แค้นรักสามีตัวร้าย - บทที่ 1793 รักษามารยาทหน่อย
นรมนกำลังมองท่าทางของลูกชายที่ดำเนินไปอย่างราบรื่นด้วยความประหลาดใจอยู่ที่ด้านนอก อดไม่ได้ที่จะตะลึงงัน
แต่ไอรากลับไม่ตกใจเลย ถึงยังไงก็ไม่ได้กินอาหารที่กานต์ทำมาแค่ครั้งสองครั้งอยู่แล้ว
เธอกอดแขนของนรมนยิ้มพูดขึ้น: “คุณป้าคะ เราไปนั่งในห้องรับแขกกันเถอะค่ะ คุณป้าสบายใจได้ กานต์ทำอาหารอร่อยมากๆเลยค่ะ”
“เราเคยกินเหรอ?”
“ใช่ค่ะ”
ในใจของนรมนเจ็บปวดนิดๆ
ถึงเธอจะปลื้มใจที่ลูกสะใภ้นิสัยดี แต่ในฐานะแม่ที่เลี้ยงลูกชายให้เติบโตขึ้นมาด้วยความยากลำบากนั้น เรื่องที่ลูกชายทำอาหารเป็นเธอเพิ่งรู้เป็นครั้งแรก แล้วยังไม่เคยกินมาก่อนด้วย ยังไงในใจก็รู้สึกทนไม่ได้
“วันข้างหน้าเรากับกานต์มีลูกสาวเถอะ ลูกชายนี่ใช้ไม่ได้เลย พอโตขึ้นในใจก็ไม่มีแม่แล้วเนี่ย” คำพูดของนรมนทำให้ไอราทั้งเขินอาย ทั้งมีความสุข
“คุณป้า ในใจของกานต์มีพวกคุณอยู่เสมอนะคะ ฉันแค่ชิมอาหารให้เขาเท่านั้นเอง”
ไอราพูดขนาดนี้ อารมณ์ของนรมนจึงดีขึ้นไม่น้อยเลย
“เรานี่ พูดเก่งนักนะ ก็ปกป้องเขาไปเถอะ วันหน้าถ้าเจ้าตัวแสบนั่นรังแกเราขึ้นมา ป้าจะดูสิว่าเราจะร้องไห้ไหม”
“ไม่ร้องหรอกค่ะ มีคุณป้าที่ใส่ใจฉันอยู่ทั้งคนนี่คะ”
ไอราโน้มตัวไปบนร่างของนรมน สีหน้าท่าทางนั้นไม่แตกต่างจากแม่ลูกแท้ๆเลยจริงๆ
ในใจของนรมนก็เบิกบานตามไปด้วย
ไม่นานกานต์ก็ทำอาหารเสร็จแล้ว กำลังยกออกมา
เห็นกับข้าวที่กลิ่นหอมหน้าตาดูดี บุริศร์กับนรมนไม่ได้พูดอะไร ไอราจึงไปเรียกกมลกับกิจจาลงมากินข้าว
ตอนที่กานต์เห็นสายตาที่ลึกซึ้งของพ่อแม่ตนเอง จึงอดไม่ได้ที่จะพูด: “ก็ได้ครับ ผมขอสารภาพ ผมทำอาหารเป็นตั้งนานแล้ว เพียงแต่การทำอาหารของครอบครัวเราแม่ผูกขาดไว้แล้วไม่ใช่เหรอครับ? ผมกลับมาแค่ครั้งสองครั้ง จะแย่งงานอดิเรกของแม่คงดูไม่ดีใช่ไหมล่ะครับ?”
“อื้อหือ!”
