แดนนิรมิตเทพ - บทที่ 105 เฉินโม่เสนอราคา
บทที่ 105 เฉินโม่เสนอราคา
ปราณหยินของชายชราผอมแห้งคนนี้ไม่ใช่ของผู้ฝึกศิลปะการต่อสู้ แต่ค่อนข้างคล้ายกับสำนักศพเย็นที่เฉินโม่เคยเจอ
สำนักศพเย็นเป็นนิกายบำเพ็ญเซียนที่แปลก เหล่าสาวกฝึกฝนโดยการดูดซับปราณหยินและปราณศพ กลั่นหุ่นเชิดเพื่อต่อสู้กับศัตรู ยิ่งคนที่บำเพ็ญแข็งแกร่งมากเท่าไหร่ หุ่นเชิดที่เขากลั่นออกมาก็ยิ่งแข็งแกร่งมากเท่านั้น
เป็นไปได้อย่างมากที่ผู้ฝึกฝนของสำนักศพเย็น จะพาหุ่นเชิดที่อยู่ในระดับเดียวกันติดตัวมากมาย ซึ่งทำให้เหล่าบำเพ็ญเซียนปวดหัวอย่างมาก ในท้ายที่สุดไม่คาดคิดว่าสำนักศพเย็นจะจับเอาผู้บำเพ็ญเซียนที่ยังมีชีวิตอยู่ไปกลั่นทำเป็นหุ่นเชิด ทำให้ทุกคนเกิดความโกรธ จึงได้ถูกเหล่าสาวกผู้บำเพ็ญเซียนร่วมมือกันกำจัดให้สิ้น
เพียงแต่ว่าปราณหยินที่อยู่ในร่างกายของชายชราผู้นี้ดูอ่อนกว่าสาวกคนอื่นๆ ของสำนักศพเย็นอย่างมาก
แม้ว่าปราณหยินของเขาจะอ่อน แต่ก็ถือว่าเป็นผู้บำเพ็ญ และนี่เป็นผู้บำเพ็ญคนแรกที่เฉินโม่ได้พบหลังจากที่ได้เกิดใหม่
เฉินโม่อดคิดไม่ได้ว่า ” หากว่าชายชราคนนั้นเป็นผู้บำเพ็ญ เช่นนั้นจะพิสูจน์ได้หรือไม่ว่าบนโลกนี้เคยมีผู้บำเพ็ญเซียนอาศัยอยู่มาก่อน?”
บนแท่นหินนั้น เจี่ยจิ้งอานมองจ้องไปที่สวีตงฮ่านด้วยความไม่พอใจ และตะคอกว่า ” เถ้าแก่สวี คุณมีดวงตาที่มองทะลุสิ่งของได้หรืออย่างไร? คุณสามารถมองทะลุเข้าไปด้านในหินได้หรือ? หากว่าคุณมาเพื่อทำลายงานพนันหินนี้ เช่นนั้นภูมรวมทรัพย์ของเราไม่ต้อนรับคุณ ไสหัวออกไปเดี๋ยวนี้!”เป็นไปตามที่ฉู่เหวินสงกล่าวไว้จริงๆ เจี่ยจิ้งอานและสวีตงฮ่านไม่ถูกกัน
สวีตงฮ่านถูกดุว่า แต่เขาไม่ได้โกรธกลับยิ้มอย่างลึกลับและกล่าวว่า ” จะเชื่อหรือไม่ก็ตามใจ เมื่อเปิดมันออกมาก็จะรู้ความจริงเอง แม้ว่าเงินหกแสนจะไม่เท่าไหร่ แต่ยังไงผมก็จะไม่โง่ไปซื้อก้อนหินที่ไม่มีราคาเช่นนี้หรอก”
หลินเทียนหยาเหลือบมองสวีตงฮ่านและยิ้มเล็กน้อย “เถ้าแก่สวีกำลังบอกทางอ้อมว่าผมไม่มีวิสัยทัศน์เหรอ? แค่เงินหกแสน คนอย่างหลินเทียนหยาไม่แคร์หรอก!”
