แค้นรักสามีตัวร้าย - บทที่1803 ใจแคบต้องดูว่าเรื่องอะไร
กานต์พอได้ฟังแม่เน้นย้ำเช่นนี้ก็รู้แล้วว่าต่อไปสถานะของไอราภายในบ้านจะต้องเกินกว่าตนเองอย่างแน่นอน แต่ว่าในฐานะที่เป็นผู้ชายคนหนึ่ง ผู้หญิงของตนเองสามารถถูกแม่ให้ความสำคัญได้ เขารู้สึกว่าก็ไม่เลวเหมือนกัน
“แม่ คุณน้ารมิดากับคุณอาอรรณพยังไม่รู้เรื่องนี่ ทางที่ดีที่สุดแม่พูดกับคุณน้ารมิดาหน่อย”
นรมนอยากจะตีเจ้าเด็กบ้านี่ให้ตายจริงๆ
“แกรู้อารมณ์ของว่าที่พ่อตาแม่ยายของแก ก็เลยคิดให้ฉันช่วยแกปะทะกับความโมโหของพวกเขาหน่อยล่ะสิ?”
“ไม่ใช่ เรื่องของตัวผม ผมรับผิดชอบด้วยตัวเอง คุณอาอรรณพจะตีจะด่าผมยอมหมด เพียงแต่กลัวส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างแม่กับคุณน้ารมิดา”
นรมนได้ยินคำพูดนี้ อดไม่ได้ที่จะทอดถอนใจออกมา “ลูกชายโง่ ปัญหาเกี่ยวกับลูกสาวนี่ แค่แกรังแกไอรา คุณน้ารมิดากับคุณอาอรรณพก็ยังจะเป็นห่วงสงสารอยู่นาน นับประสาอะไรกับเรื่องถอดอวัยวะให้กับแกแบบนี้ แกตอนนี้ยังไม่ได้เป็นพ่อแม่ ไม่รู้ระดับความรักใคร่ที่พ่อแม่มีต่อลูก จะบอกว่าแตกหักก็ไม่แน่ แต่ว่าในเมื่อแกตอนนี้กำหนดว่าเป็นไอราแล้ว ครึ่งชีวิตหลังจะต้องดีกับเธอมากๆ รู้ไหม?”
“รู้แล้วครับ แม่”
หลังจากที่กานต์วางสายลง ก็คิดเรื่องอื่น จากนั้นก้าวเท้าเดินออกไป
เขาไปซูเปอร์มาเก็ตที่อยู่ใกล้ๆซื้อผลไม้ คิดถึงคำพูดที่พูดกับไอราขึ้นมา เน้นมองหาสตรอว์เบอรี่
อืม ยังถือว่าสดใหม่ แต่ว่าตอนนี้ถือขึ้นไปเกรงว่าจะไม่ดี
กานต์ไม่ได้ซื้อสตรอว์เบอรี่ ซื้อผลไม้อย่างอื่นกลับเข้าโรงพยาบาล
ชมพูได้ฟื้นขึ้นมาแล้ว ตอนที่ได้ยินธเนศพลบอกกับเธอว่าตนเองได้รับสารพิษ อีกทั้งถูกคนสะกดจิตจะกระโดดตึก คือไอราที่ช่วยชีวิตตนเองเอาไว้ เธอทั้งคนก็นิ่งเงียบขึ้นมาจนน่ากลัว
บรรยากาศภายในห้องค่อนข้างน่าอึดอัด
ตอนที่กานต์เข้ามาสายตาของแทบจะทุกคนมองมาทางเขา รวมถึงชมพู
สายตาที่ชมพูมองกานต์ในตอนนี้สับสนเป็นอย่างมาก
พี่กานต์จะคิดว่าเธอจงใจหรือเปล่านะ?