นรมนถลึงตาใส่เขา แล้วพูดขึ้น: “เราวางแผนจะแต่งงานกับไอราเมื่อไหร่? แต่ก่อนเราตาบอด ไม่ยอมรับไอรา ล่าช้ามาพอแล้วนะ ตอนนี้เราสองคนก็ยี่สิบกว่าๆแล้ว แน่ใจในความรู้สึกกันแล้ว ยังจะอืดอาดไปจนถึงเมื่อไหร่อีก? แม่กับพ่อใจร้อนอยากอุ้มหลานแล้วนะ”
ครั้งนี้กานต์ไม่ได้ปฏิเสธ ยิ้มพูดขึ้น: “อีกเดี๋ยวแม่เอาสมุดทะเบียนบ้านมาให้ผมด้วยนะครับ”
“เอาสมุดทะเบียนบ้านให้แกทำไม? ทะเบียนบ้านแกไม่ได้อยู่ในสมุดทะเบียนบ้านของพ่อกับแม่นะ”
บุริศร์รู้สึกว่าลูกชายของตนเองโง่อยู่หน่อยๆ
ทะเบียนบ้านของเจ้านี่อยู่ในเขตทหารที่เมืองหลวงมาโดยตลอด ตอนนี้ถึงจะปลดประจำการแล้ว แต่ทะเบียนบ้านยังไม่ได้ยื่นหนังสือย้ายกลับมาที่ภูมิลำเนาเดิม ดังนั้นตามหลักการแล้วตอนนี้ยังไม่ถือเป็นผู้ที่มีอิสรภาพ
กานต์จึงนึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมา อดไม่ได้ที่จะกลุ้มใจ
“งั้นผมต้องบินไปที่เมืองหลวงสักรอบ”
“ไปหาน้าพลก็พูดจาดีๆ เอาของขวัญไปด้วย ถึงยังไงตอนนี้ความสัมพันธ์กับน้าพลก็ไม่เหมือนเดิมแล้ว รักษามารยาทหน่อย”
บุริศร์พูดขึ้นด้วยเสียงทุ้ม กานต์พยักหน้าฟัง ไม่ได้พูดอะไร
ไอรากับกมลลงมาแล้ว ทุกคนจึงเริ่มกินข้าวกัน
หลังจากกินข้าวเสร็จกิจจาวางตะเกียบลง แล้วพูดกับทุกคน: “พ่อแม่ครับ ผมอยากจะพูดเรื่องหนึ่ง”
“อื้ม?”
สายตาของทุกคนมองไปทางกิจจา ถึงได้เห็นรอยคล้ำเข้มที่ใต้ตาของกิจจา ดูแล้วเหมือนไม่ได้นอนมาทั้งคืน
“กิจจา เมื่อคืนเรานอนไม่หลับเหรอ?”
นรมนค่อนข้างเป็นห่วง
กิจจาพยักหน้าพูดขึ้น: “เรื่องหมั้นของผมอยากให้ค่อยเป็นค่อยไปครับ”
ได้ยินกิจจาพูดอย่างนี้ ไอรากับกมลก็คลายกังวลลงทันที
“พี่ใหญ่ ฉันรู้สึกว่าการตัดสินใจนี้ของพี่มันถูกต้องสุดๆเลย”
“กินข้าวของเราไปเลย”
นรมนถลึงตาใส่กมล แล้วมองไปทางกิจจา
“เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือเปล่า?”
“ครับ พูดให้ถูกต้องก็ ก่อนหน้านี้ผมคิดถึงเรื่องแต่งงานง่ายดายเกินไป”
กิจจาเม้มริมฝีปากบางๆ ใบหน้าแดงระเรื่อ
“สิชาไม่ใช่คนที่ผมชอบ เธอเป็นแฟนของเพื่อนสนิทผม หลายวันก่อนเขาเกิดอุบัติเหตุเสียชีวิต แม่ของเขาทนสิ่งที่โจมตีเข้ามาไม่ไหว โรคหัวใจกำเริบเสียชีวิตตามไปด้วย สุขภาพของพ่อเขาก็ไม่ค่อยดี เด็กในท้องของสิชาจึงเป็นสายเลือดเพียงหนึ่งเดียวของพวกเขา เดิมทีที่ผมอยากแต่งงานกับสิชา เมื่อเด็กคลอดออกมา ก็จะให้สถานะแก่เด็กคนนั้น และถือเป็นการสืบทอดเชื้อสายให้แก่ตระกูลของเพื่อนผม แต่ผมคิดไม่ถึงว่าการตัดสินใจอย่างนี้ของตนเองจะไม่ยุติธรรมกับคนอื่นและตัวผมเองด้วย”
กิจจาเล่าเรื่องทั้งหมดออกไป
กานต์กำลังฟังเงียบๆ ไม่ได้พูดอะไร แต่กมลและไอรากลับเป่าปากคลายกังวลลงได้
“พี่ใหญ่ จริงๆแล้วพี่ชอบณิตาใช่ไหม?”
“ณิตา?”
นรมนค่อนข้างแปลกใจ
“ณิตาลูกสาวของตระกูลสนธิไชยน่ะเหรอ?”
“อื้ม แม่คะ ณิตาเธอเป็นคนดีมากนะ”
กมลกลัวว่านรมนจะไม่ชอบณิตาถึงยังไงในตระกูลสนธิไชยก็ไม่มีใครรักณิตาอยู่แล้ว
นรมนถอนหายใจพูดขึ้น: “แม่หนูนั่นเป็นเด็กที่น่าสงสารนะ กิจจา เราชอบเธอเหรอ?”
