แค้นรักสามีตัวร้าย - บทที่ 1813 อย่างนี้มันได้ที่ไหนกัน
กานต์รู้สึกแสบร้อนแผลบริเวณหลัง ร่างกายก็ไม่ค่อยมีแรงเท่าไหร่ แต่กระนั้นเขาก็ยังฝืนลุกขึ้น มองหาโทรศัพท์ของตัวเอง เมื่อหาเจอก็พบว่ามีสายที่ไม่ได้รับจากกิจจาอยู่หลายสาย จึงรีบโทรกลับไปทันที
“พี่”
“แกอยู่ไหน?”
เมื่อกิจจาได้ยินเสียงอ่อนแรงของกานต์ ก็อดที่จะถามขึ้นมาไม่ได้
กานต์มองท้องฟ้าข้างนอก บรรยากาศมืดครึ้ม อีกสักพักฝนคงตกลงมา เขาจึงเอ่ยพูดว่า “ผมมาจัดการอะไรนิดหน่อยที่ประเทศY เดี๋ยวก็กลับแล้วล่ะ ว่าแต่หาไตใหม่ได้แล้วเหรอ?”
“อืม แกรีบกลับมาเถอะ แกก็รู้ ของอะไรแบบนี้หายากจะตาย แถมยังต้องรีบทำการปลูกถ่ายไตให้เร็วที่สุดด้วย”
“ได้ ผมจะบินกลับไปเดี๋ยวนี้”
หลังจากที่วางสาย กานต์ก็ใส่เสื้อผ้าอย่างรวดเร็ว ราวกับว่าไม่มีแผลอยู่บนหลัง
เมื่อเขาเดินออกมานอกห้อง ก็เห็นแมทธิวกับรมิดายืนรอเขาอยู่ก่อนแล้ว
กานต์ชะงักไปเล็กน้อย แต่ก็ยังพูดออกมาอย่างมีมารยาทว่า “ผมต้องกลับแล้ว”
“หาไตใหม่ได้แล้วเหรอ?”
รมิดาได้ยินที่เขาคุยโทรศัพท์เมื่อครู่
กานต์พยักหน้าอย่างไม่ปิดบัง
“ร่างกายโอเคหรือยัง?”
“ไม่เป็นอะไรแล้วครับ”
“งั้นก็ไปเถอะ แมทธิว ดูแลพี่กานต์ของแกหน่อย”
“ครับแม่”
แมทธิวยื่นมือออกไปเพื่อประคองกานต์ แต่กลับถูกเขาปฏิเส
ไม่นานจากนั้นทุกคนขึ้นมาบนเครื่องบิน มุ่งหน้าไปยังเมืองหลวง
เมื่อธเนศพลได้ยินว่ารมิดามาถึงก็มาต้อนรับด้วยตัวเอง ส่วนกานต์ตรงไปหากิจจาที่ห้องผู้อำนวยการของโรงพยาบาล
“ณิตาไม่มาเหรอ?”
“ไม่จำเป็นต้องให้เธอมา”
เมื่อกิจจาเห็นใบหน้าซีดขาวของกานต์ ก็เดินเข้าไปจับข้อมือของเขา ชีพจรที่เต้นอ่อนๆทำให้กิจจาขมวดคิ้วเล็กน้อย
“ไปโดนอะไรมา?”
“ผมไม่เป็นไร ผมใช้ไตของไอราอยู่ ก็ไม่แปลกถ้าคุณอาอรรณพจะบันดาลโทสะใส่ไม่ใช่เหรอ? ถึงยังไงพวกเขาก็เลี้ยงลูกสาวให้เติบโตมาอย่างประคมประหงม ถ้าเป็นลูกสาวผม ผมก็คงเล่นงานไอ้หมอนั่นให้พิการเหมือนกันนั่นแหละ”
กานต์คิดอย่างเปิดกว้าง
แม้ว่ากิจจาจะสงสาร แต่เขาก็รู้ว่าที่กานต์พูดมามีเหตุผล เพราะพวกเขาไม่ใช่คนไร้เหตุผลมาแต่ไหนแต่ไรอยู่แล้ว
เขาหยิบขวดยาจากกระเป๋าส่งให้กานต์
“กินสองเม็ด ยานี่ช่วยบรรเทาเจ็บและห้ามเลือดได้ แต่ก็ไม่ฟื้นฟูเร็วขนาดนั้น อีกอย่างดูจากอาการเลือดพร่องของแกแล้ว ไม่แน่อาจจะทิ้งรอยแผลเป็นไว้ก็ได้”
“ไม่ใช่เรื่องใหญ่”
กานต์ไม่ได้คิดอะไรมาก เขาเทยาออกมาสองเม็ดแล้วกินลงไป
“ไตใหม่อยู่ที่ไหน?”