ในใจของชมพูทุกข์ทรมานเป็นอย่างยิ่ง ดวงตาก็เลือนรางมากเช่นเดียวกัน ไอน้ำกลุ่มหนึ่งไหลวนอยู่ในดวงตาของเธอ
กานต์กลับราวกับมองไม่เห็นสายตาของคนอื่นๆยังไงอย่างงั้น เดินไปถึงด้านหน้าของชมพู ยื่นผลไม้ให้
“นี่ ที่เธอชอบกิน”
น้ำตาของชมพูร่วงหล่นลงมาในทันที
เธอกอดกานต์เอาไว้ ร้องไห้อย่างไม่มีเสียง
กานต์ไม่รู้ว่าจะรับมือยังไง แต่ว่าก็ไม่ได้ผลักชมพูออก
ชมพูในตอนนี้ภายในใจทุกข์ทรมานเป็นอย่างมาก เขาเข้าใจ
“เอาล่ะ โตขนาดนั้แล้วยังร้องไห้ขี้มูกโป่ง ก็ไม่กลัวว่าคนอื่นจะหัวเราะเยาะเธอ แล้วก็นะ อ้อมกอดนี้ของฉันเป็นของว่าที่พี่สะใภ้ของเธอ ตอนนี้ให้เธอยืมพิงชั่วคราว แต่ว่าแค่ชั่วคราวนะ เธออย่าคิดว่ายังจะมีครั้งต่อไป”
คำพูดของกานต์เพียงครู่เดียวก็ทำให้ชมพูเริ่มรู้สึกหดหู่ขึ้นมา เธออยากจะกอดกานต์เอาไว้ให้แน่น ก็รู้สึกว่านี่ช่างนิสัยเหมือนเด็กเหลือเกินอีก อดไม่ได้ที่จะปล่อยเขาออก กลอกตามองบนใส่เขาพร้อมกับเอ่ย “พี่กานต์ใจแคบขนาดนี้เมื่อไรกัน?”
“ใจแคบต้องดูว่าเรื่องอะไร อันนี้ไม่ได้จริงๆ แต่ว่าเธอดีขึ้นหน่อยแล้วหรือยัง?“
ชมพูมองดูกานต์ที่อยู่ตรงหน้าสายตาเหมือนกันกับเวลาปกติ ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกน้อยใจ
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองติดกับได้ยังไง พี่กานต์ ขอโทษนะ ทำให้พี่เป็นห่วงแล้ว”
กานต์มองดูชมพูที่เสียใจเหมือนเด็กที่ทำความผิดอย่างนั้น เขาอดไม่ได้ที่จะยื่นมือออกไปตบไหล่ของชมพูเบาๆพร้อมกับเอ่ย “ชมพู สถานะของเธอไม่เหมือนเดิมแล้ว ต่อไปต้องระวังตัวเองมากขึ้นหน่อย”
“อืม”
นะโมมองดูการเชื่อฟังที่ชมพูมีต่อกานต์ อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเสียใจ
สุดท้ายเขาก็ยังกลายเป็นคนในใจของชมพูไม่ได้อยู่ดีใช่หรือเปล่า?
เขาเดินออกไปอย่างเงียบเหงา
ธเนศพลดึงแขนเสื้อภรรยาของตนเอง ส่งสายตาพร้อมกับพาเธอออกไปด้วยเช่นเดียวกัน
เพียงครู่เดียวภายในห้องก็เหลือเพียงแค่กานต์กับชมพู
บรรยากาศเงียบจนทำให้ชมพูรู้สึกอึดอัด
“ไอราล่ะ? คราวนี้เธอช่วยฉันเอาไว้ ฉันอยากขอบคุณเธอต่อหน้า แต่ว่าเธอจะเป็นเพราะเรื่องนี้ไม่ให้ฉันตามจีบพี่ต่อไปไม่ได้”
ชมพูแหงนหน้าขึ้น น้ำตายังไม่แห้งดี ท่าทางที่สายตาเปล่งประกายนั่นทำให้กานต์รู้สึกปวดหัว
เขาดึงเก้าอี้มาตัวหนึ่งนั่งลงที่ข้างเตียง มองดูชมพูพร้อมกับเอ่ย “ชมพู เธออย่าเอาสายตามาไว้ที่ฉันคนเดียว เธอหันกลับไปมองคนที่อยู่ข้างกายของเธอ ที่จริงแล้วยังมีผู้ชายดีๆอีกเยอะมากคุ้มค่าให้เธอไปทะนุถนอม”
“ก็ฉันชอบพี่”
ชมพูค่อนข้างหัวรั้น
กานต์เอ่ยขึ้นเบาๆ “เธอชอบฉันจริงๆหรอ?”
“ชอบสิ ฉันชอบพี่มาตั้งแต่เด็ก”
มาถึงขั้นนี้แล้ว ชมพูคิดว่าไม่มีอะไรที่ตัวเองพูดไม่ได้แล้ว
กานต์ก็ไม่คัดค้าน ไม่ปฏิเสธ แต่เอ่ยถามขึ้นตรงๆว่า “ครึ่งปีก่อนฉันได้รับบาดเจ็บรุนแรงนอนโรงพยาบาลเธอรู้หรือเปล่า?”
