แค้นรักสามีตัวร้าย - บทที่ 1779 จะกินได้หรือยังข้าวน่ะ
สิชาร้องไห้จนเหนื่อย ร้องไห้จนสลบไป
กิจจาถึงได้ขึ้นรถ ขับตรงไปยังที่พักส่วนตัว
เมื่อได้ยินเสียงรถของเขา ก็มีหญิงวัยกลางคนอายุประมาณสี่สิบห้าสิบคนหนึ่งเดินออกมา เมื่อเห็นว่าเป็นกิจจาก็เอ่ยพูดอย่างนอบน้อม “คุณชาย มาแล้วเหรอคะ?”
“แม่บ้านหลิว ตั้งแต่นี้เป็นต้นไปเธอจะมาอยู่ที่นี่ ฝากดูแลครรภ์เธอด้วยนะครับ”
“ได้ค่ะ”
แม่บ้านหลิวไม่ได้ถามว่าผู้หญิงคนนี้เป็นใคร เธอเลี้ยงดูกิจจามาไม่ใช่แค่ปีสองปี ไม่เคยเห็นกิจจาพาผู้หญิงมาที่นี่สักครั้ง แต่กลับพาผู้หญิงแต่งหน้าเข้มจัดและมีกลิ่นเหล้าหึ่งตรงหน้ากลับมาแถมยังท้องอีกด้วย?
ดีไม่ดีเด็กในท้องอาจจะเป็นลูกของกิจจาก็ได้
แม่บ้านหลิวระมัดระวังขึ้นมาในทันที
กิจจามองตามแม่บ้านหลิวพาอีกฝ่ายเข้าไปข้างใน จู่ๆก็รู้สึกงุ่นง่านแปลกๆ เขากระชากคอเสื้อ แล้วหรี่ตาลงเล็กน้อย หันหลังกลับมาก็เห็นผู้หญิงคนหนึ่งยืนอยู่หน้ารถสปอร์ตคันสีแดงไม่ใกล้ไม่ไกล
ผู้หญิงคนนี้คุ้นตาเป็นอย่างมาก แต่กระนั้นกิจจาก็นึกไม่ออกว่าเป็นใคร
“คุณตามผมมาทำไม?”
เขาเป็นคนระวังตัวเก่งมาก ถ้าเกิดมีใครตามมาข้างหลังก็จะสามารถสังเกตได้ในทันที แต่กับผู้หญิงคนนี้เขาดันไม่ทันสังเกต อดที่จะทำให้กิจจาระแวงขึ้นมาไม่ได้
เมื่อเห็นกิจจาระแวง อีกฝ่ายก็ยิ้มออกมาเพียงเล็กน้อย ลักยิ้มที่ปรากฏให้เห็นรางๆทำให้กิจจารู้สึกคุ้นเป็นอย่างมาก
“เรารู้จักกัน?”
“พี่กิจจา ฉันณิตาไง ฉันกลับมาแล้ว”
ณิตายิ้มหวานออกมา แววตาแสนคุ้นเคยทำให้กิจจาชะงักนิ่งไป ต่อมาก็พยายามขุดค้นความทรงจำเกี่ยวกับณิตาในหัวขึ้นมา
ทันใดนั้นเขาก็พลันนึกออกว่าผู้หญิงคนนี้คือใคร
หลานสาวของท่านวินัย!
เป็นหลานสาวแท้ๆของคณบดีคณะแพทย์ ไม่กี่ปีก่อนตอนยัยเด็กนี้ไปเรียนต่างประเทศเขายังได้ไปส่งเธออยู่เลย ได้ยินมาว่าเมื่อก่อนเธอไม่สนใจเรื่องการแพทย์ แต่ก็สอบติดหมอเพราะคนหล่ออย่างเขา แต่ต่อมาจู่ๆก็ได้ไปแลกเปลี่ยนที่ต่างประเทศ
ไม่ได้เจอกันไม่กี่ปี ยัยเด็กนี่เปลี่ยนไปเยอะเหมือนกันนะเนี่ย
ดูสวยและมีเสน่ห์ขึ้นมาก
“โตขึ้นขนาดนี้แล้วเหรอเนี่ย”
“พี่คนหล่อรู้จักหยอกฉันด้วย มีเวลาว่างไหม? ไปทานข้าวด้วยกันสักมื้อเป็นไง?”
