แค้นรักสามีตัวร้าย - บทที่ 1818 พี่กานต์ช่วยผมได้ไหม
เมื่อเห็นกานต์มึนงงสับสน กิจจาก็รู้สึกประสบความสำเร็จ ดีใจยิ่งกว่าตอนเขาทำวิจัยเสร็จเสียอีก
“เอาล่ะ แกค่อยๆคิด ฉันจะทำแผลให้แกไปพลางๆ”
กิจจาเปิดกล่องปฐมพยาบาลออกเริ่มทำแผลให้กานต์
กานต์ไม่ได้ส่งเสียงร้องออกมา แต่เกร็งไปทั้งร่างกาย แค่นี้ก็พอจะรู้แล้วว่าเจ็บมาก
ด้านไอรา เธอวิ่งกลับมาที่ห้อง ปิดประตูคลุมโปงร้องไห้โฮออกมายกใหญ่
เธอน้อยใจจะตายแล้ว แทบจะระเบิดทั้งตัวออกมา แต่เมื่ออยู่ต่อหน้ากานต์เธอกลับทำอะไรไม่ได้ เพราะถึงยังไงเธอก็ตามจีบเขาจริงๆ
แต่เมื่อนึกถึงที่กานต์พูดว่าระหว่างเขาสองคนถือว่าหายกัน หลังจากนี้จะไม่ติดค้างกันอีก เธอก็รู้สึกหัวใจสลายเหมือนแตกออกเป็นเสี่ยงๆ เจ็บปวดเกือบตาย
ยี่สิบปีเลยนะ
มันคือความยึดติด และเป็นความรักที่ฝังลึก
ถ้าไม่มีกานต์เธอต้องตายแน่ๆ
ไอราไม่รู้ว่าตัวเองร้องไห้อยู่นานเท่าไหร่ ร้องไปร้องมาก็ผล็อยหลับไป ซึ่งครั้งนี้เธอหลับสนิทมาก เหมือนกับว่าเหนื่อยจนสุดขีด เหนื่อยจนไม่อยากคิดอะไร มันคือความทรมานจากความเหนื่อยล้า
ในระหว่างนั้นกานต์ก็มา เมื่อเห็นไอราร้องไห้จนตาแเดง จึงไปเอาน้ำแข็งมาประคบตาให้เธอด้วยตัวเอง จากนั้นก็อยู่เฝ้าเธอสักพัก ถ้าไม่ใช่เพราะสิงหราชมาตามตัวเขา เขาก็คงจะอยู่นานกว่านี้
เมื่อรมิดารู้เรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างกานต์และไอราก็ไม่ได้พูดอะไร แต่สายตาที่ใช้มองกานต์กลับทอแววคิดหนัก
ด้านแมทธิวกลับรู้สึกไม่คุ้มแทนกานต์
เขามาหากานต์ที่ห้อง แต่เมื่อเห็นว่ากานต์กำลังเคลียร์งาน เขาก็ว่าจะถอยหลังกลับ แต่กานต์ดันเจอเขาเข้าเสียก่อน
“มาหาฉันมีเรื่องอะไรเหรอ?”
“เปล่า ผมเบื่อๆน่ะ เลยว่าจะมาคุยกับพี่”
แมทธิวเดินเข้ามาอย่างเอ้อระเหยลอยชาย เมื่อเห็นกานต์นั่งจัดการงานอย่างพิถีพิถัน ก็อดที่จะรู้สึกนับถือไม่ได้
“ตัวเลขเยอะขนาดนี้พี่ไม่ปวดหัวบ้างเหรอ?”
“ถ้านายมีน้องชายน้องสาว นายจะรู้เองว่าบางเรื่องเราก็ไม่อาจหลีกเลี่ยง หรือหนีพ้น เพราะถ้าเมื่อใดนายหนี น้องๆของนายก็จะแย่”
กานต์เอ่ยพูดอย่างเนิบนาบ
แมทธิวนิ่งไปเล็กน้อย
เขาพลอยนึกไปถึงไอรากับโอลี่
แม้ว่าหลายปีที่ผ่านมาไอราจะไม่ได้อยู่ในประเทศ แต่เธอก็คอยจัดการธุระให้พ่อบ่อยๆ โอลี่ยิ่งไม่ต้องพูดถึง รายนั้นแทบจะเป็นทูตได้อยู่แล้ว มีแค่เขากับพี่ชายที่ยังใช้ชีวิตตามใจต้องการ พอได้ยินกานต์พูดมาอย่างนี้ แมทธิวก็สะท้อนคิดในใจพร้อมกันนั้นก็มองมาที่กานต์
ผู้ชายคนนี้พูดแทนพี่ใหญ่ได้ตลอดเวลาจริงๆ อันที่จริงก็เป็นการบอกใบ้เป็นนัยๆแล้วว่าในอนาคตเขาต้องรักพี่ใหญ่มากแน่ๆ
จริงๆเลย….