“รู้สิ ฉันยังเคยไปเยี่ยมพี่ ตอนนั้นพี่บาดเจ็บรุนแรงมาก พ่อบอกว่าโชคดีที่มีคนบริจาคไตให้พี่ ไม่งั้นชาตินี้พี่อาจจะจบลงตรงนั้นแล้ว”
คิดถึงอุบัติเหตุครั้งนั้นเมื่อครึ่งปีก่อนขึ้นมา จนถึงตอนนี้ชมพูยังรู้สึกหวาดผวาอยู่แม้เหตุการณ์จะผ่านไปแล้วก็ตาม
กานต์กลับไม่ได้มองความกังวลของเธอ แต่เคลื่อนสายตาไปยังนอกหน้าต่าง เอ่ยถามว่า “เธอสามารถเข้าไปในห้องผู้ป่วยของฉันได้ รู้สถานการณ์ของฉัน เป็นห่วงฉัน จุดนี้ฉันไม่ปฏิเสธแม้แต่น้อย แต่เธอรู้ว่าไอรากำลังทำอะไรอยู่หรือเปล่า?”
ชมพูชะงักไปในทันที
ไอรา?
ตอนนั้นไอราร้อนรนราวกับแมลงวันไม่มีหัวไหว้วานคนไปทั่วจะเข้าไปดูกานต์ แต่สถานะของเธอไม่มีใครกล้ารับผิดชอบความเสี่ยงปล่อยเธอเข้าไป
เวลานั้นชมพูยังแอบดีใจในที่สุดตนเองก็มีจุดหนึ่งที่สามารถเอาชนะไอราได้แล้ว แต่ตอนนี้กานต์เอ่ยถามสิ่งนี้ขึ้นมาหมายความว่าอะไร?
“พี่กานต์ พี่จะพูดอะไร?”
กานต์มองดูชมพูเล็กน้อย เห็นความไม่สบายใจของเธอ ทว่ากานต์กลับยกมุมริมฝีปาก เอ่ยขึ้นด้วยสายตาที่อ่อนโยนว่า “ตอนนั้นไอราไปตรวจสุขภาพ และตรงนี้ของฉันก็คือไตของเธอ!”
มองดูกานต์ชี้ตำแหน่งไตของตัวเอง ชมพูช็อกไปโดยสมบูรณ์แบบ
“พี่พูดอะไร?“
“ฉันบอกว่าไอราบริจาคไตของตัวเองให้กับฉัน”
ทั้งตัวของกานต์อ่อนนุ่มลงมา
“ภายใต้สถานการณ์ที่พวกเธอคิดว่าเธอไม่สามารถเข้าไปได้ เธอกลับถอดไตของตัวเองให้กับฉัน ความรักนี้บนโลกใบนี้มีกี่คน? ฉันจะสามารถทำผิดต่อผู้หญิงที่เอาชีวิตมารักฉันได้ยังไงอีก? เธออยากรู้มาโดยตลอดว่าไอราตามจีบฉันมานานขนาดนั้น ทำไมฉันถึงเพิ่งยืนยันความสัมพันธ์กับเธอไม่ใช่หรอ? ตอนนี้เธอรู้แล้วหรือยัง?”
ชมพูมองดูปากของกานต์เปิดๆปิดๆ กลับดูเหมือนไม่ได้ยินอะไรแล้ว ในสมองวนเวียนอยู่กับประโยคนั้นของกานต์ “เธอบริจาคไตของตัวเองให้กับฉัน” ประโยคนี้
ไอราบ้าไปแล้วหรอ?
แม้ว่าคนมีไตเพียงข้างเดียวก็สามารถมีชีวิตอยู่ได้ แต่ภายภาคหน้าจะมีภาวะแทรกซ้อนและสถานการณ์ที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้นมากมาย ถึงขั้นชีวิตนี้ต่างก็ไม่สามารถออกแรงจนเหนื่อยเกินไปได้
เธอเป็นเด็กผู้หญิงที่ชอบกีฬา ชอบวิชาการต่อสู้ขนาดนั้น ทำไมถึงกล้าถอดไตของตัวเองออกกัน?
วินาทีนี้ชมพูถึงได้เข้าใจโดยถ่องแท้ว่าตนเองแพ้อย่างสมบูรณ์แบบแค่ไหน
เพราะว่าในตอนที่กานต์ได้รับบาดเจ็บรุนแรงอยู่บนเตียง เธอเป็นห่วง เธอร้อนรน เธอถึงขั้นร้องไห้จนราวกับมนุษย์น้ำตา แต่กลับไม่เคยคิดจะมอบไตของตนเองให้กับกานต์
นี่ก็คือความแตกต่างระหว่างเธอกับไอรา!