล็กน้อย จากนั้นอยู่ๆก็เอ่ยขึ้นอย่างเข้าใจขึ้นมาในทันที “อ๋อ เฮียหมายถึงกักตัวตรวจสอบใช่หรือเปล่า? เฮียวางใจได้ มีฉันกับชมพูอยู่ ยังมีน้าพลคอยปกป้องเฮีย กองทัพภาคนี้ก็คือโลกทั้งใบของพวกเรา เพียงแค่ทำผ่านๆไป เฮียอย่าได้ใส่ใจ”
ได้ยินนะโมเข้าใจเช่นนี้ กานต์ก็ไม่ได้อธิบายอะไร แทนที่จะให้เขารับความโศกเศร้าของการจากลา สู้ให้เขาเข้าใจเช่นนี้ยังจะดีกว่า เรื่อยๆอารมณ์ของเขาก็จะตกตะกอนลงมา ทุกอย่างก็จะดีเอง
“อืม เข้าใจแล้ว แกก็ต้องดีๆนะ ฉันไม่อยู่ ทุกเรื่องแกสุขุมหน่อย”
“เข้าใจแล้ว”
หลังจากมอบหมายนะโมเรียบร้อย กานต์ก็วางสายลง จากนั้นเริ่มเขียนคำร้องย้ายสายงาน ถึงขั้นเสนอนะโมมาแทนตำแหน่งของตนเอง
วัยวุฒิและประสบการณ์ของนะโมต่างก็มากพอที่จะรับผิดชอบหน้าที่ของเขา
หลังจากจัดการทุกอย่างเรียบร้อย กานต์ก็หาธรรศเจอ
“คุณปู่สาม ช่วยผมอย่างหนึ่ง ผมต้องการปลดประจำการ”
“แกบ้าแล้วหรือเปล่า?”
ธรรศทั้งคนแทบจะระเบิดแล้ว
“กานต์ แกรู้ไหมว่าตอนนี้แกเดินขึ้นไปอีกหนึ่งก้าว แกก็จะไปถึงระดับความสูงที่คนจำนวนมากชีวิตนี้ต่างก็ไปไม่ถึง ตอนนี้แกบอกฉันว่าปลดประจำการ?”
“ครับ ปลดประจำการ”
กานต์ไม่ได้มีความเคลื่อนไหวทางอารมณ์ใดๆ บางทีในสายตาของทุกคน กานต์ถึงแม้ภูเขาพังทลายต่อหน้าก็ไม่มีทางมีความเคลื่อนไหวทางอารมณ์มากมายอะไร
เขาเอ่ยขึ้นอย่างราบเรียบ “คุณปู่สาม ปืนที่ผมดำเนินภารกิจถูกคนแอบลงมือ”
คำพูดนี้ออกไป ธรรศทางนั้นก็เงียบขรึมลง ขณะเดียวกันคิ้วก็ขมวดเข้าหากันแน่น
เขาก็เป็นทหารเก่าคนหนึ่ง เป็นธรรมดาที่จะรู้ว่าคำพูดนี้ของกานต์หมายถึงอะไร หลังจากที่ครุ่นคิดเล็กน้อยถึงได้เอ่ยว่า “ความหมายของแกคือแกล้งเปลี่ยนสายงาน ให้คนในที่ลับผ่อนคลายการระวังตัว จากนั้นจับแกะดำใช่ไหม?”
“นั่นเป็นหน้าที่ของคุณปู่สามแล้ว ไม่เกี่ยวกับผม ผมจะปลดจริงๆ”
กานต์คำพูดนี้พูดออกไป ธรรศไม่นิ่งเฉยขึ้นมาอีกครั้ง
“หมายความว่าอะไร? แกมีภารกิจใหม่ หรือว่ามีการวางแผนอย่างอื่น? ความหมายของคุณชายธเนศพล?”
“ไม่ใช่ ผมก็แค่อยากปลดแล้ว ไปจากกองทัพภาค เปลี่ยนสนามธุรกิจ”
“บ้าแล้วหรือเปล่าแก? กานต์ พ่อแม่แกรู้หรือเปล่า? คุณชายธเนศพลรู้ไหม?”