ณิตาเอียงคอ น่ารักน่าเอ็นดูเหมือนตอนยังเป็นเด็ก
ความกลัดกลุ้มและหงุดหงิดที่กิจจามีก่อนหน้านี้พลันปลิวหายไปทันที
เขาเดินเข้าไปลูบหัวของณิตา อย่างเป็นธรรมชาติ พลันรู้สึกว่าผมของเธอนุ่มลื่นเป็นอย่างมาก จึงอดที่จะพูดขึ้นมาไม่ได้ว่า “ไว้วันหลังนะ วันนี้ฉันต้องกลับไปทานข้าวกับครอบครัว มาแอดไลน์ไว้ก่อนแล้วกัน เดี๋ยววันหลังฉันเลี้ยงเอง”
“ได้!”
ณิตาไม่ได้แสดงท่าทีผิดหวังออกมา รีบล้วงโทรศัพท์ยื่นคิวอาร์โค้ดให้กิจจาสแกน
เพื่อนในไลน์ของกิจจาไม่ค่อยมีมากเท่าไหร่นัก เขาสนิทกับยัยเด็กนี่มาตั้งแต่เด็กๆ เพราะเธอเหมือนกมลในอดีตมาก เขารู้สึกสบายใจทุกครั้งที่ได้อยู่กับอีกฝ่าย ดังนั้นเขาจึงใส่ใจเธอเป็นธรรมดา
“เพิ่งกลับมาจากต่างประเทศเหรอ?”
“อื้อ”
“ได้กลับบ้านหรือยัง? อาจารย์คิดถึงเธอมากนะ”
คำพูดของกิจจาทำให้รอยยิ้มของณิตาเจื่อนลง แต่กระนั้นก็ยังคงพูดยิ้มๆออกมาว่า “อีกสองสามวันค่อยกลับ ฉันกลับมาเพราะอยากจัดการเรื่องส่วนตัวอะไรนิดหน่อย”
“ถ้าต้องการก็โทรหาฉันได้นะ ฉันจะไปเป็นเพื่อน พอดีเลยฉันเองก็ไม่ได้เจออาจารย์มานานแล้วเหมือนกัน”
“ได้ค่ะ”
ณิตาร่าเริงขึ้นมาในทันที
ทั้งสองคุยกันอีกนิดหน่อย กิจจาก็มองเวลา พบว่ากลับไปตอนนี้น่าจะทันทานข้าว เขาจึงบอกลาณิตา
หลังจากที่ณิตาเห็นกิจจากลับไปแล้ว ก็หันไปมองคฤหาสน์ส่วนตัวที่สิชาเพิ่งถูกส่งตัวเข้าไป ดวงตาคู่สวยพลันแปรเปลี่ยนเป็นเยือกเย็นขึ้นมาในทันที
ในตอนที่กิจจากลับมาถึงตระกูลโตเล็ก บุริศร์กับนรมนก็ทำอาหารเสร็จพอดี คนอื่นๆก็มารวมตัวกันที่ห้องอาหารแล้ว
กมลเห็นกิจจากลับมา ก็พูดยิ้มๆว่า “พี่ใหญ่กลับมาทันด้วย นึกว่าจะกลับมาไม่ทันซะแล้ว”
“ไม่ได้ทานอาหารฝีมือพ่อแม่ตั้งนาน ฉันก็ต้องรีบกลับมาให้ทันอยู่แล้ว”
กิจจากระตุกมุมปากเล็กน้อย แม้ว่าจะยิ้มออกมาแค่นิดเดียว แต่ระหว่างคิ้วก็เปี่ยมไปด้วยความอบอุ่นและรอยยิ้ม
กลับมาจากข้างนอกแล้วยิ้มน้อยยิ้มใหญ่แบบนี้ อย่าบอกนะว่าไปหาแฟนมา?
กมลเอ่ยถามอย่างสงสัยว่า “พี่ใหญ่ พี่ออกไปเจอว่าที่พี่สะใภ้รองมาเหรอ?”
กิจจานิ่งไปนิด จากนั้นก็พยักหน้า
กมลโวยวายขึ้นมาในทันที “ทำไมพี่ไม่พาเธอมาด้วยล่ะ?”
