แค้นรักสามีตัวร้าย - บทที่ 1811 หน๊อยอิตาหมาบ้า
“พ่อ!พ่อคิดให้ดีๆนะ ถ้าพ่อยังเอาแต่ตีอยู่แบบนี้ไม่แน่พี่อาจจะโกรธเข้าจริงๆก็ได้ พอถึงตอนนั้นเธอก็จะไม่สนใจพ่อ ถ้าพี่อารมณ์เสียขึ้นมา แม้แต่งานแต่งงานก็จะไม่จัด และหนีไปกับพี่กานต์ทั้งอย่างนั้น พอถึงเวลานั้นพ่อได้ร้องไห้จนไม่เหลือน้ำตาแน่”
แมทธิวพูดออกมาอย่างเกเร พลันทำให้อรรณพฟาดแส้ไม่ออก
กานต์อาศัยจังหวะนี้มองไปทางแมทธิว เขายอมรับน้องเมียคนนี้ !
“ไสหัวไปพักผ่อนซะ”
อรรณพโยนแส้ทิ้งอย่างเดือดดาล
ทว่ากานต์กลับพูดออกมาอย่างเรียบนิ่งว่า “ไม่ล่ะครับ อีกสักพักต้องนั่งเครื่องบินกลับแล้ว ผมบอกพี่ใหญ่ให้ติดต่อหาไตใหม่ไว้แล้ว พรุ่งนี้จะทำการผ่าตัดให้ไอรา”
“อะไรนะ?”
อรรณพตะลึงค้าง
“ไตใหม่มันหาง่ายๆที่ไหน? อีกอย่างถ้าแกรักลูกสาวฉันจริงๆ ก็แค่คืนไตให้เธอก็สิ้นเรื่องแล้ว ทำไมต้องให้ยุ่งยากขนาดนั้นด้วย”
กานต์มองอรรณพ แล้วพูดออกมาทีละคำว่า “ผมคืนให้เธอไม่ได้ เพราะความเสี่ยงหลังจากคืนให้เธอมันมีมาก แม้ว่าไตของตัวเองจะเป็นไตที่ดีที่สุดสำหรับไอรา แต่เพราะเข้ามาหลอมรวมอยู่ในร่างกายของผมเป็นปีๆ โดยที่ไม่มีปฏิกิริยาต่อต้านใดๆ ถ้าหากคืนให้ไอรา ก็คงไม่ใช่เรื่องดีเท่าไหร่ เพราะงั้นหาไตใหม่มาให้เธอจะดีกว่า อีกอย่างตอนนี้ผมก็กลัวตายด้วย”
“แกว่าไงนะ?”
อรรณพคิดว่าตัวเองฟังผิด
กานต์กลัวตาย?
ที่ผ่านมาเขาเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายในกองทหารมาตั้งหลายปี ภารกิจอันตรายแค่ไหนก็ทำได้ ไม่เห็นว่าจะกลัวตายเลยสักครั้ง ตอนนี้ดันมาพูดว่ากลัวตายเนี่ยนะ?
เมื่อกานต์เห็นท่าทางประหลาดใจของอรรณพ ก็เอ่ยพูดยิ้มๆว่า “ใช่ครับ ผมกลัวตาย เมื่อก่อนไม่เคยรู้สึก แต่ว่าชีวิตนี้เป็นของไอรา ผมต้องรักษามันไว้ดีๆ เพื่อยืนยันว่าชีวิตที่เหลือของเธอจะมีแต่ความสุข นี่ต่างหากล่ะคือสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับผม”
“ลื่นไหลไปเรื่อย ทีพ่อแกไม่เห็นจะเหมือนแกเลย”
แม้อรรณพจะพูดออกมาอย่างนี้ แต่แววตากลับทอแววอบอุ่นขึ้นมาก
“ฉันจะให้แมทธิวทายาให้แกแล้วกัน เสร็จแล้วก็รีบไสหัวไปพักซะ แล้วก็ ฉันจะเก็บของ แล้วตามไปกับแกด้วย”
อรรณพพูดจบก็ก้าวเท้าเดินออกไป
แมทธิวรีบเดินเข้าไปพยุงกานต์ขึ้นมา
จริงๆแล้วเขาบาดเจ็บค่อนข้างหนัก