ใจจืดใจจำ แต่ก็น่าชื่นชม
สายตาของแมทธิวเปลี่ยนไปเล็กน้อย นั่งลงข้างกานต์อย่างสบายๆ จากนั้นก็ได้กลิ่นยาบนตัวกานต์อย่างจมูกไว
ทันใดนั้นเขาก็เข้าใจในทันที
“พี่จงใจทำให้พี่ผมร้องไห้ใช่ไหม?”
“ดูจากอะไร? บางทีอาจเป็นเพราะฉันแค้นที่พ่อของนายตีฉัน ก็เลยเอาคืนโดยการยั่วโมโหพี่นายก็ได้นี่นา?”
กานต์ย้อนถามอย่างเรียบนิ่ง
แมทธิวเห็นว่ามีของกินวางอยู่ข้างๆ จึงฉวยมือหยิบส้มขึ้นมาปอกกิน
“เป็นไปไม่ได้ ผู้ชายที่พี่สาวผมชอบไม่มีทางความอดทนต่ำขนาดนี้หรอก ไม่อย่างนั้นจะไปคู่ควรกับการที่พี่ผมตามจีบมาตั้งหลายปีได้ยังไง”
คำพูดนี้เหมือนจะต่อต้านกานต์ก็ไม่ใช่ จะชื่นชมก็ไม่ถูก
จู่ๆเขาก็รู้สึกขึ้นมาว่าจริงๆแล้วแมทธิวไม่ได้เอ้อระเหยลอยชายเหมือนอย่างที่แสดงออก อย่างน้อยในเรื่องความเชื่อมั่นคนในครอบครัวเขาก็เชื่อมั่นอย่างไม่มีข้อแม้
ข้อนี้ทำให้กานต์สบายใจเป็นอย่างมาก
“นายมาหาฉันที่นี่ไม่กลัวแม่นายไม่พอใจเหรอ?”
“พอใจหรือไม่พอใจไม่ได้ขึ้นอยู่กับผมมาหาพี่ที่นี่หรือเปล่า มันขึ้นอยู่กับสายตาและความคิดของเธอว่าพี่ฉกชิงลูกสาวของเธอไปต่างหากล่ะ ดังนั้นการที่ผมมาที่นี่ก็เปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้หรอก”
แมทธิวพูดพร้อมกับมองหน้าจอคอมพิวเตอร์ของกานต์ อดที่จะหรี่ตาลงไม่ได้
“พี่กานต์ พี่ลงทุนธุรกิจร่วมเหรอ? อันนี้ไม่น่าจะใช่กิจการของYS Groupหรอกใช่ไหม?”
“อืม ฉันแค่ลงทุนเล่นๆน่ะ”
แมทธิวรู้สึกสนใจขึ้นมาในทันที
“พี่กานต์สอนผมได้ไหม?”
“สนใจเหรอ?”
กานต์ค่อนข้างประหลาดใจ
ด้วยฐานะทางสังคมของตระกูลเชาวนภูติในประเทศY ต่อให้แมทธิวไม่ทำอะไรเลย วันๆเอาแต่นั่งกินนอนกิน ก็ไม่มีใครกล้าว่าอะไรเขาได้ อีกอย่างแมทธิว ค่อนข้างเอ้อระเหยลอยชาย กางมงการเมืองก็ไม่ลงเล่น ไม่เอาไหนพอๆกันกับแอนดริว
แต่ก็คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะสนใจเรื่องการลงทุน
“แน่นอน ผมชอบเงิน อีกอย่างผมชอบความรู้สึกที่ตัวเองหาเงินเองได้”
แมทธิวอยากรู้อยากลอง
กานต์พูดยิ้มๆว่า “ไม่ใช่ว่าทุกคนจะหาเงินได้นะ”
“ก็ต้องลองดูก่อนไม่ใช่หรือไง? ผมอยากทำ พี่กานต์ช่วยผมได้ไหม?”
“นายเรียกฉันว่าอะไรนะ?”
