แค้นรักสามีตัวร้าย - บทที่1449 โชคดีที่เธอไม่ได้ตั้งใจ
กลิ่นอายเย็นฉ่ำอบอวลไปทั่วร่างกายของปาณี จนเธอไม่กล้าเคลื่อนไหว
พวกเขาไม่เคยมีการกระทำที่ใกล้ชิดกันขนาดนี้มาก่อน กระทั่งเมื่อก่อนนภดลไม่เคยมองตรงมาทางเธอด้วยซ้ำ ถึงแม้ว่าเธอจะเข้าร่วมเรื่องที่ต้องปฏิบัติดูแลพ่อแม่ของฉัตรยา แต่ระหว่างเขาและเธอก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น ทว่าตอนนี้เกิดอะไรขึ้น?
ปาณีตระหนก ทันใดก็หันกายไปมองนภดลอย่างไม่รู้ตัว อย่าเปลี่ยนคนเลยเถอะ
แต่เมื่อเธอจะขยับกาย ก็ได้ยินเสียงทุ้มต่ำของนภดล “อย่าขยับ มันไม่สบาย”
ปาณีก็ไม่กล้าขยับกายทันที
“ให้ฉันเอาผ้าห่มมาให้ไหม?”
จริงๆแล้วปาณีอยากจะพูดว่าไม่สบายแล้วมันเกี่ยวอะไรกับฉัน แต่ปากมันพูดไปเอง
“โอเค”
นภดลรีบยกศีรษะ เพื่อที่จะหลีกทางให้ปาณี
เห็นได้ชัด ว่าเขาต้องการให้ปาณีนำผ้าห่มมาให้
ปาณีงงงัน
เริ่มตั้งแต่บุริศร์และนรมนเริ่มไปเที่ยว นภดลก็มาที่นี่เพื่อรับการฝึกพิเศษ เธอกังวลเกี่ยวกับเขา และเธอก็รู้สึกว่าตัวเองจำเป็นต้องมีการปกป้องตัวเองบ้าง ดังนั้นเธอจึงตามมาด้วย
แต่เมื่อเธอตามเขามาที่เกาะเป็นเวลานานมากแล้ว เขาก็ปฏิบัติต่อตัวเองเหมือนกับว่าไม่มีตัวตน นอกจากจะผงกศีรษะทักทายทุกวัน ก็ไม่มีการชิดใกล้หรือสื่อสารอะไร
จนกระทั่งปาณีคิดว่าระหว่างตัวเองและนภดลไม่มีวาสนาต่อกันเสียแล้ว เธอเลยนอนเศร้าอยู่หลายคืน จนในที่สุดเธอก็ยอมรับความจริง วางแผนที่จะเป็นเพียงเพื่อนร่วมงานกับนภดล แล้วนี่มันเกิดอะไรขึ้น?
แต่เมื่อมองไปยังสายตาสงสัยของนภดล ปาณีก็รีบสาวเท้าออกไปหยิบผ้าห่มมาคลุมกายให้เขา
“เข้าไป”
นภดลพูดเบาๆ ถึงแม้จะไม่ได้สั่ง แต่ก็สามารถทำให้ปาณีปฏิบัติตามได้
เธอเดินไปเข้าไปข้างหน้านภดลอีกครั้ง และในวินาทีต่อมาศีรษะของนภดลก็พิงบนไหล่ของเธออีกครั้ง
ร่างกายของปาณีแข็งทื่อ เธอยังไม่ทันคิดอะไรดี ผ้าห่มผืนนั้นก็คลุมกายสองคนเอาไว้
เธอตกใจจนเกือบจะกระโดด แต่กลับได้ยินนภดลพูดเบาๆ ว่า “อย่าขยับสิ ใช้เวลาหนึ่งชั่วโมงในการกลับไป ผมต้องการนอนหลับ”
“โอ้”
ปาณีพยักหน้าเหมือนภรรยาตัวน้อยที่ถูกรังแก จากนั้นจึงไม่กล้าขยับตัว
มุมปากของนภดลยกขึ้นยิ้มน้อยๆ เขาหลับตาลงทันที ในจมูกอบอวลไปด้วยกลิ่นของปาณี
เขาหลับไปโดยไม่รู้ตัว
เมื่อได้ยินลมหายใจที่สม่ำเสมอของนภดล ความเครียดเกร็งของปาณีจึงค่อยผ่อนคลายลง
เธอกวาดสายตาสำรวจเขา การฝึกไม่ได้ทำให้เขาเปลี่ยนไป ใบหน้านั้นยังคงเรียบเนียนเสียยิ่งกว่าผู้หญิง ผมสีฟ้านั้นก็ยิ่งดูสะดุดตา
ผู้ชายแบบนี้มานอนพิงไหล่เธอ ปาณียิ่งไม่กล้าคิด
เธอรู้ว่าในใจของนภดลมีคนอยู่ในนั้น ตลอดชีวิตนี้ของเธอคงเข้าไปในใจเขาไม่ได้ ถ้าอย่างนั้นก็ขอซึมซับช่วงเวลาแบบนี้ไว้ก็พอแล้ว