Smart address bar. th.readeraz.com แดนนิรมิตเทพ บทที่ 105 เฉินโม่เสนอราคา – th.readeraz
“มีใครเสนอราคาอีกไหม? หากไม่มีหินก้อนนี้ถือเป็นของผม” หลินเทียนหยามองไปรอบๆ และถามด้วยความมีพลัง
หลังจากที่สวีตงฮ่านกล่าวเช่นนี้แล้ว ผู้คนที่ต้องการประมูลในตอนแรก ต่างก็กลัวและไม่กล้าประมูล ในเมื่อสวีตงฮ่านพูดแบบนี้ แสดงว่ามันต้องมีเหตุผล จะว่าไปหินก็ยังเหลืออีกมากมาย ขาดก้อนนี้ไปก็คงไม่เป็นไร เดี๋ยวรอให้หลินเทียนหยาเปิดหิน แล้วรอดูว่าที่สวีตงฮ่านกล่าวมาจะถูกต้องหรือไม่
หลินทาวที่อยู่ข้างๆ อานเข่อเยว่มองไปที่หลินเทียนหยาที่ดูมีพลัง เขากล่าวด้วยความตื่นเต้นว่า “เห็นไหม ตระกูลหลินนี่ทรงพลังไหมล่ะ!”
มองดูหลินทาวที่ภูมิใจเช่นนี้ พวกเขาไม่ได้ตอบกลับอะไร หลินทาวถือตนว่าเป็นคนของตระกูลหลิน แต่ตระกูลหลินไม่เคยให้ความสำคัญกับเขาเลย การที่คนของตระกูลหลินได้นั่งแต่เขายืนอยู่เพียงคนเดียวนั้น ถือเป็นสิ่งบ่งบอกที่ชัดที่สุดแล้ว
ฉู่เหวินสงยิ้มและกระซิบกับเฉินโม่ว่า “คุณเฉิน คุณคิดว่าหินก้อนนี้เป็นอย่างไร?”
เขาไม่ได้คาดหวังให้เฉินโม่พูดข้อมูลอะไรออกมา เขาเพียงแค่ต้องการถือโอกาสสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับเฉินโม่เท่านั้นเอง ดังนั้นเขาจึงถามความคิดเห็นของเฉินโม่
เฉินโม่ส่ายหัวและพูดว่า “ไม่เท่าไหร่!”
“ถ้าอย่างนั้นก็ให้ตระกูลหลินไปเถอะ!” ฉู่เหวินสงก็เลิกประมูลต่อเช่นกัน
หลินเทียนหยาถามไปสองครั้ง เมื่อเห็นว่าไม่มีใครประมูล เขาจึงหันไปมองเจี่ยจิ้งอานที่อยู่บนเวที “เถ้าแก่เจี่ย ในเมื่อไม่มีใครตาม หินนี้ถือเป็นของผมแล้วกัน มาเปิดกันเถอะ ดูซิว่าผมจะแจ็คพอตหรือไม่!”
เจี่ยจิ้งอานแอบโกรธเคืองในใจ ถ้าไม่ใช่เพราะสวีตงฮ่านมาป่วน หินก้อนแรกจะขายไปในราคาหกแสนได้ยังไง?
“พนักงาน มาเปิดหินให้คุณชายหลินตอนนี้!”
เจ้าหน้าที่ทั้งสองรีบนำหินก้อนใหญ่นี้ไปที่เครื่องที่วางอยู่มุมแท่นหินเพื่อตัดมัน ภายใต้การจับจ้องของทุกคน พวกเขาเปิดหินไปชั้นแล้วชั้นเล่า จนตัดหินนั้นกลายเป็นผง แต่ก็ไม่พบสีเขียวเลย
สีเขียวหมายถึงสีของอัญมณีในการพนันหิน เมื่อพบอัญมณีในหิน เราจะเรียกว่าเจอสีเขียว แน่นอนว่ายิ่งเขียวเท่ากับว่าเกรดของอัญมณียิ่งดี
บทที่ 104
บทที่ 106