แมทธิวชะงักเล็กน้อย จากนั้นก็เอ่ยพูดออกมาอย่างประจบสอพลอว่า “พี่เขย พี่เขยครับ ทีนี้เราเป็นครอบครัวเดียวกันแล้วใช่ไหม? สอนผมเถอะนะ”
“ได้ ไว้คราวหลังฉันจะหาหนังสือมาให้นายลองศึกษาก่อน พอเข้าใจคร่าวๆแล้วค่อยมาหาฉัน หรือถ้าไม่เข้าใจตรงไหนก็ถามฉันได้”
กานต์ยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย
จู่ๆเขาก็รู้สึกถูกชะตากับน้องชายว่าที่ภรรยาคนนี้
แมทธิวกลับไปอย่างร่าเริง เดิมทีกานต์ว่าจะไปดูไอรา แต่เมื่อคิดได้ว่าเวลานี้รมิดาคงอยู่ด้วย เขาจึงไม่ได้ลุกขึ้น หันกลับมาทำงานต่อ
แต่ด้านแมทธิวที่เดินออกมาจากห้องของกานต์ก็คิดว่าตัวเองควรพูดอะไรสักหน่อยแล้ว
เขาจึงมาที่ห้องของไอรา และก็พบว่าไอราตื่นขึ้นมาแล้ว ตอนนี้รมิดากำลังสั่งสอนเธอด้วยความหวังดี ว่าโลกนี้ไม่ได้มีผู้ชายแค่คนเดียว ไอราไม่ควรยึดติดอยู่แบบนี้
เมื่อแมทธิวเห็นแววเด็ดเดี่ยวในดวงตาของไอรา ก็อดที่จะพูดขึ้นมาไม่ได้ว่า “แม่ คนเราเวลาให้คำแนะคำคนอื่นก็พูดได้หมดแหละ แต่ถ้าเป็นแม่ แม่จะปล่อยพ่อไปไหมล่ะ?”
แค่ประโยคเดียวก็สามารถทำให้คำพูดน้ำไหลไฟดับของรมิดาหยุดชะงักได้
เธอถลึงตาใส่แมทธิวอย่างโมโห เอ่ยขึ้นว่า “แกหายหัวไปไหนมา?”
“เดินไปเรื่อย อยู่แต่ในห้องมันน่าเบื่อ ก็เลยออกไปเอาของอร่อยมาให้พี่ใหญ่กินด้วย”
พูดจบแมทธิวส่งแอปเปิ้ลในมือไปให้
ดวงตาของไอราอุ่นวาบ
“สมกับเป็นน้องชายฉัน รู้ด้วยว่าฉันชอบกินแอปเปิ้ล”
ขณะที่พูดไอราก็กำลังจะยื่นมือไปรับ แต่กลับได้ยินแมทธิวพูดขึ้นมาก่อนว่า “ผมไม่รู้สักหน่อย อันนี้พี่เขยให้คนไปซื้อมาต่างหาก ผมแค่หิ้วติดมือมาเฉยๆ”
“พี่เขย?”
รมิดารู้สึกระคายหูกับคำเรียกนี้
ไอ้แสบนี่จงใจใช่ไหม?
ด้านไอรากลับนิ่งอึ้งไปกับคำเรียกนี้ แม้ว่าในใจจะรู้สึกเขิน แต่เมื่อนึกถึงท่าทีของกานต์ นัยน์ตาของเธอก็หม่นแสงลง
“อย่าเพิ่งเรียกอย่างนี้เลย ถ้าคนอื่นมาได้ยินมันจะไม่ดี”
“มีอะไรไม่ดี?”
แมทธิววางแอปเปิ้ลลงบนโต๊ะ เอ่ยพูดอย่างเนิบนาบว่า “ผู้ชายที่ต้านทานแส้ของพ่อได้มีน้อยมากนะ และพี่กานต์ก็เป็นหนึ่งในนั้น ก่อนกลับมาเขายังมีไข้อ่อนๆอีกด้วย พอกลับมาถึงก็มัวแต่เตรียมพร้อมเรื่องผ่าตัดของพี่จนไม่ได้พักผ่อน ขนาดแผลติดเชื้อก็ยังหาทางช่วยให้พี่ระบายอารมณ์ออกมาโดยการจงใจยั่วโมโหพี่ เพื่อให้พี่อารมณ์คงที่ก่อนผ่าตัด และฟื้นตัวได้ดีหลังผ่าตัดเสร็จ ต่อให้พี่เข้าใจผิดเขาก็ยังเลือกทำอย่างนี้ ทั้งทนเจ็บแผลจากแส้ ทั้งช่วยเตรียมการเรื่องผ่าตัดให้พี่ ถ้าผู้ชายแบบนี้เป็นพี่เขยผมไม่ได้ล่ะก็ ผมว่าบนโลกนี้ไม่มีใครสามารถสวมบทบาทเป็นสามีของพี่ได้อีกแล้วล่ะ”
หลังจากที่ฟังแมทธิวพูดจบสีหน้าของไอราก็ซีดขาว เธอเพิ่งนึกขึ้นมาได้ว่าบนตัวของกานต์มีแผล จึงเลิกผ้าห่มออกแล้ววิ่งออกไปข้างนอกโดยไม่หยุดคิด
มุมปากของแมทธิวกระตุกขึ้นเล็กน้อย แต่ทันใดนั้นก็ถูกตบหัวจากด้านหลัง