ปาณียกยิ้มอ่อนโยน แล้วสูดหายใจเข้าลึกอย่างตะกละตะกลามราวกับจะสูดกลิ่นไอเย็นฉ่ำจากร่างกายของเขาเข้าไป
เครื่องบินค่อยๆ บินขึ้น
ปาณีไม่รู้ว่าพวกเขาจะยังคงอยู่ในสภาพเดิมไหมเมื่อเครื่องบินลงจอด แต่ช่วงเวลานี้มันก็เพียงพอแล้ว
ปาณีผล็อยหลับไปโดยไม่รู้ตัว
นภดลกลับลืมตาขึ้นพลัน
ที่จริงแล้วปาณีดูธรรมดามากเมื่อมองในตอนแรก แต่เธอเป็นผู้หญิงที่สวย ยิ่งมองเธอมากเท่าไหร่ เธอก็ยิ่งมีงดงามมากขึ้นเท่านั้น
เธอแตกต่างกับฉัตรยาอย่างสิ้นเชิง
ฉัตรยาเป็นคนเผด็จการ ชอบกระพือข่าว เธอเกลียดใครรักใครทั้งโลกก็ต้องรับรู้ไปด้วย แต่ปาณีไม่ใช่
เธออ่อนโยนเหมือนสายน้ำที่ไหลช้าๆ และอาจไม่รู้สึกถึงการมีอยู่ในช่วงแรก แต่เมื่อเวลาผ่านไปจะทำให้ผู้คนรู้สึกถึงความเงียบสงบ
เมื่ออยู่กับเธอ ไม่ต้องพูดอะไร แค่เพียงอยู่ด้วยกัน แค่เพียงมองเห็นเธอ หัวใจของเขาก็สงบ อยากจะอยู่กับเธอไปตลอดชีวิต
แค่ผู้หญิงคนนี้ไม่รู้ว่าเธอไม่เป็นไร
นภดลวางผ้าห่มบนร่างของปาณี จากนั้นลุกขึ้นและไปที่ห้องบังคับการ
“หัวหน้านภดลครับ คุณมาทำอะไรที่นี่?”
“สถานการณ์ของคุณนายเป็นไงบ้าง?”
นภดลเป็นหัวหน้าของอาณาจักรรัตติการ ที่อยู่ภายใต้สังกัดของนรมน ตอนนี้นรมนกลับมาแล้ว เขาก็ต้องกลับเมืองชลธี และอยากจะรู้สถานการณ์ทุกอย่าง
คนที่อยู่ข้างหน้าเขาในตอนนี้ก็เป็นคนของอาณาจักรรัตติการ และเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของเขา
นักบินรีบพูดขึ้นมาว่า “คุณนายกำลังตั้งครรภ์ครับ ส่วนประธานบุริศร์ได้รับบาดเจ็บ เคลื่อนไหวไม่สะดวก สถานการณ์ในประเทศF ก็ตึงเครียด ความหมายของประธานบุริศร์ก็คือให้พวกเราเตรียมพร้อมปกป้องคุณนายอย่างสุดความสามารถครับ ป้องกันพวกหมาที่จะเล็ดรอดเข้ามา”
“จัดการทุกอย่างแล้วเหรอ?”
“จัดการวางแผนเรียบร้อยแล้วครับ แต่มีเรื่องหนึ่งที่ผมอยากพูดกับหัวหน้านภดลสักหน่อย”
นักบินลังเลเล็กน้อย
“พูดมา”
ไอเย็นจากร่างของนภดลต่ำลงเล็กน้อย
นักบินรีบพูดว่า “ประธานบุริศร์ถูกโจมตีที่ประเทศF คุณนายพาเขากลับประเทศ พบเจอปัญหาเล็กน้อยเมื่อผ่านชายแดน ตอนนั้นคุณนายใช้พละกำลังลูกน้องเก่าของอาณาจักรรัตติการ ยังไม่ได้ติดต่อพวกเรา”
เรื่องนี้เป็นหนามในหัวใจของคนในอาณาจักรัตติการ
พวกเขาทั้งหมดรู้ว่าลูกน้องเก่าของอาณาจักรรัตติการเคยอยู่ภายใต้เขตอำนาจของกองทัพ ทักษะต่อสู้ของพวกเขาดีมาก แต่ในเมื่อพวกเขาถูกเรียกว่าอาณาจักรรัตติการ พวกเขาก็ต้องเป็นอาณาจักรรัตติการใหม่ ถึงอย่างไรก็ไม่ต้องการเปรียบเทียบกับลูกน้องเก่า และในตอนนั้นนรมนก็เรียกหากลุ่มลูกน้องเขาไม่เรียกหาพวกเขา นี่เป็นการดูถูกพวกเขาไหม?