เผชิญหน้ากับความโกรธของธรรศ กานต์ยังคงเอ่ยขึ้นอย่างสงบ “คุณปู่สาม นี่คือชีวิตของผมเอง ผมตัดสินใจเองได้”
ธรรศเงียบขรึมไปในชั่วขณะ
กานต์เป็นเด็กที่มีความคิดเห็นของตนเองมาโดยตลอด จุดนี้ธรรศรู้มาตั้งนานแล้ว แต่ว่าเขาก็เป็นเด็กที่มีศักยภาพและพรสวรรค์มากที่สุดในรุ่นหนุ่มสาว
“บอกเหตุผลฉันสักข้อ หากเป็นเพราะเรื่องพลั้งมือทำร้ายตัวประกัน ฉันสามารถบอกกับแกได้อย่างรับผิดชอบมากว่า เรื่องนี้ฉันสามารถจัดการให้แกได้”
“ไม่ใช่ ก็แค่อยากออกจากกองทัพแล้วเฉยๆ”
กานต์นวดคลึงขมับ เม้มริมฝีปากบางเล็กน้อยแล้วเอ่ยขึ้น “คุณปู่สาม ผมคิดจะแต่งงานแล้ว”
“มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับการที่แกออกจากกองทัพ?”
“มีส่วน!”
กานต์เอ่ยขึ้นเบาๆ “เมื่อก่อนตอนที่ตัวคนเดียว ผมสามารถบุกโจมตีข้าศึกเพื่อประเทศชาติและประชาชนอย่างเต็มความสามารถ อำนาจและอิทธิพลไม่สามารถทำให้สยบ ความร่ำรวยไม่สามารถทำให้เหลวไหล แต่ว่าตอนนี้ผมมีคนที่อยากอยู่ด้วยกันไปตลอดชีวิตแล้ว ผมมีความลังเล ผมเคยจินตนาการ หากมีวันหนึ่ง ผู้หญิงของผมถูกผู้ก่อการร้ายลักพาตัวหรือว่าจับเป็นตัวประกัน ผมจะสามารถใจเย็นยึดผลประโยชน์ของประเทศชาติประชาชนเป็นสำคัญได้หรือไม่ แต่ว่าผมหาคำตอบไม่เจอ”
ธรรศนิ่งเงียบลงในทันที
ตระกูลโตเล็กล้วนเป็นพวกคลั่งรัก
ยอมสละการงานของตนเองเพื่อผู้หญิงเพียงคนเดียวไม่ใช่สิทธิบัตรของกานต์เพียงผู้เดียวแล้ว
บุริศร์ในก่อนหน้านี้ไม่ใช่เช่นนี้หรอกหรอ?
เพียงแต่แม้ว่าจะรู้เหตุผลแบบนี้ ธรรศก็ยังคงรู้สึกเสียดาย
“แกสามารถไม่บุกโจมตีข้าศึก สามารถเปลี่ยนสนามไปที่ฝ่ายธุรการที่อยู่แนวหลังและแผนกเทคโนโลยี แกก็รู้ ด้วยทักษะของแกแล้ว อยู่ที่แผนกเทคโนโลยีจะต้องเป็นการมีอยู่ของอำนาจบาตรใหญ่อย่างแน่นอน”
“แต่ว่าผมไม่อยากให้เธอลำบากใจ”
เธอคือใคร ธรรศรู้ได้อยู่แล้ว
เพราะว่าไอราไม่ใช่คนในประเทศ เพราะว่าเธอคือเจ้าหญิงของประเทศอื่น ดังนั้นกานต์ไม่ว่าจะอยู่ที่ตำแหน่งใดของกองทัพ ที่จริงแล้วต่างก็ไม่เหมาะสม เพราะว่าหากมีเรื่องทางการทหารรั่วไหลออกไปครั้งหนึ่ง เขาก็จะกลายเป็นตัวเลือกแรกที่ถูกสงสัย
แต่แม้ว่าจะรู้ทุกอย่างแล้ว ธรรศก็ยังคงไม่อยากยอมแพ้
“กานต์ แกสามารถทำเรื่องปลดชั่วคราว เช่นนี้แกก็จะสามารถออกไปปรับตัวสักหน่อย หากแกปรับตัวไม่ได้กับการวางอุบายในโลกธุรกิจล่ะ? หากความสัมพันธ์ของแกกับเธอไม่ได้มั่นคงเหมือนอย่างที่แกคิดล่ะ? หาก…”
“คุณปู่สาม ที่ผมนี่ไม่มีคำว่าหาก ผมในด้านความรู้สึกไม่ก็ไม่เอา ถ้าเอาก็ต้องสุดความสามารถ ในเมื่อผมกำหนดชัดเจนว่าเป็นเธอแล้ว ชีวิตนี้ได้เพียงแค่เธอ ไม่ว่ายอมสละอะไรเพื่อเธอผมล้วนเต็มใจที่จะทำ อีกทั้งผมมั่นใจว่าตนเองไม่ว่าจะไปที่ไหนก็จะโดดเด่น เพราะว่าผมคือกานต์!”