ถูกแส้นี้ฟาดทีไรมันเจ็บถึงกระดูกสันหลังเลยแหละ แมทธิวเคยประสบพบเจอมากับตัว ดังนั้นจึงนับถือกานต์มากที่ไม่ส่งเสียงร้องเลยสักแอะ
“พี่เขย ต่อไปนี้พี่ต้องคุ้มกันผมด้วยนะ”
เสียงพูดของแมทธิวไม่ได้ดังเท่าไหร่นัก แต่ว่าคำว่า “พี่เขย” ทำให้กานต์ถูกใจเป็นที่สุด
“ได้ ขอแค่นายไม่ทำเรื่องเลวร้ายถึงขั้นแหวกฟ้าแหวกดิน ฉันก็จะคุ้มกันนายอยู่แล้ว”
“ขอบคุณครับพี่เขย”
แมทธิวพยุงกานต์กลับมาที่ห้องรับแขก
ถึงตอนนี้เขาอยากจะกลับใจแทบขาด แต่ก็ต้องผ่อนปรนลงก่อน
แมทธิวพาหมอมาดูอาการให้เขา ด้านกานต์ทนพิษบาดแผลไม่ไหวในที่สุดก็สลบไป
เมื่อรมิดาได้ยินว่ากานต์หาไตใหม่ที่เหมาะสมให้ไอราได้แล้ว จึงตัดสินใจกลับไปกับเขาด้วย ส่วนอรรณพว่าจะไปด้วย แต่ก็ถูกห้ามเอาไว้
“ตอนนี้คุณไม่ได้เป็นแค่พ่อคน แต่ยังเป็นพระราชา มีเรื่องอีกมากมายรอให้คุณจัดการ อีกอย่างเรื่องที่ลูกจะแต่งงานคุณคิดได้หรือยัง? นี่ต่างหากล่ะที่เป็นเรื่องใหญ่”
แม้ว่าอรรณพจะไม่ค่อยพอใจ แต่ก็เลือกเชื่อฟังคำพูดของภรรยา แต่กระนั้นอรรณพก็อยากกลับไปกับกานต์อยู่ดี
อีกด้าน ไม่ว่าไอราจะโทรหาอรรณพเท่าไหร่ก็โทรไม่ติด ในตอนที่เธอกำลังจะออกจากห้องก็พบว่าสิงหราชยืนรออยู่ข้างนอก จึงชะงักนิ่งไปนิด
“นายมาทำอะไรที่นี่?”
“คุณกานต์ให้ผมตามประกบคุณไอราไว้ครับ”
สิงหราชเอ่ยพูดด้วยโทนเสียงกลางๆ ต่อให้กานต์รู้แล้วว่าตัวเองเป็นผู้หญิง เธอก็ยังแต่งตัวแบบยูนิเซ็กเหมือนเดิม
ไอราพยักหน้า “กานต์ไปบ้านฉันเหรอ?”
“ครับ”
คำตอบของสิงหราชทำให้ไอราฮึดฮัดขึ้นมาในทันที
หน๊อยอิตาหมาบ้า!
กล้ามาเล่นแง่กับเธอเหรอ!
“เขาไปทำไม?”
“คุณกานต์บอกแค่ว่าจะไปสู่ขอคุณ เรื่องจริงเป็นยังไงผมก็ไม่รู้ครับ”
คำว่าสู่ขอกระแทกใจของไอราอย่างจัง
แล้วทำไมต้องไปคนเดียวด้วย
“ไปเตรียมตั๋วเครื่องบินให้ฉัน ฉันจะกลับบ้าน!”
ไอราพูดจบก็หันหลังเตรียมไปเก็บของ แต่กลับได้ยินสิงหราชพูดขึ้นมาเสียก่อนว่า “ขอโทษครับ คุณไอรา คุณกานต์พูดไว้แล้ว กรุณาอยู่ที่นี่รอเขากลับมาอย่างใจเย็นเถอะครับ”
“ทำไม?”
ไอราค่อนข้างประหลาดใจ
เธอกลับบ้านตัวเองมันก็เป็นเรื่องปกติไม่ใช่เหรอ?
ทำไมไม่ให้เธอกลับ?
อีกอย่างรูปที่น้องชายส่งมาให้เธอมันทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจยังไงก็ไม่รู้
เธอไม่รู้ว่าทำไมพ่อต้องลงไม้ลงมือกับกานต์ด้วย และน้องชายก็ไม่น่าจะโกหกเธอ งั้นตกลงแล้วมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?