เมื่อนภดลคิดตามก็รู้ว่าอะไร
“อย่าคิดมาก คุณนายปฏิบัติกับเราอย่างเท่าเทียม แต่สถานที่นั้นอาจจะดีกว่าถ้าคนเก่าเข้าไปช่วย และตอนนั้นฉันก็ฝึกร่างกายอยู่ และที่นี่เราก็ไม่มีเรื่องต้องทำ ก็เป็นอันว่าเข้าใจได้นะว่าทำไมคุณนายถึงไม่เรียกพวกเราไป”
แม้ว่าเขาจะพูดอย่างนั้น แต่ในสมองของนภดลก็อดจะนึกถึงกิมจิไม่ได้
ความสามารถในการรวบรวมผู้ใต้บังคับบัญชาคนเก่าในช่วงเวลาสั้นๆ และที่สำคัญที่สุดคือช่วยเหลือบุริศร์และนรมนไว้ได้ ดูเหมือนจะไม่ใช่คนไร้ความสามารถ
หลังจากกลับไป เขาต้องคิดหนักว่าจะดึงกิมจิและลูกน้องเก่าของเขามาเข้าร่วมกันจะดีกว่าไหม
ในขณะที่คิด เขาก็ได้ยินเสียงตุบ ก่อนที่เสียงโอ๊ยจะดังขึ้นอย่างทันที
นภดลขมวดคิ้ว รีบหมุนกายกลับไปก็เห็นปาณีนอนแหมะอยู่ข้างล่าง มองพื้นด้วยความงุนงง ราวกับกำลังมึน ไม่รู้ว่าตกลงมาได้อย่างไร ท่าทางอย่างว่ามันทำให้มุมปากของนภดลแย้มขึ้นอีกครั้ง
น่ารักขนาดนี้ได้ยังไง?
“โง่เหรอ?”
รองเท้าบู๊ตทหารสีดำปรากฏขึ้นต่อหน้าปาณี เธอตกตะลึง ก่อนจะมองตามรองเท้าขึ้นไปข้างบน และเธอก็เห็นนภดลยืนอยู่ข้างหน้าเธอ เขากำลังมองตรงมาที่เธอ
“เครื่องบินบินราบรื่นมาก แต่คุณก็ยังตกลงมาจากเก้าอี้ มีความสามารจริงๆ”
หลังจากที่นภดลและปาณีมาถึงเกาะ พวกเขายังพูดกันไม่มากเท่าวันนี้เลย
ปาณีนิ่งงันไปนิด ก่อนจะเพิ่งรู้ตัวว่านภดลกำลังดูถูกเธอ อดไม่ได้ที่ทำตัวไม่ถูกเล็กน้อย
“คุณไปไม่บอกกันสักนิด ฉันจะรู้ได้ไงละว่าไม่อยู่”
คำพูดของเธอแฝงคำประณาม แต่เสียงกลับอ่อนเหลือเกิน ไม่มีท่าทางกล้าหาญ
นภดลก้มลงมองเธอ ยื่นมือออกไปหาอย่างช่วยไม่ได้
“ลุกขึ้นมา บนพื้นสบายมากหรือไง?”
เมื่อเห็นมือที่ปรากฏตรงหน้า ปาณีก็ขมวดคิ้วมุ่นเข้าด้วยกัน
ทำไมจู่ๆถึงรู้สึกว่าตัวเองถูกรังแกละ?
ไม่จริง!
เธอเหมือนกับถูกกลั่นแกล้งมาตลอด ถูกละเลย
ทำไมตอนนี้นภดลไม่ละเลยเธอเหมือนที่ทำมาตลอด?
“ไม่ต้อง ฉันลุกเองได้ค่ะ”
ปาณีรู้สึกหดหู่เล็กน้อย เธอไม่สนใจมือที่ยื่นมาของเขา ก่อนจะลุกขึ้นยืนอย่างผ่าเผย ทว่าเธอไม่ได้สนใจผ้าห่มตรงเท้า จึงทำให้สะดุด จากนั้นก็ล้มลงไปข้างหน้า
“อะ!”
ปาณีต้องการจะคว้าอะไรบางอย่างตามจิตสำนึก เพื่อให้ร่างกายของเธอมั่นคง ไม่ได้คาดหวังว่าจะจับวัตถุที่เป็นโลหะได้โดยตรง ทันใดเธอก็ได้ยินเสียง ฉุบ โลหะนั้นราวกับขยับนิดหน่อย จากนั้นเธอก็ถูกแขนอันทรงพลังจับไว้ ลมหายใจที่เย็นเฉียบของเขาก็ปะทะเข้าที่หน้า
นภดลพูดเสียงเบาว่า
“ชอบปลดเข็มขัดผมเหรอ?”