“เธอมีธุระน่ะ”
เมื่อกานต์เห็นว่ากิจจามีท่าทีนิ่งไปเมื่อเอ่ยถึงว่าที่คู่หมั้น ก็อดที่จะขมวดคิ้วขึ้นมาไม่ได้
เขารู้สึกว่ากำหนดการงานหมั้นของพี่ใหญ่ดูเร่งรัดไปหน่อย อีกอย่างเขาแทบจะไม่รู้สึกถึงการตั้งตารอคอยและความยินดียินร้ายที่พี่ใหญ่มีต่อว่าที่คู่หมั้นเลยสักนิด
ตอนนี้กานต์มีคู่ชีวิตที่จะอยู่ด้วยกันไปตลอดแล้ว จึงหวังเป็นธรรมดาว่าพี่ชายจะมีคนที่คอยอยู่ข้างกายตลอดไป
เหมือนกัน
ไอราเหลือบมองกิจจากับกานต์อย่างงึกๆงักๆจากนั้นก็เอื้อมมือออกไปกระตุกชายเสื้อของกานต์อย่างอดไม่ได้
กานต์ดึงสติกลับมา และไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก
เมื่อเห็นว่าคนมาครบแล้ว จึงรีบพูดออกมาว่า “รีบไปล้างมือมากินข้าวเถอะ”
“ได้เลย!”
ครอบครัวมารวมตัวกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา บรรยากาศทานข้าวมื้อนี้จึงเต็มไปด้วยความอบอุ่น
เมื่อนรมนเห็นว่าไอราค่อนข้างผอม จึงคีบเนื้อวางลงบนจานให้เธอ แล้วเอ่ยพูดว่า “ไอราช่วงนี้แกไดเอทตามใครหรือเปล่า? ดูแกเถอะผอมอะไรขนาดนี้ ถ้าพ่อแม่แกมาเห็นคงเป็นห่วงแกน่าดูเลย”
จู่ๆไอราก็ไม่รู้ว่าควรพูดอย่างไรดี
หลังจากที่บริจาคไตมีช่วงหนึ่งที่ร่างกายของเธอมีปฏิกิริยาแปลกๆกับยา และไม่สามารถทานอะไร ช่วงนี้เธอถึงได้ผอมลง แต่ว่าเรื่องนี้จะบอกให้พวกนรมนรู้ไม่ได้เด็ดขาด
“ค่ะ ฉันคิดว่าผู้หญิงผอมดูดีออกนะคะ”
“ดูดีอะไรกัน? กอดทีไรไม่เห็นจะเต็มไม้เต็มมือ”
กานต์พูดออกมาได้ไม่ทันไร นรมนก็แอบเหยียบเท้าเขาใต้โต๊ะ
ไอ้แสบนี่ไม่รู้จักพูดเลยหรือไง?
กานต์มองเมินความไม่พอใจของผู้เป็นแม่ หันไปคีบของโปรดของไอราลงบนจานของเธอ แล้วพูดว่า “กินซะ”
เมื่อเห็นอาหารพูนจานตรงหน้า ไอราก็เริ่มกลัดกลุ้ม
จริงๆแล้วตั้งแต่ที่บริจาคไตมากระเพาะของเธอก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ โดยเฉพาะพวกของมันๆนี่กระเพาะเธอจะต่อต้านตลอด ของโปรดที่เคยชอบในวันวานค่อยๆกลายเป็นของแสลงทีละนิด พอตอนนี้เห็นกานต์คีบมาให้เธอตั้งมากมายขนาดนี้ เธอก็แทบอยากจะร้องไห้
ไอรากระตุกชายเสื้อของกานต์อย่างอัดอั้น
กานต์นิ่งไปเล็กน้อย จากนั้นก็โน้มหูลงไปหา ซึ่งการกระทำนั้นดูเป็นธรรมชาติราวกับฝึกมาอย่างเนิ่นนาน
แต่ใครจะไปรู้เขาเพิ่งมาเป็นอย่างนี้ครั้งแรก
ไอราชะงักไปอีกครั้ง แต่ก็ขยับเข้าไปใกล้หูของเขาอย่างให้ความร่วมมือ เอ่ยกระซิบว่า “ฉันกินไม่หมด ก่อนมานี้ฉันเพิ่งกินขนมไป นายคีบให้เยอะขนาดนี้ฉันคงกินไหวหรอก”
เมื่อกานต์ได้ยินว่าเธอกินขนมมาก่อน แววตาก็ฉายแววไม่พอใจ แต่กลับเอ่ยพูดเสียงเบาออกมาว่า “ไม่เป็นไร เธอกินไปก่อน เดี๋ยวที่เหลือฉันกินเอง”
“โอ๊ย!จะกินได้หรือยังข้าวน่ะ?”
กมลเอะอะออกมาอย่างฮึดฮัด
เธอคิดไม่ถึงเลยว่า พี่ชายคนรองแสนเย็นชาของเธอจะโชว์หวานต่อหน้าคนโสดแบบนี้ นี่มันทารุณกันชัดๆ