คำพูดนี้พูดจนธรรศไร้คำที่จะตอบโต้อย่างไม่น่าเชื่อ
กานต์ไม่ได้ให้โอกาสเขาในการพูดโน้มน้าวตนเองต่อไปอีก หลังจากที่วางสายลงเขาก็มอบหมายเรื่องอื่นๆเรียบร้อย จากนั้นถึงได้ส่งข้อความให้ธเนศพล
“ผมปลดแล้ว!ต่อไปเรื่องทุกอย่างของกองทัพไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับผม ไม่มีธุระอะไรไม่ต้องหาผม มีธุระก็ไม่ต้องหาผม ผมจะคิดถึงน้า”
หลังจากส่งเสร็จกานต์ก็ปิดเครื่อง จากนั้นเปลี่ยนเบอร์
ตอนที่ธเนศพลเห็นข้อความนี้กำลังรับประทานอาหาร โมโหจนทิ้งตะเกียบไปเลย
“คุณทำอะไรน่ะ?”
น้ำมองเขาทีหนึ่งอย่างจนใจ
ชมพูกับน้องชายพระพายก็มองไปทางธเนศพล
ธเนศพลเอ่ยขึ้นอย่างหอบหายใจด้วยความโมโหว่า “กานต์เจ้าเด็กบ้านี่…”
“พ่อ พี่กานต์เป็นอะไรไป?”
ชมพูตื่นเต้นเพราะความกังวลขึ้นมาในทันที
ธเนศพลชะงักเล็กน้อย จากนั้นเอ่ย “มันจะยังเป็นไงได้ ก็ยั่วโมโหพ่อน่ะสิ พ่อจะบอกกับลูกไว้ก่อนนะ ต่อไปเลียนแบบมันน้อยๆหน่อย พ่อจะช้าจะเร็วต้องถูกพวกแกทำให้โมโหตาย”
พูดจบธเนศพลก็ไม่กินข้าวแล้ว ออกไปจากโต๊ะอาหารอย่างเร่งรีบ ตอนที่ถึงด้านนอกโทรไปหากานต์อีกครั้งคิดไม่ถึงว่าจะโทรไม่ติดแล้ว
ธเนศพลโมโหจนกระทืบเท้า ต่อสายหาธรรศ ถึงพบว่าคำร้องปลดประจำการของกานต์ได้มาถึงบนโต๊ะทำงานของเขาแล้ว
เขายังอยากจะพูดอะไรอีก แต่กานต์ทิ้งจดหมายส่วนตัวฉบับหนึ่งไว้ให้กับเขา อ่านจบธเนศพลก็นิ่งเงียบไป
เขายังคงเป็นลูกชายของบุริศร์จริงๆ พอไปไม่หันหลังกลับ ถึงขั้นนำความรู้และประสบการณ์ของหลายปีมานี้จัดระเบียบเป็นลายมือเหลือทิ้งไว้ให้กับกองทัพภาค มีเพียงอย่างเดียวคือคนๆนี้ไม่ได้อยู่ต่อ
มองดูการตัดสินใจที่จะจากไปของกานต์ ธเนศพลนิ่งเงียบไปสองชั่วโมงกว่า ในที่สุดก็เซ็นชื่อลงบนคำร้อง
เรื่องที่กานต์พลั้งมือทำตัวประกันได้รับบาดเจ็บ สงบลงไปด้วยการที่เขายื่นปลดประจำการด้วยตัวเอง แต่ทุกอย่างนี้พวกชมพูและนะโมกลับไม่รู้ พวกเขาไม่รู้เลยว่าพูดถึงไอราในด้านไม่ดีที่โรงพยาบาลนั้น คิดไม่ถึงว่าจะกลายเป็นโอกาสในการแยกจากกันของพวกเขากับกานต์
หลังจากที่จัดการทุกอย่างเรียบร้อย กานต์ให้คนทำหน้ากากครึ่งหน้าวัสดุเงินติดต่อกันข้ามคืน แต่เขากลับนอนหลับสนิท วันที่สองตอนที่ฟ้ายังไม่สว่างก็ลุกจากเตียงแล้ว ไปยังสถานที่ฝึกอบรมลับของตระกูลโตเล็กในทันที
ช่วงเวลาหนึ่งสัญญาณเตือนภัยของสถานที่ฝึกอบรมก็ดังขึ้นมาอย่างกะทันหัน ทุกคนตื่นจากความฝันด้วยความตกใจ ยังไม่ทันได้ตอบโต้อะไร ก็ถูกแก๊สน้ำตาของกานต์ทำให้สำลักจนไอติดต่อกันขึ้นมา ยกเว้นเพียงแค่คนเดียว