ปาณีไม่เข้าใจ
อะไรของเขา?
เธอรีบดู ก่อนจะพบว่ามือของตัวเองจับอยู่ตรงเข็มขัดของนภดลพอดี
“ตายแล้ว!”
ปาณีราวกับโดนน้ำร้อนลวก เธอรีบปล่อยมือ เงยหน้าขึ้นอย่างลนลาน ไม่คิดว่านภดลจะก้มหัวลงมาจะพูดคุยกับเธอ ทำให้ศีรษะเธอชนเข้ากับจมูกของเขา ของเหลวอุ่นร้อนไหลหยดลงมาทันที
“ขะ ขอโทษนะคะ ฉันไม่ได้ตั้งใจ”
ปาณีแทบรอไม่ไหวที่จะกระโจนเข้าไป
เกิดอะไรขึ้น?
เธอไม่เคยลุกลี้ลุกลนและลนลานเช่นนี้มาก่อน
“ฉันจะเช็ดให้ค่ะ!”
“อย่าขยับ”
นภดลรู้สึกแสบจมูก ราวกับว่ามันไปถึงต่อมน้ำตา แม้แต่ดวงตาของเขาก็เปียกชื้นเล็กน้อยน้อย
ผู้หญิงตัวเล็กคนนี้หัวเล็ก แต่ประสิทธิภาพการต่อสู้ของเธอแข็งแกร่งมาก
“คุณฝึกทักษะหัวเหล็กมาด้วยเหรอ”
หลังจากที่นภดลพูด เขาก็ปล่อยปาณีออก ก่อนจะหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาเช็ดเลือดที่จมูก
ปาณีอยากจะร้องไห้จริงๆในเวลานี้
ถูกผู้ชายถามว่า เคยฝึกทักษะหัวเหล็กมาก่อนเหรอ ไม่ใช่เรื่องดี แต่เธอไม่ได้ตั้งใจจริงๆนี่
ดวงตาของปาณีเต็มไปด้วยน้ำ ราวกับว่าอีกไม่นานมันก็จะไหลลงมา นภดลที่มองอยู่ก็แอบอยากเช็ดออกเสียไม่ได้
“เอาเข็มขัดของผมมาคาดให้สิ”
นภดลกล่าวเบาๆ
โชคดีที่กางเกงที่เขาใส่วันนี้พอดีตัว และเขาก็เคยชินกับการคาดเข็มขัดด้วย ไม่อย่างนั้นตอนนี้เขาคงจะเขินอายไปแล้ว
ถูกผู้หญิงถอดกางเกงบนเครื่องบิน พูดออกไปคงขายหน้า
ปาณีพยักหน้าอย่างรวดเร็ว แต่ทันใดนั้นก็หยุด เมื่อมือของเธอกำลังจะไปถึงเอวของนภดล
ดูเหมือนจะไม่เหมาะสมนะ
“ที่คุณชนมันเป็นจมูก ไม่ใช่มือ คาดเองสิคะ”
เสียงเธอเหมือนยุง ถ้าไม่ตั้งใจฟัง ก็ไม่ได้ยินจริงๆ
รอยยิ้มพาดผ่านแววตาของนภดล แต่เขาพูดอย่างแผ่วเบา “ใครแก้มัน ก็ต้องคาดคืน”
“ฉันไม่ได้ตั้งใจ”
“โชคดีที่คุณไม่ได้ตั้งใจ ถ้าตั้งใจ ผมก็คงไม่ได้ยืนอยู่ตรงนี้แล้ว”
คำพูดของนภดลเกือบจะทำให้ปาณีเป็นลมไปจริงๆ
เขาหมายถึงอะไร?
เขาหมายความว่าเธอจงใจถอดกางเกงของเขาออกหรือ?
เป็นไปได้ไงละ?
แม้ว่าจะชอบเขา แต่เธอเองก็ต้องสำรวม
ปาณีต้องการโต้กลับ แต่เธอกลับพูดไม่ออก ได้แต่กลืนคำพูดลงไป
ไม่ว่าอย่างไรคำพูดนี้จะพูดออกไปก็ไม่ถูกต้องนี่นะ?
นภดลที่ยืนอยู่ตรงหน้า คำพูดของเขาวันนี้ก็ราวกับว่ามีมากมายเป็นพิเศษ
ทันใดปาณีก็รู้สึกว่าผู้ชายมาดเคร่งพูดน้อยอย่างนภดลจะน่ารักขึ้นมานิดหน่อย