“ไม่รู้ครับ แต่ความรู้สึกที่ผมมีต่อเธอไม่ค่อยเหมือนคนอื่นจริงๆ เธอบอกว่าเธออยากแต่งงานกับผม ไม่อยากให้ผมแต่งงานกับสิชา จู่ๆผมก็รู้สึกว่าการตัดสินของตัวเองก่อนหน้านี้มันไม่รอบคอบเอาซะเลย”
จริงๆแล้วกิจจาเป็นผู้ชายที่มีความคิดเป็นของตัวเองมาก ไม่เปลี่ยนแปลงการตัดสินใจของตนเองด้วยคำพูดแค่ไม่กี่คำของคนอื่นหรอก แต่ณิตากลับทำให้เขาเป็นเช่นนี้ จึงเพียงพอที่จะเห็นตำแหน่งของณิตาที่อยู่ในหัวใจของกิจจาแล้ว
บุริศร์สบตากับนรมน พูดขึ้น: “ในเมื่อเป็นการตัดสินใจของแกเอง งั้นพ่อกับแม่ก็จะเคารพการตัดสินใจของแก แต่ทว่าเรื่องของความรู้สึกแกครุ่นคิดให้ชัดเจนจะดีที่สุด อีกอย่างต่อให้อยากช่วยเพื่อนสนิท ก็ไม่ควรเอาเรื่องการแต่งงานของตัวเองมาพูด เข้าใจไหม?”
“เข้าใจแล้วครับ พ่อแม่ ต่อไปผมจะไม่ทำอีกแล้ว”
ดวงตาของกิจจาเปล่งประกายแวววาว น่าประทับใจ
กานต์เห็นท่าทางดีอกดีใจของไอรากับกมล นึกถึงเรื่องทั้งหมดที่ยัยนั่นทำเพื่อตนเอง เขาจึงรู้สึกอบอุ่นใจ ราวกับความอบอุ่นกำลังไหลเวียนอยู่ช้าๆ
“ไอรา”
“ห๊ะ?”
ไอราโดนเรียกชื่อต่อหน้าทุกคน แล้วยังเป็นกานต์ที่เรียกเธออีก จึงชะงักเล็กน้อย เมื่อเห็นทุกคนกำลังมองเธอ จึงหน้าแดงขึ้นมาอย่างควบคุมไม่ได้
“มีอะไรเหรอ?”
จู่ๆกานต์กลับพบว่าตนเองค่อนข้างชอบท่าทีเขินอายของไอรามากทีเดียว ดูแล้วเหมือนโดนแกล้งอยู่เลย
แต่ทว่านรมนกับบุริศร์อยู่ด้วย เขาจึงทำได้เพียงเก็บความเพลิดเพลินที่เจ้าเล่ห์ของตนเองขึ้นมา พูดนิ่งๆ: “ตอนบ่ายฉันจะไปเมืองหลวงหน่อย เธออยู่บ้านรอฉันกลับมานะ”
อยู่บ้าน กลับมา
สองคำนี้ทำให้ไอรารู้สึกถึงความเป็นเจ้าของขึ้นมาเล็กน้อย
“อื้ม”
เธอก้มหน้าโดยไม่ได้ตั้งใจ
นรมนเห็นท่าทางเคอะเขินของเธอ จึงอดไม่ได้ที่จะยิ้ม
เรื่องดีๆของตระกูลโตเล็กใกล้เข้ามาแล้วสินะ
พวกเขาก็ไม่เป็นก้างขวางคอแล้ว ลุกขึ้นออกไปจากห้องอาหาร
กานต์เห็นคนออกไปพอประมาณแล้ว ถึงได้ดึงไอรามานั่งบนตักของตนเอง
ไอราเขินอาย รีบมองไปรอบๆ พูดขึ้น: “นายปล่อยฉันลงนะ!”
แต่กานต์กลับหลงรักท่าทีอย่างนี้ของเธอจะแย่แล้ว จูบลงไปบนหน้าของเธอแล้วพูดขึ้น: “รอฉันกลับมาแล้วเราไปจดทะเบียนสมรสกัน ตอนบ่ายว่างๆก็ดูในอินเทอร์เน็ตหน่อย ว่าชอบงานแต่งงานแบบไหน เราควรเตรียมการกันได้แล้ว”
จู่ๆไอราก็รู้สึกเหมือนกำลังฝันอยู่
เธอมองใบหน้าหล่อเหลาของกานต์ที่อยู่ใกล้ชิดกันสุดๆ รู้สึกว่าหัวใจเต้นเร็วจนจะออกมานอกลำคอแล้ว
ก็ตอนนี้เอง ที่โทรศัพท์ของกานต์ดังขึ้นมาอย่างกะทันหัน ทำลายบรรยากาศอ่อนโยนละมุนละไมระหว่างพวกเขาทันที