“ฉันจัดการอยู่ คุณน้ารมิดาเองก็มาด้วยใช่ไหม?”
“อืม อยู่กับน้าพล น่าจะกำลังตรวจร่างกายให้ชมพู”
แม้ว่ากานต์จะฝืนเท่าไหร่ แต่สุดท้ายก็เจ็บแผลอยู่ดี เขาหาที่พิง ร่างกายถึงได้ผ่อนคลายลงบ้าง
ทางด้านรมิดาก็ไม่มีเวลาไปหาไอราเลย ตรงไปที่ห้องของชมพูเพื่อทำการตรวจให้อย่างละเอียดถี่ถ้วน จึงพบว่าร่างกายของชมพูมีสารพิษอยู่มาก แน่นอนว่าคงไม่สามารถรักษาหายภายในวันสองวัน จึงอดพูดขึ้นมาไม่ได้ว่า “ใครเป็นคนจัดการเรื่องอาหารการกินให้เธอ?”
“ชมพูกินข้าวโรงอาหารตลอดครับ”
ข้อนี้นะโมเป็นพยานได้
รมิดาขมวดคิ้วเล็กน้อย
“ไม่มีทาง ถ้าเธอกินที่โรงอาหารแล้วโดนพิษ ทำไมคนอื่นไม่เป็นอะไร?”
ชมพูตอบสนองกลับมาทันที
“ฉันใช้จานและตะเกียบส่วนตัว ไม่ค่อยใช้จานกับตะเกียบที่เป็นของส่วนรวม”
“เอาจานกับตะเกียบมาตรวจสอบ สารพิษตัวนี้ไม่ได้เข้าสู่ร่างกายเพียงชั่วข้ามคืน แต่สะสมในร่างกายมาแล้วสามปีเป็นอย่างต่ำ”
ธเนศพลที่อยู่อีกด้านได้ยินแบบนั้น ก็หรี่ตาลง ในใจเริ่มกรุ่นโกรธ
มีคนวางยาพิษลูกสาวสุดที่รักของเขา!
แถมยังลงมือในสถานที่ที่เข้มงวดอย่างกองทหารอีก
อย่างนี้มันได้ที่ไหนกัน!
บอดี้การ์ดกลับไปเอาชุดจานกับตะเกียบของชมพูมาอย่างไว ด้านนะโมก็มีสีหน้าที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก เขาหันมามองชมพูทีหนึ่ง
แน่นอนว่าชมพูเข้าใจเป็นอย่างดี
ตอนที่กานต์ออกปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือในครั้งก่อนๆ ปืนของเขาก็ถูกคนแตะต้องเหมือนกัน เกรงก็แต่ว่าจะเป็นฝีมือของคนในนี่แหละที่ทำ
แล้วพอเรื่องของชมพูแดงขึ้นมาอีก ก็เพียงพอที่จะอธิบายได้ว่าหนอนบ่อนไส้อยู่ในกองทหารนี้แน่ๆ
ซึ่งผลลัพธ์นี้ทำให้นะโมกับชมพูรับไม่ได้เป็นอย่างมาก
ไม่นานบอดี้การ์ดก็กลับมาโดยปราศจากชุดจานกับตะเกียบของชมพู
“เกิดอะไรขึ้น?”
“จานกับตะเกียบของคุณชมพูถูกคนขโมยไปครับ”
“ได้ยังไงกัน!”ธเนศพลเดือดดาลขึ้นมาในทันที
“ขนาดในกองทหารเข้มงวดถึงขนาดนี้ ยังมีคนกล้าขโมยชุดจานตะเกียบของเจ้าหน้าที่ไปเหรอ? แกล้อฉันเล่นหรือไง?”