ความสัมพันธ์ของตระกูลเชาวนภูติและตระกูลโตเล็กดีมาตลอด และพ่อไม่มีทางใช้แส้ฟาดกานต์อย่างไม่มีมูลสายปลายเหตุแน่ๆ
นอกเสียจากว่ากานต์ไปทำอะไรที่ผิดต่อเธอมา
แต่ว่าเขาทำอะไรที่ผิดต่อเธอล่ะ?
สมองของไอราประมวลผลอย่างว่องไว แต่คิดยังไงก็คิดไม่ออก
“ก่อนที่กานต์จะไปเขาได้พูดอะไรอีกไหม?”
“ไม่มีแล้วครับ”
สิงหราชส่ายหน้า
แม้ไอราจะไม่รู้ว่าทำไมกานต์ถึงทำอย่างนี้ แต่กระนั้นเธอก็ยังเลือกที่จะกลับเข้าไปในห้องอย่างเชื่อฟัง พร้อมกับเอ่ยพูดขึ้นมาว่า “ฉันหิว สั่งอาหารมาให้ฉันหน่อยแล้วกัน”
“ครับ”
สิงหราชพยักหน้า เดินออกไปจากห้อง แล้วออกคำสั่งกับคนที่อยู่ข้างนอก
หลังจากจัดการทุกอย่างเสร็จ สิงหราชก็กลับเข้ามาในห้อง ด้านไอรารู้สึกง่วง จึงล้มตัวลงนอน
สิงหราชไม่ได้รบกวนเธอ เดินไปรออีกห้องเงียบๆ
ไม่นานหลังจากนั้นก็มีเสียงกุกกักดังขึ้นมาจากข้างนอก
สิงหราชขมวดคิ้วเล็กน้อย ลุกพรวดขึ้นมาทันที
“ใคร?”
อีกฝ่ายไม่ตอบ แต่วิ่งหนีออกไปอย่างรวดเร็ว
สิงหราชกำลังจะตามไป ในตอนที่มาถึงหน้าประตูก็นึกถึงคำพูดที่กานต์กำชับเธอเอาไว้
กานต์ให้เธอคอยเฝ้าไอราไม่ให้ห่างสายตา
นี่เป็นภารกิจแรกที่กานต์มอบหมายให้เธอทำ เธอจะทำมันพังไม่ได้
คิดมาถึงตรงนี้ สิงหราชก็ถอยกลับไป มุ่งตรงไปยังห้องของไอราเป็นอันดับแรก
ไอรายังคงหลับสนิท ทว่าในห้องกลับฟุ้งไปด้วยกลิ่นหอมอ่อนๆ ได้กลิ่นแล้วรู้สึกสดชื่น
ไอราจุดเครื่องหอมเหรอ?
สิงหราชค่อนขางแปลกใจ แต่ก็เปิดหน้าต่างระบายอากาศออกอย่างรวดเร็ว
ลมพัดเข้ามา กระจายกลิ่นข้างในห้องให้จางลง ไอรางัวเงียตื่นขึ้นมา รู้สึกปวดหัวเหมือนจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ
เธอลูบขมับตัวเองพร้อมขมวดคิ้ว ท่าทางคล้ายไม่สบายตัว
หัวใจของสิงหราชพลันกระตุก
อย่าบอกนะว่าเครื่องหอมมีอะไรผิดปกติ?
เธอเดินหาต้นตอของกลิ่นทั่วทุกซอกทุกมุม แต่กลับพบธูปที่ยังไหม้ไม่หมดตรงมุมหนึ่งของห้อง
สิงหราชรีบดับด้วยความรวดเร็ว และนำไปให้ธเนศพลตรวจสอบเป็นอันดับแรก
เมื่อเห็นท่าทางเป็นกังวลของสิงหราช ไอราก็เหมือนจะนึกอะไรขึ้นมาได้ หัวคิ้วของเธอขมวดเล็กน้อย กวาดตามองข้าวของเครื่องใช้ในห้องทุกอย่าง เพราะเธอเอาแต่รู้สึกว่ามีสายตาคู่หนึ่งมองมาที่เธอตลอด
อีกฝ่ายเป็นใคร?
มีจุดประสงค์อะไร?
ไอราไม่รู้ แต่กลับขนลุกไปทั่วร่างกาย