“พ่อ”
เมื่อเห็นธเนศพลอารมณ์เดือด ชมพูก็รีบเอ่ยพูดขึ้นมา
“เรื่องนี้จะโทษคนที่นี่ทุกคนไม่ได้หรอก บางทีเราคงต้องสืบสวนทีละคนแล้วล่ะ เพราะไหนๆปืนที่พี่กานต์ใช้ออกปฏิบัติการก็เคยถูกแตะต้องเหมือนกัน ไม่อย่างนั้นคงไม่พลาดท่าทำร้ายตัวประกันอย่างนั้นหรอก”
คำพูดของไอราทำให้รมิดาชะงักไปเล็กน้อย กระนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรมาก เพียงแค่ทำการจ่ายยา แล้วเอ่ยพูดขึ้นมาว่า “ลูกสาวของฉันเองก็ไม่ค่อยสบายเหมือนกัน ฉันคงไม่ได้อยู่ที่นี่กับพวกคุณแล้ว ส่วนสภาพร่างกายของคุณชมพูโชคดีที่ยังตรวจเจอทัน ถ้าเริ่มรักษาตั้งแต่ตอนนี้ ใช้เวลาแค่สิบวันก็น่าจะรักษาหายแล้วล่ะ ไม่ได้รุนแรงอะไรมากมาย”
พูดจบเธอก็ส่งยาให้ธเนศพล
ธเนศพลจึงกล่าวขอบคุณยกใหญ่
รมิดาผงกหัวให้เล็กน้อยแต่ไม่ได้พูดอะไรมาก จากนั้นก็ก้าวเท้าเดินออกไปจากห้องของชมพู ตรงไปยังห้องของไอรา
แมทธิวยืนรอรมิดาอยู่ที่หน้าประตู เมื่อเห็นเธอเดินมาก็เอ่ยถามว่า “แม่ ทางนั้นเรียบร้อยแล้วเหรอ?”
“เรียบร้อยแล้ว แล้วนี่มันอะไรกัน?”
เธอมองบอดี้การ์ดที่ยืนล้อมห้องของไอราเอาไว้อย่างหนาแน่นจนแทบไม่มีทางผ่าน รู้สึกไม่ชอบใจเล็กน้อย
แมทธิวเอ่ยพูดขึ้นมาว่า “คนพวกนี้มาคุ้มกันพี่ครับ”
“บอกให้พวกเขาออกไปเถอะ ฉันอยากคุยกับลูกสาวกันสองคน”
บอดี้การ์ดรู้ถึงตัวตนของไอรา และแน่นอนว่ารู้ถึงตัวตนของรมิดาด้วย เมื่อได้ยินรมิดาเอ่ยออกมาอย่างนี้ จึงไม่กล้าพูดอะไรมาก รีบออกไปจากตรงนี้ทันที
รมิดาเปิดประตูเข้าไปข้างใน จึงเห็นสิงหราชยืนอยู่หน้าประตู พร้อมกับมองมาที่พวกเขาอย่างระแวง
ด้านไอราก็ชะงักไปเล็กน้อย
“แม่? น้อง? มาถึงตอนไหน? แล้วกานต์ล่ะ? กานต์ไม่ได้กลับมาด้วยเหรอ?”
ไอรายิงคำถามออกมาเป็นชุด พลางขยับลงจากเตียง มองเลยไปยังด้านหลังของรมิดาอย่างร้อนใจ ซึ่งท่าทางแบบนั้นทำให้รมิดาไม่สบอารมณ์เป็นอย่างมาก
“เห็นกานต์ไม่มาแล้วแกมาถามฉันเนี่ยนะ? ทำไม? ในสายตาของกานต์มีแค่กานต์คนเดียวเหรอ? ฉันกับพ่อและน้องสาวน้องชายของแกไม่สำคัญอะไรกับแกเลยใช่ไหม?”
รมิดาเอ่ยเสียงเข้มออกมา จนไอราสะดุ้ง
“แม่ อะไรกัน? จะดุไปไหนเนี่ย”
ไอราก้าวถอยหลังอย่างหวาดกลัว แต่กลับเห็นรมิดาพุ่งพรวดเข้ามา บิดหูของไอราเอาไว้ เอ่ยพูดอย่างกระฟัดกระเฟียดว่า “แกยังมีหน้ามาบอกว่าฉันดุอีกเหรอ? ฉันถามอะไรแกหน่อย ตอนที่แกควักไตให้กานต์แกเคยบอกใครไหม? แกได้ปรึกษาใครหรือเปล่า? แกรู้ไหมว่าทุกส่วนบนร่างกายของลูกเป็นสิ่งที่ได้มาจากพ่อแม่? เรื่องใหญ่ขนาดนี้แกคิดอยากจะทำก็ทำคนเดียวได้เหรอ? ในสายตาของแกยังเห็นฉันกับพ่อแกเป็นพ่อแม่อยู่หรือเปล่า?”
เมื่อรมิดาเอ่ยคำเหล่านี้ออกมา ไอราก็นิ่งอึ้งไปทันที